อิอิ...



พูดแล้วต้องเฉลย..ด้วยนะอโสกะ...ไม่งั้นใครๆจะว่าได้..ว่าไม่รู้แต่แกล้งทำเหมือนรู้...อิอิ

อะไรหรอขอรับ ทำให้ชีวิตต้องหายใจ

ถามอโศกหน่อย

นามรูป กับ คนหรือมนุษย์เนื่่ยเหมือนกันหรือต่างกัน

กรัชกายนี่ไม่พยายามพิสูจน์ธรรมเสียก่อน เอาแต่ถาม ถูกถามอยู่ยังไม่ทันตอบ ก็ถามอีก เป็นนิสัยเด็กชอบขอกินปลาไม่รู้จักโตซักที แก้ไขเสียนะนิสัยอย่างนี้ ก่อนที่มันจะฝังลึกเข้าไปในกมลสันดานแล้วถอนยากภายหลัง

อะไร ทำให้สัตว์โลกต้องหายใจเข้า หายใจออก

ทุกขัง ความทนอยู่ไม่ได้ ทำให้สัตว์โลกต้องหายใจเข้า หายใจออก

ให้ทดลองพิสูจน์ดูง่ายๆได้ทันที โดยสงบกาย สงบใจ สำรวมกายใจมานิ่งรู้นิ่งสังเกต ลมหายใจเข้าออกของตนเอง สังเกตดูให้ดีๆ เมื่อหายใจเข้าหรือออกสุดแล้ว ปิดจังหวะหรือกลั้นไว้ให้ถึงที่สุด ในที่สุดจะได้พบความรู้สึกที่สั่งหรือทำให้ต้องหายใจเข้าหรือออก........

มันคือ ทุกขัง จริงหรือไม่?

ถ้าเข้าใจความจริงด้วยบทพิสูจน์นี้แล้ว จะประยุกต์เอาความรู้นี้ไปใช้กับเรื่องอื่นได้มากมายมหาศาล

ชีวิต ทั้งมนุษย์ สัตว์ ล้วนแล้วถูก ทุกขัง นี้แหละเป็นตัวกระตุ้นหรือผลักดันให้เกิดปฏิกิริยาตอบโต้ เป็นลูกโซ่แห่งกรรมหรือการกระทำ เกิดวิบาก ผลของการกระทำ สืบต่อเนื่องกันไปเป็นวัฏฏะสังสาระ ไม่รู้จบ

รูป = เสื่อมสลาย เปลี่ยนแปลงไป, สิ่งที่ถูกรู้ ,รูปขันธ์ กองแห่งรูป

นาม = สิ่งที่ไปรู้รูป, นามขันธ์ กองแห่งนามประกอบด้วย จิต เจตสิก นิพพาน

คน = สัตว์โลกชนิดหนึ่ง

มนุษย์ = มนะ + อุษยะ = ผู้มีใจสูง....คือสูงด้วยคุณธรรม

คนหรือมนุษย์ เมื่อวิเคราะห์แยกแยะออกย่อมประกอบไปด้วย รูป นาม กาย ใจ หรือขันธ์ 5

อะไรพร่ำจนพร่าเลอะไปหมด

ถามว่า เหมือนกันหรือต่างกัน ตอบเหมือนหรือต่างเท่านั้นพอก่อน เอาชัดๆ

ต่างกันโดยบัญญัติ

เหมือนกันโดยปรมัตถ์

ทุกข์...ตัวนี้...เป็นทุกข์เวทนา....หรือว่า..ทุกข์..ในไตรลักษณ์...ละครับ. อโสกะ

ต่างกันโดยบัญญัติ

เหมือนกันโดยปรมัตถ์

พูดให้ตีความอีก

อโศกแยกชัดๆให้เห็นก่อนสิขอรับ ระหว่าง นามรูป กับ คนหรือมนุษย์เนี่ย อะไรเป็นบัญญัติ อะไรเป็นปรมัตถ์ เอ้า

ทุงขัง ตัวนี้ แปลว่า ทนไม่ได้ เป็นทั้งทุกขเวทนาและทุกขังในไตรลักษณ์เลยเชียวหละครับ

ดูความหมายให้ดี

ทุกขัง = ทนตั้งอยู่ไม่ได้

นาม - รูป คน มนุษย์ นี่เป็น สมมุติบัญญัติ

จิต เจตสิก รูป นิพพาน นี่เป็นปรมัตถบัญญัติ

ความรวมกันเข้ามาเป็นก้อนขันธ์ 5 นี้โดยมีมหาภูตรูป 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ จิต อุตุ โอชะ อัตถกลาปะ เป็นปัจจัยประกอบกันขึ้นมานี้ คือปรมัตถธรรม เป็นอันเดียวกัน

คิกๆๆ

ว่าแล้วว่าหลายหนแล้วว่า อโศกน่ะสับสนในชีวิต ไม่เข้าใจชีวิต จึงไม่เข้าใจธรรม เป็นนักธรรมใบ้เลขใบ้หวย ไม่มีหลักมีเกณฑ์ เดาซวดๆไป

หลัก

ปรมัตถธรรมมี 4 คือ จิต เจตสิก รูป นิพพาน

จิต เจตสิก = นาม รูป = รูป เรียกว่า นามรูป

จิต เจตสิก รูป = ชีวิตนี่ เมื่อจำแนกออกโดยความเป็นขันธ์ (หรือเป็นกอง) มี 5 ขันธ์ จิต เจตสิก =นามขันธ์ 4 รูป = รูปขันธ์

ปรมัตถธรรมหรือชีวิตนี่ สังคมบัญญัติ (ตั้งชื่อ) เพื่อหมายรู้กันว่า คนหรือมนุษย์ “คน” เป็นบัญญัติ สำหรับเรียกขานหมายร่วมกันในการดำเนินชีวิต

ยัง ยังบัญญัติซ้อนอีก คือ คนๆนี้ มีชื่อ ว่า ดช. ก. ดญ.ข. นาย ก. นาง ข. ฯลฯ มิสเตอร์นั่นนี่อีก นี่บัญญัติซ้อนบัญญัติขึ้นมาอีก

ทวน ....ชั้นเดิมเป็นปรมัตถ์ (เรียกเต็มปรมัตถธรรม) เป็นสภาวะ (เรียกเต็มสภาวธรรม) มันเป็นอยู่เป็นไปตามเหตุปัจจัยของมัน โดยไม่ต้องมีบัญญัติว่า "คน" ว่า "มนุษย์" ว่า "นาย ก." ว่า " นาง ข." ฯลฯ มันก็เป็นไปของมัันได้ บัญญัตินี่ เหมือนตั้งลอยๆบนปรมัตถ์ (ดูรูปนั่นประกอบความเข้าใจ) อโศกพอเข้าไหมขอรับ

คำตอบข้างบน ^ นั่น ก็เป็นคำเฉลยปัญหานี้ด้วย






คือเขานำความรู้ตามสภาวะไปปนกับสมมติบัญญัติที่ใช้สือสารหมายรู้ร่วมกันทางสังคม


หัวข้อลิงค์นี้

viewtopic.php?f=1&t=47545&start=15







นี่เขาพูดตามสภาวะ พูดตามปรมัตถ์

แต่ท่อนหลังเขาพูด (คิด) ตามสมมุติบัญญัติที่ตนยึดถืออยู่






ทั้งตัวสภาวะ และสมมุติ (บัญญัติ) เป็นสิ่งจำเป็น ตัวสภาวะ (ที่นิยมเรียกว่า ปรมัตถ์) เป็นเรื่องของธรรมชาติ ส่วนสมมุติ เป็นเรื่องของประโยชน์สำหรับความเป็นอยู่ของมนุษย์
แต่ ปัญหาเกิดขึ้น เพราะมนุษย์เอาสภาวะ กับ สมมุติมาสับสนกัน คือ เข้าไปยึดเอาตัวสภาวะจะให้เป็นไปตามสมมุติ จึงเกิดวุ่นวายขึ้น

ตัวสภาวะไม่วุ่น เพราะมันเป็นไปอย่างนั้นเอง ตามปกติธรรมดา ไม่เกี่ยวกับใครจะไปยึดหรือไม่ มนุษย์ เป็นผู้วุ่นไปฝ่ายเดียวและเพราะมันไม่วุ่นด้วย มนุษย์จึงยิ่งวุ่น ใหญ่ เพราะขัดความปรารถนา ถูกบีบคั้นจึงเกิดเป็นปัญหาแก่มนุษย์เอง

http://group.wunjun.com/whatisnippana/t ... 1019-22887

โธ่ ถัง ! ยังมาพยายามอธิบายปรมัตถธรรมซ้ำให้ฟังแบบเด็ก ป.1 สอนนักศึกษามหาวิทยาลัย แถมไม่พอยังเอานามปรมัตถ์หายไปอีกตั้ง 1 อย่าง ดังแถบสีแดงให้ดู

แล้วยังโยงมาสู่สิ่งที่ตนติดยึดแน่น คือคำว่า "ชีวิต" อีกด้วย

สุดท้ายยังไม่ยอมตอบไม่ยอมเฉลยตามความเห็นของตนว่า นาม รูป กับ คน มนุษย์ นั้นต่างกันหรือเหมือนกันอย่างไร?

ใครกันนะสับสนในชีวิต ไม่เข้าใจชีวิต จึงไม่เข้าใจธรรม เป็นนักธรรมใบ้เลขใบ้หวย ไม่มีหลักมีเกณฑ์ เดาซวดๆไป.....น่าจะเป็นกรัชกายเสียมากกว่าละกระมังครับ

เอางี้ก่อนก็ได้

ที่อโศกว่ามาเอาจากไหน เอ้า คิกๆๆๆ

บอกอโศกหลายครั้งแล้ว่า อย่าเพิ่งพูดเพิ่งจินตนาการข้ามขั้น ควรเอาง่ายๆก่อน เช่น ไหว้พระ สวดมนต์ ทำวัตรเช้าเย็น ทอดกฐิน ผ้าป่า ปล่อยนก ปล่อยปลา ฯลฯ ไปก่อน




หากไม่เข้าใจนามรูป หรือชีวิต หรือกายใจ หรือธรรมชาติแล้วล่ะ คิกๆๆ