วันเวลาปัจจุบัน 06 ส.ค. 2025, 02:24  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 117 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 21 เม.ย. 2014, 22:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
:b12: :b12: :b12:
อ้างคำพูด:
วิธีแก้ เคยบอกหลายครั้งแล้ว แต่อโศกไม่่เข้าใจเอง (ไม่ต้องอ้างอิง สติ สัมปชัญญะ สมาธิ ปัญญา อะไรต่ออะไร ไม่ต้อง) เอาอีกครั้งหนึ่งนะขอรับ มันเป็นยังไง รู้สึกยังไง เห็นยังไง ได้ยินยังไง .... ก็กำหนดรู้ตามนั้น ตามที่มันเป็นทุกๆขณะ นี่หลักการ การกำหนดรู้นามรูปตามเป็นจริง หรือตามที่มันเป็นของมัน :b1:

ถามได้อีกถ้ายังไม่เข้าใจ
:b1:
:b3: :b3:
ในที่สุด กรัชกายก็มาใช้คำตอบสุดท้าย ที่อโศกะตอบไว้ให้สั้นๆตั้งแต่เริ่มต้น ทุกหนทุกแห่ง ลองพิจารณาดูดีๆซิ ว่าเนี้ยบกว่ากัน สั้นและได้ใจความไหม

"(สำรวมกาย ใจ มา) "นิ่งรู้ นิ่งสังเกต ปัจจุบันอารมณ์ จนดับไป" (ต่อหน้าต่อตา)"

ปัจจุบันอารมณ์นี่เขารวมทุกเรื่องที่กรัชกายยกขึ้นมาถามทั้งหมดเชียวนะ



โงกง่วง อโศก นิ่งรู้ นิ่งสังเกต ปัจจุบันอารมณ์ (อย่างว่า) จนดับไป ยังไง V แบบนั้น



:b12:
แก้ไขไปตามอาการปัจจุบัน

ง่วงก็แก้ง่วงก่อนด้วยวิธีการต่างๆ อย่าดันทุรัง พร้อมแล้วจึงค่อยมานั่งทำความเพียรใหม่
:b48:


โพสต์ เมื่อ: 21 เม.ย. 2014, 22:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ตัวอย่างเป็น...


อ้างคำพูด:
ผมนั่งสมาธิแล้วโดนต่อต่อยเข้ากลางหัวครับ กับ อะไรก็รู้ไม่ปาใส่

คือ
งี้ครับ พอผมนั่งแล้วมันมีตัวต่อมาบินอยู่เหนือหัวครับ แต่จับหรือสัมผัสไม่ได้ แต่เสียงตัวต่อชัดเจนมาก ผมเอามือปิดหัวไว้ เขาพยายามจะต่อยผมให้ได้ พอผมยอมให้เขาต่อย ก็เจ็บนะครับ แต่พอออกสมาธิแล้ว ไม่มีบาดแผล ไม่มีความเจ็บ ปกติดีทุกอย่าง? แล้วจะมีอีกครับ คือจะโดนอะไรคล้ายปลาไหลโยนใส่มือ หรือเหรียญบาท ปาใส่หน้า เสียงชัดเจนมากเลย แต่ตรวจดูแล้วก็ไม่มีอะไร ผมงงมากเลยครับ อ้อมีอีกอย่างครับ จะได้ยินคนพูดรัวๆเร็วๆ ดังไปไปหมด จับความไม่ได้
และรู้สึกว่ามีคนมาล้อม กับ จ้องมอง
ใครรู้ช่วยตอบผมทีครับ ผมงงไปหมดแล้ว



อีกมากมายของมันที่ :b1:


http://group.wunjun.com/whatisnippana/3759


ไม่ได้เข้ามานานครับ อ่านหลายๆตัวอย่าง มาสังเกตุว่า ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่เริ่มฝึกสมาธิ ผมเองนั้นสมัยนั่งใหม่ๆ ก็เคยเจอเหตุการณ์

เหมือนมีคนมามุงนั่งล้อมมองเรานั่งสมาธิ ไม่ปรากฎว่ารู้จักว่าใครมานั่งมองกันเยอะแยะไปหมด ไม่ใช่เป็นแค่ครั้งสองครั้ง เป็นหลายครั้ง

แล้วอีกอย่างคือ พูดในใจตลอดเวลา หยุดไม่ได้ ไม่มีกำลังบังคับ

สิ่งเหล่านี้ผมเรียกของผมว่าจิตหลอน เพราะจิตอ่อน (ไม่เกี่ยวกับเป็นคนเข้มแข็งอ่อนแอ) แต่เป็นกำลังของจิตที่ไม่มีความแน่วแน่

คนที่นานๆนั่งสมาธิทีก็มีโอกาสที่จิตจะอ่อนกำลังลง

ความหมายของจิตในที่นี้คือ ตัวรู้ หรือ วิญญาณขันธ์ในขันธ์5


ความคิดนั้นเกิดเพราะตัวรู้ หรือจิตเกิดการรู้ แต่ทีนี้จิตอ่อนกำลังทำให้เกิดจิตหลอน อย่างนั่งหลับตาอยู่ แต่รู้สึกว่ามีคนหลายคนนั่งรุมล้อมดู เพราะตัวรู้มันหลอน มันก็พลอยให้คิดไปต่างๆนาๆว่า เป็นนั่นเป็นนี่ครับผม

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสต์ เมื่อ: 21 เม.ย. 2014, 23:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


ภาคปฏิบัติเคสกรณีของคุนน้องเนียะ มันคืออะไร รบกวนพี่กรัชกาย อโสกะ หรือท่านกบ มาช่วยชี้แนะหน่อยสิเจ้าค่ะว่า ทำไมนั่งสมาธิแล้วเกิดอาการแบบนี้ คือเห็นว่าเป็นผู้อาวุโสทั้งนั้น คุนน้องเป็นอะไรหรือเจ้าค่ะ s006
เวลาอยู่ในสมาธิรู้สึกจิตใจสงบดีไม่ค่อยคิดไรฟุ้งซ่าน แต่เมื่อวานที่นั่งเกิดตัวรู้ขึ้นขณะนั่งสมาธิ คือเจ้าตัวสังขารผุดขึ้นมาสอนธรรมคุนน้องเฉยเลย คือพอนั่งไปซักพักอยู่กับความสงบของลมหายใจ เข้า ออก คุณน้องก็ปล่อยไม่บริกรรมอะไร แล้วอยู่ๆจิตก็ผุดขึ้นมา เป็นคำถามที่ค้างคาใจ ที่เราก็ค้นหาคำตอบนั้น คือจิตมันพูดว่า เรายังมีคนที่เราห่วงใย มีคนที่เรารัก เราจะทำอย่างไรถึงจะใช้ชีวืตอยู่ในโลกนี้โดยไม่ทุกข์กับสิ่งเหล่านั้น ... แล้วจิตสังขารก็ดับเข้าสู่ความเงียบความสงบ ไม่มีสัญญาณตอบรับอะไรทั้งนั้น จนอยู่ๆจิตอีกดวงก็ผุดขึ้น จิตดวงนี้กับพูดในสิ่งที่จิตดวงเก่าที่ดับไปถามในครั้งแรก..
เราไม่ปราถนาสิ่งใดในโลกแห่งนี้ เราไม่ปราถนาที่จะเอาจิตเราไปผูกยึดกับสรรพชีวิตในโลกแห่งนี้ แก้วแหวนเงินทองเรายิ่งไม่ปราถนา.. เราเกิดมาก็ตัวเปล่า เราตายจากโลกนี้ยิ่งไม่มีอะไรติดตัวเราไปแม้นร่างกายเราก็ต้องทิ้งไว้ให้เน่าเปื่อยผุพัง แม้นคนที่บอกว่ารักเรา แต่เมื่อเขาเห็นกายอันเน่าเปื่อยเห็นซากศพนี้เค้าย่อมสลดสังเวซ ไม่ปราถนาเราเช่นกัน แม้นเราเกิดมาเพื่อพบกันก็ดี เราก็ต้องจากกันอยู่ดี แม้นเราเกิดมาสร้างเหตุอันดีหรือสร้างบุญกุศลร่วมกันมากเพียงไร สุดท้ายเราก็ต้องพบกันเพื่อลาจากกัน..พบกันอีก ก็ย่อมจากกันอีก..เป้นวัฏจักรอันยาวนานในสังสารวัฏแห่งนี้ แล้วเรายังจะปราถนาความรักที่ยึดไว้โดยมิอาจตัดอาลัยในรักได้เช่นนั้นอยู่หรือ.. เราได้รู้ชัดแล้วถึงความรักที่เป้นเวทนาทำให้เราสุข เราได้รู้ชัดในเวทนาแห่งรักเมื่อเป็นทุกข์ เราพบกับความผิดหวังก็ดี สมหวังก็ดี เราได้รู้แล้วว่าไม่มีอะไรเที่ยงแท้จีรังยั่งยืนสักนิด เราไม่ปราถนาเวทนาเหล่านี้เลย..
หลังจากนั้น จิตดวงนั้นก็ดับสงัดเค้าสู่ความว่างความสงบ เหมือนคุณน้องในขณะนั้น สลัดทุกสิ่งทุกอย่างหลุดออกไป ไม่มีเรื่องอะไรค้างคาในใจอีก
ควรจะปฏิบัติยังไงต่อไปถ้าเกิดสภาวะนี้ สภาวะนี้คืออะไรในทางปริยัติไม่เข้าใจอ่ะ มีอธิบายตัวสภาวะนี้ป่าว :b10:


โพสต์ เมื่อ: 22 เม.ย. 2014, 05:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:


กรัชกายถาม
โงกง่วง อโศก นิ่งรู้ นิ่งสังเกต ปัจจุบันอารมณ์ (อย่างว่า) จนดับไป ยังไง V แบบนั้น

http://www.youtube.com/watch?v=PhQWHz_dmz4


แก้ไขไปตามอาการปัจจุบัน

ง่วงก็แก้ง่วงก่อนด้วยวิธีการต่างๆ อย่าดันทุรัง พร้อมแล้วจึงค่อยมานั่งทำความเพียรใหม่


นำคำพูดปลอบใจที่อโศกนำเสนอบ่อยๆมาตรงนี้อีก

อ้างคำพูด:
"(สำรวมกาย ใจ มา) "นิ่งรู้ นิ่งสังเกต ปัจจุบันอารมณ์ จนดับไป" (ต่อหน้าต่อตา)"


เข้าใจกระทู้นิวรณ์ของอโศกล่ะ

อ้างคำพูด:
ครึ่งชั่วโมง ทำใจให้สงบจากนิวรณ์ 5 ไม่ได้รู้มากมายก็ไร้ค่า


viewtopic.php?f=1&t=46821

อโศกครับ :b32:

ใต้เงา (อ) โศก :b1: :b13:

http://www.youtube.com/watch?v=wiJ4PQWKSd8

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 22 เม.ย. 2014, 12:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
ภาคปฏิบัติเคสกรณีของคุนน้องเนียะ มันคืออะไร รบกวนพี่กรัชกาย อโสกะ หรือท่านกบ มาช่วยชี้แนะหน่อยสิเจ้าค่ะว่า ทำไมนั่งสมาธิแล้วเกิดอาการแบบนี้ คือเห็นว่าเป็นผู้อาวุโสทั้งนั้น คุนน้องเป็นอะไรหรือเจ้าค่ะ s006
เวลาอยู่ในสมาธิรู้สึกจิตใจสงบดีไม่ค่อยคิดไรฟุ้งซ่าน แต่เมื่อวานที่นั่งเกิดตัวรู้ขึ้นขณะนั่งสมาธิ คือเจ้าตัวสังขารผุดขึ้นมาสอนธรรมคุนน้องเฉยเลย คือพอนั่งไปซักพักอยู่กับความสงบของลมหายใจ เข้า ออก คุณน้องก็ปล่อยไม่บริกรรมอะไร แล้วอยู่ๆจิตก็ผุดขึ้นมา เป็นคำถามที่ค้างคาใจ ที่เราก็ค้นหาคำตอบนั้น คือจิตมันพูดว่า เรายังมีคนที่เราห่วงใย มีคนที่เรารัก เราจะทำอย่างไรถึงจะใช้ชีวืตอยู่ในโลกนี้โดยไม่ทุกข์กับสิ่งเหล่านั้น ... แล้วจิตสังขารก็ดับเข้าสู่ความเงียบความสงบ ไม่มีสัญญาณตอบรับอะไรทั้งนั้น จนอยู่ๆจิตอีกดวงก็ผุดขึ้น จิตดวงนี้กับพูดในสิ่งที่จิตดวงเก่าที่ดับไปถามในครั้งแรก..
เราไม่ปราถนาสิ่งใดในโลกแห่งนี้ เราไม่ปราถนาที่จะเอาจิตเราไปผูกยึดกับสรรพชีวิตในโลกแห่งนี้ แก้วแหวนเงินทองเรายิ่งไม่ปราถนา.. เราเกิดมาก็ตัวเปล่า เราตายจากโลกนี้ยิ่งไม่มีอะไรติดตัวเราไปแม้นร่างกายเราก็ต้องทิ้งไว้ให้เน่าเปื่อยผุพัง แม้นคนที่บอกว่ารักเรา แต่เมื่อเขาเห็นกายอันเน่าเปื่อยเห็นซากศพนี้เค้าย่อมสลดสังเวซ ไม่ปราถนาเราเช่นกัน แม้นเราเกิดมาเพื่อพบกันก็ดี เราก็ต้องจากกันอยู่ดี แม้นเราเกิดมาสร้างเหตุอันดีหรือสร้างบุญกุศลร่วมกันมากเพียงไร สุดท้ายเราก็ต้องพบกันเพื่อลาจากกัน..พบกันอีก ก็ย่อมจากกันอีก..เป้นวัฏจักรอันยาวนานในสังสารวัฏแห่งนี้ แล้วเรายังจะปราถนาความรักที่ยึดไว้โดยมิอาจตัดอาลัยในรักได้เช่นนั้นอยู่หรือ.. เราได้รู้ชัดแล้วถึงความรักที่เป้นเวทนาทำให้เราสุข เราได้รู้ชัดในเวทนาแห่งรักเมื่อเป็นทุกข์ เราพบกับความผิดหวังก็ดี สมหวังก็ดี เราได้รู้แล้วว่าไม่มีอะไรเที่ยงแท้จีรังยั่งยืนสักนิด เราไม่ปราถนาเวทนาเหล่านี้เลย..
หลังจากนั้น จิตดวงนั้นก็ดับสงัดเค้าสู่ความว่างความสงบ เหมือนคุณน้องในขณะนั้น สลัดทุกสิ่งทุกอย่างหลุดออกไป ไม่มีเรื่องอะไรค้างคาในใจอีก
ควรจะปฏิบัติยังไงต่อไปถ้าเกิดสภาวะนี้ สภาวะนี้คืออะไรในทางปริยัติไม่เข้าใจอ่ะ มีอธิบายตัวสภาวะนี้ป่าว :b10:

:b8:
ธัมวิจัยสัมโพชงค์ วิมังสาธิบดีอันเป็นอิทธิบาทธรรม คือการพิจารณาและใคร่ครวญธรรม เกิดขึ้นได้หลายรูปแบบแล้วแต่จริต นิสัย วาสนา บารมี ของผู้ปฏิบัติแต่ละคนแต่ละท่าน
เป็นองค์แห่งการตรัสรู้หรือบรรลุธรรม

บางท่านเป็นเสียงกระซิบ บางท่านเป็นนิมิตเหมือนพระพุทธเจ่้าหรือหลวงปู่ ครูบามาสอน บางท่านก็เป็นสภาวธรรมตรงๆมาปรากฏให้รู้ให้เห็น หลังจากนั้นจะเกิดการพิสูจน์ธรรมไปตามความรู้ความเห็นนั้นๆ ถ้าใช่ นิวรณ์ 5 อุทธัจจะ ความนึกคิดจะสงบไปเหลือแต่ปรมัตถธรรมภายในแสดงความจริงให้เห็นไปตามลำดับชั้นแห่งญาณปัญญา พัฒนาตนขึ้นไปโดยธรรม จนบรรลุอริยมรรคอริยผลไปเป็นชั้นๆจนหมดกิจเสร็จการ

เจริญต่อไปตามทางที่เราถนัดแลฟ้าประทานมาให้นี้แหละ Nongkong เมื่อถึงที่สุดเราจะรู้ชัดด้วยตัวเราเอง
:b27:


โพสต์ เมื่อ: 22 เม.ย. 2014, 12:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
nongkong เขียน:
ภาคปฏิบัติเคสกรณีของคุนน้องเนียะ มันคืออะไร รบกวนพี่กรัชกาย อโสกะ หรือท่านกบ มาช่วยชี้แนะหน่อยสิเจ้าค่ะว่า ทำไมนั่งสมาธิแล้วเกิดอาการแบบนี้ คือเห็นว่าเป็นผู้อาวุโสทั้งนั้น คุนน้องเป็นอะไรหรือเจ้าค่ะ s006
เวลาอยู่ในสมาธิรู้สึกจิตใจสงบดีไม่ค่อยคิดไรฟุ้งซ่าน แต่เมื่อวานที่นั่งเกิดตัวรู้ขึ้นขณะนั่งสมาธิ คือเจ้าตัวสังขารผุดขึ้นมาสอนธรรมคุนน้องเฉยเลย คือพอนั่งไปซักพักอยู่กับความสงบของลมหายใจ เข้า ออก คุณน้องก็ปล่อยไม่บริกรรมอะไร แล้วอยู่ๆจิตก็ผุดขึ้นมา เป็นคำถามที่ค้างคาใจ ที่เราก็ค้นหาคำตอบนั้น คือจิตมันพูดว่า เรายังมีคนที่เราห่วงใย มีคนที่เรารัก เราจะทำอย่างไรถึงจะใช้ชีวืตอยู่ในโลกนี้โดยไม่ทุกข์กับสิ่งเหล่านั้น ... แล้วจิตสังขารก็ดับเข้าสู่ความเงียบความสงบ ไม่มีสัญญาณตอบรับอะไรทั้งนั้น จนอยู่ๆจิตอีกดวงก็ผุดขึ้น จิตดวงนี้กับพูดในสิ่งที่จิตดวงเก่าที่ดับไปถามในครั้งแรก..
เราไม่ปราถนาสิ่งใดในโลกแห่งนี้ เราไม่ปราถนาที่จะเอาจิตเราไปผูกยึดกับสรรพชีวิตในโลกแห่งนี้ แก้วแหวนเงินทองเรายิ่งไม่ปราถนา.. เราเกิดมาก็ตัวเปล่า เราตายจากโลกนี้ยิ่งไม่มีอะไรติดตัวเราไปแม้นร่างกายเราก็ต้องทิ้งไว้ให้เน่าเปื่อยผุพัง แม้นคนที่บอกว่ารักเรา แต่เมื่อเขาเห็นกายอันเน่าเปื่อยเห็นซากศพนี้เค้าย่อมสลดสังเวซ ไม่ปราถนาเราเช่นกัน แม้นเราเกิดมาเพื่อพบกันก็ดี เราก็ต้องจากกันอยู่ดี แม้นเราเกิดมาสร้างเหตุอันดีหรือสร้างบุญกุศลร่วมกันมากเพียงไร สุดท้ายเราก็ต้องพบกันเพื่อลาจากกัน..พบกันอีก ก็ย่อมจากกันอีก..เป้นวัฏจักรอันยาวนานในสังสารวัฏแห่งนี้ แล้วเรายังจะปราถนาความรักที่ยึดไว้โดยมิอาจตัดอาลัยในรักได้เช่นนั้นอยู่หรือ.. เราได้รู้ชัดแล้วถึงความรักที่เป้นเวทนาทำให้เราสุข เราได้รู้ชัดในเวทนาแห่งรักเมื่อเป็นทุกข์ เราพบกับความผิดหวังก็ดี สมหวังก็ดี เราได้รู้แล้วว่าไม่มีอะไรเที่ยงแท้จีรังยั่งยืนสักนิด เราไม่ปราถนาเวทนาเหล่านี้เลย..
หลังจากนั้น จิตดวงนั้นก็ดับสงัดเค้าสู่ความว่างความสงบ เหมือนคุณน้องในขณะนั้น สลัดทุกสิ่งทุกอย่างหลุดออกไป ไม่มีเรื่องอะไรค้างคาในใจอีก
ควรจะปฏิบัติยังไงต่อไปถ้าเกิดสภาวะนี้ สภาวะนี้คืออะไรในทางปริยัติไม่เข้าใจอ่ะ มีอธิบายตัวสภาวะนี้ป่าว :b10:

:b8:
ธัมวิจัยสัมโพชงค์ วิมังสาธิบดีอันเป็นอิทธิบาทธรรม คือการพิจารณาและใคร่ครวญธรรม เกิดขึ้นได้หลายรูปแบบแล้วแต่จริต นิสัย วาสนา บารมี ของผู้ปฏิบัติแต่ละคนแต่ละท่าน
เป็นองค์แห่งการตรัสรู้หรือบรรลุธรรม

บางท่านเป็นเสียงกระซิบ บางท่านเป็นนิมิตเหมือนพระพุทธเจ่้าหรือหลวงปู่ ครูบามาสอน บางท่านก็เป็นสภาวธรรมตรงๆมาปรากฏให้รู้ให้เห็น หลังจากนั้นจะเกิดการพิสูจน์ธรรมไปตามความรู้ความเห็นนั้นๆ ถ้าใช่ นิวรณ์ 5 อุทธัจจะ ความนึกคิดจะสงบไปเหลือแต่ปรมัตถธรรมภายในแสดงความจริงให้เห็นไปตามลำดับชั้นแห่งญาณปัญญา พัฒนาตนขึ้นไปโดยธรรม จนบรรลุอริยมรรคอริยผลไปเป็นชั้นๆจนหมดกิจเสร็จการ

เจริญต่อไปตามทางที่เราถนัดแลฟ้าประทานมาให้นี้แหละ Nongkong เมื่อถึงที่สุดเราจะรู้ชัดด้วยตัวเราเอง
:b27:



สรุปแล้วก็ใช้มุกปัจจัตตัง :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 22 เม.ย. 2014, 12:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:


กรัชกายถาม
โงกง่วง อโศก นิ่งรู้ นิ่งสังเกต ปัจจุบันอารมณ์ (อย่างว่า) จนดับไป ยังไง V แบบนั้น

http://www.youtube.com/watch?v=PhQWHz_dmz4


แก้ไขไปตามอาการปัจจุบัน

ง่วงก็แก้ง่วงก่อนด้วยวิธีการต่างๆ อย่าดันทุรัง พร้อมแล้วจึงค่อยมานั่งทำความเพียรใหม่


นำคำพูดปลอบใจที่อโศกนำเสนอบ่อยๆมาตรงนี้อีก

อ้างคำพูด:
"(สำรวมกาย ใจ มา) "นิ่งรู้ นิ่งสังเกต ปัจจุบันอารมณ์ จนดับไป" (ต่อหน้าต่อตา)"


เข้าใจกระทู้นิวรณ์ของอโศกล่ะ

อ้างคำพูด:
ครึ่งชั่วโมง ทำใจให้สงบจากนิวรณ์ 5 ไม่ได้รู้มากมายก็ไร้ค่า


viewtopic.php?f=1&t=46821

อโศกครับ :b32:

ใต้เงา (อ) โศก :b1: :b13:

http://www.youtube.com/watch?v=wiJ4PQWKSd8

tongue
ไม่ทราบว่ากรัชกายจะเข้าใจเป็นอย่างไร ลบหรือบวก แต่ก็อนุโมทนากัคำว่าเข้าใจ มันจะได้จบเป็นตอนๆตามกฎของไตรลักษณ์นะครับ
:b38:
ส่วนเพลงใต้เงาอโศก ก็ทำให้จิตใจดี ขอบคุณครับ

ร่มอโศกแผ่เงาใบให้หายเศร้า
ทุกข์รุมเร้าก็สลาย มลายสิ้น
ความมัวมืดอวิชชา เป็นอาจินต์
ก็พังภินสลายไร้ราตรี

ชีพนับต่อแต่นี้มีสว่าง เดินไปกลาง ไม่ข้องแวะที่ไหนๆ
มุ่งหน้าตรงอนุปาทิเสสะ นิพพานไป
กว่าขันธ์นี้จะสลายลงกลบดิน

อโศกะ
๒๒/๔/๒๕๕๗


โพสต์ เมื่อ: 22 เม.ย. 2014, 12:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
nongkong เขียน:
ภาคปฏิบัติเคสกรณีของคุนน้องเนียะ มันคืออะไร รบกวนพี่กรัชกาย อโสกะ หรือท่านกบ มาช่วยชี้แนะหน่อยสิเจ้าค่ะว่า ทำไมนั่งสมาธิแล้วเกิดอาการแบบนี้ คือเห็นว่าเป็นผู้อาวุโสทั้งนั้น คุนน้องเป็นอะไรหรือเจ้าค่ะ s006
เวลาอยู่ในสมาธิรู้สึกจิตใจสงบดีไม่ค่อยคิดไรฟุ้งซ่าน แต่เมื่อวานที่นั่งเกิดตัวรู้ขึ้นขณะนั่งสมาธิ คือเจ้าตัวสังขารผุดขึ้นมาสอนธรรมคุนน้องเฉยเลย คือพอนั่งไปซักพักอยู่กับความสงบของลมหายใจ เข้า ออก คุณน้องก็ปล่อยไม่บริกรรมอะไร แล้วอยู่ๆจิตก็ผุดขึ้นมา เป็นคำถามที่ค้างคาใจ ที่เราก็ค้นหาคำตอบนั้น คือจิตมันพูดว่า เรายังมีคนที่เราห่วงใย มีคนที่เรารัก เราจะทำอย่างไรถึงจะใช้ชีวืตอยู่ในโลกนี้โดยไม่ทุกข์กับสิ่งเหล่านั้น ... แล้วจิตสังขารก็ดับเข้าสู่ความเงียบความสงบ ไม่มีสัญญาณตอบรับอะไรทั้งนั้น จนอยู่ๆจิตอีกดวงก็ผุดขึ้น จิตดวงนี้กับพูดในสิ่งที่จิตดวงเก่าที่ดับไปถามในครั้งแรก..
เราไม่ปราถนาสิ่งใดในโลกแห่งนี้ เราไม่ปราถนาที่จะเอาจิตเราไปผูกยึดกับสรรพชีวิตในโลกแห่งนี้ แก้วแหวนเงินทองเรายิ่งไม่ปราถนา.. เราเกิดมาก็ตัวเปล่า เราตายจากโลกนี้ยิ่งไม่มีอะไรติดตัวเราไปแม้นร่างกายเราก็ต้องทิ้งไว้ให้เน่าเปื่อยผุพัง แม้นคนที่บอกว่ารักเรา แต่เมื่อเขาเห็นกายอันเน่าเปื่อยเห็นซากศพนี้เค้าย่อมสลดสังเวซ ไม่ปราถนาเราเช่นกัน แม้นเราเกิดมาเพื่อพบกันก็ดี เราก็ต้องจากกันอยู่ดี แม้นเราเกิดมาสร้างเหตุอันดีหรือสร้างบุญกุศลร่วมกันมากเพียงไร สุดท้ายเราก็ต้องพบกันเพื่อลาจากกัน..พบกันอีก ก็ย่อมจากกันอีก..เป้นวัฏจักรอันยาวนานในสังสารวัฏแห่งนี้ แล้วเรายังจะปราถนาความรักที่ยึดไว้โดยมิอาจตัดอาลัยในรักได้เช่นนั้นอยู่หรือ.. เราได้รู้ชัดแล้วถึงความรักที่เป้นเวทนาทำให้เราสุข เราได้รู้ชัดในเวทนาแห่งรักเมื่อเป็นทุกข์ เราพบกับความผิดหวังก็ดี สมหวังก็ดี เราได้รู้แล้วว่าไม่มีอะไรเที่ยงแท้จีรังยั่งยืนสักนิด เราไม่ปราถนาเวทนาเหล่านี้เลย..
หลังจากนั้น จิตดวงนั้นก็ดับสงัดเค้าสู่ความว่างความสงบ เหมือนคุณน้องในขณะนั้น สลัดทุกสิ่งทุกอย่างหลุดออกไป ไม่มีเรื่องอะไรค้างคาในใจอีก
ควรจะปฏิบัติยังไงต่อไปถ้าเกิดสภาวะนี้ สภาวะนี้คืออะไรในทางปริยัติไม่เข้าใจอ่ะ มีอธิบายตัวสภาวะนี้ป่าว :b10:

:b8:
ธัมวิจัยสัมโพชงค์ วิมังสาธิบดีอันเป็นอิทธิบาทธรรม คือการพิจารณาและใคร่ครวญธรรม เกิดขึ้นได้หลายรูปแบบแล้วแต่จริต นิสัย วาสนา บารมี ของผู้ปฏิบัติแต่ละคนแต่ละท่าน
เป็นองค์แห่งการตรัสรู้หรือบรรลุธรรม

บางท่านเป็นเสียงกระซิบ บางท่านเป็นนิมิตเหมือนพระพุทธเจ่้าหรือหลวงปู่ ครูบามาสอน บางท่านก็เป็นสภาวธรรมตรงๆมาปรากฏให้รู้ให้เห็น หลังจากนั้นจะเกิดการพิสูจน์ธรรมไปตามความรู้ความเห็นนั้นๆ ถ้าใช่ นิวรณ์ 5 อุทธัจจะ ความนึกคิดจะสงบไปเหลือแต่ปรมัตถธรรมภายในแสดงความจริงให้เห็นไปตามลำดับชั้นแห่งญาณปัญญา พัฒนาตนขึ้นไปโดยธรรม จนบรรลุอริยมรรคอริยผลไปเป็นชั้นๆจนหมดกิจเสร็จการ

เจริญต่อไปตามทางที่เราถนัดแลฟ้าประทานมาให้นี้แหละ Nongkong เมื่อถึงที่สุดเราจะรู้ชัดด้วยตัวเราเอง
:b27:



สรุปแล้วก็ใช้มุกปัจจัตตัง :b1:

:b12:
กรัชกาย......เก็บเนื้อธรรม อันเป็นโลกุตรสมบัติ

อย่ามัวง่วนอยู่กับการเก็บ มุกด์ อันเป็นโลกียสมบัติ อยู่เลย

จะชวดเชยชาติคนพ้นเปล่าไป
:b38:


โพสต์ เมื่อ: 22 เม.ย. 2014, 12:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:


ไม่ทราบว่ากรัชกายจะเข้าใจเป็นอย่างไร ลบหรือบวก แต่ก็อนุโมทนากัคำว่าเข้าใจ มันจะได้จบเป็นตอนๆตามกฎของไตรลักษณ์นะครับ

ส่วนเพลงใต้เงาอโศก ก็ทำให้จิตใจดี ขอบคุณครับ

ร่มอโศกแผ่เงาใบให้หายเศร้า
ทุกข์รุมเร้าก็สลาย มลายสิ้น
ความมัวมืดอวิชชา เป็นอาจินต์
ก็พังภินสลายไร้ราตรี

ชีพนับต่อแต่นี้มีสว่าง เดินไปกลาง ไม่ข้องแวะที่ไหนๆ
มุ่งหน้าตรงอนุปาทิเสสะ นิพพานไป
กว่าขันธ์นี้จะสลายลงกลบดิน

อโศกะ
๒๒/๔/๒๕๕๗



เอ้าาๆจะไปนิพพานอีกแระ คิกๆๆ

ไม่อยากถามเรื่องขันธ์แระ ถามไปก็เละ เพราะอโศกยังเข้าใจเรื่องชีวิต เรื่องขันธ์ เรื่องศาสนาคลุมเครือๆ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 22 เม.ย. 2014, 12:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:


กรัชกาย......เก็บเนื้อธรรม อันเป็นโลกุตรสมบัติ

อย่ามัวง่วนอยู่กับการเก็บ มุกด์ อันเป็นโลกียสมบัติ อยู่เลย

จะชวดเชยชาติคนพ้นเปล่าไป


เอาไว้พูดหลอกสาวกที่สำนักเถอะ คิกๆๆ บอกไม่เชื่อว่า จะแบกจักรยานเดินกลับสำนัก :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 22 เม.ย. 2014, 12:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:


ไม่ทราบว่ากรัชกายจะเข้าใจเป็นอย่างไร ลบหรือบวก แต่ก็อนุโมทนากัคำว่าเข้าใจ มันจะได้จบเป็นตอนๆตามกฎของไตรลักษณ์นะครับ

ส่วนเพลงใต้เงาอโศก ก็ทำให้จิตใจดี ขอบคุณครับ

ร่มอโศกแผ่เงาใบให้หายเศร้า
ทุกข์รุมเร้าก็สลาย มลายสิ้น
ความมัวมืดอวิชชา เป็นอาจินต์
ก็พังภินสลายไร้ราตรี

ชีพนับต่อแต่นี้มีสว่าง เดินไปกลาง ไม่ข้องแวะที่ไหนๆ
มุ่งหน้าตรงอนุปาทิเสสะ นิพพานไป
กว่าขันธ์นี้จะสลายลงกลบดิน

อโศกะ
๒๒/๔/๒๕๕๗



เอ้าาๆจะไปนิพพานอีกแระ คิกๆๆ

ไม่อยากถามเรื่องขันธ์แระ ถามไปก็เละ เพราะอโศกยังเข้าใจเรื่องชีวิต เรื่องขันธ์ เรื่องศาสนาคลุมเครือๆ :b1:

:b7:
วกวนกลับมาที่เก่าอีกแล้ว
เรื่องขันธ์ 5 ภาคขยายของ กาย ใจ เขารู้กันมาตั้งนานแล้วหละลุง
:b13:


โพสต์ เมื่อ: 22 เม.ย. 2014, 12:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:


กรัชกาย......เก็บเนื้อธรรม อันเป็นโลกุตรสมบัติ

อย่ามัวง่วนอยู่กับการเก็บ มุกด์ อันเป็นโลกียสมบัติ อยู่เลย

จะชวดเชยชาติคนพ้นเปล่าไป


เอาไว้พูดหลอกสาวกที่สำนักเถอะ คิกๆๆ

บอกไม่เชื่อว่า(กรัชกาย) จะแบกจักรยานเดินกลับสำนัก :b32:

:b12: :b12:
เป็นกรัชกาย คิดจะม้วนเสื่อแบกจักรยานกลับสำนักวิชาการแล้วหรือ
:b4:


โพสต์ เมื่อ: 22 เม.ย. 2014, 14:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
nongkong เขียน:
ภาคปฏิบัติเคสกรณีของคุนน้องเนียะ มันคืออะไร รบกวนพี่กรัชกาย อโสกะ หรือท่านกบ มาช่วยชี้แนะหน่อยสิเจ้าค่ะว่า ทำไมนั่งสมาธิแล้วเกิดอาการแบบนี้ คือเห็นว่าเป็นผู้อาวุโสทั้งนั้น คุนน้องเป็นอะไรหรือเจ้าค่ะ s006
เวลาอยู่ในสมาธิรู้สึกจิตใจสงบดีไม่ค่อยคิดไรฟุ้งซ่าน แต่เมื่อวานที่นั่งเกิดตัวรู้ขึ้นขณะนั่งสมาธิ คือเจ้าตัวสังขารผุดขึ้นมาสอนธรรมคุนน้องเฉยเลย คือพอนั่งไปซักพักอยู่กับความสงบของลมหายใจ เข้า ออก คุณน้องก็ปล่อยไม่บริกรรมอะไร แล้วอยู่ๆจิตก็ผุดขึ้นมา เป็นคำถามที่ค้างคาใจ ที่เราก็ค้นหาคำตอบนั้น คือจิตมันพูดว่า เรายังมีคนที่เราห่วงใย มีคนที่เรารัก เราจะทำอย่างไรถึงจะใช้ชีวืตอยู่ในโลกนี้โดยไม่ทุกข์กับสิ่งเหล่านั้น ... แล้วจิตสังขารก็ดับเข้าสู่ความเงียบความสงบ ไม่มีสัญญาณตอบรับอะไรทั้งนั้น จนอยู่ๆจิตอีกดวงก็ผุดขึ้น จิตดวงนี้กับพูดในสิ่งที่จิตดวงเก่าที่ดับไปถามในครั้งแรก..
เราไม่ปราถนาสิ่งใดในโลกแห่งนี้ เราไม่ปราถนาที่จะเอาจิตเราไปผูกยึดกับสรรพชีวิตในโลกแห่งนี้ แก้วแหวนเงินทองเรายิ่งไม่ปราถนา.. เราเกิดมาก็ตัวเปล่า เราตายจากโลกนี้ยิ่งไม่มีอะไรติดตัวเราไปแม้นร่างกายเราก็ต้องทิ้งไว้ให้เน่าเปื่อยผุพัง แม้นคนที่บอกว่ารักเรา แต่เมื่อเขาเห็นกายอันเน่าเปื่อยเห็นซากศพนี้เค้าย่อมสลดสังเวซ ไม่ปราถนาเราเช่นกัน แม้นเราเกิดมาเพื่อพบกันก็ดี เราก็ต้องจากกันอยู่ดี แม้นเราเกิดมาสร้างเหตุอันดีหรือสร้างบุญกุศลร่วมกันมากเพียงไร สุดท้ายเราก็ต้องพบกันเพื่อลาจากกัน..พบกันอีก ก็ย่อมจากกันอีก..เป้นวัฏจักรอันยาวนานในสังสารวัฏแห่งนี้ แล้วเรายังจะปราถนาความรักที่ยึดไว้โดยมิอาจตัดอาลัยในรักได้เช่นนั้นอยู่หรือ.. เราได้รู้ชัดแล้วถึงความรักที่เป้นเวทนาทำให้เราสุข เราได้รู้ชัดในเวทนาแห่งรักเมื่อเป็นทุกข์ เราพบกับความผิดหวังก็ดี สมหวังก็ดี เราได้รู้แล้วว่าไม่มีอะไรเที่ยงแท้จีรังยั่งยืนสักนิด เราไม่ปราถนาเวทนาเหล่านี้เลย..
หลังจากนั้น จิตดวงนั้นก็ดับสงัดเค้าสู่ความว่างความสงบ เหมือนคุณน้องในขณะนั้น สลัดทุกสิ่งทุกอย่างหลุดออกไป ไม่มีเรื่องอะไรค้างคาในใจอีก
ควรจะปฏิบัติยังไงต่อไปถ้าเกิดสภาวะนี้ สภาวะนี้คืออะไรในทางปริยัติไม่เข้าใจอ่ะ มีอธิบายตัวสภาวะนี้ป่าว :b10:

:b8:
ธัมวิจัยสัมโพชงค์ วิมังสาธิบดีอันเป็นอิทธิบาทธรรม คือการพิจารณาและใคร่ครวญธรรม เกิดขึ้นได้หลายรูปแบบแล้วแต่จริต นิสัย วาสนา บารมี ของผู้ปฏิบัติแต่ละคนแต่ละท่าน
เป็นองค์แห่งการตรัสรู้หรือบรรลุธรรม

บางท่านเป็นเสียงกระซิบ บางท่านเป็นนิมิตเหมือนพระพุทธเจ่้าหรือหลวงปู่ ครูบามาสอน บางท่านก็เป็นสภาวธรรมตรงๆมาปรากฏให้รู้ให้เห็น หลังจากนั้นจะเกิดการพิสูจน์ธรรมไปตามความรู้ความเห็นนั้นๆ ถ้าใช่ นิวรณ์ 5 อุทธัจจะ ความนึกคิดจะสงบไปเหลือแต่ปรมัตถธรรมภายในแสดงความจริงให้เห็นไปตามลำดับชั้นแห่งญาณปัญญา พัฒนาตนขึ้นไปโดยธรรม จนบรรลุอริยมรรคอริยผลไปเป็นชั้นๆจนหมดกิจเสร็จการ

เจริญต่อไปตามทางที่เราถนัดแลฟ้าประทานมาให้นี้แหละ Nongkong เมื่อถึงที่สุดเราจะรู้ชัดด้วยตัวเราเอง
:b27:


อนุโมทนา อโสกะ ที่แสดงความเห็นแก่ ผู้ถาม :b8:

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสต์ เมื่อ: 22 เม.ย. 2014, 16:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ท่านเช่นนั้น นั่นมันตัวหนังสือ คืออโศกยกศัพท์ซึ่งบัญญัติใช้ทางธรรมขึ้นพูดขึ้นพรรณนา เอาของจริงเน่ี่ี่ย จะแก้ยังไง :b1: สองตัวอย่างนี้

อ้างคำพูด:
เรื่องมีอยู่ว่า หนูนั่งไปแล้วเกิดเห็นร่างตัวเองเสียอย่างนั้น คือยืนมองตัวเองอยู่ ทีนี้พอเล่าให้แม่ฟัง ท่านก้เกิดกลัวขึ้นมา ว่าหนูจะไม่กลับมาอีก หนูเองก็ไม่ได้กลัวการที่จะตายหรอกนะคะ แต่สงสารท่านเหมือนกัน

หนูจึงขอเรียนถามว่า มีสิทธิ์เกิดอันตรายจากภาวะนี้ไหม หนูจะเอาไปตอบคำถามแม่ค่ะ



อ้างคำพูด:
ผมนั่งสมาธิแล้วประสบกับสภาวะดังนี้ครับ

นั่งสมาธิไป จนลมหายใจแผ่วลงๆ มากจนลมหายใจเบามาก ในขณะเกือบไม่มีลมหายใจนั้น กลับมีสภาวะฟุ้งซ่านเกิดขึ้น เพราะเหมือนกับจิตไม่สามารถเกาะลมหายใจไว้ได้อีกแล้ว เพราะมันลมมันแผ่วมาก แผ่นวเหมือนไม่เกิดการหายใจ

เอาจิตไปจับคำภาวนาก็ไม่ได้เพราะจับแปปเดียวมันก็ปล่อยอีก

แล้วแบบนี้พอลมหายใจผมหายไป ผมควรจะเอาจิตไปจับกับอะไรครับ



โงกง่วง อโศกว่าไปแล้ว คือบอกให้ไปนอนไปทำอะไรให้หายง่วงก่อน แล้วมาเพียรพยายามใหม่ นั่นออกทะเล เลยเกาะสีชังไปแล้ว คิกๆๆ


ดอกประดู่เนี่ย :b9:

http://www.youtube.com/watch?v=rsHwzN7f89k

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 22 เม.ย. 2014, 19:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
nongkong เขียน:
ภาคปฏิบัติเคสกรณีของคุนน้องเนียะ มันคืออะไร รบกวนพี่กรัชกาย อโสกะ หรือท่านกบ มาช่วยชี้แนะหน่อยสิเจ้าค่ะว่า ทำไมนั่งสมาธิแล้วเกิดอาการแบบนี้ คือเห็นว่าเป็นผู้อาวุโสทั้งนั้น คุนน้องเป็นอะไรหรือเจ้าค่ะ s006
เวลาอยู่ในสมาธิรู้สึกจิตใจสงบดีไม่ค่อยคิดไรฟุ้งซ่าน แต่เมื่อวานที่นั่งเกิดตัวรู้ขึ้นขณะนั่งสมาธิ คือเจ้าตัวสังขารผุดขึ้นมาสอนธรรมคุนน้องเฉยเลย คือพอนั่งไปซักพักอยู่กับความสงบของลมหายใจ เข้า ออก คุณน้องก็ปล่อยไม่บริกรรมอะไร แล้วอยู่ๆจิตก็ผุดขึ้นมา เป็นคำถามที่ค้างคาใจ ที่เราก็ค้นหาคำตอบนั้น คือจิตมันพูดว่า เรายังมีคนที่เราห่วงใย มีคนที่เรารัก เราจะทำอย่างไรถึงจะใช้ชีวืตอยู่ในโลกนี้โดยไม่ทุกข์กับสิ่งเหล่านั้น ... แล้วจิตสังขารก็ดับเข้าสู่ความเงียบความสงบ ไม่มีสัญญาณตอบรับอะไรทั้งนั้น จนอยู่ๆจิตอีกดวงก็ผุดขึ้น จิตดวงนี้กับพูดในสิ่งที่จิตดวงเก่าที่ดับไปถามในครั้งแรก..
เราไม่ปราถนาสิ่งใดในโลกแห่งนี้ เราไม่ปราถนาที่จะเอาจิตเราไปผูกยึดกับสรรพชีวิตในโลกแห่งนี้ แก้วแหวนเงินทองเรายิ่งไม่ปราถนา.. เราเกิดมาก็ตัวเปล่า เราตายจากโลกนี้ยิ่งไม่มีอะไรติดตัวเราไปแม้นร่างกายเราก็ต้องทิ้งไว้ให้เน่าเปื่อยผุพัง แม้นคนที่บอกว่ารักเรา แต่เมื่อเขาเห็นกายอันเน่าเปื่อยเห็นซากศพนี้เค้าย่อมสลดสังเวซ ไม่ปราถนาเราเช่นกัน แม้นเราเกิดมาเพื่อพบกันก็ดี เราก็ต้องจากกันอยู่ดี แม้นเราเกิดมาสร้างเหตุอันดีหรือสร้างบุญกุศลร่วมกันมากเพียงไร สุดท้ายเราก็ต้องพบกันเพื่อลาจากกัน..พบกันอีก ก็ย่อมจากกันอีก..เป้นวัฏจักรอันยาวนานในสังสารวัฏแห่งนี้ แล้วเรายังจะปราถนาความรักที่ยึดไว้โดยมิอาจตัดอาลัยในรักได้เช่นนั้นอยู่หรือ.. เราได้รู้ชัดแล้วถึงความรักที่เป้นเวทนาทำให้เราสุข เราได้รู้ชัดในเวทนาแห่งรักเมื่อเป็นทุกข์ เราพบกับความผิดหวังก็ดี สมหวังก็ดี เราได้รู้แล้วว่าไม่มีอะไรเที่ยงแท้จีรังยั่งยืนสักนิด เราไม่ปราถนาเวทนาเหล่านี้เลย..
หลังจากนั้น จิตดวงนั้นก็ดับสงัดเค้าสู่ความว่างความสงบ เหมือนคุณน้องในขณะนั้น สลัดทุกสิ่งทุกอย่างหลุดออกไป ไม่มีเรื่องอะไรค้างคาในใจอีก
ควรจะปฏิบัติยังไงต่อไปถ้าเกิดสภาวะนี้ สภาวะนี้คืออะไรในทางปริยัติไม่เข้าใจอ่ะ มีอธิบายตัวสภาวะนี้ป่าว :b10:

:b8:
ธัมวิจัยสัมโพชงค์ วิมังสาธิบดีอันเป็นอิทธิบาทธรรม คือการพิจารณาและใคร่ครวญธรรม เกิดขึ้นได้หลายรูปแบบแล้วแต่จริต นิสัย วาสนา บารมี ของผู้ปฏิบัติแต่ละคนแต่ละท่าน
เป็นองค์แห่งการตรัสรู้หรือบรรลุธรรม

บางท่านเป็นเสียงกระซิบ บางท่านเป็นนิมิตเหมือนพระพุทธเจ่้าหรือหลวงปู่ ครูบามาสอน บางท่านก็เป็นสภาวธรรมตรงๆมาปรากฏให้รู้ให้เห็น หลังจากนั้นจะเกิดการพิสูจน์ธรรมไปตามความรู้ความเห็นนั้นๆ ถ้าใช่ นิวรณ์ 5 อุทธัจจะ ความนึกคิดจะสงบไปเหลือแต่ปรมัตถธรรมภายในแสดงความจริงให้เห็นไปตามลำดับชั้นแห่งญาณปัญญา พัฒนาตนขึ้นไปโดยธรรม จนบรรลุอริยมรรคอริยผลไปเป็นชั้นๆจนหมดกิจเสร็จการ

เจริญต่อไปตามทางที่เราถนัดแลฟ้าประทานมาให้นี้แหละ Nongkong เมื่อถึงที่สุดเราจะรู้ชัดด้วยตัวเราเอง
:b27:

อนุโมทนากับอโสกะที่ตอบตัวสภาวะในทางปริยัติให้คุนน้องได้เข้าใจ เห็นกระทู้นี้พูดเรื่องอานาปานสติ ส่วนอีกสองคนขนาดจุดธูปเรียกชื่อยังไม่ยอมมา นึกว่าจะเป็นสัตบุรุษกัลยามิตรทางธรรม เหมือนอโสกะที่คอยชี้แนะสหายธรรมในลานสุดท้ายก็เป็นแค่ สัตว์บุรุษอดได้เป็นสัตบุรุษ555 สรุปผู้อาวุโสในลานธรรมคงมีแต่ อโสกะเท่านั้นหรอถึงเหมาะสมกะตำแหน่ง คิคิ :b13:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 117 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร