วันเวลาปัจจุบัน 16 ก.ค. 2025, 01:32  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 63 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ธ.ค. 2013, 12:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
[
โฮฮับนี่ เข้าใจชีวิต (รูปธรรม นามธรรม) เข้าใจพระพุทธศาสนา เพ้อลอย ลางเลือน เหมือนคนเข้าใจเรื่องผีสาง

แล้วนี่ล่ะ จิต เจตสิก รูป ทำไงต่อล่ะทีนี้ จะไปไหนกันดี :b9: ไหนลองแสดงภูมิธรรมหน่อยดิ


จิต เจตสิก รูป ถ้าบุคคลไม่เอาจิตไปพัวพันกับสังขาร
มันก็ตั้งอยู่ของมัน(ในกรณีที่ยังมีชีวิต) เรียกว่า ธรรมฐิติ เป็น อสังขตธรรม
จิตก็เป็นเพียงธาตุรู้ เจตสิกก็เพียงกิริยาจิต ส่วนรูปก็เป็นธาตุสี่
นี้เป็นลักษณะของการไร้อัตตาตัวตน ไม่ข้องเกี่ยวกับธรรมชาติ

สังขารหรือรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญานเป็นธรรมชาติ
เกิดจากกฎแห่งธรรมชาติ นั้นคืออิทัปปัจยตาเช่นเดียวกับปฏิจจ์
แต่แตกต่างกันที่ลักษณะ สังขารเป็น สังขตธรรม


อ้างคำพูด:
สังขารหรือรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญานเป็นธรรมชาติ
เกิดจากกฎแห่งธรรมชาติ


นั่นๆ ยอมรับแล้วนะว่านั่นเป็นธรรมชาติ :b1:
ต่อนะ แล้วที่่ว่า สังขารหรือรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน เป็นธรรมชาติแล้วเนี่ยเป็นชีวิต (คนๆหนึ่ง) ไหม
แล้วมันต่า่งจากจิต เจตสิก รูปที่ว่า

อ้างคำพูด:
จิต เจตสิก รูป ถ้าบุคคลไม่เอาจิตไปพัวพันกับสังขาร

มันยังไงกัน

แล้วสังขารที่พูดถึงสองหนนั่นมันยังไงกัน

โฮฮับพูดเหมือนเข้าใจว่า จิต เจตสิก รูป ก็อันหนึ่ง สังขารหรือรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน ก็อีกอันหนึ่ง ใช่ไหม หรือยังไง :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ธ.ค. 2013, 14:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
[
โฮฮับนี่ เข้าใจชีวิต (รูปธรรม นามธรรม) เข้าใจพระพุทธศาสนา เพ้อลอย ลางเลือน เหมือนคนเข้าใจเรื่องผีสาง

แล้วนี่ล่ะ จิต เจตสิก รูป ทำไงต่อล่ะทีนี้ จะไปไหนกันดี :b9: ไหนลองแสดงภูมิธรรมหน่อยดิ


จิต เจตสิก รูป ถ้าบุคคลไม่เอาจิตไปพัวพันกับสังขาร
มันก็ตั้งอยู่ของมัน(ในกรณีที่ยังมีชีวิต) เรียกว่า ธรรมฐิติ เป็น อสังขตธรรม
จิตก็เป็นเพียงธาตุรู้ เจตสิกก็เพียงกิริยาจิต ส่วนรูปก็เป็นธาตุสี่
นี้เป็นลักษณะของการไร้อัตตาตัวตน ไม่ข้องเกี่ยวกับธรรมชาติ

สังขารหรือรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญานเป็นธรรมชาติ
เกิดจากกฎแห่งธรรมชาติ นั้นคืออิทัปปัจยตาเช่นเดียวกับปฏิจจ์
แต่แตกต่างกันที่ลักษณะ สังขารเป็น สังขตธรรม


อ้างคำพูด:
สังขารหรือรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญานเป็นธรรมชาติ
เกิดจากกฎแห่งธรรมชาติ


นั่นๆ ยอมรับแล้วนะว่านั่นเป็นธรรมชาติ :b1:
ต่อนะ แล้วที่่ว่า สังขารหรือรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน เป็นธรรมชาติแล้วเนี่ยเป็นชีวิต (คนๆหนึ่ง) ไหม
แล้วมันต่า่งจากจิต เจตสิก รูปที่ว่า


สังขารมันเกี่ยวข้องกับชีวิต แต่เฉพาะปุถุชนหรือเสขะ(อริยชนที่ไม่ใช่พระอรหันต์)
เพราะจิตของบุคคลเหล่านี้ยังปล่อยให้จิต ไปยึดโยงกับสังขาร
สังขารของบุคคลเหล่านี้จึงยังคงมีสภาพเป็นขันธ์ห้าอยู่

แต่ความมีชีวิตของพระอรหันต์ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสังขารแล้ว
จิตของพระอรหันต์รู้แค่ว่า สังขารเป็น...ตถตา เป็นไปตามกฎแห่งธรรมชาติ
กฎธรรมชาติที่ว่าก็คือ การตั้งอยู่ของฐิติธรรม นั้นก็คือนามรูป เป็นเหตุแห่งสังขาร
สังขารที่ว่าไม่ใช่สังขารในปฏิจ์ฯ แต่เป็น รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน(ที่ไม่ใช่ขันธ์)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ธ.ค. 2013, 14:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:

อ้างคำพูด:
จิต เจตสิก รูป ถ้าบุคคลไม่เอาจิตไปพัวพันกับสังขาร

มันยังไงกัน

แล้วสังขารที่พูดถึงสองหนนั่นมันยังไงกัน

โฮฮับพูดเหมือนเข้าใจว่า จิต เจตสิก รูป ก็อันหนึ่ง สังขารหรือรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน ก็อีกอันหนึ่ง ใช่ไหม หรือยังไง :b10:



ในความเป็นจริง จิต เจตสิกและรูป เป็นคนล่ะส่วนกับ รูป เวทนา สัญญา สังขารและวิญญาน
เพราะบุคคลยังมีอวิชา ไม่รู้ว่ารูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน มันเกิดและดับ ไม่มีตัวตน
จึงหลงเข้าไปยึดมั่นถือมั่น เลยเข้าใจว่า เป็นสิ่งเดียวกัน

และสิ่งที่มาปิดบังการเกิด ดับของสังขารก็คือ.....
สันตติ อิริยาบทและฆนะ เรื่องนี้เคยเห็นกรัชกายเอามาโพส
สงสัยเอามาโพสได้อย่างไร ในเมื่อเจ้าตัวไม่รู้เรื่องเลย

อยากรู้อะไรถามมาที่ล่ะอย่าง เพราะเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่อง ไตรสิกขา
ธรรมแต่ล่ะธรรมมีเหตุปัจจัยที่มา ไม่ใช่ถามแล้วจะรู้เรื่องเลยเป็นไปไม่ได้
ยิ่งยังขาดปัญญาไตรลักษณ์ ไม่มีทางที่จะเข้าใจ
:b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ธ.ค. 2013, 15:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:

อ้างคำพูด:
จิต เจตสิก รูป ถ้าบุคคลไม่เอาจิตไปพัวพันกับสังขาร

มันยังไงกัน

แล้วสังขารที่พูดถึงสองหนนั่นมันยังไงกัน

โฮฮับพูดเหมือนเข้าใจว่า จิต เจตสิก รูป ก็อันหนึ่ง สังขารหรือรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน ก็อีกอันหนึ่ง ใช่ไหม หรือยังไง :b10:



ในความเป็นจริง จิต เจตสิกและรูป เป็นคนล่ะส่วนกับ รูป เวทนา สัญญา สังขารและวิญญาน
เพราะบุคคลยังมีอวิชา ไม่รู้ว่ารูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน มันเกิดและดับ ไม่มีตัวตน
จึงหลงเข้าไปยึดมั่นถือมั่น เลยเข้าใจว่า เป็นสิ่งเดียวกัน

และสิ่งที่มาปิดบังการเกิด ดับของสังขารก็คือ.....
สันตติ อิริยาบทและฆนะ เรื่องนี้เคยเห็นกรัชกายเอามาโพส
สงสัยเอามาโพสได้อย่างไร ในเมื่อเจ้าตัวไม่รู้เรื่องเลย

อยากรู้อะไรถามมาที่ล่ะอย่าง เพราะเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่อง ไตรสิกขา
ธรรมแต่ล่ะธรรมมีเหตุปัจจัยที่มา ไม่ใช่ถามแล้วจะรู้เรื่องเลยเป็นไปไม่ได้
ยิ่งยังขาดปัญญาไตรลักษณ์ ไม่มีทางที่จะเข้าใจ
:b13:



อ้างคำพูด:
ในความเป็นจริง จิต เจตสิกและรูป เป็นคนล่ะส่วนกับ รูป เวทนา สัญญา สังขารและวิญญาน


จิต เจตสิกและรูป เป็นคนล่ะส่วนกับ รูป เวทนา สัญญา สังขารและวิญญาน

ตามที่โฮฮับพูดก็ จิต เจตสิก รูป เป็นคนๆหนึ่ง

และ รูป เวทนา สัญญา สังขารและวิญญาน เป็นคนอีกคนหนึ่ง แบ่งเป็นสองคน ที่ว่ามาต้องการบอกยังงี้ใช่ไหม :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ธ.ค. 2013, 15:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:

อ้างคำพูด:
จิต เจตสิก รูป ถ้าบุคคลไม่เอาจิตไปพัวพันกับสังขาร

มันยังไงกัน

แล้วสังขารที่พูดถึงสองหนนั่นมันยังไงกัน

โฮฮับพูดเหมือนเข้าใจว่า จิต เจตสิก รูป ก็อันหนึ่ง สังขารหรือรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน ก็อีกอันหนึ่ง ใช่ไหม หรือยังไง :b10:



ในความเป็นจริง จิต เจตสิกและรูป เป็นคนล่ะส่วนกับ รูป เวทนา สัญญา สังขารและวิญญาน
เพราะบุคคลยังมีอวิชา ไม่รู้ว่ารูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน มันเกิดและดับ ไม่มีตัวตน
จึงหลงเข้าไปยึดมั่นถือมั่น เลยเข้าใจว่า เป็นสิ่งเดียวกัน

และสิ่งที่มาปิดบังการเกิด ดับของสังขารก็คือ.....
สันตติ อิริยาบทและฆนะ เรื่องนี้เคยเห็นกรัชกายเอามาโพส
สงสัยเอามาโพสได้อย่างไร ในเมื่อเจ้าตัวไม่รู้เรื่องเลย

อยากรู้อะไรถามมาที่ล่ะอย่าง เพราะเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่อง ไตรสิกขา
ธรรมแต่ล่ะธรรมมีเหตุปัจจัยที่มา ไม่ใช่ถามแล้วจะรู้เรื่องเลยเป็นไปไม่ได้
ยิ่งยังขาดปัญญาไตรลักษณ์ ไม่มีทางที่จะเข้าใจ
:b13:



อ้างคำพูด:
อยากรู้อะไรถามมาที่ล่ะอย่าง เพราะเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่อง ไตรสิกขา


อ้างคำพูด:
เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่อง ไตรสิกขา


แหน่ๆๆ ยังท้าไปที่ไตรสิกขา ไตรสิกแขนอีก คิกๆๆ

อย่างที่ว่า โฮฮับเข้าใจชีวิต เข้าใจพระพุทธศาสนา เหมือนคนเข้าใจเรื่องผี พูดเรื่องผี เรื่องปอบ พลาดหมดแล้วขอรับ คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ธ.ค. 2013, 15:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:

อ้างคำพูด:
จิต เจตสิก รูป ถ้าบุคคลไม่เอาจิตไปพัวพันกับสังขาร

มันยังไงกัน

แล้วสังขารที่พูดถึงสองหนนั่นมันยังไงกัน

โฮฮับพูดเหมือนเข้าใจว่า จิต เจตสิก รูป ก็อันหนึ่ง สังขารหรือรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน ก็อีกอันหนึ่ง ใช่ไหม หรือยังไง :b10:



ในความเป็นจริง จิต เจตสิกและรูป เป็นคนล่ะส่วนกับ รูป เวทนา สัญญา สังขารและวิญญาน
เพราะบุคคลยังมีอวิชา ไม่รู้ว่ารูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน มันเกิดและดับ ไม่มีตัวตน
จึงหลงเข้าไปยึดมั่นถือมั่น เลยเข้าใจว่า เป็นสิ่งเดียวกัน

และสิ่งที่มาปิดบังการเกิด ดับของสังขารก็คือ.....
สันตติ อิริยาบทและฆนะ เรื่องนี้เคยเห็นกรัชกายเอามาโพส
สงสัยเอามาโพสได้อย่างไร ในเมื่อเจ้าตัวไม่รู้เรื่องเลย

อยากรู้อะไรถามมาที่ล่ะอย่าง เพราะเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่อง ไตรสิกขา
ธรรมแต่ล่ะธรรมมีเหตุปัจจัยที่มา ไม่ใช่ถามแล้วจะรู้เรื่องเลยเป็นไปไม่ได้
ยิ่งยังขาดปัญญาไตรลักษณ์ ไม่มีทางที่จะเข้าใจ
:b13:



อ้างคำพูด:
ในความเป็นจริง จิต เจตสิกและรูป เป็นคนล่ะส่วนกับ รูป เวทนา สัญญา สังขารและวิญญาน


จิต เจตสิกและรูป เป็นคนล่ะส่วนกับ รูป เวทนา สัญญา สังขารและวิญญาน

ตามที่โฮฮับพูดก็ จิต เจตสิก รูป เป็นคนๆหนึ่ง

และ รูป เวทนา สัญญา สังขารและวิญญาน เป็นคนอีกคนหนึ่ง แบ่งเป็นสองคน ที่ว่ามาต้องการบอกยังงี้ใช่ไหม :b10:


พูดส่งเดช! มันเป็นคนๆเดียวนั้นแหล่ะ ถ้ากรัชกายถูกพี่โฮเตะตูด
ถามหน่อย จิตของกรัชกายหรือตูดของกรัชกาย อะไรเป็นสิ่งที่โดนกระทบ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ธ.ค. 2013, 15:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:

อ้างคำพูด:
จิต เจตสิก รูป ถ้าบุคคลไม่เอาจิตไปพัวพันกับสังขาร

มันยังไงกัน

แล้วสังขารที่พูดถึงสองหนนั่นมันยังไงกัน

โฮฮับพูดเหมือนเข้าใจว่า จิต เจตสิก รูป ก็อันหนึ่ง สังขารหรือรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน ก็อีกอันหนึ่ง ใช่ไหม หรือยังไง :b10:



ในความเป็นจริง จิต เจตสิกและรูป เป็นคนล่ะส่วนกับ รูป เวทนา สัญญา สังขารและวิญญาน
เพราะบุคคลยังมีอวิชา ไม่รู้ว่ารูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน มันเกิดและดับ ไม่มีตัวตน
จึงหลงเข้าไปยึดมั่นถือมั่น เลยเข้าใจว่า เป็นสิ่งเดียวกัน

และสิ่งที่มาปิดบังการเกิด ดับของสังขารก็คือ.....
สันตติ อิริยาบทและฆนะ เรื่องนี้เคยเห็นกรัชกายเอามาโพส
สงสัยเอามาโพสได้อย่างไร ในเมื่อเจ้าตัวไม่รู้เรื่องเลย

อยากรู้อะไรถามมาที่ล่ะอย่าง เพราะเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่อง ไตรสิกขา
ธรรมแต่ล่ะธรรมมีเหตุปัจจัยที่มา ไม่ใช่ถามแล้วจะรู้เรื่องเลยเป็นไปไม่ได้
ยิ่งยังขาดปัญญาไตรลักษณ์ ไม่มีทางที่จะเข้าใจ
:b13:



อ้างคำพูด:
อยากรู้อะไรถามมาที่ล่ะอย่าง เพราะเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่อง ไตรสิกขา


อ้างคำพูด:
เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่อง ไตรสิกขา


แหน่ๆๆ ยังท้าไปที่ไตรสิกขา ไตรสิกแขนอีก คิกๆๆ

อย่างที่ว่า โฮฮับเข้าใจชีวิต เข้าใจพระพุทธศาสนา เหมือนคนเข้าใจเรื่องผี พูดเรื่องผี เรื่องปอบ พลาดหมดแล้วขอรับ คิกๆๆ


แบบนี้เขาเรียกมุกควาย เสียเวลาจริงๆ :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ธ.ค. 2013, 16:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:

อ้างคำพูด:
จิต เจตสิก รูป ถ้าบุคคลไม่เอาจิตไปพัวพันกับสังขาร

มันยังไงกัน

แล้วสังขารที่พูดถึงสองหนนั่นมันยังไงกัน

โฮฮับพูดเหมือนเข้าใจว่า จิต เจตสิก รูป ก็อันหนึ่ง สังขารหรือรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน ก็อีกอันหนึ่ง ใช่ไหม หรือยังไง :b10:



ในความเป็นจริง จิต เจตสิกและรูป เป็นคนล่ะส่วนกับ รูป เวทนา สัญญา สังขารและวิญญาน
เพราะบุคคลยังมีอวิชา ไม่รู้ว่ารูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน มันเกิดและดับ ไม่มีตัวตน
จึงหลงเข้าไปยึดมั่นถือมั่น เลยเข้าใจว่า เป็นสิ่งเดียวกัน

และสิ่งที่มาปิดบังการเกิด ดับของสังขารก็คือ.....
สันตติ อิริยาบทและฆนะ เรื่องนี้เคยเห็นกรัชกายเอามาโพส
สงสัยเอามาโพสได้อย่างไร ในเมื่อเจ้าตัวไม่รู้เรื่องเลย

อยากรู้อะไรถามมาที่ล่ะอย่าง เพราะเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่อง ไตรสิกขา
ธรรมแต่ล่ะธรรมมีเหตุปัจจัยที่มา ไม่ใช่ถามแล้วจะรู้เรื่องเลยเป็นไปไม่ได้
ยิ่งยังขาดปัญญาไตรลักษณ์ ไม่มีทางที่จะเข้าใจ
:b13:



อ้างคำพูด:
ในความเป็นจริง จิต เจตสิกและรูป เป็นคนล่ะส่วนกับ รูป เวทนา สัญญา สังขารและวิญญาน


จิต เจตสิกและรูป เป็นคนล่ะส่วนกับ รูป เวทนา สัญญา สังขารและวิญญาน

ตามที่โฮฮับพูดก็ จิต เจตสิก รูป เป็นคนๆหนึ่ง

และ รูป เวทนา สัญญา สังขารและวิญญาน เป็นคนอีกคนหนึ่ง แบ่งเป็นสองคน ที่ว่ามาต้องการบอกยังงี้ใช่ไหม :b10:


พูดส่งเดช! มันเป็นคนๆเดียวนั้นแหล่ะ ถ้ากรัชกายถูกพี่โฮเตะตูด
ถามหน่อย จิตของกรัชกายหรือตูดของกรัชกาย อะไรเป็นสิ่งที่โดนกระทบ



อ้างคำพูด:
ในความเป็นจริง จิต เจตสิกและรูป เป็นคนล่ะส่วนกับ รูป เวทนา สัญญา สังขารและวิญญาน
เพราะบุคคลยังมีอวิชา ไม่รู้ว่ารูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน มันเกิดและดับ ไม่มีตัวตน
จึงหลงเข้าไปยึดมั่นถือมั่น เลยเข้าใจว่า เป็นสิ่งเดียวกัน


จอดป้ายนี้เองขอรับ :b32:

-จิต เจตสิก รูป จำแนกตามนัยอภิธรรม

-รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ จำแนกตามพระสูตร

เรียกตามภาษาสมมติก็คือคนๆหนึ่งๆ เราๆท่านๆ ไอๆยูๆ ...ที่ยืน นั่ง นอน เิดินแกว่งไปแกว่งมา ส่ายไปส่ายมาอยู่บนพื้นปฐพีนี่นี้นี่เอง

เทียบให้ดู

1. รูปขันธ์ = <==>รูป

2. เวทนาขันธ์ = <==>เวทนาเจตสิก

3. สัญญาขันธ์ = <==>สัญญาเจตสิก

4. สังขารขันธ์ = <==> เจตสิกที่เหลือ (50)

5. วิญญาณขันธ์ = <==> จิต


เรียกสั้นๆว่า รูปนาม ข้อ 1 เป็นรูป เรียกเต็มว่า รูปธรรม ข้อ 2-5 เป็นนาม เรียกเต็มว่านามธรรม

ซึ่งก็ชีวิตนี้แหละเรียกตามสภาวะว่า รูปนามหรือนามรูป :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ธ.ค. 2013, 16:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




1378142865-5619022970-o.jpg
1378142865-5619022970-o.jpg [ 20.06 KiB | เปิดดู 2948 ครั้ง ]
โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:

อ้างคำพูด:
จิต เจตสิก รูป ถ้าบุคคลไม่เอาจิตไปพัวพันกับสังขาร

มันยังไงกัน

แล้วสังขารที่พูดถึงสองหนนั่นมันยังไงกัน

โฮฮับพูดเหมือนเข้าใจว่า จิต เจตสิก รูป ก็อันหนึ่ง สังขารหรือรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน ก็อีกอันหนึ่ง ใช่ไหม หรือยังไง :b10:



ในความเป็นจริง จิต เจตสิกและรูป เป็นคนล่ะส่วนกับ รูป เวทนา สัญญา สังขารและวิญญาน
เพราะบุคคลยังมีอวิชา ไม่รู้ว่ารูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน มันเกิดและดับ ไม่มีตัวตน
จึงหลงเข้าไปยึดมั่นถือมั่น เลยเข้าใจว่า เป็นสิ่งเดียวกัน

และสิ่งที่มาปิดบังการเกิด ดับของสังขารก็คือ.....
สันตติ อิริยาบทและฆนะ เรื่องนี้เคยเห็นกรัชกายเอามาโพส
สงสัยเอามาโพสได้อย่างไร ในเมื่อเจ้าตัวไม่รู้เรื่องเลย

อยากรู้อะไรถามมาที่ล่ะอย่าง เพราะเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่อง ไตรสิกขา
ธรรมแต่ล่ะธรรมมีเหตุปัจจัยที่มา ไม่ใช่ถามแล้วจะรู้เรื่องเลยเป็นไปไม่ได้
ยิ่งยังขาดปัญญาไตรลักษณ์ ไม่มีทางที่จะเข้าใจ
:b13:



อ้างคำพูด:
อยากรู้อะไรถามมาที่ล่ะอย่าง เพราะเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่อง ไตรสิกขา


อ้างคำพูด:
เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่อง ไตรสิกขา


แหน่ๆๆ ยังท้าไปที่ไตรสิกขา ไตรสิกแขนอีก คิกๆๆ

อย่างที่ว่า โฮฮับเข้าใจชีวิต เข้าใจพระพุทธศาสนา เหมือนคนเข้าใจเรื่องผี พูดเรื่องผี เรื่องปอบ พลาดหมดแล้วขอรับ คิกๆๆ


แบบนี้เขาเรียกมุกควาย เสียเวลาจริงๆ :b32:



ลาทีปีเก่า :b32:

http://www.youtube.com/watch?v=Lf7iJQQQG6g

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ธ.ค. 2013, 18:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:

อ้างคำพูด:
จิต เจตสิก รูป ถ้าบุคคลไม่เอาจิตไปพัวพันกับสังขาร

มันยังไงกัน

แล้วสังขารที่พูดถึงสองหนนั่นมันยังไงกัน

โฮฮับพูดเหมือนเข้าใจว่า จิต เจตสิก รูป ก็อันหนึ่ง สังขารหรือรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน ก็อีกอันหนึ่ง ใช่ไหม หรือยังไง :b10:



ในความเป็นจริง จิต เจตสิกและรูป เป็นคนล่ะส่วนกับ รูป เวทนา สัญญา สังขารและวิญญาน
เพราะบุคคลยังมีอวิชา ไม่รู้ว่ารูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน มันเกิดและดับ ไม่มีตัวตน
จึงหลงเข้าไปยึดมั่นถือมั่น เลยเข้าใจว่า เป็นสิ่งเดียวกัน

และสิ่งที่มาปิดบังการเกิด ดับของสังขารก็คือ.....
สันตติ อิริยาบทและฆนะ เรื่องนี้เคยเห็นกรัชกายเอามาโพส
สงสัยเอามาโพสได้อย่างไร ในเมื่อเจ้าตัวไม่รู้เรื่องเลย

อยากรู้อะไรถามมาที่ล่ะอย่าง เพราะเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่อง ไตรสิกขา
ธรรมแต่ล่ะธรรมมีเหตุปัจจัยที่มา ไม่ใช่ถามแล้วจะรู้เรื่องเลยเป็นไปไม่ได้
ยิ่งยังขาดปัญญาไตรลักษณ์ ไม่มีทางที่จะเข้าใจ
:b13:



อ้างคำพูด:
ในความเป็นจริง จิต เจตสิกและรูป เป็นคนล่ะส่วนกับ รูป เวทนา สัญญา สังขารและวิญญาน


จิต เจตสิกและรูป เป็นคนล่ะส่วนกับ รูป เวทนา สัญญา สังขารและวิญญาน

ตามที่โฮฮับพูดก็ จิต เจตสิก รูป เป็นคนๆหนึ่ง

และ รูป เวทนา สัญญา สังขารและวิญญาน เป็นคนอีกคนหนึ่ง แบ่งเป็นสองคน ที่ว่ามาต้องการบอกยังงี้ใช่ไหม :b10:


พูดส่งเดช! มันเป็นคนๆเดียวนั้นแหล่ะ ถ้ากรัชกายถูกพี่โฮเตะตูด
ถามหน่อย จิตของกรัชกายหรือตูดของกรัชกาย อะไรเป็นสิ่งที่โดนกระทบ



อ้างคำพูด:
ในความเป็นจริง จิต เจตสิกและรูป เป็นคนล่ะส่วนกับ รูป เวทนา สัญญา สังขารและวิญญาน
เพราะบุคคลยังมีอวิชา ไม่รู้ว่ารูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน มันเกิดและดับ ไม่มีตัวตน
จึงหลงเข้าไปยึดมั่นถือมั่น เลยเข้าใจว่า เป็นสิ่งเดียวกัน


จอดป้ายนี้เองขอรับ :b32:

-จิต เจตสิก รูป จำแนกตามนัยอภิธรรม

-รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ จำแนกตามพระสูตร

เรียกตามภาษาสมมติก็คือคนๆหนึ่งๆ เราๆท่านๆ ไอๆยูๆ ...ที่ยืน นั่ง นอน เิดินแกว่งไปแกว่งมา ส่ายไปส่ายมาอยู่บนพื้นปฐพีนี่นี้นี่เอง :


ถ้าไม่เข้าใจ จะไปลอกเนื้อหาของเขามาโพสทำไม ทำเป็นเด็กอย่างบิกทู่แบบโสกะไปได้
ดันเอาของเขามาโพส แล้วก็โยงความหมายเขาผิด แบบนี้เขาเรียก
โง่แล้วอวดฉลาด ไม่ได้เรื่องเลย อยู่มาจนเป็นผู้อาวุโสแล้วยังไม่รู้เรื่อง
แนะนำให้กรัชกายไปกราบ คุณซัวมูซ่าเป็นอาจารย์อาจจะฉลาดขึ้น

ดันบอกมาได้ว่า จิต เจตสิก รูป จำแนกตามนัยพระอภิธรรม มันคนล่ะเรื่อง
เรื่องจิต เจตสิก รูปที่ว่าด้วยความเป็นปรมัตถธรรม
เป็นแนวคำสอนในคัมภีร์พระอภิธรรมมัตถสังคหะ

แต่ถ้าเป็นพระไตรปิฎก จะมีกล่าวเรื่องจิต เจตสิกไว้ทั้งพระสูตรและพระอภิธรรม

กรัชกายสำเหนียกไว้ด้วยว่า พระอภิธรรมไตรปิฎกกับพระอภิธรรมมัตถสังคหะ
มันเป็นตำราคนล่ะเล่ม พี่โฮขอบอก....อย่ามั่ว
:b32:

และเรื่อง รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน ก็มีอยู่ในพระไตรปิฏก
ไม่ว่าจะเป็น พระวินัยปิฎก พระสุตันตปิฎก และพระอภิธรรมปิฎก
ไม่ใช่มีเฉพาะในพระสูตร ขอบอกอีกที อย่าพูดจาส่งเดช :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ธ.ค. 2013, 18:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เทียบให้ดู

1. รูปขันธ์ = <==>รูป


เอาเข้าไป เอาพระไตรปิฎกมาปนกับพระอภิธรรมมัตถสังคหะให้มั่วไปหมด

รูปในพระไตรปิฎก เป็นนามธรรม
รูปในพระอภิธรรมมัตถสังคหะเป็น รูปธรรม


กรัชกาย เขียน:

2. เวทนาขันธ์ = <==>เวทนาเจตสิก

3. สัญญาขันธ์ = <==>สัญญาเจตสิก

4. สังขารขันธ์ = <==> เจตสิกที่เหลือ (50)

5. วิญญาณขันธ์ = <==> จิต


ความเป็นขันธ์ไม่ได้เกี่ยวกับจิตหรือเจตสิก

เวทนาเจตสิกก็คือเจตสิก ทั้งสัญญาและสังขารก็คือเจตสิก
ส่วนวิญญาณ(หมายถึงวิญญานหก) เป็นจิตผู้รู้

ความเป็นขันธ์เกิดจากการที่จิตไปยึดเอารูปธรรม(กาย) เมื่อเกิดการกระทบนั้นเอง
เมื่อจิตไปยึดรูปธรรม จนเป็นเหตุให้เกิดการยึดนามธรรมไปด้วย เพราะนามธรรมหรือสังขาร
มีเหตุปัจจัยมาจากรูปธรรม
:b13:

ให้กรัชกายกลับดูว่ารูปขันธ์ที่เกิดจากรูปธรรม มีอะไรบ้าง นั้นก็คือ
รูปปรมัตถ์ทั้งหมดยกเว้น.....ธาตุสี่ ดิน น้ำ ลม ไฟหรือมหาภูติรูปสี่นั้นเอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ม.ค. 2014, 08:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




1384227744-baby3-o.gif
1384227744-baby3-o.gif [ 465.44 KiB | เปิดดู 2908 ครั้ง ]
ขึ้น พ.ศ.ใหม่ ๒๕๕๗ จะชัตดาวน์โฮฮับ :b32:


ธรรมที่โฮฮับพูด เหมือนผี-ปอบ เนี่ย เลื่อนลอย :b9: ส่วนตัวโฮฮับเอง ก็เหมือนคนจับปอบ ชััดเจน :b32:

http://www.youtube.com/watch?v=wzoXuY92PaM

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ม.ค. 2014, 09:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ขึ้น พ.ศ.ใหม่ ๒๕๕๗ จะชัตดาวน์โฮฮับ :b32:


ธรรมที่โฮฮับพูด เหมือนผี-ปอบ เนี่ย เลื่อนลอย :b9: ส่วนตัวโฮฮับเอง ก็เหมือนคนจับปอบ ชััดเจน :b32:


ถ้าไปคุยกับโสกะแบบนี้เจอแช่งแล้ว.....นรกจะกินหัวกบาล :b32:

แต่ถ้าไปคุยกับบิกทู่ เจอ.....ขี้ข้าท๊ากสิน

ถ้าคุยกับคุณคนธรรมดา เจอ....แพ้เป็นพระชนะเป็นมาร


ตั้งแต่อยู่ในห้องนี้มา หาที่มันเต็มร้อยไม่มีเลย
มีแต่สลึงห้าสิบ
:b32:

สำหรับกรัชกาย อย่าว่าแต่สลึงห้าสิบ สักกีบสักจ๊าดยังไม่ได้เลย :b13:

ไว้ว่างๆพี่โฮจะไปขุดกระทู้เก่าๆของกรัชกาย
จะเอามาประจานไม่ให้เหลือซากความเก๋า มีไว้แต่ความแก่กระโหลกกระลา :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ม.ค. 2014, 11:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เทียบให้ดู

1. รูปขันธ์ = <==>รูป


เอาเข้าไป เอาพระไตรปิฎกมาปนกับพระอภิธรรมมัตถสังคหะให้มั่วไปหมด

รูปในพระไตรปิฎก เป็นนามธรรม
รูปในพระอภิธรรมมัตถสังคหะเป็น รูปธรรม


กรัชกาย เขียน:

2. เวทนาขันธ์ = <==>เวทนาเจตสิก

3. สัญญาขันธ์ = <==>สัญญาเจตสิก

4. สังขารขันธ์ = <==> เจตสิกที่เหลือ (50)

5. วิญญาณขันธ์ = <==> จิต


ความเป็นขันธ์ไม่ได้เกี่ยวกับจิตหรือเจตสิก

เวทนาเจตสิกก็คือเจตสิก ทั้งสัญญาและสังขารก็คือเจตสิก
ส่วนวิญญาณ(หมายถึงวิญญานหก) เป็นจิตผู้รู้

ความเป็นขันธ์เกิดจากการที่จิตไปยึดเอารูปธรรม(กาย) เมื่อเกิดการกระทบนั้นเอง
เมื่อจิตไปยึดรูปธรรม จนเป็นเหตุให้เกิดการยึดนามธรรมไปด้วย เพราะนามธรรมหรือสังขาร
มีเหตุปัจจัยมาจากรูปธรรม
:b13:

ให้กรัชกายกลับดูว่ารูปขันธ์ที่เกิดจากรูปธรรม มีอะไรบ้าง นั้นก็คือ
รูปปรมัตถ์ทั้งหมดยกเว้น.....ธาตุสี่ ดิน น้ำ ลม ไฟหรือมหาภูติรูปสี่นั้นเอง



งั้นก็นะไม่รอถึงวันที่ 13 แล้ว ชัดดาวน์ก่อนเลย :b1:

อ้างคำพูด:
ความเป็นขันธ์ไม่ได้เกี่ยวกับจิตหรือเจตสิก


ขันธ์ที่เข้าใจเนี่ยหมายถึงอะไร จึงพูดยังงั้น :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ม.ค. 2014, 11:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เทียบให้ดู

1. รูปขันธ์ = <==>รูป


เอาเข้าไป เอาพระไตรปิฎกมาปนกับพระอภิธรรมมัตถสังคหะให้มั่วไปหมด

รูปในพระไตรปิฎก เป็นนามธรรม
รูปในพระอภิธรรมมัตถสังคหะเป็น รูปธรรม


กรัชกาย เขียน:

2. เวทนาขันธ์ = <==>เวทนาเจตสิก

3. สัญญาขันธ์ = <==>สัญญาเจตสิก

4. สังขารขันธ์ = <==> เจตสิกที่เหลือ (50)

5. วิญญาณขันธ์ = <==> จิต


ความเป็นขันธ์ไม่ได้เกี่ยวกับจิตหรือเจตสิก

เวทนาเจตสิกก็คือเจตสิก ทั้งสัญญาและสังขารก็คือเจตสิก
ส่วนวิญญาณ(หมายถึงวิญญานหก) เป็นจิตผู้รู้

ความเป็นขันธ์เกิดจากการที่จิตไปยึดเอารูปธรรม(กาย) เมื่อเกิดการกระทบนั้นเอง
เมื่อจิตไปยึดรูปธรรม จนเป็นเหตุให้เกิดการยึดนามธรรมไปด้วย เพราะนามธรรมหรือสังขาร
มีเหตุปัจจัยมาจากรูปธรรม
:b13:

ให้กรัชกายกลับดูว่ารูปขันธ์ที่เกิดจากรูปธรรม มีอะไรบ้าง นั้นก็คือ
รูปปรมัตถ์ทั้งหมดยกเว้น.....ธาตุสี่ ดิน น้ำ ลม ไฟหรือมหาภูติรูปสี่นั้นเอง



งั้นก็นะไม่รอถึงวันที่ 13 แล้ว ชัดดาวน์ก่อนเลย :b1:

อ้างคำพูด:
ความเป็นขันธ์ไม่ได้เกี่ยวกับจิตหรือเจตสิก


ขันธ์ที่เข้าใจเนี่ยหมายถึงอะไร จึงพูดยังงั้น :b10:


กรัชกายยิ่งกว่าพวกมวลมหาสลิ่มอีก พอไม่มีเหตุผลก็ตั้งป้อมด่าทอแล้วใส่ไฟ
กล่าวหาพระธรรมเป็นธรรมผีปอป......แบบนี้เสื้อแดงมันบอกว่า...ไอ้พวกมุขควาย :b32:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 63 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร