เห็นชัดมากเลยว่าอัตตาและมานะทิฏฐิของโฮฮับนั้นตัวใหญ่ขนาดไหน .....ชาตินี้คงหมดหนทางจะเอาออกหรือชำระให้หมดไปได้แน่ๆ

"กัมมุนา วัตติโลโก".....กรรมของสัตว์โลก แท้ๆ ....อนิจจา

เอาแล้วโยคีพร่ำเวทมนต์แล้ว จะสาปแช่งใคร่ ยังไม่มีสมองคิดคาถาเอง
ยังต้องอาศัย บัญญัติของผู้อื่น.........อนิจา! พวกเสแสร้งเป็นนักปฏิบัติ
ที่ไหนได้ มันก็ไอ้พวกเนรคุณไม่รู้จักบุญคุณของพระพุทธองค์
วันๆดีแต่โหนพระธรรม ทำให้พระธรรมที่สูงส่งดูด้อยค่า อลัชชีแท้หนอ

คนที่มาทำให้คนเห็นผิดหลงทาง แปลความหมายของธรรมะที่พระพุทธเจ้าทรงสอนมาใช้มาเผยแพร่ผิดอย่างที่โฮฮับกำลังทำอยู่ไม่ใช่คนเนรคุณหรอก เขาเรียกว่าผู้พิทักษ์พระพุทธศาสนา

แต่คนที่บิดเบือนธรรมะคำสอนของพระพุทธเจ้าให้ผิดไปจากธรรมแล้วยังนำมาเผยแพร่ต่ออีก เหมือนคนตาบอดจูงคนตาบอดเดินทาง นีสิร้ายกาจ หากใครหลงเชื่อก็จะต้องหลงทางเสียเวลาอีกนับชาติไม่ถ้วน โปรดพิจารณาให้จงดี

ธรรมะที่ถูกต้องยิ่งนานงันยิ่งเบาสบาย ไม่ฝืน กลมกลืนไปกับธรรมชาติ

คนที่เห็นธรรมะไม่ใช่ธรรมชาตินั้นกำลังจะวิกลจริตผิดธรรมดาไปแล้ว ยิ่งปฏิบัติหรือศึกษาธรรมไปยิ่งว้าวุ่น ขัดข้อง ขวางโลก ขวางธรรมไปหมด พึงพากันสังเกตุให้ดี พฤติกรรมและคำพูดความเห็นทีแสดงออกสู่สาธารณะ มันฟ้องถึงพื้นจิตเดิมชองบุคคลผู้นั้นว่าเป็นมาและจะเป็นไปอย่างไรดังภาษิตที่ว่า "สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล"
ชนเหล่านี้จะว่ากล่าวแบบผู้ดีไม่เป็น ด้วยความเคยชินในนิสัยอันหยาบ

"สัตว์โลกย่อมเป็นมาจากอดีตกรรมและจักเป็นไปด้วยวิบากหรือผลของอดีตกรรมซึ่งกระทำร่วมกับปัจจุบันกรรม

กรรมอันชั่วหยาบ จ้วงจาบย่อมพาไปอบาย

กรรมที่รู้ตัว ถอนตนจากมิจฉาทิฏฐิได้ ย่อมจะพาไปสวรรค์และนิพพาน

คนที่ชอบความเย้ายวนของกองอุจจาระ ย่อมต้องอดหยิบขึ้นมาดมไม่ได้
เฉกเช่นเดียวกับพ่อมดหมอผี ต่อให้เสแสร้งแกล้งพูดธรรมเท่าไร
ก็อดที่จะสาปแช่งคนอื่่นไม่ได้

คำเตือนให้รู้ถึงผลบาป ผลกรรม ที่จักเกิดขึ้นกับผู้เห็นผิด เผยแพร่สิ่งที่ผิดๆอย่างโฮฮับนี้ ถ้าใครไปเห็นว่าเป็นคำแช่งด่า ก็แสดงว่า ใม่รู้ตัว เมามัวอยู่ในมิจฉาทิฏฐิของตน วนเวียนอยู่ในความบาปหยาบช้า น่าสงสาร คงต้องอาศัยวันกาลยาวนานช่วยตัดสิน จึงจะรู้ตัว กลับตัวกลับใจมาเดินไปในทางที่ถูกต้องได้

น่าสงสารสัตว์โลกจริงๆ

กัมมุนาวัฏฏิโลโก......

ถ้ารู้จักแยกขันธ์ ก็จะเห็นความรู้สึกเป็นเรา เป็นองค์ประกอบของขันธ์ทังหลายมารวมกันเมื่อเข้าใจก็จะรู้เลยว่าความเป็นเรานั้นไม่มี มีแต่ขันธ์มารวมกัน แล้วสัญญาก็ไปเหมาๆเอาว่านี่คือเรา ความรู้สึกเป็นเราก็จะปรากฎออกมา
อนัตตาไม่ใช่ไม่มีอะไรเลย แต่สิ่งที่มีอยู่ มันไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน