วันเวลาปัจจุบัน 04 ต.ค. 2025, 17:12  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 168 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 12  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 13 ก.ค. 2014, 14:54 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




เหตุ ปัจจัย นิพพาน_82kb.jpg
เหตุ ปัจจัย นิพพาน_82kb.jpg [ 82.9 KiB | เปิดดู 4902 ครั้ง ]
:b36:
"เหตุมี ผลมี

เหตุดับ ผลดับ"

:b53:
:b51:
:b45:
:b38:
โพสต์ เมื่อ: 13 ก.ค. 2014, 14:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พระเจ้า ? อโศก :b32: อโศกช่วยด้วย คิกๆๆ ช่างคิดช่างฝันจริง ๆ

เมื่อธรรมะถูกอโศกทำให้ง่าย พระพุทธเจ้าก็ไม่มีความหมาย :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 13 ก.ค. 2014, 15:09 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




buddha2_resize.gif
buddha2_resize.gif [ 37.14 KiB | เปิดดู 4888 ครั้ง ]
กรัชกาย เขียน:
พระเจ้า ? อโศก :b32:

:b12:
:b16:
:b1:
พระเจ้าอโศกมหาราช เกิดมาปราบยุคเข็ญในศาสนา
เข่นฆ่ากวาดล้างอลัชชี ส่งเสริมคนดีกัลยาณชน

แผ่บุญด้วยกองทัพธรรม แก้ความอยุติ ทุกที่
กำหราบพวกทิฏฐิที่ราวี เดียรถีนิคฤนธ์คนพาล

จรรโลง ฝังรากวงศ์พุทธ ให้บริสุทธิ์ ทุกที่
ปราบชั่วส่งเสริมแต่ดี จึ่งมีพุทธศาสน์ถึงทุกวัน

:b4: :b4: :b4:
โพสต์ เมื่อ: 13 ก.ค. 2014, 15:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
พระเจ้า ? อโศก :b32:

พระเจ้าอโศกมหาราช เกิดมาปราบยุคเข็ญในศาสนา
เข่นฆ่ากวาดล้างอลัชชี ส่งเสริมคนดีกัลยาณชน

แผ่บุญด้วยกองทัพธรรม แก้ความอยุติ ทุกที่
กำหราบพวกทิฏฐิที่ราวี เดียรถีนิคฤนธ์คนพาล

จรรโลง ฝังรากวงศ์พุทธ ให้บริสุทธิ์ ทุกที่
ปราบชั่วส่งเสริมแต่ดี จึ่งมีพุทธศาสน์ถึงทุกวัน


อ้อ เข้าใจแระ ที่ตั้งนิคเนม "asoka" เลียนพระเจ้าอโศกมหาราชนี่เอง พรเจ้าช่วยด้วย :b12:

เป็นอโศกมหาราชกลับชาติมาเกิด

(อโศกเอาอักษรปกติก็ได้)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 13 ก.ค. 2014, 15:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
พระเจ้า ? อโศก :b32:

พระเจ้าอโศกมหาราช เกิดมาปราบยุคเข็ญในศาสนา
เข่นฆ่ากวาดล้างอลัชชี ส่งเสริมคนดีกัลยาณชน

แผ่บุญด้วยกองทัพธรรม แก้ความอยุติ ทุกที่
กำหราบพวกทิฏฐิที่ราวี เดียรถีนิคฤนธ์คนพาล

จรรโลง ฝังรากวงศ์พุทธ ให้บริสุทธิ์ ทุกที่
ปราบชั่วส่งเสริมแต่ดี จึ่งมีพุทธศาสน์ถึงทุกวัน


อ้อ เข้าใจแระ ที่ตั้งนิคเนม "asoka" เลียนพระเจ้าอโศกมหาราชนี่เอง พรเจ้าช่วยด้วย :b12:

เป็นอโศกมหาราชกลับชาติมาเกิด

(อโศกเอาอักษรปกติก็ได้)

:b16: :b16: :b16:
อย่าตีขลุม

พระเจ้า อโศก

กับ อโศกะ

เป็นคนละคนกัน ความหมายก็คนละอย่าง โปรดอย่าขี้ตู่หรือสรุปมั่วๆ แบบจับแพะชนแกะตามวิสัย.......


แล้วอักษรปกติ ที่กรัชกายว่า นี่ หมายถึงอะไร เพราะเมื่อเขามีมาให้เน้นใช้ ใช้เน้นก็ใช้ไป ไม่ดีกว่ารึ้ ครับ
:b32: :b32:


โพสต์ เมื่อ: 13 ก.ค. 2014, 15:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
พระเจ้า ? อโศก :b32:

พระเจ้าอโศกมหาราช เกิดมาปราบยุคเข็ญในศาสนา
เข่นฆ่ากวาดล้างอลัชชี ส่งเสริมคนดีกัลยาณชน

แผ่บุญด้วยกองทัพธรรม แก้ความอยุติ ทุกที่
กำหราบพวกทิฏฐิที่ราวี เดียรถีนิคฤนธ์คนพาล

จรรโลง ฝังรากวงศ์พุทธ ให้บริสุทธิ์ ทุกที่
ปราบชั่วส่งเสริมแต่ดี จึ่งมีพุทธศาสน์ถึงทุกวัน


อ้อ เข้าใจแระ ที่ตั้งนิคเนม "asoka" เลียนพระเจ้าอโศกมหาราชนี่เอง พรเจ้าช่วยด้วย :b12:

เป็นอโศกมหาราชกลับชาติมาเกิด

(อโศกเอาอักษรปกติก็ได้)

:b16: :b16: :b16:
อย่าตีขลุม

พระเจ้า อโศก

กับ อโศกะ

เป็นคนละคนกัน ความหมายก็คนละอย่าง โปรดอย่าขี้ตู่หรือสรุปมั่วๆ แบบจับแพะชนแกะตามวิสัย.......


แล้วอักษรปกติ ที่กรัชกายว่า นี่ หมายถึงอะไร เพราะเมื่อเขามีมาให้เน้นใช้ ใช้เน้นก็ใช้ไป ไม่ดีกว่ารึ้ ครับ


ปกติ ก็อย่างที่พิมพ์นี่ไง ไปเน้นตัวใหญ่ทำไมเทห์มากรึไงหือ :b10:

อ้างคำพูด:
พระเจ้า อโศก

กับ อโศกะ

พระเจ้า อโศก

กับ อโศกะ

เป็นคนละคนกัน ความหมายก็คนละอย่าง


ความหมายคนละอย่างละอย่างยังไง ไหนลองบอกสิ เอ้าแระอโศก เด๋วได้ตกนรกขุมลึกที่สุดจนได้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 13 ก.ค. 2014, 15:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12: :b12:
อโศกะ......ไม่โศกไม่เศร้า ไม่เหงาไม่หลง ไม่งงไม่งัน เป็นนามปากาของชาวบ้านคนหนึ่ง

พระเจ้าอโศก (มหาราช) ซื่อพระมหากษัตริย์พระองค์หนึ่งที่ทรงมีคุณูปการต่อพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง

:b17: :b17:
เครื่องมือเขามีไว้ให้ใช้ ก็ให้รู้จักใช้ ไว้เน้นคำให้คนที่หูตาฝ้าฟางเห็นชัด ไว้ให้ขัดอัตตาคนเล่น สบายใจ
ใครมีกูมากไป ตัวหนังสือเล็กใหญ่ก็ยังทำให้กระเทือน เป็นเครื่องเตือนสัมปชัญญะให้ละ "กู"
:b12: :b12: :b12:


โพสต์ เมื่อ: 13 ก.ค. 2014, 20:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:


อโศกะ......ไม่โศกไม่เศร้า ไม่เหงาไม่หลง ไม่งงไม่งัน เป็นนามปากาของชาวบ้านคนหนึ่ง

พระเจ้าอโศก (มหาราช) ซื่อพระมหากษัตริย์พระองค์หนึ่งที่ทรงมีคุณูปการต่อพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง


เครื่องมือเขามีไว้ให้ใช้ ก็ให้รู้จักใช้ ไว้เน้นคำให้คนที่หูตาฝ้าฟางเห็นชัด ไว้ให้ขัดอัตตาคนเล่น สบายใจ
ใครมีกูมากไป ตัวหนังสือเล็กใหญ่ก็ยังทำให้กระเทือน เป็นเครื่องเตือนสัมปชัญญะให้ละ"กู"


จะเขียน อโศกะ หรือ อโศก ความหมายเดียวกัน แปลว่า ไม่โศก เพราะอโศกะคนนี้ ต้องการจะสื่อว่า อโศกมหาราชอุบัติแล้วในประเทศไทย คืออโศกะคนนี้ ช่างหาเรืองตกนรกแท้ๆ แหม ..ต้องการเป็นนักบุญผู้ยิ่งใหญ่ ปาดโธ่ บอกเขาด้วยซี่ว่า ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายแล้ว :b32: จะไม่เกิดอีกแล้ว

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 14 ก.ค. 2014, 12:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
"เหตุมี ผลมี

เหตุดับ ผลดับ"

:b53:
:b51:
:b45:
:b38:


จะยาวหรือ..สั้น.....เมื่อเข้าจุด..ย่อมเข้าได้จุดเดียวกัน....คือ...เบื่อ..หน่าย...คลายกำหนัด....
เมื่อพบความจริง..รู้จริง...ย่อม..เกิด..ปิติ...ปัสสัทธิ..สงบ...สุข....

เมื่อ...เหตุมี....ผลย่อมมี

ถามว่า....เหตุทำให้เกิดทุกข์นั้น...เพราะอะไร?


โพสต์ เมื่อ: 14 ก.ค. 2014, 16:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อโศกหายไปไหน :b1: หรือน้อยใจว่ามีคนรู้ทันอโศกะ เคลมพระเจ้าอโศก เสียใจก็บอกแอดมินเปลี่ยนใหม่ เปลี่ยนเป็นกรัชกาย 2 เลย คิกๆๆ :b32:

เช่นนั้น ก็ไม่แวะเวียนมาบ้างเลย :b9: คงเรียงหมอนอยู่ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 16 ก.ค. 2014, 07:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อโศกหายไปไหน :b1: หรือน้อยใจว่ามีคนรู้ทันอโศกะ เคลมพระเจ้าอโศก เสียใจก็บอกแอดมินเปลี่ยนใหม่ เปลี่ยนเป็นกรัชกาย 2 เลย คิกๆๆ :b32:

เช่นนั้น ก็ไม่แวะเวียนมาบ้างเลย :b9: คงเรียงหมอนอยู่ :b32:

:b7:
กรัชกายกำลังเอานิสัย ชักใบให้เรือเสีย ไปใช้ทำลายสิ่งดีๆกระทู้ดีๆให้สะดุดเฉออกนอกทาง
กระทู้นี้ต้องการจะทำให้วันอาสาฬหะบูชามีความหมาายมากขึ้นแต่กลับมาสะดุดกรัชกาย ชักไปสนทนาเรื่องไม่เป็นเรื่อง กรัชกายรู้ตัวหรือเปล่า มีความละอายเกรงกลัวต่อบาปมั่งหรือเปล่า หรือเข้ามาในลานธรรมแห่งนี้เพื่อกลั่นแกล้งลองดี ทวีอัตตาและมานะทิฏฐิของตนให้ยิ่งใหญ่ จนใครต่อใครเอือมระอา พึงรีบเลิกเสียเถิดหนา ก่อนที่บาปขวางธรรมจะให้ผล
:b34: :b34:
ต้องเอาอย่างคุณกบที่ทักท้วงมาอย่างมีเค้าที่จะให้ได้สนทนากันไปในประเด็นตามหัวข้อกระทู้จึงจะดีนะกรัชกาย
:b3: :b3:
สำหรับคุณกบ

อันความเห็นจริง เห็นภัยในวัฏฏะ เบื่อหน่าย คลายจาง ละวาง นั้น เป็นเรื่องของผลปฏิบัติในระดับสูงที่พึงเกิดกับผู้ทีีเข้าใจธรรมะคำสอนที่พระบรมศาสดาทรงค้นพบและนำมาสอนตามประเด็นกระทู้นี้ซึ่งเราจะได้สนทนากันในรายละเอียดต่อไปครับ

คำถามว่า อะไรเป็นเหตุทุกข์นั้น คงตอบได้หลายนัยยะตามพื้นความรู้ความเข้าใจของแต่ละคน

แต่เหตุทุกข์ที่ตรงกับประเด็นของงานที่ชาวพุทธทุกคนต้องปฏิบัติก็คือ

"ความเห็นผิด กับ ความยึดผิด ครับ"

ความเห็นผิด คือเห็นว่า กาย ใจ นี้ เป็นอัตตา ตัวกู ของกู (สักกายทิฏฐิ) (มีกู)

ความยึดผิด คือยึดว่า กาย ใจนี้ เป็นตัวตน เขา เรา (มานะทิฏฐิ) (กูมี)

แล้วคุณกบเห็นว่าเหตุทุกข์ คืออะไรล่ะครับ

กรัชกายจะมาร่วมแจมตอบด้วยก็ได้นะ จะได้เป็นคนดีกับเขาเสียที่ ที่ไม่ขวางธรรม และพูด สนทนาตามประเด็นกระทู้
smiley smiley


โพสต์ เมื่อ: 16 ก.ค. 2014, 11:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:


กรัชกายจะมาร่วมแจมตอบด้วยก็ได้นะ จะได้เป็นคนดีกับเขาเสียที่ ที่ไม่ขวางธรรม และพูด สนทนาตามประเด็นกระทู้



ก็อโศกมีอคติเสียแล้วนี่ขอรับ ว่ากรัชกายเป็นคนไม่ดีเป็นคนเลว :b2: ต่อให้พูดดีพูดเพราะพูดมีหลักเกณฑ์อย่างไร อโศกก็ว่าไม่ดีอยู่วันยังค่ำแหละ เหมือนสามีภรรยา ซึ่งไม่ไว้ใจกัน ก็คอยระแวงอยู่ไปทำงานกลับบ้านผิดเวลาหน่อยก็ว่าไปเถลไถลติดสาว :b32: หรือเหมือนนิทานเรื่องนกกระจาบ http://www.youtube.com/watch?v=viKl05hn8eA

อโศกต้องกำจัดอคติในใจตนเองออกก่อน นั่นแหละจึงจะเห็นความดีความงามของกรัชกายขอรับ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 16 ก.ค. 2014, 13:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
สำหรับคุณกบ

อันความเห็นจริง เห็นภัยในวัฏฏะ เบื่อหน่าย คลายจาง ละวาง นั้น เป็นเรื่องของผลปฏิบัติในระดับสูงที่พึงเกิดกับผู้ทีีเข้าใจธรรมะคำสอนที่พระบรมศาสดาทรงค้นพบและนำมาสอนตามประเด็นกระทู้นี้ซึ่งเราจะได้สนทนากันในรายละเอียดต่อไปครับ

คำถามว่า อะไรเป็นเหตุทุกข์นั้น คงตอบได้หลายนัยยะตามพื้นความรู้ความเข้าใจของแต่ละคน

แต่เหตุทุกข์ที่ตรงกับประเด็นของงานที่ชาวพุทธทุกคนต้องปฏิบัติก็คือ

"ความเห็นผิด กับ ความยึดผิด ครับ"

ความเห็นผิด คือเห็นว่า กาย ใจ นี้ เป็นอัตตา ตัวกู ของกู (สักกายทิฏฐิ) (มีกู)

ความยึดผิด คือยึดว่า กาย ใจนี้ เป็นตัวตน เขา เรา (มานะทิฏฐิ) (กูมี)

แล้วคุณกบเห็นว่าเหตุทุกข์ คืออะไรล่ะครับ


มีผู้ให้ทัศนะว่า....เพราะใจปรารถณาสิ่งที่เกินไปจากใจ ( เดิมที่ประภัสสร)...จึงประสพกับความผิดหวังเพราะไม่รู้ว่าสิ่งใดที่เกิดขึ้นเกินกว่าใจ...สิ่งนั้นต้องสลายไปตามกฎ....แม้จะรู้ว่า...มันต้องสลาย...แต่ก็ไม่เคยล
ะความปรารถณาอันนั้น....ใจลึกๆยังคิดเอาชนะเสมอ....จึงเป็นที่มาของการต้องการโลกธรรมทั้ง4..คือ...ลาภ...ยศ...สรรเสริญ...สุขในฌาณ...นั้นเอง

แม้จะพยายามมากแค่ไหน....สุดท้ายร่างกายก็ต้องตายสลายไปตามกฎพลังงาน.....ความกลัวตายจึงเป็นทุกข์ที่คุกรุ่นในใจของสัตว์โลก....

ความปรารถณาใน..ลาภ..ยศ..สรรเสริญ...สุขในฌาณ...ก็เพราะความปรารถณาให้กายนี้ยั่งยืน....เพราะใจปรารถณาสิ่งที่เกินจากใจ

ทุกข์จากความไม่สมหวังในโลกธรรม...เป็นทุกข์หยาบ
ทุกข์เพราะความกลัวตาย....เป็นทุกข์ละเอียด

ตราบใด..ยังไม่ละความปรารถณาสิ่งที่เกินกว่าใจ....คิดว่าสิ่งที่เกินกว่าใจ..มันจะดีมีความสุข...ก็ไม่มีทางดับทุกข์ได้เลย

เมื่อ...ใจกลับมาอยู่ที่ใจ....ทุกข์ก็ดับ....ในสมัยพุทธกาลผู้สำเร็จได้เร็ว


โพสต์ เมื่อ: 16 ก.ค. 2014, 16:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:

"เหตุมี ผลมี เหตุดับ ผลดับ"




เหตุ สิ่งที่ให้เกิดผล, เค้ามูล, เรื่องราว, สิ่งที่ก่อเรื่อง

ผล ๑. สิ่งที่เกิดจากเหตุ, ประโยชน์หรือโทษที่ได้รับสนองหรือตอบแทน,

"ผล" มีชื่อเรียกหลายอย่าง ตามความหมายที่จำเพาะ หรือที่มีนัยต่างกันออกไป เฉพาะอย่างยิ่งคือ วิบาก (วิบากผล) นิสสันท์ (นิสสันทผล) อานิสงส์ (อานิสงสผล) คำเหล่านี้ มีความหมายก่ายเกยกันอยู่บ้าง และบางทีก็ใช้อย่างหลวมๆ ทำให้ปะปนสับสนกัน แต่ว่าตามความหมายพื้นฐาน วิบาก หมายถึงผลโดยตรงของกรรมต่อชีวิตของผู้กระทำ ไม่่ว่าจะเป็นผลดีหรือผลร้ายสุดแต่กรรมดีหรือกรรมชั่วที่เขาได้ทำ,

นิสสันท์ หมายถึงผลโดยอ้อมที่สืบเนื่องหรือพ่วงพลอยมากับผลแห่งกรรมนั้น ไม่ว่าจะเป็นอิฏฐารมณ์หรืออนิฏฐารมณ์ อันนำมาซึ่งสุขหรือโศก ทั้งที่เกิดแก่ตัวเขาเอง และแก่คนอื่นที่เกี่ยวข้อง

(ตัวอย่างดังในหลักปฏิจจสมุปบาทว่า ภพ เป็นวิบาก ชาติชรามรณะ เป็นนิสสันท์, และ โสกะ ปริเทวะ เป็นต้น เป็นนิสสันท์พ่วงต่อออกไปอีก ซึ่งอาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้) และ นิสสันท์นั้นใช้ได้กับผลในเรื่องทั่วไป เช่น เอาวัตถุดิบมาเข้าโรงงานอุสาหกรรม เกิดเป็นนิสสันท์หลั่งไหลออกมา ทั้งที่น่าปรารถนาคือผลิตภัณฑ์ และที่ไม่น่าปรารถนา เช่น กากและของเสียต่างๆ

อานิสงส์ หมายถึงผลที่ดีงอกเงย หรือคุณค่าประโยชน์แถมเหมือนเป็นกำไร ซึ่งพลอยได้หรือพ่วงเพิ่มสืบเนื่องจากกรรมที่ดี เช่น เอาความรู้ที่เป็นประโยชน์ไปสอนเขา แล้วเกิดมีอานิสงส์ เช่น เขารักใคร่นับถือ ตลอดจนได้ลาภบางอย่าง ดังนี้ ก็ได้ หมายถึงผลดี คุณค่า ประโยชน์ของการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือส่ิ่งใดสิ่งหนึ่ง โดยทั่วไป ก็ได้,
อานิสงส์นี้ ตรงข้ามกับอาทีนพ (หรืออาทีนวะ) ซึ่งหมายถึงโทษ ผลร้าย ส่วนเสีย ข้อบกพร่อง, พึงเห็นตัวอย่างดังพุทธพจน์ว่า (องฺ.ปญฺจก.22/227/287) "ภิกษุทั้งหลาย อาทีนพ ในเพราะโภคทรัพย์ ๕ ประการ ....คือ โภคทรัพย์เป็นของทั่วไปแก่ไฟ ๑ เป็นของทั่วไปแก่น้ำ ๑ เป็นของทั่วไปแก่ผู้ครองบ้านเรือน ๑ เป็นของทั่วไปแก่โจร ๑ เป็นของทั่วไปแก่ทายาทอัปรีย์ ๑...

ภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ในเพราะโภคทรัพย์ ๕ ประการ ....คือ โภคทรัพย์ บุคคลเลี้ยงตนให้เป็นสุข...๑ เลี้ยงให้มารดาบิดาให้เป็นสุข...๑ เลี้ยงบุตรภรรยา คนใช้ กรรมกร และคนงานให้เป็นสุข...๑ เลี้ยงมิตรสหายและคนใกล้ชิดช่วยกิจการ ให้เป็นสุข ให้อิ่มพอบริหารให้เป็นสุขโดยชอบ ๑ บำเพ็ญทักษิณาในสมณพราหมณ์ทั้้้งหลาย อย่างที่มีผลเลิศ อันให้ประสบสิ่งดีงาม มีผลเป็นสุข เป็นไปเพื่อสวรรค์ ๑....

๒. ชื่อแห่งโลกุตรธรรมคู่กับมรรค และเป็นผลแห่งมรรค

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 16 ก.ค. 2014, 22:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:


กรัชกายจะมาร่วมแจมตอบด้วยก็ได้นะ จะได้เป็นคนดีกับเขาเสียที่ ที่ไม่ขวางธรรม และพูด สนทนาตามประเด็นกระทู้



ก็อโศกมีอคติเสียแล้วนี่ขอรับ ว่ากรัชกายเป็นคนไม่ดีเป็นคนเลว :b2: ต่อให้พูดดีพูดเพราะพูดมีหลักเกณฑ์อย่างไร อโศกก็ว่าไม่ดีอยู่วันยังค่ำแหละ เหมือนสามีภรรยา ซึ่งไม่ไว้ใจกัน ก็คอยระแวงอยู่ไปทำงานกลับบ้านผิดเวลาหน่อยก็ว่าไปเถลไถลติดสาว :b32: หรือเหมือนนิทานเรื่องนกกระจาบ http://www.youtube.com/watch?v=viKl05hn8eA

อโศกต้องกำจัดอคติในใจตนเองออกก่อน นั่นแหละจึงจะเห็นความดีความงามของกรัชกายขอรับ :b1:

:b12: :b12: :b12:
"เหตุมี ผลจึงมี เหตุดับ ผลดับ"

กรัชกายทำเหตุให้คนทั่วไปเห็นว่าไม่ดี ผลจึงต้องถูกราวีด้วยคำพูดที่เสียดแทงใจต่างๆ
ลองกลับย้อนไปวิเคราะห์ตัวเองดูดีๆสิ สมัยต้นๆ กรัชกายไม่ค่อยมีคนขัดใจ มาปัจจุบันนี้ทำไมมีผู้มาขวางค้านทานทัดเยอะแยะมากขึ้น แสดงว่ามันต้องมีเหตุ เหตุก็คือกรัชกายไปขวางทานทัดขัดคนอื่นก่อน กรรมนั้นจึงกลับมาสนอง

อโศกะไม่มีอคติกับใคร จะมีก็แต่ความสงสารเพื่อนร่วมโลกที่ตกเป็นทาสของกิเลส ตัณหา อัตตา ความเห็นผิด ยึดผิด กับกรัชกายยิ่งน่าสงสารและเป็นห่วง เพราะเป็นมิตรสหายกันมานานหลายปีจนคุ้นเคยกันยิ่งกว่าญาติ......("ความคุ้นเคย เป็นญาติอย่างยิ่ง"......พุทธภาษิต)
:b51:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 168 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 12  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร