วันเวลาปัจจุบัน 28 ส.ค. 2025, 05:17  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 70 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 29 เม.ย. 2014, 14:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


bbby เขียน:
คุณกรัชกายเขียน

อ้างคำพูด:
คุณเต้นึกดูนะครับ

สมมติว่า คุณเต้เกิดมาในครอบครัว ตนจำความได้ ก็รู้เห็นพ่อขี้เหล้าเมายา แม่ก็ติดการพนัน เมาได้ที่ก็ทะเลาะตบตีกันเป็นประจำ ด่าทอกันด้วยคำหยาบคาย ลามมาถึงลูก ไล่ออกจากบ้าน เราก็ไม่รู้จะไปไหน เพราะยังเด็ก ฯลฯ คุณเต้ตกอยู่ในสภาพแวดล้อมยังงี้ ตั้งแต่เล็กจนโต คุณเต้ว่าพื้นจิตใจตัวเองจะเป็นยังไง



นี่คือส่วนหนึ่งค่ะ ที่ทำให้สังคมในยุคนี้หรือมนุษย์ในยุคนี้ มีแต่ความเห็นแก่ตัว
ซึ่งเรามองว่า ที่คุณกรัชกายเขียนมาก็คล้ายๆกับนกแขกเต้านั่นแหละ

ถ้าเค้าออกมาจากบ้าน มาเจอกลุ่มคนพาลค้ายาเลี้ยงดูเค้า โดยผลประโยชน์
เค้าก็จะซึมซับแต่เรื่องร้ายๆเข้าไป โดยมียาเสพติดเป็นตัวกระตุ้น
แต่บางคนมีความโชคดีของชีวิต ออกจากบ้านมา ได้มาเจอกับผู้ที่เคยเป็นกัลยามิตรกันมา
ให้ความอุปถัม เค้าก็เป็นคนดีได้


คุณกรัชกาย เคยอ่านเรื่องของผู้ชายคนหนึ่ง รู้สึกว่าเค้าจะจบปริญญาโทหรือปริญญาเอกก็ไม่รู้นะ
เค้าเล่าถึงชีวิตของเค้าว่า ตั้งแต่เค้าเด็กๆ เค้าไม่มีพ่อแม่ เค้าต้องอาศัยนอนข้างถนน
หาของตามถังขยะกิน เพื่อประทังชีวิต

จนมีวันหนึ่ง เค้าได้เจอกับเจ้าของร้านขายของร้านหนึ่ง ชายเจ้าของร้านนี้
ชวนให้เค้าไปทำงานด้วย เค้าก็ไปทำงานที่ร้านนี้
พอเค้าเริ่มโต เจ้าของร้านให้เค้าไปเรียนภาคค่ำ เค้าก็ไปเรียน

รู้สึกว่าเค้าทำงานเกี่ยวกับงานด้านสังคมนะ คือช่วยอะไรนี่หล่ะค่ะ
คุณกรัชกายหรือใครเคยอ่านเจอหรือปล่าวค่ะ นานแล้วล่ะ
ถ้าเค้าไม่ได้เจอกับผู้ที่เคยเป็นกัลยามิตร เค้าจะมายืนอยู่ในจุดนี้ได้หรือปล่าว :b1: :b41: :b55: :b48:

บางครั้งคนเราถ้ามีปัญญาแยกแยะสิ่งไหนผิดสิ่งไหนถูกได้ ถึงแม้เค้าจะตกอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษเค้าก็ย่อมจะมีภูมิคุ้มกันสิ่งแวดล้อมนั้น ดูอย่างวันเฉลิม ลูกของลำยองดิ(ในละคร) ทำไมถึงเป็นคนดีได้ แถมเรียนรู้เห็นสัจธรรมจนบวชเป็นพระ บางครั้งคนเราก็ต้องเกิดมาเพื่อเรียนรู้และสร้างบารมี คนที่เป็นโพธิสัตว์ เค้าไม่ได้เกิดมาแล้วอยู่บนกองเงินกองทองทุกภพทุกชาติหรอกนะ เค้าก็มีกรรมทีต้องเสวยเป็นวิบาก แต่เค้าเรียนรู้ที่จะประคองจิตใจไม่ให้ตกต่ำ :b6:
ปล.สมัยนี้มนุษย์ส่วนใหญ่จิตใจจะติดอยู่แต่ในภพภูมิเปรต ที่ว่าภพเปรตเพราะอะไรก็เพราะ ความโลภก็ดี ความไม่รู้จักพอ ความอยากได้ของคนอื่นก็ดี เป็นกันมากโดยเฉพาะพวกคนรวยแล้วยังคิดอยากได้ของคนอื่นในทางฉ้อโกงเอา หรือประกอบอาชีพที่รู้ว่ามันผิดต่อศีลธรรม มอมเมาเยาวชน แต่เพราะอยากรวยเลยต้องทำ สุดท้ายสัตว์โลกก็ต้องเป็นไปตามกรรม :b2:


โพสต์ เมื่อ: 29 เม.ย. 2014, 15:20 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
กัลยาณมิตร...สำคัญมาก...

การบรรลุธรรมในแต่ละขั้น..ๆ...ขาดกัลยาณมิตร...ก็เป็นไปไม่ได้เลย....ใครคิดว่าตนทำเองได้...นั้นมันหลง..แล้ว...

ว่ามั่ยครับอโสกะ..

อิอิ..

:b8:
พระบรมศาสดาทรงจัดไว้เป็นมงคลข้อที่ 2 เลยเชียวครับ

มงคลข้อที่ 1 สำคัญยิ่งสำหรับมนุษย์ทุกคน

2 ข้อแรกดี อีก 36 ข้อจะดีตามกันไปหมดครับ
:b27:


โพสต์ เมื่อ: 29 เม.ย. 2014, 16:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หัวข้อนี้ ฟังชาดกเรื่องม้าเป๋ อีกสักเรื่องหนึ่ง :b1:

http://www.youtube.com/watch?v=4F75_oHZR9Y

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 30 เม.ย. 2014, 11:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:


กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ = ชีวิต เป็นเจ้าบทบาทเดิม จากนั้น การศึกษาอาศัย ปรโตโฆสะ ซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และ โยนิโสมนสิการ ซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"




คห.ก่อนกล่าวหัวข้อ ปรโตโฆสะ กับ โยนิโสมนสิการไว้ ตอนนี้นำที่ขยายความหมายพอเห็นเค้า ดังนี้


สัมมาทิฏฐิ เป็นองค์ประกอบสำคัญของมรรค ในฐานะที่เป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิบัติธรรม หรือเป็นขั้นเริ่มต้นในระบบการศึกษาตามหลักการของพระพุทธศาสนา และเป็นธรรมที่ต้องพัฒนาให้บริบูรณ์ ชัดเจน เป็นอิสระมากขึ้นตามลำดับ จนกลายเป็นการตรัสรู้ในที่สุด ดังกล่าวมาแล้ว ดังนั้น การสร้างเสริมสัมมาทิฏฐิจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง

มีข้อความในพระไตรปิฎก แสดงหลักการสร้างเสริมสัมมาทิฏฐิไว้ ดังนี้

"ภิกษุทั้งหลาย ปัจจัยเพื่อความเกิดขึ้นแห่งสัมมาทิฏฐิ มี ๒ ประการ ดังนี้ คือ ปรโตโฆสะ และโยนิโสมนสิการ

ปัจจัยแห่งสัมมาทิฏฐิ ๒ อย่าง ตามพุทธพจน์ที่ตรัสไว้นี้ คือ


๑. ปรโตโฆสะ = เสียงจากผู้อื่น การกระตุ้นหรือชักจูงจากภายนอก เช่น การสั่งสอน แนะนำ การถ่ายทอด การโฆษณา คำบอกเล่า ข่าวสาร ข้อเขียน คำชี้แจง อธิบาย การเรียนรู้จากผู้อื่น ในที่นี้ หมาเอาเฉพาะส่วนที่ดีงามถูกต้อง เฉพาะอย่างยิ่งการรับฟังธรรม ความรู้ หรือคำแนะนำจากบุคคลที่เป็นกัลยาณมิตร

ข้อแรกนี้ เป็นองค์ประกอบฝ่ายภายนอก ได้แก่ ปัจจัยทางสังคม อาจเรียกง่ายว่า วิธีการแห่งศรัทธา


๒. โยนิโสมนสิการ = การทำในใจโดยแยบคาย = การใช้ความคิดถูกวิธี ความรู้จักคิด คิดเป็น หรือคิดอย่างมีระเบียบ หมายถึง การรู้จักมอง รู้จักพิจารณาสิ่งทั้งหลาย โดยมองตรงตามที่สิ่งนั้นๆ มันเป็นของมัน และโดยวิธีคิดหาเหตุผล สืบค้นถึงต้นเค้า สืบสาวให้ตลอดสาย แยกแยะสิ่งนั้นๆ หรือปัญหานั้นๆ ออก ให้เห็นตามสภาวะ และตามความสัมพันธ์สืบทอดแห่งเหตุปัจจัย โดยไม่เอาความรู้สึกด้วยตัณหาอุปาทานของตนเข้าจับ

ข้อสองนี้ เป็นองค์ประกอบฝ่ายภายใน ได้แก่ ่ ปัจจัยในตัวบุคคล อาจเรียกง่ายๆว่า วิธีการแห่งปัญญา

.........

่ส่วนปัจจัยให้เกิดมิจฉาทิฏฐิ ก็มี 2 ตรงข้ามจากนี้ คือ ปรโตโฆสะที่ไม่ดี และอโยนิโสมนสิการ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 30 เม.ย. 2014, 15:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณน้องเขียน

อ้างคำพูด:
บางครั้งคนเราก็ต้องเกิดมาเพื่อเรียนรู้และสร้างบารมี คนที่เป็นโพธิสัตว์ เค้าไม่ได้เกิดมาแล้วอยู่บนกองเงินกองทองทุกภพทุกชาติหรอกนะ เค้าก็มีกรรมทีต้องเสวยเป็นวิบาก แต่เค้าเรียนรู้ที่จะประคองจิตใจไม่ให้ตกต่ำ :b6:
ปล.สมัยนี้มนุษย์ส่วนใหญ่จิตใจจะติดอยู่แต่ในภพภูมิเปรต ที่ว่าภพเปรตเพราะอะไรก็เพราะ ความโลภก็ดี ความไม่รู้จักพอ ความอยากได้ของคนอื่นก็ดี เป็นกันมากโดยเฉพาะพวกคนรวยแล้วยังคิดอยากได้ของคนอื่นในทางฉ้อโกงเอา หรือประกอบอาชีพที่รู้ว่ามันผิดต่อศีลธรรม มอมเมาเยาวชน แต่เพราะอยากรวยเลยต้องทำ สุดท้ายสัตว์โลกก็ต้องเป็นไปตามกรรม :b2:



ผู้ที่เห็นทุกข์จะเข้าถึงธรรมได้นั้น พี่เต้คิดว่าเค้าต้องมีสัญญาเก่าของเค้าติดมาเยอะมากด้วยค่ะ
มนุษย์สมัยนี้เกิดก็เร็วตายก็เร็ว ตอนมีชีวิตอยู่ก็หลงไหลในทรัพย์
ไม่คิดถึงเรื่องเสบียง ที่จะนำติดตัวไปเวลาที่ต้องไปเกิดอีกภพหนึ่ง
เชื่อว่าตายแล้วสูญ พอความตายเข้ามาถึง
เพิ่งจะนึกถึงบุญ อยากจะสร้างบุญแต่หมดโอกาส :b41: :b55: :b49:


โพสต์ เมื่อ: 30 เม.ย. 2014, 19:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณกบฯหาดูที่รายการธรรมแสกหน้าค่ะ :b41: :b55: :b49:


โพสต์ เมื่อ: 30 เม.ย. 2014, 20:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


คือคุณกบฯไปค้นหาดูเอาเองดีกว่าค่ะ คือเราก็ดูไม่จบหรอกค่ะ กลัวว่ามโนกรรมจะเกิด
แล้วเราก็ ไม่ต้องการที่จะนำคลิปนั้นมาลงที่นี่ด้วยค่ะ
มันเป็นอะไรที่รับไม่ได้จริงๆ เราคิดว่าไม่เกินความสามารถของคุณกบฯหรอกค่ะ
เวลาดูแล้ว ต้องระวังมโนกรรมน่ะคะ
เพราะเราอ่านที่พวกเค้าเขียนต่อว่าแรงเหมือนกัน :b41: :b55: :b49:


โพสต์ เมื่อ: 30 เม.ย. 2014, 23:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


มนุษย์เรา..มีสองกาย...กายนอก..กับกายใน

มีใครเชื่อบ้างครับ...

แต่ผมเชื่อ...นะ


โพสต์ เมื่อ: 30 เม.ย. 2014, 23:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณกบฯเขียน

อ้างคำพูด:
มนุษย์เรา..มีสองกาย...กายนอก..กับกายใน

มีใครเชื่อบ้างครับ...

แต่ผมเชื่อ...นะ


เป็นยังไงค่ะ มนุษย์มี2กาย ช่วยอธิบายด้วยค่ะ :b8: :b41: :b55: :b49:


โพสต์ เมื่อ: 30 เม.ย. 2014, 23:35 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กายนอก...ก็กายรูปร่าง...อย่างสัตว์...อย่างคน

กายใน...ก็อทิสสมานกาย....เป็นกายซ้อนซ่อนในกายนอก....บ่งบอกคุณภาพ..ของจิต....หากจิตเป็นกุศลซะส่วนมาก....กายใจนี้ก็สวยงามเป็นแก้วสวยงาม....หากจิตเป็นอกุศลซะส่วนใหญ่..กายใจนี้ก็หม่นหมอง..เป็นเปรต..เป็นอสุรกาย...อย่างนี้เป็นต้น


โพสต์ เมื่อ: 01 พ.ค. 2014, 05:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ที่ม้าเดินขาเป๋ เพราะเดินตามคนเลี้ยงขากะเพลก (ขาพิการ) พอเปลี่ยนคนเลี้ยงขาปกติ ม้าก็เดินปกติ ทำนองลูกแขกเต้าสองพี่น้องข้างต้น คบ (สมาคม) คนเช่นไรก็เป็นคนเช่นนั้น

อีกเรื่องหนึ่ง เรื่ององคุลิมาล อยู่กับอาจารย์คนแรกเป็นโจรเที่ยวฆ่าคน ครั้นมาพบกับพระพุทธเจ้าอยู่กับพระพุทธเจ้าเป็นพระอรหันต์....อเสวนา จ พาลานัง บัณฑิตานัญจ เสวนา....

อ้างคำพูด:
สัมมาทิฏฐิ เป็นองค์ประกอบสำคัญของมรรค ในฐานะที่เป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิบัติธรรม หรือเป็นขั้นเริ่มต้นในระบบการศึกษาตามหลักการของพระพุทธศาสนา และเป็นธรรมที่ต้องพัฒนาให้บริบูรณ์ ชัดเจน เป็นอิสระมากขึ้นตามลำดับ จนกลายเป็นการตรัสรู้ในที่สุด ดังกล่าวมาแล้ว ดังนั้น การสร้างเสริมสัมมาทิฏฐิจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง

มีข้อความในพระไตรปิฎก แสดงหลักการสร้างเสริมสัมมาทิฏฐิไว้ ดังนี้

"ภิกษุทั้งหลาย ปัจจัยเพื่อความเกิดขึ้นแห่งสัมมาทิฏฐิ มี ๒ ประการ ดังนี้ คือ ปรโตโฆสะ และโยนิโสมนสิการ

ปัจจัยแห่งสัมมาทิฏฐิ ๒ อย่าง ตามพุทธพจน์ที่ตรัสไว้นี้ คือ


๑. ปรโตโฆสะ = เสียงจากผู้อื่น การกระตุ้นหรือชักจูงจากภายนอก เช่น การสั่งสอน แนะนำ การถ่ายทอด การโฆษณา คำบอกเล่า ข่าวสาร ข้อเขียน คำชี้แจง อธิบาย การเรียนรู้จากผู้อื่น ในที่นี้ หมาเอาเฉพาะส่วนที่ดีงามถูกต้อง เฉพาะอย่างยิ่งการรับฟังธรรม ความรู้ หรือคำแนะนำจากบุคคลที่เป็นกัลยาณมิตร

ข้อแรกนี้ เป็นองค์ประกอบฝ่ายภายนอก ได้แก่ ปัจจัยทางสังคม อาจเรียกง่ายว่า วิธีการแห่งศรัทธา


๒. โยนิโสมนสิการ = การทำในใจโดยแยบคาย = การใช้ความคิดถูกวิธี ความรู้จักคิด คิดเป็น หรือคิดอย่างมีระเบียบ หมายถึง การรู้จักมอง รู้จักพิจารณาสิ่งทั้งหลาย โดยมองตรงตามที่สิ่งนั้นๆ มันเป็นของมัน และโดยวิธีคิดหาเหตุผล สืบค้นถึงต้นเค้า สืบสาวให้ตลอดสาย แยกแยะสิ่งนั้นๆ หรือปัญหานั้นๆ ออก ให้เห็นตามสภาวะ และตามความสัมพันธ์สืบทอดแห่งเหตุปัจจัย โดยไม่เอาความรู้สึกด้วยตัณหาอุปาทานของตนเข้าจับ

ข้อสองนี้ เป็นองค์ประกอบฝ่ายภายใน ได้แก่ ปัจจัยในตัวบุคคล อาจเรียกง่ายๆ ว่า วิธีการแห่งปัญญา

.........

ส่วนปัจจัยให้เกิดมิจฉาทิฏฐิ ก็มี 2 ตรงข้ามจากนี้ คือ ปรโตโฆสะที่ไม่ดี และอโยนิโสมนสิการ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 01 พ.ค. 2014, 07:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณสมบัติของกัลยาณมิตร


สัตบุรุษ คือคนดี หรือคนที่แท้ มีธรรมของสัตบุรุษ เรียกว่า สัปปุริสธรรม ๗ ประการ ดังนี้

๑. ธัมมัญญุตา - รู้หลักและรู้จักเหตุ คือ รู้หลักความจริงของธรรมชาติ รู้หลักการ กฎเกณฑ์แบบแผนหน้าที่ ซึ่งจะเป็นเหตุให้กระทำการได้สำเร็จผลตามความมุ่งหมาย เช่น ภิกษุรู้ว่าหลักธรรมที่ตนจะต้องศึกษาและปฏิบัติคืออะไร มีอะไรบ้าง ผู้ปกครองรู้ธรรมของผู้ปกครอง คือรู้หลักการปกครอง

๒. อัตถัญญุตา - รู้ความมุ่งหมาย และรู้จักผล คือ รู้ความและความมุ่งหมายของหลักธรรม หรือหลักการ กฎเกณฑ์ หน้าที่ รู้ผลที่ประสงค์ของกิจที่จะกระทำ เช่น ภิกษุรู้ว่าธรรมที่ตนศึกษาและปฏิบัตินั้นๆ มีความหมายและความมุ่งหมายอย่างไร ตลอดจนรู้จักประโยชน์ที่เป็นจุดหมายหรือสาระของชีวิต

๓. อัตตัญญุตา - รู้จักตน คือ รู้ฐานะ ภาวะ เพศ กำลัง ความรู้ ความถนัด ความสามารถ และคุณธรรม เป็นต้น ของตน ตามเป็นจริง เพื่อประพฤติปฏิบัติได้เหมาะสม และให้เกิดผลดี เช่น ภิกษุรู้ว่าตนมีศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา และปฏิภาณแค่ไหน

๔. มัตตัญญุตา - รู้จักประมาณ คือ รู้ความพอเหมาะพอดี เช่น รู้จักประมาณในการบริโภคอาหาร ในการใช้จ่ายทรัพย์ ภิกษุรู้จักประมาณในการรับปัจจัย ๔ เป็นต้น

๕. กาลัญญุตา - รู้จักกาล เช่น รู้ว่าเวลาไหน ควรทำอะไร รู้จักเวลาเรียน เวลาทำงาน เวลาพักผ่อน เป็นต้น

๖. ปริสัญญุตา - รู้จักชุมชน คือ รู้จักถิ่น รู้จักที่ชุมนุม และชุมชน รู้จักมารยาท ระเบียบวินัย ขนบธรรมเนียมประเพณี และข้อความรู้ควรปฏิบัติ ต่อชุมชนนั้น

๗. ปุคคลัญญุตา - รู้จักบุคคล คือ รู้ความแตกต่างระหว่างบุคคล โดยอัธยาศัย ความสามารถ และคุณธรรม เป็นต้น เพื่อปฏิบัติต่อผู้นั้นโดยถูกต้อง เช่นว่า ควรจะคบหรือไม่ จะเกี่ยวข้อง จะใช้ จะยกย่อง จะตำหนิ หรือจะแนะนำสั่งสอนอย่างไร จึงจะได้ผลดี เป็นต้น



กัลยาณมิตร ในแง่ทำหน้าที่ต่อผู้อื่น สมควรมีคุณสมบัติพิเศษจำเพาะสำหรับการทำหน้าที่นั้นอีกส่วนหนึ่ง โดยเฉพาะคุณสมบัติพื้นฐาน ที่เรียกว่า กัลยาณมิตรธรรม ๗ ประการ ดังนี้


๑. ปิโย - น่ารัก คือ เข้าถึงจิตใจ สร้างความรู้สึกสนิทสนม เป็นกันเอง ชวนใจผู้เรียนให้อยากเข้าไปปรึกษาไต่ถาม

๒. ครุ - น่าเคารพ คือ มีความประพฤติสมควรแก่ฐานะ ทำให้เกิดความรู้สึกอบอุ่นใจ เป็นที่พึงได้ และปลอดภัย

๓. ภาวนีโย - น่าเจริญใจ คือ มีความรู้จริง ทรงภูมิปัญญาแท้จริง และเป็นผู้ฝึกฝนปรับปรุงตนอยู่เสมอ เป็นที่น่ายกย่อง ควรเอาอย่าง ทำให้ศิษย์เอ่ยอ้าง และรำลึกถึง ด้วยความซาบซึ้ง มั่นใจ และภาคภูมิใจ

๔. วัตตา - รู้จักพูดให้ได้ผล คือ พูดเป็น รู้จักชี้แจงให้เข้าใจ รู้ว่าเมื่อไรควรพูดอะไร อย่างไร คอยให้คำแนะนำว่ากล่าว ตักเตือน เป็นที่ปรึกษาที่ดี

๕. วจนักขโม - ทนต่อถ้อยคำ คือ พร้อมที่จะรับฟังคำปรึกษาซักถามแม้จุกจิก ตลอดจนคำล่วงเกิน และคำตักเตือนวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ อดทนฟังได้ ไม่เบื่อหน่าย ไม่เสียอารมณ์

๖. คัมภีรัญจะ กะถัง กัตตา - แถลงเรื่องล้ำลึกได้ คือ กล่าวชี้แจงเรื่องต่างๆ ที่ลึกซึ้งซับซ้อนให้เข้าใจได้ และสอนศิษย์ให้ได้เรียนรู้เรื่องราวที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นไป

๗. โน จัฏฐาเน นิโยชะเย - ไม่ชักนำในอฐานะ คือ ไม่ชักจูงไปในทางเสื่อมเสีย หรือเรื่องเหลวไหลไม่สมควร

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 04 พ.ค. 2014, 18:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณ น้อง ฯ เขียน


อ้างคำพูด:
ปล.สมัยนี้มนุษย์ส่วนใหญ่จิตใจจะติดอยู่แต่ในภพภูมิเปรต


โพสต์ เมื่อ: 05 พ.ค. 2014, 09:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


คุนน้องว่ามนุษย์เราทุกคนเคยเกิดเป็นสัตว์ป่าเดรัจฉานมากันแล้วทั้งนั้นแหละเจ้าค่ะ คุนน้องยังเคยคิดเลยนะว่าตนเองนะจะเคยเกิดเป็นพวกราชสีห์หรือคชสารเพราะว่าคุนน้องเวลาโมโหดุมาก :b32: มันเป็นของมันเองไม่ได้ไปควบคุมหรือบังคับฝืนอะไร คือแบบว่าถ้าเป็นพวกช้างมันก็หากินของมันปกติไม่ได้ไม่ยุ่งกะใคร แต่อย่าไปยุ่งกะมันถ้ามันตกมันขึ้นมามันวิ่งไหลเหยียบจมดินเลย :b32:


โพสต์ เมื่อ: 05 พ.ค. 2014, 10:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้อ จะนำไปฝากหลวงปู่ นี่ก็ได้ :b1: อย่างน้อยสัก 10 ปี เห็นผล :b32:

http://www.youtube.com/watch?v=l_hjnUZ96TU

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 70 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร