อยากจะดูความคิดเพียวๆเรื่องขันธ์ 5 จากฝึกจิตหน่อยก่อน เพราะโยงถึงปัญหาที่ปลีกวิเวกถามกรัชกาย ถ้ากรัชกายพูดไปก่อน เดี๋ยวไม่มีประเด็นพูดต่อ คิกๆๆ

เอ้า.....รอนิด...

ขณะรอทำความเข้าใจหัวข้อนี้ก่อน


พระพุทธศาสนา นี้มีอะไรที่มองดูคล้ายๆขัดกันเป็นตรงข้าม แต่ที่จริงเสริมกัน ถ้าผู้ศึกษาตีแตกก็จะเข้าใจพระพุทธศาสนาชัด และปฏิบัติได้ถูก

เรื่อง อัตตา - อนัตตา เป็นหลักทางปัญญาที่สำคัญยิ่ง พระพุทธศาสนาสอนเรื่องนี้ไว้ ถ้าพูดเป็นภาษาธรรมดา ก็ว่า อัตตาที่ไม่มีนั้น ใช้มันไปเถอะ ได้ประโยชน์ดีจริงๆ ท่านสอนให้พัฒนาไปจนถึงที่สุด แล้วจะประสบพบสิ่งที่เลิศประเสริฐยิ่ง แต่อัตตามีขึ้นเมื่อไร เป็นปัญหาทุกที เกิดอัตตาขึ้นมาเมื่อไรก็ยุ่งเมื่อนั้น มีปัญหา เกิดทุกข์ เกิดการกระทบกระทั่งอะไรต่างๆ


พระพุทธศาสนามีคำสอนว่าด้วยอัตตาหรือตัวตน นี้มากมาย เช่น

อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน

อตฺตทีปา อตฺตสรณา จงมีตนเป็นเกาะ จงมีตนเป็นที่พึ่ง

อตฺตานํ ทมยนฺติ ปณฺฑิตา บัณฑิตทั้งหลาย ย่อมฝึกตน

อตฺตานญฺเจ ปิยํ ชญฺญา น นํ ปาเปน สํยุเช

หากรู้ว่าตัวนี้ เป็นที่รัก ก็ไม่ควรเอาตัวนั้นไปเกลือกกลั้วกับความชั่ว

ฯลฯ

เรื่องตัวเรื่องตนนี้ พระพุทธศาสนาสอนไว้มากมาย ในระดับตัวตนสมมตินี้ ที่มันไม่มีนี่แหละ พระพุทธศาสนาพูดเต็มที่เลย ให้ใช้ ให้ปฏิบัติ ให้พัฒนามัน จะเป็นประโยชน์ดีเหลือเกิน ท่านไม่มาเที่ยวพูดยุ่งไนระดับสมมติ ว่าไม่มีอัตตา


แต่ในระดับปรมัตถ์ ท่านให้รู้เท่าทันว่าอัตตามันไม่ใช่เป็นของจริง ถ้ามันมีขึ้นเมื่อไร เกิดยึดถือขึ้นเมื่อไร เป็นเกิดโทษทุกที ปัญหาจะมา


จึงบอกว่า อัตตาที่ไม่่มีนัั้น พัฒนาไปเถิด จะประสบสิ่งที่เลิศประเสริฐยิ่ง แต่อัตตามีเมื่อไร เกิดปัญหาทุกที

อัตตาที่ไม่มีนั้น ให้ใช้มันไปเถิดอย่างรู้กัน และรู้ทัน ส่วนอัตตาที่จะมีก็ให้รู้แจ้งรู้ทัน มันจะได้ไม่เกิดขึ้นมา

ฝึกจิตไม่มา ถ้างั้น กบตอบแทนหน่อย เชิญเลยครับ ว่าไป

เหมือนกัน....

ว่า เหมือนกันก็ดีแล้ว กบจัดสงเคราะห์เข้ากันสิครับ

ไม่เข้าใจ....สงเคราะห์เข้าด้วยกัน

กรัชกาย....จัดการเลย..

ขันธ์ 5 กาย-ใจ กายะ-มโน ร่างกาย-จิตใจ รูปนาม นามรูป


กบว่านั่นมันเหมือนกัน ก็จัดทั้งหมดให้ลงตัว เหลือหนึ่งเดียวอันเดียว เพราะมันเหมือนกัน

ลืมปรมัตถธรรมไปชุดหนึงได้แก่ จิต เจตสิก รูป ว่าสะคราวเดียวกัน คือเราจะพูดว่า จิต เจตสิก รูป, ขันธ์ 5, กาย-ใจ กายะ-มโน ร่างกาย-จิตใจ รูปนาม นามรูป ก็ส่ิ่งเดียวคือชีวิตหนึ่งนี่ แต่ท่านยักเยื้องเรียกไปต่างๆ

เรียกว่า จิต เจตสิก รูป = นามกับรูป (หรือรูปนาม-รูปธรรม กับ นามธรรม ) ก็ = ชีวิตนี้

เรียกว่า ขันธ์ 5 (1. รูปขันธ์ 2. เวทนาขันธ์ 3.สัญญาขันธ์ 4.สังขารขันธ์ 5.วิญญาณขันธ์) ก็ = ชีวิตนี้ เรียกย่อๆ ก็รูปกับนาม ข้อ 1 = รูป อีก 4 ข้อหลัง = นาม เรียกย่อๆว่า รูปนาม หรือนามรูป ก็= ชีวิตหนึ่งนี้

ที่บ้านเรา (นำในวงเล็บไปพูด-คิดกัน) พูด กาย ใจ ก็ชีวิตนี้ ก็ = กายะ มโน - บาลี จักขุ (ตา) โสตะ (หู) ฆานะ (จมูก) ชิวหา (ลิ้น) กายะ (กาย) มโน (ใจ) ย่นย่อเรียก = กาย กับ ใจ (หรือร่างกาย กับ จิตใจ)

รวมความว่า กาย ใจ - นามรูป = ชีวิตนี่นี้ ทางธรรมเรียกปรมัตถ์ (ปรมัตถธรรม) สภาวะ (สภาวธรรม) กาย ใจ หรือ นามรูป ธรรมดาของมัน เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

ช่วงนี้ ยังเป็นสภาวธรรมล้วนๆ ซึ่งเป็นไปตามสภาพของมันเอง เรายังไม่บัญญัติชื่อนั่นนี่เรียกมัน

ทิ้งให้คิดกันก่อน พิจารณาดีๆ หากยังไม่เคลียร์ เห็นแย้งได้