วันเวลาปัจจุบัน 26 ส.ค. 2025, 20:44  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 70 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 06 พ.ค. 2014, 18:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ในบุพนิมิต3...การจะโยนิโสได้..ตรงประเด็น....ด้วยความไม่ประมาท...นั้น..กัลญาณมิตร...สำคัญมาก....


กัลยาณมิตรตามที่กบว่ายังไงอ่ะ :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 06 พ.ค. 2014, 19:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
คุณเต้ วันนี้ที่ภาคใต้คนดุอีกแล้ว :b1:


อ้างคำพูด:

ระเบิดที่อำเภอหาดใหญ่ 5 จุด จุดที่
1 สถานนีรถไฟ จุดที่
2 หน้าสถานีตำรวจ จุดที่ 3
ใกล้ประปา จุดที่
4 โรบินสัน จุดที่
5 ประตูร้อยแปด มอ.


เรืองนี้นึกถึงคำพูดของน้องจิ๊บที่บอร์ดเก่า



อ้างคำพูด:

อ้างคำพูด:
อ๋อ .. หมู่บ้านที่หนูอยู่ก็จะปนกับชาวมุสลิมด้วยค่ะ
แต่บางหมู่บ้านก็จะแยกเป็นไทยพุทธ - มุสลิมค่ะ
ส่วนโรงเรียนที่หนูอยู่ก็มีชาวมุสลิมด้วยค่ะ แต่ห้องหนูรู้สึกว่าจะมีไทนพุทธมากกว่านะคะ

จุดประสงค์ของพวกเค้าเหรอคะ เห่อๆ ..
หนูคิดไว้ 2 อย่างค่ะ
- มาจากเรื่องการเมืองในกรุงเทพฯ
- แบ่งแยกดินแดน(บ้าบอ)

แต่หนูไม่แน่ใจหรอกค่ะ หนูอาจจะทราบว่าใครคือผู้ก่อเหตุการณ์ทั้งหมดขึ้น
ใครเป็นคนอยู่เบื้องหลัง หนูก็ไม่แน่ใจนะคะ .. ว่าเป็นเค้าคนนั้นรึเปล่า
แต่ก็ไม่อยากเอ่ยชื่อค่ะ เครียด!! เหตุการณ์ภาคใต้จะสงบลงเมื่อโลกแตกมั๊งคะ ชิส์

http://www.dhammajak.net/board/viewtopi ... 8&start=40




เคยเจอน้องผู้หญิงเค้าเป็นมุสลิม อยู่ที่นราฯเค้าเรียนที่กรุงเทพฯ มาหาพี่สาวเค้าที่นี่
เค้าพูดคล้ายๆน้องจิ๊บนี่หล่ะค่ะ ขำตรงแบ่งแยกดินแดน(บ้าบอ) :b32:

ถ้าเจอคนพื้นที่ใน3จังหวัดนั้น เค้าจะพูดคล้ายๆกันทั้งนั้นนะ คนใน3จังหวัดนั้นน่าสงสารค่ะ
เคยเจอน้องผู้ชายมาทำงานร้านต้นไม้ เค้าเล่าให้ฟัง
พวกเค้ารู้ อำนาจเถื่อนมันเยอะเกินไป
ผู้ที่จะช่วยพวกเค้าได้ สวรรค์เท่านั้นค่ะ :b41: :b55: :b49:


โพสต์ เมื่อ: 06 พ.ค. 2014, 21:19 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ในบุพนิมิต3...การจะโยนิโสได้..ตรงประเด็น....ด้วยความไม่ประมาท...นั้น..กัลญาณมิตร...สำคัญมาก....


กัลยาณมิตรตามที่กบว่ายังไงอ่ะ :b10:


คนที่เคยทำมาก่อน.จนเห็นผลจริง..(ซึ่งตรงนี้ไม่สามารถรู้ได้ก่อนเลย..จนกว่า
เราจะทำตามแล้วมีผลบางอย่างเป็นประจักรพยานในธรรมบางอย่าง) .และ..เมื่อมาแนะนำชี้แจงรายละเอียดของทางเดินนั้น...ทำให้เรามีความรู้สึกศรัทธาเชื่อมั่นในทางเดินนั้น...

สรุป..คือ...สาวกภูมิ...ไม่สามารถบรรลุธรรมป็นอริยะบุคคลได้เพียงลำพังหากปราสจากผู้แนะนำ....แม้หนังสือตำรับตำราก็ไม่สามารถทำหน้าที่แทนผู้แนะนำได้...


โพสต์ เมื่อ: 06 พ.ค. 2014, 21:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ในบุพนิมิต3...การจะโยนิโสได้..ตรงประเด็น....ด้วยความไม่ประมาท...นั้น..กัลญาณมิตร...สำคัญมาก....


กัลยาณมิตรตามที่กบว่ายังไงอ่ะ :b10:


คนที่เคยทำมาก่อน.จนเห็นผลจริง..(ซึ่งตรงนี้ไม่สามารถรู้ได้ก่อนเลย..จนกว่า
เราจะทำตามแล้วมีผลบางอย่างเป็นประจักรพยานในธรรมบางอย่าง) .และ..เมื่อมาแนะนำชี้แจงรายละเอียดของทางเดินนั้น...ทำให้เรามีความรู้สึกศรัทธาเชื่อมั่นในทางเดินนั้น...

สรุป..คือ...สาวกภูมิ...ไม่สามารถบรรลุธรรมป็นอริยะบุคคลได้เพียงลำพังหากปราสจากผู้แนะนำ....แม้หนังสือตำรับตำราก็ไม่สามารถทำหน้าที่แทนผู้แนะนำได้...



ธรรมตามที่กบว่าน่าจะเป็นยังไงครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 06 พ.ค. 2014, 22:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bbby เขียน:
อ้างคำพูด:
คุณเต้ วันนี้ที่ภาคใต้คนดุอีกแล้ว :b1:


อ้างคำพูด:

ระเบิดที่อำเภอหาดใหญ่ 5 จุด จุดที่
1 สถานนีรถไฟ จุดที่
2 หน้าสถานีตำรวจ จุดที่ 3
ใกล้ประปา จุดที่
4 โรบินสัน จุดที่
5 ประตูร้อยแปด มอ.


เรืองนี้นึกถึงคำพูดของน้องจิ๊บที่บอร์ดเก่า



อ้างคำพูด:

อ้างคำพูด:
อ๋อ .. หมู่บ้านที่หนูอยู่ก็จะปนกับชาวมุสลิมด้วยค่ะ
แต่บางหมู่บ้านก็จะแยกเป็นไทยพุทธ - มุสลิมค่ะ
ส่วนโรงเรียนที่หนูอยู่ก็มีชาวมุสลิมด้วยค่ะ แต่ห้องหนูรู้สึกว่าจะมีไทนพุทธมากกว่านะคะ

จุดประสงค์ของพวกเค้าเหรอคะ เห่อๆ ..
หนูคิดไว้ 2 อย่างค่ะ
- มาจากเรื่องการเมืองในกรุงเทพฯ
- แบ่งแยกดินแดน(บ้าบอ)

แต่หนูไม่แน่ใจหรอกค่ะ หนูอาจจะทราบว่าใครคือผู้ก่อเหตุการณ์ทั้งหมดขึ้น
ใครเป็นคนอยู่เบื้องหลัง หนูก็ไม่แน่ใจนะคะ .. ว่าเป็นเค้าคนนั้นรึเปล่า
แต่ก็ไม่อยากเอ่ยชื่อค่ะ เครียด!! เหตุการณ์ภาคใต้จะสงบลงเมื่อโลกแตกมั๊งคะ ชิส์

http://www.dhammajak.net/board/viewtopi ... 8&start=40




เคยเจอน้องผู้หญิงเค้าเป็นมุสลิม อยู่ที่นราฯเค้าเรียนที่กรุงเทพฯ มาหาพี่สาวเค้าที่นี่
เค้าพูดคล้ายๆน้องจิ๊บนี่หล่ะค่ะ ขำตรงแบ่งแยกดินแดน(บ้าบอ) :b32:

ถ้าเจอคนพื้นที่ใน3จังหวัดนั้น เค้าจะพูดคล้ายๆกันทั้งนั้นนะ คนใน3จังหวัดนั้นน่าสงสารค่ะ
เคยเจอน้องผู้ชายมาทำงานร้านต้นไม้ เค้าเล่าให้ฟัง
พวกเค้ารู้ อำนาจเถื่อนมันเยอะเกินไป
ผู้ที่จะช่วยพวกเค้าได้ สวรรค์เท่านั้นค่ะ



มีอันธพาล เป็นนักเลงเกเรเกตุงพาลชาวบ้านเขาไปทั่วจากปากซอยถึงท้ายซอย เวลามีเรื่องจะพูดขู่คู่กรณีทำนองว่า อย่าเล่นกับกูนะมึง กูเป็นคนไม่มีอนาคต ไม่มีอะไรต้องห่วง แม้แต่ชีวิต ส่วนมึงมีอนาคตมีครอบครัวต้องห่วงต้องดูแล จะแลกหรอ

คุณเต้สังเกตสังคมไทยไหม คนดีหรือสุจริตชนเนี่ยมักกลัวยอมพวกนักเลงอันธพาล :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 07 พ.ค. 2014, 10:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณกรัชกายเขียน

อ้างคำพูด:
คุณเต้สังเกตสังคมไทยไหม คนดีหรือสุจริตชนเนี่ยมักกลัวยอมพวกนักเลงอันธพาล :b1:


ใช่ค่ะเป็นอย่างที่คุณกรัชกายเขียน

เราเคยฟังจากคนที่รู้จัก คุยให้ฟังเค้าบอกญาติเค้าร้ายมากกก
คือพอเค้าก่อคดีขึ้นมา1คดี เค้าต้องหนีตำรวจ เค้าไปทำร้ายใครต่ออีก
เค้าก็ต้องหนีตำรวจ ใครขับรถตัดหน้าเค้าเค้ายิงคนนั้นตาย เค้าก็ต้องหนีตำรวจ
พวกเค้าสร้างกันมากี่คดี เค้าไม่รู้สึกอะไรหรอก
แต่คนดีๆ ที่ต้องเสียอนาคตกับคนพวกนี้จำนวนเท่าไหร่ ที่ต้องอยู่อย่างตายทั้งเป็น


ถ้าอย่างสิงค์โปรนะ เค้าใช้กฎหมายเป็นเกราะป้องกันตัวให้คนในประเทศของเค้า
โดยเฉพาะคดีข่มขืนนี่ ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี ในความคิดของคุณกรัชกาย
คุณกรัชกายคิดว่า ต้องใช้อะไรมาคุ้มคนดีๆให้หลุดพ้นจากการทำร้ายค่ะ
สำหรับเรา "กฎหมายค่ะ"

เราอยู่ที่นี่ เราไม่เคยเจอคนเมาเหล้าเมายาอะไรเลยค่ะ
คือเราไม่เคยเห็นคนร้าย มาเป็น16-17ปี แล้วค่ะ
เราถึงได้บอกว่าเราเห็นคนไทยเป็นแบบนี้เรากลัว เราไม่เคยเห็นผู้ชายทำร้ายผู้หญิงเลยค่ะ
ตอนนี้เมืองไทยน่ากลัวจริงๆค่ะ เหมือนบ้านป่าเมืองเถื่อน

คนที่นี่บอกว่า พวกเค้าไปเที่ยวที่ไหนๆ ในแถบเอเซีย เค้ายอมรับว่าเมืองไทยเป็นที่เที่ยวที่ดีที่สุดโดยเฉพาะด้านเซอร์วิส เราถึงได้ไม่เคยไปเที่ยวที่ประเทศไหนเลย
ก็เพราะสาเหตุฟังจากที่พวกเค้าเล่า แล้วเราว่าเมืองไทยดีที่สุดแล้วค่ะ
เราก็ไปแต่ที่สิงค์โปร นี่แหละใกล้ๆดี
ตอนนี้บริษัททัวร์ที่เมืองไทยคงแย่นะ

มีอยู่ครั้งหนึ่ง คนที่อยู่ใกล้ๆบ้านเราจะไปเที่ยวเมืองไทย พอตอนหลังบ.ทัวร์โทรยกเลิก
เพราะไม่มีใครไป พวกเค้าก็เลยเลือกไปเที่ยวเขมร ทีนี้เค้าบอก
เค้าก็ไปที่เขตชายแดนติดกับไทยนี่หละค่ะ เค้าอยากจะข้ามมาฝั่งไทย
ไกด์บอกว่า "พวกคุณอย่าข้ามไปเลย มีอะไรขึ้นมาผมรับผิดชอบไม่ไหว"
ในสายตาต่างชาติ ประเทศไทยเป็นที่น่ากลัวไปซะแล้ว :b1: :b41: :b55: :b49:


โพสต์ เมื่อ: 07 พ.ค. 2014, 17:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bbby เขียน:
คุณกรัชกายเขียน

อ้างคำพูด:
คุณเต้สังเกตสังคมไทยไหม คนดีหรือสุจริตชนเนี่ยมักกลัวยอมพวกนักเลงอันธพาล :b1:


ใช่ค่ะเป็นอย่างที่คุณกรัชกายเขียน

เราเคยฟังจากคนที่รู้จัก คุยให้ฟังเค้าบอกญาติเค้าร้ายมากกก
คือพอเค้าก่อคดีขึ้นมา1คดี เค้าต้องหนีตำรวจ เค้าไปทำร้ายใครต่ออีก
เค้าก็ต้องหนีตำรวจ ใครขับรถตัดหน้าเค้าเค้ายิงคนนั้นตาย เค้าก็ต้องหนีตำรวจ
พวกเค้าสร้างกันมากี่คดี เค้าไม่รู้สึกอะไรหรอก
แต่คนดีๆ ที่ต้องเสียอนาคตกับคนพวกนี้จำนวนเท่าไหร่ ที่ต้องอยู่อย่างตายทั้งเป็น


ถ้าอย่างสิงค์โปรนะ เค้าใช้กฎหมายเป็นเกราะป้องกันตัวให้คนในประเทศของเค้า
โดยเฉพาะคดีข่มขืนนี่ ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี ในความคิดของคุณกรัชกาย
คุณกรัชกายคิดว่า ต้องใช้อะไรมาคุ้มคนดีๆให้หลุดพ้นจากการทำร้ายค่ะ
สำหรับเรา "กฎหมายค่ะ"

เราอยู่ที่นี่ เราไม่เคยเจอคนเมาเหล้าเมายาอะไรเลยค่ะ
คือเราไม่เคยเห็นคนร้าย มาเป็น16-17ปี แล้วค่ะ
เราถึงได้บอกว่าเราเห็นคนไทยเป็นแบบนี้เรากลัว เราไม่เคยเห็นผู้ชายทำร้ายผู้หญิงเลยค่ะ
ตอนนี้เมืองไทยน่ากลัวจริงๆค่ะ เหมือนบ้านป่าเมืองเถื่อน

คนที่นี่บอกว่า พวกเค้าไปเที่ยวที่ไหนๆ ในแถบเอเซีย เค้ายอมรับว่าเมืองไทยเป็นที่เที่ยวที่ดีที่สุดโดยเฉพาะด้านเซอร์วิส เราถึงได้ไม่เคยไปเที่ยวที่ประเทศไหนเลย
ก็เพราะสาเหตุฟังจากที่พวกเค้าเล่า แล้วเราว่าเมืองไทยดีที่สุดแล้วค่ะ
เราก็ไปแต่ที่สิงค์โปร นี่แหละใกล้ๆดี
ตอนนี้บริษัททัวร์ที่เมืองไทยคงแย่นะ

มีอยู่ครั้งหนึ่ง คนที่อยู่ใกล้ๆบ้านเราจะไปเที่ยวเมืองไทย พอตอนหลังบ.ทัวร์โทรยกเลิก
เพราะไม่มีใครไป พวกเค้าก็เลยเลือกไปเที่ยวเขมร ทีนี้เค้าบอก
เค้าก็ไปที่เขตชายแดนติดกับไทยนี่หละค่ะ เค้าอยากจะข้ามมาฝั่งไทย
ไกด์บอกว่า "พวกคุณอย่าข้ามไปเลย มีอะไรขึ้นมาผมรับผิดชอบไม่ไหว"
ในสายตาต่างชาติ ประเทศไทยเป็นที่น่ากลัวไปซะแล้ว



อ้างคำพูด:
ในความคิดของคุณกรัชกาย
คุณกรัชกายคิดว่า ต้องใช้อะไรมาคุ้มคนดีๆให้หลุดพ้นจากการทำร้ายค่ะ
สำหรับเรา "กฎหมายค่ะ"


ประเทศไทยก็มีกฎหมาย ไม่ใช่ไม่มี มีมากพอจัดระเบียบสังคมได้ หากผู้ใช้กฎหมายใช้อย่างตรงไปตรงมา ผิดเป็นผิดถูกเป็นถูก เมื่อทำผิดตัวบทกฏหมายตามที่บัญญัติไว้ ต่อให้มีเงินมีอำนาจมีนามสกุลดัง ต้องถูกลงโทษตามมาตรานั้นๆ

คุณเต้สังเกตไหม :b1: เมืองไทยใช้กฎหมายเพราะเห็นแก่หน้า ลูบหน้าปะจมูก :b32:

...........

ลูบหน้าปะจมูก

สำนวนนี้หมายถึง เมื่อเกิดเหตุการณ์ทำผิดหรือเกิดความผิดพลาดขึ้น ซึ่งเป็นคนหรือพวกพ้องของตน เมื่อจำเป็นต้องลงโทษ ก็ต้องลงโทษ แต่ก็ลงโทษโดยเด็ดขาดลงไปไม่ได้ เพราะกลัวจะกระทบพวกพ้องของตัวเอง จึงพยายามหลีกเลี่ยงหรือทำการลงโทษให้เบาลงและให้เกิดผลกระทบกับพวกพ้องของตัวเองน้อยที่สุด

http://xn--o3cda1bwq0d9h2c.net/%E0%B8%A ... 9%E0%B8%81


.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 08 พ.ค. 2014, 14:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


มนุษย์ยุคนี้น่าจะเหมือนในคำทำนายของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ(ใปเสิรทเจอ)
คำทำนายที่เคยมีช้านานนัก
เริ่มประจักษ์ให้เห็นเร้นไม่ได้
หลวงพ่อฤาษีลิงดำเคยทำนาย
เมื่อถึงปลายรัชกาลผ่านเข้ามา
ประเทศชาติจะรุ่งเรืองและเฟื่องฟุ้ง
น้ำมันผุดขึ้นมาจนเห็นค่า
พวกกาขาวจะบินรี้หนีเข้ามา
เป็นประชาจนเต็มพระนคร
ชนทั่วโลกจะยกพระองค์ท่าน
ชื่อกระฉ่อนร่อนทั่วทุกสิงขร
ออกพระนามลือชื่อดั่งทินกร
องค์อมรเอกบุรุษแห่งแผ่นดิน
ชาวประชาจะปิติยิ้มสดใส
แต่อกไหม้หนอนกินข้างในสิ้น
จะมีพวกกาฝากคอยกัดกิน
เพื่อให้ได้สิ่งถวิลสมจินตนา
จะมีการต่อตีกันกลางเมือง
ขุนนางเขื่องกังฉินกินทั่วหล้า
คอรัปชั่นจะกัดกร่อนทั้งพารา
ประดุจปลวกกินฝานั้นปะไร
ข้าราชการตงฉินถูกประนาม
สามคนหามสี่คนแห่มาลากไส้
เกิดวิกฤติผิดเพี้ยนโดยทั่วไป
โกลาหลหม่นไหม้ไร้ความดี
ประชาชีจะสับสนเรื่องดีชั่ว
ถ้วนทุกทั่วจะหมุดขุดรูหนี
ไม่แน่ใจสิ่งที่ทำนำความดี
เกรงเป็นผีตายตกไปตามกัน
พุทธศาสน์จะถูกรุกและล้ำ
มิตรเคยค้ำเป็นศัตรูมุ่งอาสัญ
เกิดวิกฤติธรรมชาติอุบาทว์ครัน
พายุลั่นน้ำถล่มดินทลาย
แผ่นดินแยกแตกเป็นสองปกครองยาก
เกิดวิบากทุกข์เข็ญระส่ำระสาย
เกิดการปราบจลาจลชนล้มตาย
เลือดเป็นสายน้ำตานองสองแผ่นดิน
ข้าเป็นนายนายเป็นข้าน่าสมเพช
ผู้มีบุญมีเดชจะสูญสิ้น
ทั้งพฤฒาอาจารย์ลือระบิล
จะร่วงรินดุจใบไม้ต้องสายลม
ความระทมจะถมทับนับเทวศ
ดั่งดวงเนตรมืดบอดสุดขื่นขม
คนที่ดีจะก้มหน้าสุดระทม
ส่วนคนชั่วหัวร่อร่าทำท่าดัง
จะมีหนึ่งนารีขี่ม้าขาว
ควงคฑามุ่งสู่ดาวสร้างความหวัง
ผู้ปกครองจะเป็นหญิงพึงระวัง
สายน้ำหลั่งกรากเชี่ยวหวาดเสียวใจ
ศิวิไลซ์จะบังเกิดในสยาม
หลังฝนคร้ามลั่นครืนจะยืนได้
จะเข้าสู่ยุคมหาชนพาไป
เปลี่ยนเมืองใหม่ศักราชแห่งประชา
คนชั่วจะถูกปราบราบคาบสิ้น
แผ่นดินเดือดสูญหายไร้ปัญหา
ประเทศชาติผ่านวิกฤติด้วยศรัทธา
ยามเมื่อฟ้าศรีทองผ่องอำไพ
โอ้วขอให้คนชั่วสูญหายไปจากแผ่นดินไวๆ คิกๆ :b4:


โพสต์ เมื่อ: 08 พ.ค. 2014, 14:10 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ใกล้เขามาแล้วละ..คุณน้อง...


โพสต์ เมื่อ: 08 พ.ค. 2014, 14:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


ใครก็ได้ไขปริศนาให้หน่อยดิเจ้าค่ะ นารีขี่ม้าขาวมาช่วยให้เราเกิดความหวัง แล้วผู้ปกครองที่เป็นหญิงพึงระวัง ระวังผู้หญิงคนไหนหรือเจ้าค่ะที่เป็นผู้ปกครอง s006


โพสต์ เมื่อ: 08 พ.ค. 2014, 14:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


คนพาล....น่ากลัวนะครับ
......

ประธานสมาคมธนาคารไทย ชี้ยิงเอ็ม 79 ใส่ธนาคารไทยพาณิชย์ ไม่ควรเกิด พร้อมกำชับธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งเพิ่มความปลอดภัย... จากกรณี คนร้ายยิงระเบิดชนิดเอ็ม 79 เข้าใส่ตัวอาคารของธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ บริเวณแยกรัชโยธิน ถนนรัชดาภิเษก ซึ่งแรงระเบิดส่งผลให้กระจกอาคารสำนักงานใหญ่ ชั้น 8, 9 และ 10 ได้รับความเสียหาย

.....

ไทยรัฐ..


โพสต์ เมื่อ: 08 พ.ค. 2014, 16:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




1391496177-imagesjpeg-o.jpg
1391496177-imagesjpeg-o.jpg [ 11.71 KiB | เปิดดู 2194 ครั้ง ]
หนังสือ "ผู้พิพากษาตั้งตุลาให้สังคมสมในดุล" โดยพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) ถูกตีพิมพ์เมื่อ 2 ตุลาคม 2550 ตามคำอาราธนาของคุณหญิงท่านหนึ่ง และผู้พิพากษาบางท่าน พร้อมทั้งญาติมิตรของคุณหญิง...ที่บริเวณกุฎิเจ้าอาวาส วัดญาณเวศกวัน

เนื้อในหนังสือเล่มนี้ มีข้อธรรมพร้อมความหมายหลายข้อ เช่น เจตนา ปัญญา สภาวะ จริยะ บัญญัติ ฯลฯ ซึ่งจำต้องมีในจิตใจผู้พิพากษา


หลังปก

ธรรมะสำหรับผู้พิพากษา ก็คือธรรมะอันเดียวกับที่รักษาชีวิต และสังคมมนุษย์ที่ต้องใช้สำหรับทุกคนนั่นเอง แต่ผู้พิพากษาเป็นแบบอย่างในเรื่องนี้ เพราะถือว่า ผู้พิพากษาเป็นตุลา คือเป็นตราชูของสังคม

ในการที่จะรักษาสังคมไว้นั้น ท่านผู้พิพากษาเป็นแบบอย่างในขั้นปฏิบัติการเลยทีเดียวว่า เราจะต้องรักษาสังคมให้อยู่ดี มีความสุขความเจริญ โดยเฉพาะมีความมั่นคงอยู่ได้ ด้วยความเป็นธรรมะ ที่ตั้งอยู่บนฐานของจิตใจ ที่มีพรหมวิหาร ๔ ประการ อันมีอุเบกขาลงไปอยู่ในธรรม ที่ปัญญาบอกให้ แล้วก็ออกสู่ปฏิบัติการด้วยสมานัตตตา ซึ่งเป็นที่แสดงออกของอุเบกขา แล้วก็มั่นใจแน่ว่าแนบสนิทอยู่กับธรรม

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสต์ เมื่อ: 08 พ.ค. 2014, 16:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คำกล่าวนำ (ของผู้อาราธนาบางตอน) ดังนี้

ฯลฯ

ในโอกาสที่จะมีการพระราชทานเพลิงศพในอีกประมาณ ๒-๓ เดือนข้างหน้า น่าจะมีธรรมะดีๆสักเรื่องหนึ่ง เพื่อที่จะจัดทำหนังสือเป็นที่ระลึก แล้วก็มีความเห็นพ้องต้องกันว่า น่าจะได้ฟังธรรมะจากพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณเอง ส่วนหัวข้อก็แล้วแต่ท่านจะเห็นสมควร

ถ้าถามความประสงค์ก็คือ อยากจะให้เป็นเรื่องธรรมะที่ผู้พิพากษาทั้งหลาย ควรจะยึดถือไว้ให้มั่นคงในจิตใจ เพราะว่าเอาเข้าจริงๆแล้ว กระผมเอง โดยส่วนตัวนั้นมีความรู้สึกว่า เรื่องของธรรมะไม่ใช่เป็นเรื่องที่เข้าใจง่ายอย่างที่คิด บางครั้งก็สับสนและบางครั้งก็ไม่แน่ใจว่าอะไรกันแก่ที่ควรจะยึดถือ จึงได้ถือโอกาสมากราบนิมนต์ท่านไว้ ซึ่งก็ได้รับความกรุณาที่ได้รับการนัดหมายในวันนี้ สุดแต่พระเดชพระคุณท่านจะเห็นสมควร


พระพรหมคุณาภรณ์ ป.อ.ปยุตฺโต กล่าวรับคำอาราธนาบางตอนว่า

ฯลฯ

ตัวอาตมภาพเอง ไม่ได้คิดไว้ว่าจะพูดเรื่องอะไร แต่มองไปในแง่ที่นึกว่า ท่านจะมาถามปัญหาอะไร จึงคิดว่าจะเป็นไปในรูปของการถาม-ตอบ หมายความว่า ท่านมีคำถามเกี่ยวกับธรรมะในแง่ที่เกี่ยวกับวงการตุลาการ หรือเกี่ยวกับเรื่องของตุลาการ หรือแม้กระทั่งเกี่ยวกับนิติศาสตร์ เกี่ยวกับกฎหมายอะไรต่างๆ จะตั้งคำถามอะไรขึ้นมาก็ได้ รู้สึกว่าจะมีแง่ดี ที่ว่าจะตรงกับจุดสนใจ ไม่ว่าจะมีอะไรที่เป็นเรื่องซึ่งยังสงสัย เป็นจุดที่ค้างอยู่ในใจของวงการตุลาการ ในเรื่องเกี่ยวกับธรรมะ จะเป็นจุดที่มีความสำคัญก็ดี หรือเป็นจุดค้างใจหรือสงสัย ก็ดี ในแง่นั้นก็อาจจะเป็นประโยชน์ ไม่ทราบท่านจะเห็นเป็นอย่างไร ถ้าจะพูดในรูปที่คล้ายๆว่ามาสนทนากัน

ตกลง ท่านว่าให้กล่าวไปเรื่อยๆ ถ้าว่าไปเรื่อยๆ ก็พูดถึงหลักธรรมเบื้องต้นก่อน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 08 พ.ค. 2014, 16:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




2d0bee1325dffbe41415a3f55fdbf5f2.jpg
2d0bee1325dffbe41415a3f55fdbf5f2.jpg [ 17.8 KiB | เปิดดู 2342 ครั้ง ]
เริ่มศึกษาข้อธรรมพร้อมความหมาย สังเกตความหมายเจตนา :b1:


ผู้พิพากษาเป็นตราชู ดำรงตนอยู่ในธรรม ดำรงธรรมไว้แก่สังคม


เราถือกันว่า ผู้พิพากษาเป็นผู้ทรงไว้ซึ่งความยุติธรรม เป็นตราชู ซึ่งทำหน้าที่ที่เรียกว่าดำรงธรรมไว้ให้แก่สังคม
เมื่อจะดำรงธรรมไว้ให้แก่สังคม ตัวผู้พิพากษาเองก็ต้องมีธรรม เป็นผู้ตั้งอยู่ในธรรม หรือรักษาธรรมด้วยตนเอง และจะให้เป็นอย่างนั้นได้ ก็ต้องชัดเจนว่า ธรรมที่ผู้พิพากษาจะต้องมีนั้นคืออะไร ผู้พิพากษาจะต้องตั้งอยู่ในธรรมอะไร หรือว่าธรรมสำหรับผู้พิพากษานั้นคืออะไร

เมื่อพูดถึงธรรมที่บุคคลนั้นบุคคลนี้ หรือคนประเภทนั้นประเภทนี้จะต้องมี โดยทั่วไปก็จะนึกกันถึงความประพฤติดีปฏิบัติชอบ การเป็นอยู่หรือดำเนินชีวิตที่ดีงาม ตามหลักที่เรียกว่าศีลธรรมบ้าง จริยธรรมบ้าง

สำหรับผู้พิพากษา ซึ่งทำงานสาธารณะ ค้ำชูสังคม ก็แน่นอนว่าต้องมีธรรมอย่างที่เรียกว่าศีลธรรม หรือจริยธรรมนั้น และต้องมีไม่ใช่แค่ในขั้นธรรมดาเท่านั้น แต่ต้องมีในระดับที่อาจจะเรียกว่าเข้มงวดเป็นพิเศษทีเดียว

อย่างไรก็ตาม เมื่อพูดอย่างจำเพาะ ธรรมในระดับความประพฤติศีลธรรมทั่วไป ยังไม่ถือว่าเป็นธรรมสำหรับผู้พิพากษา แต่เป็นเพียงธรรมสำหรับบุคคลที่จะมาเป็นผู้พิพากษา หรือเป็นธรรมสำหรับผู้พิพากษาในฐานะที่เป็นบุคคลหนึ่งในสังคม หรือเป็นพลเมืองคนหนึ่ง


หมายความว่า ความประพฤติตามหลักศีลธรรมทั่วไป เป็นเพียงส่วนประกอบ แต่เหนือนั้นขึ้นไป ผู้พิพากษายังมีธรรมสำหรับการทำหน้าที่เฉพาะของตนอีกต่างหาก และธรรมสำหรับการทำหน้าที่เฉพาะของผู้พิพากษานั่นแหละ ที่เรียกว่า “ธรรมสำหรับผู้พิพากษา

แม้โดยการเปรียบเทียบ งานของผู้พิพากษาก็มิใช่อยู่ในวงความประพฤติทางศีลธรรมทั่วไป ความประพฤติที่อยู่ในศีลธรรมเป็นเพียงพื้นฐานที่รองรับการทำงานของผู้พิพากษาเท่านั้น แต่ธรรมสำหรับการทำงานของผู้พิพากษาตรงๆแท้ๆ อยู่ที่เจตนา กับ ปัญญา

ตัวงานของผู้พิพากษาพูดได้ว่า อยู่ที่ธรรมสำคัญ ๒ อย่าง คือ เจตนา กับ ปัญญา ขยายความว่า ถ้าพูดกว้างๆ ก็เป็นเรื่องของการรักษาจิตใจ กับการมีและใช้ปัญญา แต่ในที่นี้ ที่ใช้คำว่าเจตนา ไม่พูดว่าจิตใจ ก็เพราะว่า เรื่องของจิตใจอยู่ที่เจตนา เพราะเจตนาเป็นหัวหน้าและเป็นตัวแทนของแดนจิตใจทั้งหมด เจตนาเป็นตัวนำ ตัวทำการเป็นตัวเลือก ตัวตัดสินใจ

เจตนา จะตัดสินใจเลือกทำการใด และอย่างไร ก็มีแรงจูงใจต่างๆ มีสภาพจิต เช่น อารมณ์ความรู้สึกต่างๆ ความสุข ความทุกข์ ความขุ่นมัว ความผ่องใส ตลอดจนคุณสมบัติ เช่น คุณธรรมและบาปธรรมทั้งหลาย อันมากมายในแดนของจิตใจ นั้น คอยหล่อเลี้ยงปรุงแต่งคอยสนอง หรือมีอิทธิพลต่อเจตนา แต่ในที่สุดก็ต้องสำเร็จด้วยเจตนานี้แหละ เพราะฉะนั้น ในด้านจิตใจ งานของผู้พิพากษาอยู่ที่การรักษาและตั้งเจตนาให้ถูกต้อง

ปัญญา คือ ความรู้เข้าใจ ตั้งแต่รู้ข้อมูล รู้ข้อเท็จจริง เข้าถึงความจริง รู้หลักและรู้ตัวบทกฎหมาย รู้หลักการตัดสินคดี ฯลฯ พูดรวบยอดก็ คือ รู้ธรรม


ถึงแม้เจตนาจะตรง แต่เจตนานั้นจะเลือกตัดสินได้ถูกต้อง เจตนาจะต้องอาศัยแสงสว่าง การบอกทาง การให้ตัวเลือก และการแก้ไขปัญหาด้วยปัญญา


เพราะฉะนั้น บนพื้นฐาน แห่งความประพฤติที่ดีงามมีศีลธรรม ผู้พิพากษาจะต้องใช้และต้องจัดการธรรมสำคัญ ๒ อย่าง คือ เจตนา กับ ปัญญา ให้ดีให้พร้อมและให้ทำงานอย่างได้ผลดีที่สุด


เรื่อง เจตนา กับ ปัญญา บนพื้นฐานแห่งความมีศีลธรรมนี้ ควรจะพูดขยายความอีกข้างหน้า


นี่คือธรรมสำหรับผู้พิพากษา แต่ยังไม่หมดเท่านี้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสต์ เมื่อ: 08 พ.ค. 2014, 17:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




1393377581-1392456450-o.jpg
1393377581-1392456450-o.jpg [ 11.42 KiB | เปิดดู 2323 ครั้ง ]
เข้าสู่ความหมายหัวข้อธรรมที่นักศึกษาพูดถึงบ่อยๆ แล้วดูดีๆ


จะตัดสินให้เป็นธรรม ต้องรู้ธรรมที่เป็นเกณฑ์ตัดสิน


ธรรมสำหรับผู้พิพากษายังมีความสำคัญมากอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งเป็นธรรมที่มีชื่อตรงเลยว่า "ธรรม"

อย่างที่พูดแต่ต้นว่า ผู้พิพากษาเป็นผู้ทรงไว้ซึ่งความยุติธรรม เป็นผู้ดำรงธรรมไว้ให้แก่สังคม เป็นตราชูของธรรม ต้องเป็นคนมีธรรม ต้องตัดสินให้เป็นธรรม ฯลฯ อะไรๆ ก็ธรรม


เมื่อพบคำว่าธรรมใน ข้อความต่างๆ มากมาย บางทีก็สงสัยหรืออย่างน้อยก็ชักไม่ชัดว่า คำว่า "ธรรม" ในข้อความต่างๆเหล่านั้น มีความหมายเหมือนกันหรือต่างกัน ถ้าต่างกัน ในแต่ละแห่งมีความหมายว่าอย่างไร


เฉพาะอย่าง ยิ่ง ในเมื่อหน้าที่ของผู้พิพากษาเป็นเรื่องเกี่ยวกับธรรม หรือเป็นการกระทำต่อธรรม และเพื่อธรรมโดยตรง ถึงกับเป็นผู้ดำรงธรรม และทำให้เกิดความเป็นธรรม ฉะนั้น ผู้พิพากษาจะต้องมีความชัดเจน ในเรื่องธรรม ว่าธรรมคืออะไร มีความหมายว่าอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นความหมายรวม หรือความหมายเฉพาะที่


ถ้าเปิดหาความหมายในพจนานุกรม พอดูแล้ว ก็อาจจะงงไปเลย อย่างน้อยก็อาจจะรู้สึกว่า เป็นเรื่องที่ต้องจดจำ และทำท่าจะจำไม่ไหว


ผู้พิพากษาซึ่งอยู่กับธรรมนั้น ต้องให้ถึงขั้นที่ว่า พอเห็น พอพูดถึงหรือได้ยินคำว่า "ธรรม" ก็มองเห็นความหมายทุกแง่มุมทะลุปรุโปร่งไปเลย


การที่จะเป็นอย่างนั้นได้ ผู้พิพากษาจะต้องมีความรู้เข้าใจในเรื่องธรรมอย่างทั่วตลอด คือรู้ระบบแห่งธรรม อย่างน้อยก็รู้ระบบที่ใกล้ตัวที่สุด คือระบบแห่ง สภาวธรรม (ที่ปัจจุบันนิยมเรียกว่า สัจธรรม) จริยธรรม และบัญญัติธรรม


ธรรมชุดที่ ๒ นี้ สัมพันธ์โดยตรง กับ ธรรมชุดแรกที่พูดถึงก่อนแล้ว คือ ต้องมีปัญญาที่รู้เข้าใจเข้าถึงธรรมเหล่านี้ และเจตนาที่ต้องมุ่งให้ได้ผลตามธรรมเหล่านี้ หรือให้เป็นไปตามธรรมเหล่านี้


เป็นอันว่า ธรรมสำหรับผู้พิพากษา พูดไว้ที่นี่ ๒ ชุด คือ

ธรรมชุดที่ ๑ คือ ปัญญา กับ เจตนา

ธรรมชุดที่ ๒ ธรรมในระบบแห่ง สภาวะ จริยะ และ บัญญัติ

แค่สองชุดนี้ก็พอ เพราะครอบคลุมธรรมทั่วทั้งหมดแล้ว ชุดแรก อยู่ที่ตัวผู้พิพากษา ชุดหลัง อยู่รอบตัวข้างนอก และเป็นจุดหมายของชุดแรก

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 70 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร