วันเวลาปัจจุบัน 08 ส.ค. 2025, 18:30  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 102 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ม.ค. 2014, 15:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
student เขียน:
ผมขอตั้งคำถามกับคุณกรัชกายว่า ทำไม ความร้อนจึงต้องเป็นสภาวะอย่างนี้ ทำไมความเย็นเป็นลักษณะอีกอย่างหนึ่ง ผมขอตอบคำถามล่วงหน้าไปว่า ลักษณะความร้อนเย็นคือ อนัตตา ความเปลี่ยนสถานะเป็นทุกข์ ขอความเห็นคุณกรัชกายครับ


ไปใหญ่แล้วครับ พูดยังงี้เหมือนเข้าใจว่ารูปขันธ์ เป็นอัตตา คิกๆๆ

แล้ว เย็น ร้อน อ่อน แข็ง (ประเด็นที่ถามนะ) คุณสัมผัสได้จากร่างกายหรือจากไหนครับผม :b1:



คุณ student คุณเข้าใจรูป, รูปขันธ์ กาย, หรือร่า่งกาย ที่เห็นๆเนี่ยะ เป็นอัตตา ใช่ไหมครับ จึงพูดยังงั้น :b10:

กรัชกายอ่าน คห. ที่คุณเล่าวิธีปฏิบัติ อะไรต่ออะไรที่กระทู้นี้แล้ว viewtopic.php?f=2&t=27817&p=345589#p345589

นำมาตรงนี้หน่อย

อ้างคำพูด:
ต่อครับ การเคลื่อนวิญญาณขันธ์จากข้อศอกขึ้นมาที่ไหล่ กำหนดรู้ เวทนาบ้าง ธาตุบ้าง อย่างใดอย่างหนึ่งให้รู้ว่า รู้ถึงพร้อมตรงนั้น จากไหล่เคลื่อนมาที่ศรีษะ ตรงศรีษะก็กำหนดรู้ ธาตุบ้าง เช่นธาตุดิน รู้พร้อมที่ฟันขบ รู้พร้อมที่กราม รู้พร้อมที่ลิ้น รู้พร้อมที่กระโหลก หรือกำหนดรู้เวทนา อย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วเครื่อนวิญญาณขันธ์ไปทางไหล่ขวา กำหนดรู้พร้อม เคลื่อนวิญญาณขันธ์ลงไปที่ข้อศอกขวา กำหนดรู้ธาตุ กำหนดรู้เวทนา แล้วเคลื่อนวิญญาณขันธ์ไปที่มือทับกัน เป็นอันจบการหมุนหนึ่งรอบของการเคลื่อนวิญญาณขันธ์ หรือ การรู้พร้อม หรือเป็นการใช้สติอยู่กับตัวตน


คุณก็ไม่ธรรมดานะขอรับ :b1: คือ เคลื่อนนั่นไปนี่ เคลื่อนนี่ไปโน่น .... :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ม.ค. 2014, 17:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
นำตัวอย่างที่พูดข้างบน ^ มาให้ดูหน่อย

พุทธพจน์แสดงไตรลักษณ์ในกรณีขันธ์ ๕ มีตัวอย่างที่เด่น ดังนี้

"ภิกษุทั้งหลาย รูป...เวทนา...สัญญา...สังขาร...วิญญาณ เป็นอนัตตา หากรูป...เวทนา...สัญญา...สังขาร...วิญญาณ เป็นอัตตา (ตัวตน) แล้วไซร้ มันก็จะไม่เป็นไปเพื่ออาพาธ ทั้งยังจะได้ตามปรารถนา ในรูป ฯลฯ ในวิญญาณว่า "ขอรูป...ขอเวทนา...ขอสัญญา...ขอสังขาร...ขอวิญญาณ ของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย" แต่เพราะเหตุที่รูป ฯลฯ วิญญาณ เป็นอนัตตา ฉะนั้น รูป ฯลฯ วิญญาณ จึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และใครๆ ไม่อาจไ้ด้ตามความปรารถนา ในรูป ฯลฯ ในวิญญาณว่า "ขอรูป...ขอเวทนา...ขอสัญญา...ขอสังขาร...ขอวิญญาณ ของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย"


"ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายมีความเห็นเป็นไฉน"


"รูปเทียง หรือไม่เที่ยง (ตรัสทีละอย่าง จนถึง วิญญาณ)

"ไม่เที่ยง พระเจ้าข้า"

"ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ หรือเป็นสุข"

"เป็นทุกข์ พระเจ้าข้า"

"ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือที่จะเฝ้าเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา เราเป็นนั่น นั่นเป็นตัวตนของเรา"

"ไม่ควรเห็นอย่าง่นั้น พระเจ้าข้า"

"ภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นแล รูป...เวทนา...สัญญา...สังขาร...วิญญาณ อย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน ทั้งภายในและภายนอก หยาบหรือละเอียด เลวหรือประณีต ทั้งที่ไกลและที่ใกล้ ทั้งหมดนั้น เธอทั้งหลาย พึงเห็นด้วยปัญญาอันถูกต้อง (สัมมาปัญญา) ตามที่มันเป็นว่า นั่นไม่ใช่ของเรา เราไม่ใช่นั่น นั่นไม่ใช่ตัวของเรา"


พอเข้าใจมั้ยโฮฮับ :b1:


รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน มันไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา

แล้วกรัชกายสาระแนเข้าไปยึดรูปธรรมจากมหาภูติรูปสี่ ปรุงแต่งจนเป็นรูปขันธ์๒๘ ทำไม

อ่านพระธรรมไม่เป็นก็ไม่ต้องยกมาอ้าง มันอายเขา
กลับไปอ่านหนังสือพุทธศาสตร์ ม.๑ อย่างเดิมน่ะดีแล้ว :b32:



โฮฮับ :b32: ยังไม่เข้าใจความหมายระหว่าง ยึด กับ ความรู้เลย ถึงไ้ด้เที่ยวคุยว่า ละได้ ละอย่างนั้นละอย่างนี้ ไม่ยึดมั่นถือมั่นนั่น นี่ โน่น โน๊นนนนน :b1: อย่างโฮฮับเข้าลักษณะนิครนถ์ เรียกว่า ละไม่รู้เรื่องรู้ราว คิกๆๆ เขาเรียกว่า ยึดในความละ (ยึดในความไม่ยึด) ไม่รู้จะพอเข้าใจมั้ย :b32:


ไอ้คนที่มันไม่รุ้เหตุที่มา ไม่รู้ว่าเหตุปัจจัยหมายถึงอะไร มันก็เหมือนกรัชกายนี่แหล่ะ
เห็นบัญญัติก้หยิบบัญญัติมาเล่น ปัญยาไม่เคยพัฒนาขึ้นเลย

ยึดในความไม่ยึด ตลกคอดๆๆ :b9:

ละที่ว่า...เขาให้ละอวิชาสังโยชน์ทั้งหลาย

ส่วนยึดเขาไม่ให้ไปยึดตัวสังขาร.....สังขตธรรม :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ม.ค. 2014, 18:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
นำตัวอย่างที่พูดข้างบน ^ มาให้ดูหน่อย

พุทธพจน์แสดงไตรลักษณ์ในกรณีขันธ์ ๕ มีตัวอย่างที่เด่น ดังนี้

"ภิกษุทั้งหลาย รูป...เวทนา...สัญญา...สังขาร...วิญญาณ เป็นอนัตตา หากรูป...เวทนา...สัญญา...สังขาร...วิญญาณ เป็นอัตตา (ตัวตน) แล้วไซร้ มันก็จะไม่เป็นไปเพื่ออาพาธ ทั้งยังจะได้ตามปรารถนา ในรูป ฯลฯ ในวิญญาณว่า "ขอรูป...ขอเวทนา...ขอสัญญา...ขอสังขาร...ขอวิญญาณ ของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย" แต่เพราะเหตุที่รูป ฯลฯ วิญญาณ เป็นอนัตตา ฉะนั้น รูป ฯลฯ วิญญาณ จึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และใครๆ ไม่อาจไ้ด้ตามความปรารถนา ในรูป ฯลฯ ในวิญญาณว่า "ขอรูป...ขอเวทนา...ขอสัญญา...ขอสังขาร...ขอวิญญาณ ของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย"


"ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายมีความเห็นเป็นไฉน"


"รูปเทียง หรือไม่เที่ยง (ตรัสทีละอย่าง จนถึง วิญญาณ)

"ไม่เที่ยง พระเจ้าข้า"

"ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ หรือเป็นสุข"

"เป็นทุกข์ พระเจ้าข้า"

"ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือที่จะเฝ้าเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา เราเป็นนั่น นั่นเป็นตัวตนของเรา"

"ไม่ควรเห็นอย่าง่นั้น พระเจ้าข้า"

"ภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นแล รูป...เวทนา...สัญญา...สังขาร...วิญญาณ อย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน ทั้งภายในและภายนอก หยาบหรือละเอียด เลวหรือประณีต ทั้งที่ไกลและที่ใกล้ ทั้งหมดนั้น เธอทั้งหลาย พึงเห็นด้วยปัญญาอันถูกต้อง (สัมมาปัญญา) ตามที่มันเป็นว่า นั่นไม่ใช่ของเรา เราไม่ใช่นั่น นั่นไม่ใช่ตัวของเรา"


พอเข้าใจมั้ยโฮฮับ :b1:


รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน มันไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา

แล้วกรัชกายสาระแนเข้าไปยึดรูปธรรมจากมหาภูติรูปสี่ ปรุงแต่งจนเป็นรูปขันธ์๒๘ ทำไม

อ่านพระธรรมไม่เป็นก็ไม่ต้องยกมาอ้าง มันอายเขา
กลับไปอ่านหนังสือพุทธศาสตร์ ม.๑ อย่างเดิมน่ะดีแล้ว :b32:



โฮฮับ :b32: ยังไม่เข้าใจความหมายระหว่าง ยึด กับ ความรู้เลย ถึงไ้ด้เที่ยวคุยว่า ละได้ ละอย่างนั้นละอย่างนี้ ไม่ยึดมั่นถือมั่นนั่น นี่ โน่น โน๊นนนนน :b1: อย่างโฮฮับเข้าลักษณะนิครนถ์ เรียกว่า ละไม่รู้เรื่องรู้ราว คิกๆๆ เขาเรียกว่า ยึดในความละ (ยึดในความไม่ยึด) ไม่รู้จะพอเข้าใจมั้ย :b32:


ไอ้คนที่มันไม่รุ้เหตุที่มา ไม่รู้ว่าเหตุปัจจัยหมายถึงอะไร มันก็เหมือนกรัชกายนี่แหล่ะ
เห็นบัญญัติก้หยิบบัญญัติมาเล่น ปัญยาไม่เคยพัฒนาขึ้นเลย

ยึดในความไม่ยึด ตลกคอดๆๆ :b9:

ละที่ว่า...เขาให้ละอวิชาสังโยชน์ทั้งหลาย

ส่วนยึดเขาไม่ให้ไปยึดตัวสังขาร.....สังขตธรรม :b32:


อ้างคำพูด:
ยึดในความไม่ยึด ตลกคอดๆ


นั่นไงว่าแล้ว ว่าไม่เข้าใจ ก็โฮฮับถกเขมรตั้งท่าคิดมาแต่ไกลว่า "กูไม่ยึด เราไม่ยึด" (นี่คิดเอาเอง โดยไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร) เมื่อตัวเองคิดเช่นนั้นแล้ว จิตอีกขณะหนึ่ง ก็ไปยึด ความคิดว่า กูไม่ยึด เอาไว้อย่างเหนี่ยวแน่น นี่คือที่มาของวลีที่ว่า "(คิด) ยึดในความ(คิด) ว่าไม่ยึด" คิกๆๆ

ไม่ต้องทำท่าทำทางคิดว่าไม่ยึดหรอก ขอเพียงรู้ความจริง (สัจธรรม) จิตก็คลายการยึดมั่นเอง ไม่ยึดเอง แต่ให้รู้ความจริงนะ พอเข้าใจมั้ยเนื่ยะ :b13:

ความหมายคำว่า สังขาร กับ สังขตธรรม ไม่ถามล่ะ ถามไปก็ไม่รู้ คิกๆๆ ถึงว่า รถเขาดีๆ ถอดของเขาออก แล้วใส่เข้าที่ไม่ได้ แน่ะ ๆ เอาหินเจียมาเจียออก :b32:

เอ๊ะหรือถามดี อืมม ไม่ถามดีกว่า :b9: แต่จะบอกว่า โฮฮับเอ้ย อย่าฟุ้งซ่าน (ที่ตัวคิดว่า) ธรรมให้มากนักเลย แม้แต่รูป, ร่างกาย ยังหาทางลงตัวไม่ได้ แล้วจะไปเอาอะไรนักหนาเล่า หลุดไปหมดแล้ว


เอาอีกเอ้า :b1:

http://www.youtube.com/watch?v=ZwH3bCTlzbM

ผู้มีวิชชาจะแก้ปัญหาชีวิตนี้ยังไง มองเข้ามาที่ตัวเองด้วย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ม.ค. 2014, 01:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
student เขียน:
ผมขอตั้งคำถามกับคุณกรัชกายว่า ทำไม ความร้อนจึงต้องเป็นสภาวะอย่างนี้ ทำไมความเย็นเป็นลักษณะอีกอย่างหนึ่ง ผมขอตอบคำถามล่วงหน้าไปว่า ลักษณะความร้อนเย็นคือ อนัตตา ความเปลี่ยนสถานะเป็นทุกข์ ขอความเห็นคุณกรัชกายครับ


ไปใหญ่แล้วครับ พูดยังงี้เหมือนเข้าใจว่ารูปขันธ์ เป็นอัตตา คิกๆๆ

แล้ว เย็น ร้อน อ่อน แข็ง (ประเด็นที่ถามนะ) คุณสัมผัสได้จากร่างกายหรือจากไหนครับผม :b1:



คุณ student คุณเข้าใจรูป, รูปขันธ์ กาย, หรือร่า่งกาย ที่เห็นๆเนี่ยะ เป็นอัตตา ใช่ไหมครับ จึงพูดยังงั้น :b10:

กรัชกายอ่าน คห. ที่คุณเล่าวิธีปฏิบัติ อะไรต่ออะไรที่กระทู้นี้แล้ว viewtopic.php?f=2&t=27817&p=345589#p345589

นำมาตรงนี้หน่อย

อ้างคำพูด:
ต่อครับ การเคลื่อนวิญญาณขันธ์จากข้อศอกขึ้นมาที่ไหล่ กำหนดรู้ เวทนาบ้าง ธาตุบ้าง อย่างใดอย่างหนึ่งให้รู้ว่า รู้ถึงพร้อมตรงนั้น จากไหล่เคลื่อนมาที่ศรีษะ ตรงศรีษะก็กำหนดรู้ ธาตุบ้าง เช่นธาตุดิน รู้พร้อมที่ฟันขบ รู้พร้อมที่กราม รู้พร้อมที่ลิ้น รู้พร้อมที่กระโหลก หรือกำหนดรู้เวทนา อย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วเครื่อนวิญญาณขันธ์ไปทางไหล่ขวา กำหนดรู้พร้อม เคลื่อนวิญญาณขันธ์ลงไปที่ข้อศอกขวา กำหนดรู้ธาตุ กำหนดรู้เวทนา แล้วเคลื่อนวิญญาณขันธ์ไปที่มือทับกัน เป็นอันจบการหมุนหนึ่งรอบของการเคลื่อนวิญญาณขันธ์ หรือ การรู้พร้อม หรือเป็นการใช้สติอยู่กับตัวตน


คุณก็ไม่ธรรมดานะขอรับ :b1: คือ เคลื่อนนั่นไปนี่ เคลื่อนนี่ไปโน่น .... :b13:


ร้อนเย็นเป็นธาตุไฟอยู่แล้วครับ สัมผัสได้ด้วยการรู้ผัสสะที่เกิดขึ้นตามกายครับ แล้วผัสสะที่เกิดขึ้นที่กายรู้อ่อนแข็ง การเคลื่อนสติและวิญญาณขันธ์ตามกายก็ทำได้ทุกคนอยู่แล้วครับผม

เมื่อฝึกอยู่ ธรรมเหล่านี้ก็เอาไว้ให้รู้ ให้เห็นอยู่แล้ว แต่จะยึดถือหรือไม่ยึดถือ ก็เป็นเรื่องของปัญญาของแต่ละคนครับ เมื่อฝึกอยู่ เมื่อกำหนดรู้ความร้อนเย็น เราพิจารณาลงอะไรล่ะครับ ลงความว่างหรือ หรือลงปรมัตถ์ธรรม หรือลงกายว่าเป็นกาย หรือลงว่าเป็นทุกข์ เมื่อปฏิบัติ ต้องตั้งสติอยู่ที่ใดที่หนึ่งอยู่แล้ว แต่ความเห็ฯจะแตกต่างกัน ก็ขึ้นอยู่กับปัญญาของแต่ละคนอยู่แล้วครับผม

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ม.ค. 2014, 05:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
student เขียน:
กรัชกาย เขียน:
student เขียน:
รูปขันธ์ เป็นข้อหนึ่งในขันธ์5 มีเหตุปัจจัยเพราะกรรมและอาหารครับ



กรัชกายจะสรุปยังงี้ดีกว่า คุณ student วิจารณ์นะครับ

รูปขันธ์ ก็คือร่างกายที่มองเห็นแลเห็นทั้งหมดนี่แหละ ถูกไหมครับ

อีกสี่ขันธ์ ได้แก่ ความรู้สึกนึกคิด ถูกไหมครับ

รวมกัน จึงเป็นชีวิต (คน) หนึ่งๆนี้ ถูกไหมครับ :b1:


จะบอกว่ามองเห็นและเห็นก็ถูกครับ แต่ความเห็นผมนั้นรูปขันธ์ต้องเอามหาภูติรูป4 ตั้งครับ คือดิน น้ำ ลม ไฟ ไม่ใช่เอาร่างกายตั้ง แล้วเรียกรูป


อ้างคำพูด:
รูปขันธ์ต้องเอามหาภูติรูป 4 ตั้งครับ คือดิน น้ำ ลม ไฟ ไม่ใช่เอาร่างกายตั้ง แล้วเรียกรูป


คุณเห็นยังงั้น ท่านจำแนกออกเป็นธาตุต่าง่ๆแล้วครับ ท่านจำแนกแล้วขอรับ :b1:

ยังงี้ครับ ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตุ ผสมกันเป็นหนึ่ง (เรียกรูปตัวเดียว แต่เมื่อจำแนกก็เป็น 4 นั้นได้)

แต่ถ้าคิดอย่า่งคุณคิด มันเลย ๕ ขันธ์แล้วครับผม :b1: เป็นเท่าไรขันธ์ล่ะทีนี้ ลองจัดดูสิครับเอ้า :b1:

ถามอีกนะครับ แล้วที่เห็นโด่ๆ อยู่นี่อยู่นั่น เรียกอะไร ที่ ยืน นั่ง นอน เดินส่ายไปส่ายมา แกว่งไปแกว่งมา ไม่เรียกรูป แล้วเรียกอะไรครับผม



(โฮฮับเข้ามาแทรกจนตกไป) คุณ student ช่วยตอบคำถามนี้หน่อยครับ :b1:

(โฮฮับอย่าเพิ่งแทรกอีกนะ รอฟังความเห็น คุณstudentก่อน )

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ม.ค. 2014, 05:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
student เขียน:
กรัชกาย เขียน:
student เขียน:
รูปขันธ์ เป็นข้อหนึ่งในขันธ์5 มีเหตุปัจจัยเพราะกรรมและอาหารครับ



กรัชกายจะสรุปยังงี้ดีกว่า คุณ student วิจารณ์นะครับ

รูปขันธ์ ก็คือร่างกายที่มองเห็นแลเห็นทั้งหมดนี่แหละ ถูกไหมครับ

อีกสี่ขันธ์ ได้แก่ ความรู้สึกนึกคิด ถูกไหมครับ

รวมกัน จึงเป็นชีวิต (คน) หนึ่งๆนี้ ถูกไหมครับ :b1:


จะบอกว่ามองเห็นและเห็นก็ถูกครับ แต่ความเห็นผมนั้นรูปขันธ์ต้องเอามหาภูติรูป4 ตั้งครับ คือดิน น้ำ ลม ไฟ ไม่ใช่เอาร่างกายตั้ง แล้วเรียกรูป


อ้างคำพูด:
รูปขันธ์ต้องเอามหาภูติรูป 4 ตั้งครับ คือดิน น้ำ ลม ไฟ ไม่ใช่เอาร่างกายตั้ง แล้วเรียกรูป


คุณเห็นยังงั้น ท่านจำแนกออกเป็นธาตุต่าง่ๆแล้วครับ ท่านจำแนกแล้วขอรับ :b1:

ยังงี้ครับ ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตุ ผสมกันเป็นหนึ่ง (เรียกรูปตัวเดียว แต่เมื่อจำแนกก็เป็น 4 นั้นได้)

แต่ถ้าคิดอย่า่งคุณคิด มันเลย ๕ ขันธ์แล้วครับผม :b1: เป็นเท่าไรขันธ์ล่ะทีนี้ ลองจัดดูสิครับเอ้า :b1:

ถามอีกนะครับ แล้วที่เห็นโด่ๆ อยู่นี่อยู่นั่น เรียกอะไร ที่ ยืน นั่ง นอน เดินส่ายไปส่ายมา แกว่งไปแกว่งมา ไม่เรียกรูป แล้วเรียกอะไรครับผม



(โฮฮับเข้ามาแทรกจนยาวไป) คุณ student ช่วยตอบคำถามนี้หน่อยครับ :b1:


ต้องขึ้นอยู่กับเหตุของธรรมครับ ที่บอกว่าเห็นโด่ๆ อยู่เรียกอะไร ต้องสาวไปที่เหตุครับคำว่าเห็นในที่นี้คืออะไร ผัสสะที่เกิดจากการมองก็ต้องเรียกแตกต่างออกไปครับ แสง สี เป็นต้น ถ้าหลับตารู้ ก็ต้องพบกับรูปทางใดทางหนึ่งครับ พบกับรูปเมื่อผัสสะเกิดเป็นเย็นร้อนบ้าง อ่อนแข็งบ้าง เมื่อเป็นขันธ์5 ก็รู้ลงไปอีกเป็น รสชาติบ้าง เสียงบ้าง กลิ่นบ้าง อย่างจับแขน คุณกรัชกายจะรู้ได้กี่ทางบ้างครับ สมมุติสัจจะก็เรียกแขน ปรมัตถ์ก็ต้องดูว่าผัสสะที่เกิดขึ้นรู้อะไร

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ม.ค. 2014, 06:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:


อ้างคำพูด:
ยึดในความไม่ยึด ตลกคอดๆ


นั่นไงว่าแล้ว ว่าไม่เข้าใจ ก็โฮฮับถกเขมรตั้งท่าคิดมาแต่ไกลว่า "กูไม่ยึด เราไม่ยึด" (นี่คิดเอาเอง โดยไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร) เมื่อตัวเองคิดเช่นนั้นแล้ว จิตอีกขณะหนึ่ง ก็ไปยึด ความคิดว่า กูไม่ยึด เอาไว้อย่างเหนี่ยวแน่น นี่คือที่มาของวลีที่ว่า "(คิด) ยึดในความ(คิด) ว่าไม่ยึด" คิกๆๆ


อธิบายให้ฟังตั้งยืดยาว ตัวเองไม่รู้เรื่อง ก็เลยไม่สนใจ
มันมาสนใจไอ้เฉพาะตรง...ไม่ยึดนี่อะน่ะ สงสัยสมองเท่าเม็ดถั่วเขียวแหง่

พูดกรอกหูมาก่อนหน้าว่า....ท่านให้ละอวิชาและสังโยชน์

ส่วนไอ้ที่บอกไม่ยึดนั้นน่ะ มันจะตามมาที่หลัง คุยกับเม็ดถั่วเขียวนี่มันเหนื่อยจริงๆ :b32:

กรัชกาย เขียน:

ไม่ต้องทำท่าทำทางคิดว่าไม่ยึดหรอก ขอเพียงรู้ความจริง (สัจธรรม) จิตก็คลายการยึดมั่นเอง ไม่ยึดเอง แต่ให้รู้ความจริงนะ พอเข้าใจมั้ยเนื่ยะ :b13:


ไอ้ที่พูดมาเนี่ยแหล่ะเขาเรียก ความคิดความจำ ท่องจำมาจากขี้ปากชาวบ้าน

พระพุทธองค์แบ่งบุคคลออกเป็น ปุถุชน เสขะและอเสขะ
เสขะก็รู้สัจธรรมรู้ความจริง ทำไมยังปล่อยวางไม่ได้ ยังต้องปฏิบัติอีก
:b32:

กรัชกาย เขียน:

ความหมายคำว่า สังขาร กับ สังขตธรรม ไม่ถามล่ะ ถามไปก็ไม่รู้ คิกๆๆ ถึงว่า รถเขาดีๆ ถอดของเขาออก แล้วใส่เข้าที่ไม่ได้ แน่ะ ๆ เอาหินเจียมาเจียออก :b32:

เอ๊ะหรือถามดี อืมม ไม่ถามดีกว่า :b9: แต่จะบอกว่า โฮฮับเอ้ย อย่าฟุ้งซ่าน (ที่ตัวคิดว่า) ธรรมให้มากนักเลย แม้แต่รูป, ร่างกาย ยังหาทางลงตัวไม่ได้ แล้วจะไปเอาอะไรนักหนาเล่า หลุดไปหมดแล้ว


ไม่ถามน่ะดีแล้ว ขี้เกียจเสียเวลาตอบ สำหรับกรัชกายไปเปิดพจนานุกรมดูก็ได้ :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ม.ค. 2014, 07:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
student เขียน:
กรัชกาย เขียน:
student เขียน:
รูปขันธ์ เป็นข้อหนึ่งในขันธ์5 มีเหตุปัจจัยเพราะกรรมและอาหารครับ



กรัชกายจะสรุปยังงี้ดีกว่า คุณ student วิจารณ์นะครับ

รูปขันธ์ ก็คือร่างกายที่มองเห็นแลเห็นทั้งหมดนี่แหละ ถูกไหมครับ

อีกสี่ขันธ์ ได้แก่ ความรู้สึกนึกคิด ถูกไหมครับ

รวมกัน จึงเป็นชีวิต (คน) หนึ่งๆนี้ ถูกไหมครับ :b1:


จะบอกว่ามองเห็นและเห็นก็ถูกครับ แต่ความเห็นผมนั้นรูปขันธ์ต้องเอามหาภูติรูป4 ตั้งครับ คือดิน น้ำ ลม ไฟ ไม่ใช่เอาร่างกายตั้ง แล้วเรียกรูป


อ้างคำพูด:
รูปขันธ์ต้องเอามหาภูติรูป 4 ตั้งครับ คือดิน น้ำ ลม ไฟ ไม่ใช่เอาร่างกายตั้ง แล้วเรียกรูป


คุณเห็นยังงั้น ท่านจำแนกออกเป็นธาตุต่าง่ๆแล้วครับ ท่านจำแนกแล้วขอรับ :b1:

ยังงี้ครับ ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตุ ผสมกันเป็นหนึ่ง (เรียกรูปตัวเดียว แต่เมื่อจำแนกก็เป็น 4 นั้นได้)

แต่ถ้าคิดอย่า่งคุณคิด มันเลย ๕ ขันธ์แล้วครับผม :b1: เป็นเท่าไรขันธ์ล่ะทีนี้ ลองจัดดูสิครับเอ้า :b1:

ถามอีกนะครับ แล้วที่เห็นโด่ๆ อยู่นี่อยู่นั่น เรียกอะไร ที่ ยืน นั่ง นอน เดินส่ายไปส่ายมา แกว่งไปแกว่งมา ไม่เรียกรูป แล้วเรียกอะไรครับผม



(โฮฮับเข้ามาแทรกจนยาวไป) คุณ student ช่วยตอบคำถามนี้หน่อยครับ :b1:


ต้องขึ้นอยู่กับเหตุของธรรมครับ ที่บอกว่าเห็นโด่ๆ อยู่เรียกอะไร ต้องสาวไปที่เหตุครับคำว่าเห็นในที่นี้คืออะไร ผัสสะที่เกิดจากการมองก็ต้องเรียกแตกต่างออกไปครับ แสง สี เป็นต้น ถ้าหลับตารู้ ก็ต้องพบกับรูปทางใดทางหนึ่งครับ พบกับรูปเมื่อผัสสะเกิดเป็นเย็นร้อนบ้าง อ่อนแข็งบ้าง เมื่อเป็นขันธ์5 ก็รู้ลงไปอีกเป็น รสชาติบ้าง เสียงบ้าง กลิ่นบ้าง อย่างจับแขน คุณกรัชกายจะรู้ได้กี่ทางบ้างครับ สมมุติสัจจะก็เรียกแขน ปรมัตถ์ก็ต้องดูว่าผัสสะที่เกิดขึ้นรู้อะไร


อ้างคำพูด:
เมื่อเป็นขันธ์ 5



คุณ student ยังเรียกรวมคลุมๆอยู่ ไหนลองแยกออกมาสิครับ อะไรบ้าง ที่ว่า 5 นั่นน่ะ 1. 2. 3. 4. 5. (เอาเฉพาะข้อ 1 (รูป) ก่อน) ชัดๆครับ

อ้างคำพูด:
ไม่ใช่เอาร่างกายตั้ง แล้วเรียก รูป


ช่วยเคลียประโยคนี้หน่อยครับ เอาชัดๆ ร่างกาย กับ รูป ต่างกันแง่มุมไหน

ถามขำๆนะ คุณ student เคยถ่ายรูปไหม :b9: ถ่ายนาม หรือถ่ายรูป :b32: แล้วติดนามหรือติดรูป คิกๆๆ (กล้องรุ่นเก่านะ แล้วที่นำไปล้าง เขาล้างรูป หรือล้างนาม)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ม.ค. 2014, 09:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ อุดหนุนสินค้า :b32: ที่ถนนคนเดินแห่งใหม่มั่งดิ สินค้าตัวใหม่ๆหลากสีสรรคมากมายมาจำหน่ายให้ท่าน :b12: วันดีคืนดีเรามี..แถมให้ท่านเป็นกรณีพิเศษ :b32: โดยไม่ต้องร้องขอ :b4:

http://www.khajochi.com/2014/01/review- ... -siam.html

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ม.ค. 2014, 14:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
student เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
student เขียน:
กรัชกาย เขียน:
student เขียน:
รูปขันธ์ เป็นข้อหนึ่งในขันธ์5 มีเหตุปัจจัยเพราะกรรมและอาหารครับ



กรัชกายจะสรุปยังงี้ดีกว่า คุณ student วิจารณ์นะครับ

รูปขันธ์ ก็คือร่างกายที่มองเห็นแลเห็นทั้งหมดนี่แหละ ถูกไหมครับ

อีกสี่ขันธ์ ได้แก่ ความรู้สึกนึกคิด ถูกไหมครับ

รวมกัน จึงเป็นชีวิต (คน) หนึ่งๆนี้ ถูกไหมครับ :b1:


จะบอกว่ามองเห็นและเห็นก็ถูกครับ แต่ความเห็นผมนั้นรูปขันธ์ต้องเอามหาภูติรูป4 ตั้งครับ คือดิน น้ำ ลม ไฟ ไม่ใช่เอาร่างกายตั้ง แล้วเรียกรูป


อ้างคำพูด:
รูปขันธ์ต้องเอามหาภูติรูป 4 ตั้งครับ คือดิน น้ำ ลม ไฟ ไม่ใช่เอาร่างกายตั้ง แล้วเรียกรูป


คุณเห็นยังงั้น ท่านจำแนกออกเป็นธาตุต่าง่ๆแล้วครับ ท่านจำแนกแล้วขอรับ :b1:

ยังงี้ครับ ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตุ ผสมกันเป็นหนึ่ง (เรียกรูปตัวเดียว แต่เมื่อจำแนกก็เป็น 4 นั้นได้)

แต่ถ้าคิดอย่า่งคุณคิด มันเลย ๕ ขันธ์แล้วครับผม :b1: เป็นเท่าไรขันธ์ล่ะทีนี้ ลองจัดดูสิครับเอ้า :b1:

ถามอีกนะครับ แล้วที่เห็นโด่ๆ อยู่นี่อยู่นั่น เรียกอะไร ที่ ยืน นั่ง นอน เดินส่ายไปส่ายมา แกว่งไปแกว่งมา ไม่เรียกรูป แล้วเรียกอะไรครับผม



(โฮฮับเข้ามาแทรกจนยาวไป) คุณ student ช่วยตอบคำถามนี้หน่อยครับ :b1:


ต้องขึ้นอยู่กับเหตุของธรรมครับ ที่บอกว่าเห็นโด่ๆ อยู่เรียกอะไร ต้องสาวไปที่เหตุครับคำว่าเห็นในที่นี้คืออะไร ผัสสะที่เกิดจากการมองก็ต้องเรียกแตกต่างออกไปครับ แสง สี เป็นต้น ถ้าหลับตารู้ ก็ต้องพบกับรูปทางใดทางหนึ่งครับ พบกับรูปเมื่อผัสสะเกิดเป็นเย็นร้อนบ้าง อ่อนแข็งบ้าง เมื่อเป็นขันธ์5 ก็รู้ลงไปอีกเป็น รสชาติบ้าง เสียงบ้าง กลิ่นบ้าง อย่างจับแขน คุณกรัชกายจะรู้ได้กี่ทางบ้างครับ สมมุติสัจจะก็เรียกแขน ปรมัตถ์ก็ต้องดูว่าผัสสะที่เกิดขึ้นรู้อะไร


อ้างคำพูด:
เมื่อเป็นขันธ์ 5



คุณ student ยังเรียกรวมคลุมๆอยู่ ไหนลองแยกออกมาสิครับ อะไรบ้าง ที่ว่า 5 นั่นน่ะ 1. 2. 3. 4. 5. (เอาเฉพาะข้อ 1 (รูป) ก่อน) ชัดๆครับ

อ้างคำพูด:
ไม่ใช่เอาร่างกายตั้ง แล้วเรียก รูป


ช่วยเคลียประโยคนี้หน่อยครับ เอาชัดๆ ร่างกาย กับ รูป ต่างกันแง่มุมไหน

ถามขำๆนะ คุณ student เคยถ่ายรูปไหม :b9: ถ่ายนาม หรือถ่ายรูป :b32: แล้วติดนามหรือติดรูป คิกๆๆ (กล้องรุ่นเก่านะ แล้วที่นำไปล้าง เขาล้างรูป หรือล้างนาม)


ต่างกันที่ความเห็นครับ รูปในขันธ์5 คือการประชุมกันของธาตุ4 ส่วนร่างกายคือความเห็นที่เป็นมุมมองเดียวคืออวัยวะ

ถ่ายรูปครับ เพราะมีนามของขันธ์5จึงรู้ว่าเป็นรูปจากการมอง ติดรูปครับ เพราะมีนามของขันธ์5จึงรู้ว่าเป็นรูป ล้างรูปครับ เพราะมีนามของขันธ์5 จึงรู้ว่าล้างรูป

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ม.ค. 2014, 15:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
กรัชกาย เขียน:
student เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
student เขียน:
กรัชกาย เขียน:
student เขียน:
รูปขันธ์ เป็นข้อหนึ่งในขันธ์5 มีเหตุปัจจัยเพราะกรรมและอาหารครับ



กรัชกายจะสรุปยังงี้ดีกว่า คุณ student วิจารณ์นะครับ

รูปขันธ์ ก็คือร่างกายที่มองเห็นแลเห็นทั้งหมดนี่แหละ ถูกไหมครับ

อีกสี่ขันธ์ ได้แก่ ความรู้สึกนึกคิด ถูกไหมครับ

รวมกัน จึงเป็นชีวิต (คน) หนึ่งๆนี้ ถูกไหมครับ :b1:


จะบอกว่ามองเห็นและเห็นก็ถูกครับ แต่ความเห็นผมนั้นรูปขันธ์ต้องเอามหาภูติรูป4 ตั้งครับ คือดิน น้ำ ลม ไฟ ไม่ใช่เอาร่างกายตั้ง แล้วเรียกรูป


อ้างคำพูด:
รูปขันธ์ต้องเอามหาภูติรูป 4 ตั้งครับ คือดิน น้ำ ลม ไฟ ไม่ใช่เอาร่างกายตั้ง แล้วเรียกรูป


คุณเห็นยังงั้น ท่านจำแนกออกเป็นธาตุต่าง่ๆแล้วครับ ท่านจำแนกแล้วขอรับ :b1:

ยังงี้ครับ ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตุ ผสมกันเป็นหนึ่ง (เรียกรูปตัวเดียว แต่เมื่อจำแนกก็เป็น 4 นั้นได้)

แต่ถ้าคิดอย่า่งคุณคิด มันเลย ๕ ขันธ์แล้วครับผม :b1: เป็นเท่าไรขันธ์ล่ะทีนี้ ลองจัดดูสิครับเอ้า :b1:

ถามอีกนะครับ แล้วที่เห็นโด่ๆ อยู่นี่อยู่นั่น เรียกอะไร ที่ ยืน นั่ง นอน เดินส่ายไปส่ายมา แกว่งไปแกว่งมา ไม่เรียกรูป แล้วเรียกอะไรครับผม



(โฮฮับเข้ามาแทรกจนยาวไป) คุณ student ช่วยตอบคำถามนี้หน่อยครับ :b1:


ต้องขึ้นอยู่กับเหตุของธรรมครับ ที่บอกว่าเห็นโด่ๆ อยู่เรียกอะไร ต้องสาวไปที่เหตุครับคำว่าเห็นในที่นี้คืออะไร ผัสสะที่เกิดจากการมองก็ต้องเรียกแตกต่างออกไปครับ แสง สี เป็นต้น ถ้าหลับตารู้ ก็ต้องพบกับรูปทางใดทางหนึ่งครับ พบกับรูปเมื่อผัสสะเกิดเป็นเย็นร้อนบ้าง อ่อนแข็งบ้าง เมื่อเป็นขันธ์5 ก็รู้ลงไปอีกเป็น รสชาติบ้าง เสียงบ้าง กลิ่นบ้าง อย่างจับแขน คุณกรัชกายจะรู้ได้กี่ทางบ้างครับ สมมุติสัจจะก็เรียกแขน ปรมัตถ์ก็ต้องดูว่าผัสสะที่เกิดขึ้นรู้อะไร


อ้างคำพูด:
เมื่อเป็นขันธ์ 5



คุณ student ยังเรียกรวมคลุมๆอยู่ ไหนลองแยกออกมาสิครับ อะไรบ้าง ที่ว่า 5 นั่นน่ะ 1. 2. 3. 4. 5. (เอาเฉพาะข้อ 1 (รูป) ก่อน) ชัดๆครับ

อ้างคำพูด:
ไม่ใช่เอาร่างกายตั้ง แล้วเรียก รูป


ช่วยเคลียประโยคนี้หน่อยครับ เอาชัดๆ ร่างกาย กับ รูป ต่างกันแง่มุมไหน

ถามขำๆนะ คุณ student เคยถ่ายรูปไหม :b9: ถ่ายนาม หรือถ่ายรูป :b32: แล้วติดนามหรือติดรูป คิกๆๆ (กล้องรุ่นเก่านะ แล้วที่นำไปล้าง เขาล้างรูป หรือล้างนาม)


ต่างกันที่ความเห็นครับ รูปในขันธ์5 คือการประชุมกันของธาตุ4 ส่วนร่างกายคือความเห็นที่เป็นมุมมองเดียวคืออวัยวะ

ถ่ายรูปครับ เพราะมีนามของขันธ์5จึงรู้ว่าเป็นรูปจากการมอง ติดรูปครับ เพราะมีนามของขันธ์5จึงรู้ว่าเป็นรูป ล้างรูปครับ เพราะมีนามของขันธ์5 จึงรู้ว่าล้างรูป




อ้างคำพูด:
เพราะมี นามของขันธ์ 5 จึงรู้ว่าเป็น รูป



คุณ student จัดขันธ์ 5 เป็นข้อๆสิครับ

1.
2.
3.
4.
5.

เอาข้อ 1. ชัดๆ แล้วบอกด้วยว่า ข้อไหนจัดเป็นรูป ข้อไหนจัดเป็นนาม

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ม.ค. 2014, 20:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คห. บน โฮฮับช่วยได้ครับ สองคนช่วยๆกัน :b1:

อ้างคำพูด:
รูปในขันธ์ 5 คือการประชุมกันของธาตุ 4 ส่วนร่างกาย คือ ความเห็นที่เป็นมุมมองเดียว คือ อวัยวะ


ดูความคิดความอ่านเรื่องชีวิต,รูปนามนี่่แล้ว ค่อนข้างมั่นใจว่า....? :b1: :b14:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ม.ค. 2014, 21:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
คห. บน โฮฮับช่วยได้ครับ สองคนช่วยๆกัน :b1:

อ้างคำพูด:
รูปในขันธ์ 5 คือการประชุมกันของธาตุ 4 ส่วนร่างกาย คือ ความเห็นที่เป็นมุมมองเดียว คือ อวัยวะ


ดูความคิดความอ่านเรื่องชีวิต,รูปนามนี่่แล้ว ค่อนข้างมั่นใจว่า....? :b1: :b14:


ครับ ความเห็นคุณกรัชกาย คล้ายๆกับว่า เป็นมุมมองของคนยืนดูอวัยวะทั้งหลาย แล้วบอกว่ารูป

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ม.ค. 2014, 05:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
student เขียน:
กรัชกาย เขียน:
student เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
student เขียน:
กรัชกาย เขียน:
student เขียน:
รูปขันธ์ เป็นข้อหนึ่งในขันธ์5 มีเหตุปัจจัยเพราะกรรมและอาหารครับ



กรัชกายจะสรุปยังงี้ดีกว่า คุณ student วิจารณ์นะครับ

รูปขันธ์ ก็คือร่างกายที่มองเห็นแลเห็นทั้งหมดนี่แหละ ถูกไหมครับ

อีกสี่ขันธ์ ได้แก่ ความรู้สึกนึกคิด ถูกไหมครับ

รวมกัน จึงเป็นชีวิต (คน) หนึ่งๆนี้ ถูกไหมครับ :b1:


จะบอกว่ามองเห็นและเห็นก็ถูกครับ แต่ความเห็นผมนั้นรูปขันธ์ต้องเอามหาภูติรูป4 ตั้งครับ คือดิน น้ำ ลม ไฟ ไม่ใช่เอาร่างกายตั้ง แล้วเรียกรูป


อ้างคำพูด:
รูปขันธ์ต้องเอามหาภูติรูป 4 ตั้งครับ คือดิน น้ำ ลม ไฟ ไม่ใช่เอาร่างกายตั้ง แล้วเรียกรูป


คุณเห็นยังงั้น ท่านจำแนกออกเป็นธาตุต่าง่ๆแล้วครับ ท่านจำแนกแล้วขอรับ :b1:

ยังงี้ครับ ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตุ ผสมกันเป็นหนึ่ง (เรียกรูปตัวเดียว แต่เมื่อจำแนกก็เป็น 4 นั้นได้)

แต่ถ้าคิดอย่า่งคุณคิด มันเลย ๕ ขันธ์แล้วครับผม :b1: เป็นเท่าไรขันธ์ล่ะทีนี้ ลองจัดดูสิครับเอ้า :b1:

ถามอีกนะครับ แล้วที่เห็นโด่ๆ อยู่นี่อยู่นั่น เรียกอะไร ที่ ยืน นั่ง นอน เดินส่ายไปส่ายมา แกว่งไปแกว่งมา ไม่เรียกรูป แล้วเรียกอะไรครับผม



(โฮฮับเข้ามาแทรกจนยาวไป) คุณ student ช่วยตอบคำถามนี้หน่อยครับ :b1:


ต้องขึ้นอยู่กับเหตุของธรรมครับ ที่บอกว่าเห็นโด่ๆ อยู่เรียกอะไร ต้องสาวไปที่เหตุครับคำว่าเห็นในที่นี้คืออะไร ผัสสะที่เกิดจากการมองก็ต้องเรียกแตกต่างออกไปครับ แสง สี เป็นต้น ถ้าหลับตารู้ ก็ต้องพบกับรูปทางใดทางหนึ่งครับ พบกับรูปเมื่อผัสสะเกิดเป็นเย็นร้อนบ้าง อ่อนแข็งบ้าง เมื่อเป็นขันธ์5 ก็รู้ลงไปอีกเป็น รสชาติบ้าง เสียงบ้าง กลิ่นบ้าง อย่างจับแขน คุณกรัชกายจะรู้ได้กี่ทางบ้างครับ สมมุติสัจจะก็เรียกแขน ปรมัตถ์ก็ต้องดูว่าผัสสะที่เกิดขึ้นรู้อะไร


อ้างคำพูด:
เมื่อเป็นขันธ์ 5



คุณ student ยังเรียกรวมคลุมๆอยู่ ไหนลองแยกออกมาสิครับ อะไรบ้าง ที่ว่า 5 นั่นน่ะ 1. 2. 3. 4. 5. (เอาเฉพาะข้อ 1 (รูป) ก่อน) ชัดๆครับ

อ้างคำพูด:
ไม่ใช่เอาร่างกายตั้ง แล้วเรียก รูป


ช่วยเคลียประโยคนี้หน่อยครับ เอาชัดๆ ร่างกาย กับ รูป ต่างกันแง่มุมไหน

ถามขำๆนะ คุณ student เคยถ่ายรูปไหม :b9: ถ่ายนาม หรือถ่ายรูป :b32: แล้วติดนามหรือติดรูป คิกๆๆ (กล้องรุ่นเก่านะ แล้วที่นำไปล้าง เขาล้างรูป หรือล้างนาม)


ต่างกันที่ความเห็นครับ รูปในขันธ์5 คือการประชุมกันของธาตุ4 ส่วนร่างกายคือความเห็นที่เป็นมุมมองเดียวคืออวัยวะ

ถ่ายรูปครับ เพราะมีนามของขันธ์5จึงรู้ว่าเป็นรูปจากการมอง ติดรูปครับ เพราะมีนามของขันธ์5จึงรู้ว่าเป็นรูป ล้างรูปครับ เพราะมีนามของขันธ์5 จึงรู้ว่าล้างรูป




อ้างคำพูด:
เพราะมี นามของขันธ์ 5 จึงรู้ว่าเป็น รูป



คุณ student จัดขันธ์ 5 เป็นข้อๆสิครับ

1.
2.
3.
4.
5.

เอาข้อ 1. ชัดๆ แล้วบอกด้วยว่า ข้อไหนจัดเป็นรูป ข้อไหนจัดเป็นนาม



คุณ student คห. นี้ขอรับ เอาชัดๆ เลยครับ :b1: ที่พูดว่า ขันธ์ 5 จำนวนห้า-5 นั่นน่ะ อะไรบ้าง ช้าๆ ชัดๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ม.ค. 2014, 10:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
student เขียน:
กรัชกาย เขียน:
student เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
student เขียน:
กรัชกาย เขียน:
student เขียน:
รูปขันธ์ เป็นข้อหนึ่งในขันธ์5 มีเหตุปัจจัยเพราะกรรมและอาหารครับ



กรัชกายจะสรุปยังงี้ดีกว่า คุณ student วิจารณ์นะครับ

รูปขันธ์ ก็คือร่างกายที่มองเห็นแลเห็นทั้งหมดนี่แหละ ถูกไหมครับ

อีกสี่ขันธ์ ได้แก่ ความรู้สึกนึกคิด ถูกไหมครับ

รวมกัน จึงเป็นชีวิต (คน) หนึ่งๆนี้ ถูกไหมครับ :b1:


จะบอกว่ามองเห็นและเห็นก็ถูกครับ แต่ความเห็นผมนั้นรูปขันธ์ต้องเอามหาภูติรูป4 ตั้งครับ คือดิน น้ำ ลม ไฟ ไม่ใช่เอาร่างกายตั้ง แล้วเรียกรูป


อ้างคำพูด:
รูปขันธ์ต้องเอามหาภูติรูป 4 ตั้งครับ คือดิน น้ำ ลม ไฟ ไม่ใช่เอาร่างกายตั้ง แล้วเรียกรูป


คุณเห็นยังงั้น ท่านจำแนกออกเป็นธาตุต่าง่ๆแล้วครับ ท่านจำแนกแล้วขอรับ :b1:

ยังงี้ครับ ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตุ ผสมกันเป็นหนึ่ง (เรียกรูปตัวเดียว แต่เมื่อจำแนกก็เป็น 4 นั้นได้)

แต่ถ้าคิดอย่า่งคุณคิด มันเลย ๕ ขันธ์แล้วครับผม :b1: เป็นเท่าไรขันธ์ล่ะทีนี้ ลองจัดดูสิครับเอ้า :b1:

ถามอีกนะครับ แล้วที่เห็นโด่ๆ อยู่นี่อยู่นั่น เรียกอะไร ที่ ยืน นั่ง นอน เดินส่ายไปส่ายมา แกว่งไปแกว่งมา ไม่เรียกรูป แล้วเรียกอะไรครับผม



(โฮฮับเข้ามาแทรกจนยาวไป) คุณ student ช่วยตอบคำถามนี้หน่อยครับ :b1:


ต้องขึ้นอยู่กับเหตุของธรรมครับ ที่บอกว่าเห็นโด่ๆ อยู่เรียกอะไร ต้องสาวไปที่เหตุครับคำว่าเห็นในที่นี้คืออะไร ผัสสะที่เกิดจากการมองก็ต้องเรียกแตกต่างออกไปครับ แสง สี เป็นต้น ถ้าหลับตารู้ ก็ต้องพบกับรูปทางใดทางหนึ่งครับ พบกับรูปเมื่อผัสสะเกิดเป็นเย็นร้อนบ้าง อ่อนแข็งบ้าง เมื่อเป็นขันธ์5 ก็รู้ลงไปอีกเป็น รสชาติบ้าง เสียงบ้าง กลิ่นบ้าง อย่างจับแขน คุณกรัชกายจะรู้ได้กี่ทางบ้างครับ สมมุติสัจจะก็เรียกแขน ปรมัตถ์ก็ต้องดูว่าผัสสะที่เกิดขึ้นรู้อะไร


อ้างคำพูด:
เมื่อเป็นขันธ์ 5



คุณ student ยังเรียกรวมคลุมๆอยู่ ไหนลองแยกออกมาสิครับ อะไรบ้าง ที่ว่า 5 นั่นน่ะ 1. 2. 3. 4. 5. (เอาเฉพาะข้อ 1 (รูป) ก่อน) ชัดๆครับ

อ้างคำพูด:
ไม่ใช่เอาร่างกายตั้ง แล้วเรียก รูป


ช่วยเคลียประโยคนี้หน่อยครับ เอาชัดๆ ร่างกาย กับ รูป ต่างกันแง่มุมไหน

ถามขำๆนะ คุณ student เคยถ่ายรูปไหม :b9: ถ่ายนาม หรือถ่ายรูป :b32: แล้วติดนามหรือติดรูป คิกๆๆ (กล้องรุ่นเก่านะ แล้วที่นำไปล้าง เขาล้างรูป หรือล้างนาม)


ต่างกันที่ความเห็นครับ รูปในขันธ์5 คือการประชุมกันของธาตุ4 ส่วนร่างกายคือความเห็นที่เป็นมุมมองเดียวคืออวัยวะ

ถ่ายรูปครับ เพราะมีนามของขันธ์5จึงรู้ว่าเป็นรูปจากการมอง ติดรูปครับ เพราะมีนามของขันธ์5จึงรู้ว่าเป็นรูป ล้างรูปครับ เพราะมีนามของขันธ์5 จึงรู้ว่าล้างรูป




อ้างคำพูด:
เพราะมี นามของขันธ์ 5 จึงรู้ว่าเป็น รูป



คุณ student จัดขันธ์ 5 เป็นข้อๆสิครับ

1.
2.
3.
4.
5.

เอาข้อ 1. ชัดๆ แล้วบอกด้วยว่า ข้อไหนจัดเป็นรูป ข้อไหนจัดเป็นนาม



คุณ student คห. นี้ขอรับ เอาชัดๆ เลยครับ :b1: ที่พูดว่า ขันธ์ 5 จำนวนห้า-5 นั่นน่ะ อะไรบ้าง ช้าๆ ชัดๆ


1 รูปขันธ์ การประชุมกันของมหาภูติรูป4 จัดเป็นรูปครับ
2 เวทนาขันธ์ เมื่อปัจจัยปรุงแต่งให้เกิดความรู้สึกว่า ทุกข์ หรือสุข หรือเฉยๆ จัดเป็นนามครับ
3 สัญญาขันธ์ เมื่อปัจจัยปรุงแต่งให้เกิดความจำได้หมายรู้ ว่านั้นสีแสงเสียงรสกลิ่นความสัมผัสความคิดต่างๆ เป็นนามครับ
4 สังขารขันธ์ เมื่อปัจจัยปรุงแต่งให้เกิด ความโลภ โกรธหลง เมตตา รัก สงสาร เป็นต้น จัดเป็นนาม
5 วิญญาณขันธ์ เมื่อปัจจัยปรุงแต่ง ให้เป็นตัวรู้การกระทบระหว่างอายตนะในนอก จัดเป็นนาม

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 102 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร