วันเวลาปัจจุบัน 24 มิ.ย. 2025, 19:54  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 346 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 16, 17, 18, 19, 20, 21, 22 ... 24  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 เม.ย. 2014, 08:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


โสดาบัน...ดูจาก..สังโยชน์3 ตัวแรก..ง่ายสุด..ว่ามั้ยครับ..อโสกะ

ของอโสกะ....สักกายทิฏฐิ....หมดไปแล้วนี้....ปกติมีอารมณ์แบบไหนครับ...ที่ดูเหมือนว่า..มันต่างจากแต่ก่อน?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 เม.ย. 2014, 12:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ไม่ได้ห้ามเลย....แต่อย่า 2 มาตราฐาน..เท่านั้น

สักกายทิฏฐิ...อ้างว่าตำราบอก...โสดาบันตัดขาดแล้ว
พอ..มานะทิฏฐิ...ไม่หยักกะบอกอย่างตำราว่าคือการเปรียบเทียบ....แต่กลับใช้ความรู้สึกตนว่าเป็น..กูตัวน้องบ้างละ...เป็นกูมี..บ้างละ....

อย่างนี้...ผมมิต้องใช้มะกอกทั้งตลาด...มาปาอโสกะ..หรอกรึ?

s004
แล้วกบจะเข้าใจ ความละเอียดของการขุดถอนมานะทิฏฐิเป็นชั้นๆได้หรือเปล่าล่ะ ในตำรายังไม่มีท่านใดบอกไว้เป็นตัวหนังสือชัดๆที่บอกไว้ชัดนั้นมีเพียงว่า

พระอรหันต์ ละสังโยชน์ที่เหลืออีก 5 อย่างได้หมดสิ้น คือ รูปราคะ อรูปราคะ มานะ อุทธัจจะ อวิชชา

ท่านไม่ได้บอกอย่างที่อโศกะแจงให้ฟังว่า มานะทิฏฐินี่ เขาถูกถอน ทำให้เบาบางมาแล้วตั้งแต่ โสดาปัตติผล

25 % สกิทาคา 50 % อนาคา 75% อรหันตา 100 %


เพราะมันยังไม่มีใครเอามาบอกไว้ในตำรา เรื่องถอนมานะโดยละเอียด กบจึงเข้าใจว่าอโศกะเอาความรู้สึกมาบอก นี่ไม่ใช่ความรู้สึกแต่เป็น "สัจธรรม" รู้ได้จาก ความสังเกต(สังกัปปะ)
:b11:
กบเอามะกอกที่จะมาปาอโศกะเก็บไว้ใส่น้ำพริกใบบัวบก เพื้อแก้ช้ำในดีกว่านะ เพราะมะกอกป่าเดี๋ยวนี้หายากและแพงด้วย
:b12: :b3:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 เม.ย. 2014, 15:48 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


สังเกตุ....คือ..สังกัปปะ...ของอโสกะ..นี้ฝากใว้ก่อนนะ....
:b23: :b23:

เอานี้กอน...
กบนอกกะลา เขียน:
โสดาบัน...ดูจาก..สังโยชน์3 ตัวแรก..ง่ายสุด..ว่ามั้ยครับ..อโสกะ

ของอโสกะ....สักกายทิฏฐิ....หมดไปแล้วนี้....ปกติมีอารมณ์แบบไหนครับ...ที่ดูเหมือนว่า..มันต่างจากแต่ก่อน?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 เม.ย. 2014, 16:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:

แล้วกบจะเข้าใจ ความละเอียดของการขุดถอนมานะทิฏฐิเป็นชั้นๆได้หรือเปล่าล่ะ ในตำรายังไม่มีท่านใดบอกไว้เป็นตัวหนังสือชัดๆที่บอกไว้ชัดนั้นมีเพียงว่า

พระอรหันต์ ละสังโยชน์ที่เหลืออีก 5 อย่างได้หมดสิ้น คือ รูปราคะ อรูปราคะ มานะ อุทธัจจะ อวิชชา

ท่านไม่ได้บอกอย่างที่อโศกะแจงให้ฟังว่า มานะทิฏฐินี่ เขาถูกถอน ทำให้เบาบางมาแล้วตั้งแต่ โสดาปัตติผล

25 % สกิทาคา 50 % อนาคา 75% อรหันตา 100 %

เพราะมันยังไม่มีใครเอามาบอกไว้ในตำรา เรื่องถอนมานะโดยละเอียด กบจึงเข้าใจว่าอโศกะเอาความรู้สึกมาบอก นี่ไม่ใช่ความรู้สึกแต่เป็น "สัจธรรม" รู้ได้จาก ความสังเกต(สังกัปปะ)



อโศกคิดก็เหมือนกันกับความคิดของใครๆคนอีกหลายๆคน คือ คิดเอาเอง บวกลบคูณหารเอาเอง ว่าที่ตัวเองคิดนั่นแหละเป็นธรรมะ :b32: แต่ไม่ใช่ เป็นความฟุ้งซ่าน

ดูๆไปยกสังกัปปะตัวเดียวขึ้นอ้างอิงเข้าข้างตนเองอีก ยังแถมไปจัดเป็น % ให้อีก ศาสดาอโศกจริงๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 เม.ย. 2014, 16:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


การถอนอะไรต่ออะไรอย่างที่อโศกว่า เขามีหลักอยู่แล้ว ได้แก่ ปฏิบัติตามหลักไตรสิกขา แต่ก็ต้องปฏิบัติให้ถูกนะ มันมีถูกมีผิดนะ


แบบที่ ๑ ทักขิไณยบุคคล หรืออริยบุคคล ๘

เกณฑ์ แบ่งแบบนี้ จัดตามกิเลสคือสังโยชน์ที่ละได้ในแต่ละขั้น พร้อมไปกับความความก้าวหน้าในการบำเพ็ญไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ และปัญญา ดังนั้นจึงควรรู้จักสังโยชน์ไว้


สังโยชน์ แปลตามศัพท์ว่า เครื่องผูก หมายถึงกิเลสที่ผูกใจสัตว์ หรืออกุศลธรรมที่ผูกมัดสัตว์ไว้กับทุกข์ในสังสารวัฏฏ์ เหมือนผูกเทียมสัตว์ไว้กับรถ มี ๑๐ อย่าง คือ


ก. โอรัมภาคิยสังโยชน์ (สังโยชน์เบื้องต่ำ หรือขั้นหยาบ) ๕ อย่าง คือ


๑. สักกายทิฏฐิ ความเห็นว่า เป็นตัวของตน ความเห็นที่ยังติดแน่นในสมมติว่าเป็นตัวตน เราเขา เป็นนั่นเป็นนี่ มองไม่เห็นสภาพความจริง ที่สัตว์บุคคลเป็นเพียงองค์ประกอบต่างๆ มาประชุมกันเข้า ทำให้มีความเห็นแก่ตัวในขั้นหยาบ และความรู้สึกกระทบกระทั่งบีบคั้นเป็นทุกข์ได้รุนแรง


๒. วิจิกิจฉา ความลังเล สงสัย เคลือบแคลงต่างๆ เช่น สงสัยในพระศาสดา ในพระธรรม ในพระสงฆ์ ในสิกขา ในเรื่องที่มาที่ไปของชีวิต ในปฏิจจสมุปบาท เป็นต้น ทำให้ไม่มั่นใจ ไม่เข้มแข็งแกล้วกล้าที่จะดำเนินชีวิตตามหลักธรรม ด้วยความมีเหตุมีผล และในการที่จะเดินหน้าแน่วดิ่งไปในอริยมรรคา


๓. สีลัพพตปรามาส ความถือมั่นศีลพรต คือความยึดถือผิดพลาดไปว่า จะบริสุทธิ์ จะหลุดพ้นได้เพียงด้วยศีลและพรต ได้แก่ การถือศีล ระเบียบ แบบแผน บทบัญญัติ และข้อปฏิบัติต่างๆ โดยสักว่าทำตามๆกันไปอย่างงมงาย เห็นเป็นขลังหรือศักดิ์สิทธิ์ ติดอยู่แต่รูปแบบหรือพิธีรีตอง ก็ดี ถือด้วยตัณหาและทิฏฐิ คือปฏิบัติเพราะอยากได้ผลประโยชน์ตอบแทนอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือเพราะเห็นว่าจะทำให้ได้เป็นนั่นเป็นนี่ ก็ดี ไม่เป็นไปตามความหมาย และความมุ่งหมายที่แท้จริงของศีลและพรต ทำให้เขวออกนอกลู่นอกทาง หรือเลยเถิดไป เป็นอย่างศีลและพรตของนักบำเพ็ญตบะ เป็นต้น ไม่เข้าสู่อริยมรรค

๔. กามราคะ ความติดใคร่ในกาม ความอยากได้ใฝ่หาในเรื่องรูป เสียง กลิ่น รส และโผฏฐัพพะ ที่ชอบใจ

๕. ปฏิฆะ ความกระทบกระทั่งในใจ ความหงุดหงิดขัดเคือง หรืองุ่นง่านใจ


ข. อุทธัมภาคิยสังโยชน์ (สังโยชน์เบื้องสูง หรือขั้นละเอียด) ๕ อย่าง คือ

๖. รูปราคะ ความติดใจในรูปธรรมอันประณีต เช่น ติดใจในอารมณ์แห่งรูปฌาน พอใจในรสความสุข ความสงบของสมาธิขั้นรูปฌาน ติดใจปรารถนาในรูปภพ เป็นต้น

๗. อรูปราคะ ความติดใจในอรูปธรรม เช่น ติดใจในอารมณ์แห่งอรูปฌาน ติดใจปรารถนาในอรูปภพ เป็นต้น

๘. มานะ ความถือตัว ความสำคัญตนเป็นนั่นเป็นนี่ เช่นว่า สูงกว่าเขา เท่าเทียบเขา ต่ำกว่าเขา เป็นต้น

๙. อุทธัจจะ ความฟุ้งซ่าน จิตใจไม่สงบ ว้าวุ่น ซัดส่าย คิดพล่านไป

๑๐. อวิชชา ความไม่รู้จริง ไม่รู้เท่าทันสภาวะ ไม่เข้าใจกฎธรรมดาแห่งเหตุและผล หรือไม่รู้อริยสัจ



เมื่อนำหลักมาวางแบให้เห็นแล้ว จะเห็นว่า อโศกยังไม่ผ่านข้อ ๑ คือ สักกายทิฏฐิเลย หมายความว่า ตนยังสับสนในชีวิต ... อ้าว จริงๆ :b32: ยังมีความคิดไม่ลงตัวกับชีวิตนี้ :b1: สังโยชน์สามข้อต้นพระโสดาบันท่านข้ามพ้นแล้ว คือท่านเข้าใจชีวิต เข้าใจปฏิจจสมุปบาทตามสมควรแล้ว

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 เม.ย. 2014, 20:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
สังเกตุ....คือ..สังกัปปะ...ของอโสกะ..นี้ฝากใว้ก่อนนะ....
:b23: :b23:

เอานี้กอน...
กบนอกกะลา เขียน:
โสดาบัน...ดูจาก..สังโยชน์3 ตัวแรก..ง่ายสุด..ว่ามั้ยครับ..อโสกะ

สักกายทิฏฐิ....หมดไปแล้วนี้....ปกติมีอารมณ์แบบไหนครับ...ที่ดูเหมือนว่า..มันต่างจากแต่ก่อน?

:b38:
สิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้ที่สักกายทิฏฐิตายขาดไปแล้ว ที่ชัดเจนมากตอนใหม่ๆคือ

ลิกตะโต.......ความกลวง ว่างเปล่าอยู่ภายใน คลัายกับไม่มีผู้รับและตอบโต้กับผัสสะและเวทนาทั้งหลาย แต่ความจริงยังมีผู้รับอยู่แต่เป็นผู้รับที่ละเอียดอยู่ลึกๆภายใน การตอบโต้ไม่โผงผางมุทะลุดุดันเหมือนเดิม

อสาระกัตถัง......ไม่เห็นความเป็นแก่นสารใดๆในสรรพสิ่ง

สุญโญ......ว่างเปล่าจากความเป็นตัวเป็นตน

ความโกรธ เกิดยากขึ้น หรือโกรธไม่ค่อยเป็น สติรู้ทันความขุ่นมัวของจิตได้เร็ว

มีแต่เมตตา อยากจะให้ อยากจะช่วยเพื่อนมนุษย์และสัตว์โลก ไม่เอา ไม่สะสม

ถ้า่คิดจะล่วงศีล ใจจะสั่นมากๆและทำไม่ได้

มีสังขารุเปกขาญาณเป็นเครื่องอยู่เมื่อว่างเว้นจากกิจการ หน้าที่รับผิดชอบทางโลก

เอาเท่าที่นึกได้เท่านี้ก่อนนะครับ

อ้อของแถม

เรื่องปฏิจจสมุปบาทนั้นจะชัดเจน และซาบซึ่งมากตอนที่ปัจจเวกใหม่ๆ จนทำให้หมดสงสัยในพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์
:b45: :b45: :b45:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 เม.ย. 2014, 20:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b34:
อ้างคำพูด:
กรัชกาย เมื่อนำหลักมาวางแบให้เห็นแล้ว จะเห็นว่า อโศกยังไม่ผ่านข้อ ๑ คือ สักกายทิฏฐิเลย หมายความว่า ตนยังสับสนในชีวิต ... อ้าว จริงๆ :b32: ยังมีความคิดไม่ลงตัวกับชีวิตนี้ :b1: สังโยชน์สามข้อต้นพระโสดาบันท่านข้ามพ้นแล้ว คือท่านเข้าใจชีวิต เข้าใจปฏิจจสมุปบาทตามสมควรแล้ว

:b6:
สรุปความเอาตามใจตัวเองใช่ไหม กรัชกาย
s004


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 เม.ย. 2014, 21:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
สังเกตุ....คือ..สังกัปปะ...ของอโสกะ..นี้ฝากใว้ก่อนนะ....
:b23: :b23:

เอานี้กอน...
กบนอกกะลา เขียน:
โสดาบัน...ดูจาก..สังโยชน์3 ตัวแรก..ง่ายสุด..ว่ามั้ยครับ..อโสกะ

สักกายทิฏฐิ....หมดไปแล้วนี้....ปกติมีอารมณ์แบบไหนครับ...ที่ดูเหมือนว่า..มันต่างจากแต่ก่อน?

:b38:
สิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้ที่สักกายทิฏฐิตายขาดไปแล้ว ที่ชัดเจนมากตอนใหม่ๆคือ

ลิกตะโต.......ความกลวง ว่างเปล่าอยู่ภายใน คลัายกับไม่มีผู้รับและตอบโต้กับผัสสะและเวทนาทั้งหลาย แต่ความจริงยังมีผู้รับอยู่แต่เป็นผู้รับที่ละเอียดอยู่ลึกๆภายใน การตอบโต้ไม่โผงผางมุทะลุดุดันเหมือนเดิม

อสาระกัตถัง......ไม่เห็นความเป็นแก่นสารใดๆในสรรพสิ่ง

สุญโญ......ว่างเปล่าจากความเป็นตัวเป็นตน

ความโกรธ เกิดยากขึ้น หรือโกรธไม่ค่อยเป็น สติรู้ทันความขุ่นมัวของจิตได้เร็ว

มีแต่เมตตา อยากจะให้ อยากจะช่วยเพื่อนมนุษย์และสัตว์โลก ไม่เอา ไม่สะสม

ถ้า่คิดจะล่วงศีล ใจจะสั่นมากๆและทำไม่ได้

มีสังขารุเปกขาญาณเป็นเครื่องอยู่เมื่อว่างเว้นจากกิจการ หน้าที่รับผิดชอบทางโลก

เอาเท่าที่นึกได้เท่านี้ก่อนนะครับ

อ้อของแถม

เรื่องปฏิจจสมุปบาทนั้นจะชัดเจน และซาบซึ่งมากตอนที่ปัจจเวกใหม่ๆ จนทำให้หมดสงสัยในพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์
:b45: :b45: :b45:



แล้ว...มาที่วิจิกิจฉา..ละครับ...

ตอนขาดใหม่ๆ....มีอารมณ์แบบไหน...หลังจากวินาที..นั้น..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 เม.ย. 2014, 04:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b34:
อ้างคำพูด:
กรัชกาย เมื่อนำหลักมาวางแบให้เห็นแล้ว จะเห็นว่า อโศกยังไม่ผ่านข้อ ๑ คือ สักกายทิฏฐิเลย หมายความว่า ตนยังสับสนในชีวิต ... อ้าว จริงๆ :b32: ยังมีความคิดไม่ลงตัวกับชีวิตนี้ :b1: สังโยชน์สามข้อต้นพระโสดาบันท่านข้ามพ้นแล้ว คือท่านเข้าใจชีวิต เข้าใจปฏิจจสมุปบาทตามสมควรแล้ว

:b6:
สรุปความเอาตามใจตัวเองใช่ไหม กรัชกาย


แล้วอโศกว่ากรัชกายสรุปความถูกมั้ยล่ะ ตรงกับที่อโศกเป็นอยู่ขณะนี้มั้ย ตอบใจตัวเองอย่างตรงไปตรงมาขอรับ อย่าหลอกความรู้สึกตัวเอง :b32: ได้คำตอบแล้วก็ตามนั้น ไม่ต้องบอกกับกรัชกายก็ได้ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 เม.ย. 2014, 08:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
smiley
ลืมสวัสดีปีใหม่ไทย Nongkong ด้วยขออภัยนะจ๊ะ

น้องมาตักเตือนคนที่หลงผิดวิจารณ์ว่าหลวงปู่มั่นยังไม่ถึงโสดาบันได้อย่างสะใจนี้ก็ขอนับถือจริงๆครับ
:b27:

cool
หวัดดีปีใหม่ค่ะอโสกะ tongue
เรื่องคนที่อวดตัวอวดตนว่าตนรู้ดีรู้มาก ก็ต้องเจอแบบนี้แหละ555+ มันเป็นกฏแห่งกรรมเป็นเรื่องของวิบากของแต่ละคน :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 เม.ย. 2014, 14:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


s006
อ้างคำพูด:
กบนอกกะลา .....แล้ว...มาที่วิจิกิจฉา..ละครับ...

ตอนขาดใหม่ๆ....มีอารมณ์แบบไหน...หลังจากวินาที..นั้น..

:b8:
โอ้!...พระพุทธเจ้านี่ช่างอัศจรรย์จริงหนอ พระธรรมนี่ช่างอัศจรรย์จริงหนอ พระสงฆ์นี่ช่างมีพระคุณยิ่งหนอ
ท่านไปรู้ได้อย่างไรว่า เมื่อความเห็นผิดขาดสะบั้นลงแล้วมันช่างสุขเย็น เบา สบาย กลวงโบ๋อยู่ข้างในเช่นนี้
หลังจากนั้นน้ำตาแห่งปีติก็เอ่อล้นออกมาเป็นนานสองนานกว่าจะระงับได้ หมดสงสัยในคุณแห่งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คำสวดที่ว่า สรณะอื่นของข้าพเจ้าไม่มี พระพุทธเจ้า (พระธรรม พระสงฆ์) เป็นสรณะอันประเสริฐสูงสุดของข้าพเจ้า.......ดังก้องขึ้นมาในจิตใจหลายนาที

:b27:
Kiss


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 เม.ย. 2014, 14:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
:b34:
อ้างคำพูด:
กรัชกาย เมื่อนำหลักมาวางแบให้เห็นแล้ว จะเห็นว่า อโศกยังไม่ผ่านข้อ ๑ คือ สักกายทิฏฐิเลย หมายความว่า ตนยังสับสนในชีวิต ... อ้าว จริงๆ :b32: ยังมีความคิดไม่ลงตัวกับชีวิตนี้ :b1: สังโยชน์สามข้อต้นพระโสดาบันท่านข้ามพ้นแล้ว คือท่านเข้าใจชีวิต เข้าใจปฏิจจสมุปบาทตามสมควรแล้ว

:b6:
สรุปความเอาตามใจตัวเองใช่ไหม กรัชกาย


แล้วอโศกว่ากรัชกายสรุปความถูกมั้ยล่ะ ตรงกับที่อโศกเป็นอยู่ขณะนี้มั้ย ตอบใจตัวเองอย่างตรงไปตรงมาขอรับ อย่าหลอกความรู้สึกตัวเอง :b32: ได้คำตอบแล้วก็ตามนั้น ไม่ต้องบอกกับกรัชกายก็ได้ :b1:

:b16: :b16: :b16:
คนที่มุ่งมั่นแน่วแน่ เป็นหนึ่งอยู่บนเส้นทางอันเอกเส้นเดียว ไม่เหลียวแลไปทางอื่นแล้ว ปฏิจจสมุปบาทก็ชัดเจนแจ่มแจ้งยิ่งนักทั้งอนุโลมและปฏิโลม จะมีความสับสนอะไรในชีวิตอีกเล่า กรัชกาย ฤากรัชกาายกำลังเป็นเช่นนั้น
s006


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 เม.ย. 2014, 19:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:

คนที่มุ่งมั่นแน่วแน่ เป็นหนึ่งอยู่บนเส้นทางอันเอกเส้นเดียว ไม่เหลียวแลไปทางอื่นแล้ว ปฏิจจสมุปบาทก็ชัดเจนแจ่มแจ้งยิ่งนักทั้งอนุโลมและปฏิโลม จะมีความสับสนอะไรในชีวิตอีกเล่า กรัชกาย ฤากรัชกาายกำลังเป็นเช่นนั้น


อ้างคำพูด:
ปฏิจจสมุปบาทก็ชัดเจนแจ่มแจ้งยิ่งนักทั้งอนุโลมและปฏิโลม จะมีความสับสนอะไรในชีวิตอีกเล่า


งั้นก็ ขอถามหน่อย ชีวิต กับคนหรือมนุษย์เหมือนกันหรือต่างกัน :b14:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 เม.ย. 2014, 22:35 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
s006
อ้างคำพูด:
กบนอกกะลา .....แล้ว...มาที่วิจิกิจฉา..ละครับ...

ตอนขาดใหม่ๆ....มีอารมณ์แบบไหน...หลังจากวินาที..นั้น..

:b8:
โอ้!...พระพุทธเจ้านี่ช่างอัศจรรย์จริงหนอ พระธรรมนี่ช่างอัศจรรย์จริงหนอ พระสงฆ์นี่ช่างมีพระคุณยิ่งหนอ
ท่านไปรู้ได้อย่างไรว่า เมื่อความเห็นผิดขาดสะบั้นลงแล้วมันช่างสุขเย็น เบา สบาย กลวงโบ๋อยู่ข้างในเช่นนี้
หลังจากนั้นน้ำตาแห่งปีติก็เอ่อล้นออกมาเป็นนานสองนานกว่าจะระงับได้ หมดสงสัยในคุณแห่งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คำสวดที่ว่า สรณะอื่นของข้าพเจ้าไม่มี พระพุทธเจ้า (พระธรรม พระสงฆ์) เป็นสรณะอันประเสริฐสูงสุดของข้าพเจ้า.......ดังก้องขึ้นมาในจิตใจหลายนาที

:b27:
Kiss


ok.....อันนี้ใช่...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 เม.ย. 2014, 22:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b23: :
สิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้ที่สักกายทิฏฐิตายขาดไปแล้ว ที่ชัดเจนมากตอนใหม่ๆคือ

ลิกตะโต.......ความกลวง ว่างเปล่าอยู่ภายใน คลัายกับไม่มีผู้รับและตอบโต้กับผัสสะและเวทนาทั้งหลาย แต่ความจริงยังมีผู้รับอยู่แต่เป็นผู้รับที่ละเอียดอยู่ลึกๆภายใน การตอบโต้ไม่โผงผางมุทะลุดุดันเหมือนเดิม

อสาระกัตถัง......ไม่เห็นความเป็นแก่นสารใดๆในสรรพสิ่ง

สุญโญ......ว่างเปล่าจากความเป็นตัวเป็นตน

ความโกรธ เกิดยากขึ้น หรือโกรธไม่ค่อยเป็น สติรู้ทันความขุ่นมัวของจิตได้เร็ว

มีแต่เมตตา อยากจะให้ อยากจะช่วยเพื่อนมนุษย์และสัตว์โลก ไม่เอา ไม่สะสม

ถ้า่คิดจะล่วงศีล ใจจะสั่นมากๆและทำไม่ได้

มีสังขารุเปกขาญาณเป็นเครื่องอยู่เมื่อว่างเว้นจากกิจการ หน้าที่รับผิดชอบทางโลก
เอาเท่าที่นึกได้เท่านี้ก่อนนะครับ
อ้อของแถม
เรื่องปฏิจจสมุปบาทนั้นจะชัดเจน และซาบซึ่งมากตอนที่ปัจจเวกใหม่ๆ จนทำให้หมดสงสัยในพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์
:b45: :b45: :b45:

อันนี้ยังไม่ชัด.....

เพราะอาการอย่างนี้...เกิดกับผู้ที่กำลัง. Falling...in Love ธรรมะ...ก็เป็น....คือ..ทั้งวัน...มีความสุขกับการฟังธรรม..ปฏิบัติธรรม...มีสติดี..ตลอดทั้งวัน....และมีอาการอยากบอกข่าวอันประเสริฐ...คือ..พระธรรม.ขององค์สมเด็จฯนี้ดีจริงๆ...แก่ผู้ที่ใกล้ชิด
แต่ก็เป็นสัญญาณที่ดี.....


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 346 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 16, 17, 18, 19, 20, 21, 22 ... 24  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร