| วันเวลาปัจจุบัน 20 พ.ย. 2025, 22:36 |
|
เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
|
หน้า 3 จากทั้งหมด 4 |
[ 50 โพสต์ ] | ไปที่หน้า ย้อนกลับ 1, 2, 3, 4 ต่อไป
|
|
|
|
||||||
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53 โพสต์: 4999
อายุ: 0 |
|
|||||
|
|
||||||
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ธ.ค. 2009, 00:22 โพสต์: 223
อายุ: 0 |
|
|||||
|
|
||||||
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27 โพสต์: 2372
แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา อายุ: 27 |
|
|||||
|
|
||||||
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มิ.ย. 2011, 10:18 โพสต์: 590
โฮมเพจ: www.bhuddhakhun.blogspot.com อายุ: 0 |
|
|||||
|
|
||||||
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53 โพสต์: 4999
อายุ: 0 |
|
|||||
|
|
||||||
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53 โพสต์: 4999
อายุ: 0 |
|
|||||
|
|
|||||
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49 โพสต์: 932
|
|
||||
|
|
||||||
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36 โพสต์: 33766
อายุ: 0 |
|
|||||
|
|
||||||
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53 โพสต์: 4999
อายุ: 0 |
|
|||||
|
|
|||||
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49 โพสต์: 932
|
|
||||
|
|
||||||
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53 โพสต์: 4999
อายุ: 0 |
|
|||||
|
|
|||||
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49 โพสต์: 932
|
|
||||
|
|
|||||
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11 โพสต์: 5019
|
|
||||
|
|
|||||
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11 โพสต์: 5019
|
|
||||
|
หน้า 3 จากทั้งหมด 4 |
[ 50 โพสต์ ] | ไปที่หน้า ย้อนกลับ 1, 2, 3, 4 ต่อไป |
|
เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
ผู้ใช้งานขณะนี้ |
่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน |
| ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้ ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้ ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้ ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้ ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้ |
|



อ่านแล้วรู้สึกดีค่ะ..

เราต้องผ่านช่วงเวลานั้นมาช่วงเวลาที่เรารู้ว่ามันคือทุกขืและสุขและเราก็บัณทึกไว้ในสัญญาเป็นสุตตะเป้นความรู้ เมื่อเรารู้แล้วเราก็จะจดจำไว้ ว่าสิ่งนั้นมันเป็นทุกข์ สิ่งนี้มันเป้นสุข แต่มันก็เป็นเพียงสภาวะที่ ปรากฏ เกิดดับ ไปตามเหตุปัจจัยของมัน ถ้าเราเข้าไปรู้เช่นนั้น มันจะทำให้เราเกิดปัญญาสามารถคิดใคร่ครวญได้ด้วยตนเอง เพราะว่าเราผ่านสิ่งเหล่านั้นมา เราได้ประสบมาเราเห็นเอง เรารู้เอง เราเข้าใจเองว่าทุกข์เป็นยังไง สุขเป็นยังไง เมื่อเรามีบทเรียนจากความทรงจำนั้นๆ คุนน้องเชื่อว่าคนที่เค้ามีปัญญาเค้าก็ต้องสามารถพัฒนาตนเองขึ้นได้ ยกระดับจิตของตนขึ้นเพื่อไม่ให้ตกลงที่ต่ำ แต่เค้าจะเอาประสบการณืเหล่านั้น มาเป็นเครื่องเตือนสติ คอยระลึกรู้เสมอว่า เมื่อเหตุเป็นเช่นนี้ผลเลยเป็นแบบนี้ เมื่อเค้าได้รับบทเรียนจากสิ่งที่เป็นทุกข์ เมื่อเค้าเจอกับเหตุการณืเช่นนั้นอีกเค้าก็จะรู้ทันมันและเค้าจะไม่ติดอยู่กับทุกข์นั้นอีก เค้าจะระลึกรู้ได้ว่า ถ้าเค้าทำแบบนี้แล้วเป็นทุกข์เพราะเคยผ่านช่วงนั้นมาแล้วและผิดพลาดมาแล้ว เค้าย่อมจะไม่ทำเช่นนั้นให้ทุกข์อีก สุขก็เช่นเดียวกัน เมื่อเค้ารู้บทเรียนของความสุขว่าเมื่อเค้าสุขแล้วการที่เค้าเข้าไปยึดว่าความสุขนั้นว่ามันสุข..ความสุขจงอยู่กับเรานานๆ ความสุขนั้นอย่าจากเราไปเลย..แต่เมื่อเค้าได้เรียนรู้แล้วว่าความสุขนั้นก็อยู่กับตนได้ไม่นาน ซักวันความสุขนั้นก็ปรากฏขึ้น และดับลง..เมื่อสิ่งนั้นทำให้เค้าเกิดทุกข์โทมนัสขึ้น เค้าก็จะเข้าไปรู้ธรรมชาติของมัน อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา คนที่มีปัญญาเค้าจะสามารถเห็นความจริงนั้นได้โดยตนเอง และเค้าก็จะรู้เองว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาของธรรมในปัจจุบัณขณะนั้นมันเป็นสภาะเช่นไร ถ้าเค้ารู้จักย้อนไปรู้อดีตไปรู้ข้อผิดพลาดของตน รู้ว่าควรจะแก้ไขเช่นไร ถ้าเค้ารู้จักระลึกรู้เสมอว่าสิ่งนี้ทำไปแล้วเกิดทุกข์ เค้าย่อมจะสามารถพิจารณาใคร่ครวญได้ด้วยตนเอง เมื่อเค้าเข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว ว่าสรรพสิ่งมันก็ไม่เที่ยง เกิด ขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ตามธรรมดาของมันถ้าเราไม่เข้าไปยึดเราก็ไม่ทุกข์เมื่อเราสุขแล้วเราก็ไม่เข้าไปยึดเมื่อสุขละจากไปเราก็ไม่ทุกข์ คุนน้องเห็นเช่นนั้นค่ะ คุนน้องมองว่าความสุขก็คือความสุขแต่คุนน้องจะไม่มองว่ามันเป็นทุกข์เพราะคุนน้องไม่ยึดมั่นในความสุข คุนน้องก็ย่อมไม่ทุกข์ถ้าความสุขนั้นมันจะจางไปหรือหายไป มันก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว




เพิ่งรู้นะเนี่ย
โอ....พระถังซัมจั๋ง
