วันเวลาปัจจุบัน 04 ต.ค. 2025, 18:53  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 168 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 ... 12  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.ค. 2014, 20:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


s004
s006
คงเป็นบาปอกุศลเสียมากกว่าที่มาเจอคนอย่างกรัชกาย
ชอบขวางธรรม ชักให้ต่ำและเสียหาย สะเปะสะปะฟุ้งซ่าน กระจัดกระจาย ไร้จุดหมายทิศทางที่แน่นอน มีแต่เรื่องไม่เป็นเรื่องมาเพียรถาม ซ้ำซากความฟุ้งปรุงยุ่งขยาย เมื่อเตือนบอกชี้แนะแล้วไม่ใส่ใจ ช้ักพาไปเรื่องอื่น ลื่นกลิ้งกลม

คงใกล้ถึงเวลาลากายกรัช เพราะรู้ชัดไร้ประโยชน์ โทษเพิ่มเสริม
สังเวชใจ ให้เศร้าหมองเพราะมัวเพลิน มาเผชิญกับพาลผลาญเวลา
:b7:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.ค. 2014, 20:48 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
เมื่อตอนต้นกระทู้ ได้บอกเกริ่นให้รู้ว่าหัวใจการค้นพบหรือคำสอนของพระพุทธเจ้าเมื่อถูกทำให้ง่ายแล้วก็มีเพียง
"เหตุ กับ ผล" สองตัวเท่านั้นเอง

เหตุมี ผลมี เหตุดับ ผลดับ

อริยสัจ 4 ประการที่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์จะทรงประกาศในวันปฐมเทศนาก็มีสาระสำคัญดังที่ทำให้ง่ายแล้วดังกล่าวข้างต้น

ทุกขสัจจะ ก็คือ ผลทุกข์ ที่สัติว์โลกทั้งหลายกำลังเกิดมาแบกรับ

สมุทัย คือเหตุทุกข์ ทั้งที่ทำไว้ในอดีตและกำลังทำในปัจจุบัน

นิโรธ คือผลสุขที่จักพึงเกิดขึ้น

มรรค คือ เหตุสุขที่จักได้เริ่มกระทำ เมื่อได้พบหัวใจคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว
:b27:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.ค. 2014, 21:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
s006
คงเป็นบาปอกุศลเสียมากกว่าที่มาเจอคนอย่างกรัชกาย
ชอบขวางธรรม ชักให้ต่ำและเสียหาย สะเปะสะปะฟุ้งซ่าน กระจัดกระจาย ไร้จุดหมายทิศทางที่แน่นอน มีแต่เรื่องไม่เป็นเรื่องมาเพียรถาม ซ้ำซากความฟุ้งปรุงยุ่งขยาย เมื่อเตือนบอกชี้แนะแล้วไม่ใส่ใจ ช้ักพาไปเรื่องอื่น ลื่นกลิ้งกลม

คงใกล้ถึงเวลาลากายกรัช เพราะรู้ชัดไร้ประโยชน์ โทษเพิ่มเสริม
สังเวชใจ ให้เศร้าหมองเพราะมัวเพลิน มาเผชิญกับพาลผลาญเวลา
:b7:


ถ้าอโศกมีหลักมั่นทั้งปริยัติ ปฏิบัติ คงไม่ท้อ และก็ไม่ไปไหน ถ้าไปแสดงว่า โบ๋เบ๋ๆ :b32: จำไว้นะขอรับ ถ้าไปโบ๋เบ๋ๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2014, 10:21 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12: :b12:
ไม่โบ๋เบ๋ แต่เบื่อหน่าย ตัณหา มานะ ทิฏฐิ ของมนุษย์ มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด แม้เถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน

มนุษย์นี้มีที่รักอยู่สองสถาน คือบิดามารดารัก มักเป็นผล อีกพึ่งหนึ่งพึ่งได้แต่กายตน เกิดเป็นคนคิดเห็นจึ่งเจรจา แม้ใครรักรักมั่ีง ชังชังตอบ ให้รอบคอบคิดอ่านนะหลานหนา รู้อะไรไม่สู้รู้วิชา รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดเป็นยอดดี

พึงหลีกเร้นจากสังคมอันแข่งขัน แก่งแย่งกันเอาดีและเอาหน้า
ปลีกหลีกเร้นจากหมู่ มาตั้งตา เร่งค้นหาสัจจธรรม นำพ้นภัย

ยุทธจักรเป็นเพียงแค่ทางผ่าน เป็นสวนขวัญข้างทางเหมือนสุ่มไก่
ล่อให้หลงในดงแห่งฟืนไฟ ที่มากมายด้วยเสือสิงห์ กระทิงแดง

ถึงจะแสนสงสารเหล่าสัตว์โลก ที่จมโศก เกลือกกลั้วทุกข์ไม่ลุกได้
อยากจะยื่นมือดฉุดหลุดเป็นไท แต่วุ่นวายเหลือทนพวกคนพาล

สามสี่ปีนี้คงพอสรุปได้ ว่าไม่ใช่ทางที่ดีแท้หนอ
คงต้องนำคำพระพุทธว่าให้พอ แล้วไปต่อปลีกวิเวกเนกขัมเอย

:b11:
s007
:b29:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2014, 10:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b53: :b53: :b53: :b53: :b53:
เมื่อเรารู้จักอริยสัจ 4 ประการว่าคือเหตุกับผลเพียง 2 คู่เท่านั้นเองคือ

ผลทุกข์ กับ เหตุทุกข์ คู่หนึ่ง

ผลสุข กับ เหตุสุข อีกคู่หนึ่ง

การนำอริยสัจ 4 นี้ ไปสู่การปฏิบัติ ก็เพียงแค่

เอาเหตุสุข คือมรรค 8 ไปต่อสู้กับเหตุทุกข์ คือสมุทัย
ถ้าเหตุทุกข์ดับ ผลทุกข์ก็ดับ (นิโรธ)

หลักการปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพระพุทธเจ้ามีเท่านี้เอง

สิ่งที่เราจะต้องเรียนรู้ต่อไปก็มีเพียงว่า

อะไร คือเหตุทุกข์?

อะไรคือเหตุสุข

s006 s006 s006 s006 s006 s006 s006 s006


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2014, 15:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b12: :b12:
ไม่โบ๋เบ๋ แต่เบื่อหน่าย ตัณหา มานะ ทิฏฐิ ของมนุษย์ มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด แม้เถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน

มนุษย์นี้มีที่รักอยู่สองสถาน คือบิดามารดารัก มักเป็นผล อีกพึ่งหนึ่งพึ่งได้แต่กายตน เกิดเป็นคนคิดเห็นจึ่งเจรจา แม้ใครรักรักมั่ีง ชังชังตอบ ให้รอบคอบคิดอ่านนะหลานหนา รู้อะไรไม่สู้รู้วิชา รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดเป็นยอดดี

พึงหลีกเร้นจากสังคมอันแข่งขัน แก่งแย่งกันเอาดีและเอาหน้า
ปลีกหลีกเร้นจากหมู่ มาตั้งตา เร่งค้นหาสัจจธรรม นำพ้นภัย

ยุทธจักรเป็นเพียงแค่ทางผ่าน เป็นสวนขวัญข้างทางเหมือนสุ่มไก่
ล่อให้หลงในดงแห่งฟืนไฟ ที่มากมายด้วยเสือสิงห์ กระทิงแดง

ถึงจะแสนสงสารเหล่าสัตว์โลก ที่จมโศก เกลือกกลั้วทุกข์ไม่ลุกได้
อยากจะยื่นมือดฉุดหลุดเป็นไท แต่วุ่นวายเหลือทนพวกคนพาล

สามสี่ปีนี้คงพอสรุปได้ ว่าไม่ใช่ทางที่ดีแท้หนอ
คงต้องนำคำพระพุทธว่าให้พอ แล้วไปต่อปลีกวิเวกเนกขัมเอย


อโศก ท่านจะบ่นรำพึงระพันให้มันได้อะไรขึ้นมาขอรับ ก็ขี้บ่นยังนี้แหละเมียถึงทิ้ง ลูกหลานถึงไม่กล้าเข้าใกล้ คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2014, 15:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ก็อโศกเองนั่นแหละเหตุแห่งสุขแห่งทุกข์ จะไปหาที่ไหนขอรับ :b32: ก็ค้นหาที่ความรู้สึกนึกคิดภายในตนเองซี่ขอรับ (ขออภัยเดี๋ยวจะว่าสอนหนังสือสังฆราช) :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2014, 21:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อโศก ท่านจะบ่นรำพึงระพันให้มันได้อะไรขึ้นมาขอรับ ก็ขี้บ่นยังนี้แหละเมียถึงทิ้ง ลูกหลานถึงไม่กล้าเข้าใกล้ คิกๆๆ

:b19:
บ่นให้คนหนารู้ตัว
wink


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2014, 22:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ก็อโศกเองนั่นแหละเหตุแห่งสุขแห่งทุกข์ จะไปหาที่ไหนขอรับ :b32: ก็ค้นหาที่ความรู้สึกนึกคิดภายในตนเองซี่ขอรับ (ขออภัยเดี๋ยวจะว่าสอนหนังสือสังฆราช) :b13:

:b13:
แสนรู้

มันเป็นทั้งเหตุสุขเหตุทุกข์ได้ยังไง? อธิบาย
s004


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ค. 2014, 07:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:

มันเป็นทั้งเหตุสุขเหตุทุกข์ได้ยังไง? อธิบาย
s004


แนะๆๆ มีลูกเล่น บอกให้อธิบาย คิกๆๆๆ

ทั้งสุข ทั้งทุกข์ ก็อโศกคิดเองทำเองทั้งนั้น :b1: กรัชกายไม่ได้ทำอะไรให้สะหน่อย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ค. 2014, 20:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


s004
ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค อริยสัจทั้ง4 ประการนี้ พระพุทธเจ้าทรงคิดเองทำเองละซิ กรัชกายไม่เกี่ยว
s006
แล้วมาศึกษา และปฏิบัติตามพระพุทธเจ้าทำไม เมื่อกรัชกายคิดเองทำเองก็ได้
:b10:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2014, 07:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค อริยสัจทั้ง4 ประการนี้ พระพุทธเจ้าทรงคิดเองทำเองละซิ กรัชกายไม่เกี่ยว
s006
แล้วมาศึกษา และปฏิบัติตามพระพุทธเจ้าทำไม เมื่อกรัชกายคิดเองทำเองก็ได้
:b10:


อโศกวิ่งหนีความจริงตลอด

ต้นเดิม คือ

อ้างคำพูด:
อโศกเขียน
สิ่งที่เราจะต้องเรียนรู้ต่อไปก็มีเพียงว่า

อะไร คือเหตุทุกข์?

อะไรคือเหตุสุข



อ้างคำพูด:
กรัชกายตอบ

ก็อโศกเองนั่นแหละเหตุแห่งสุขแห่งทุกข์ จะไปหาที่ไหนขอรับ :b32: ก็ค้นหาที่ความรู้สึกนึกคิดภายในตนเองซี่ขอรับ



อ้างคำพูด:
อโศกเขียน

มันเป็นทั้งเหตุสุขเหตุทุกข์ได้ยังไง? อธิบาย


อ้างคำพูด:
กรัชกายเขียน
ทั้งสุข ทั้งทุกข์ ก็อโศกคิดเองทำเองทั้งนั้น


ลองไล่ๆดูสิ อโศกนักปฏิบัติใหญ่ กรัชกายตอบผิดตรงไหน ตัวอโศกเองนั่นแหละต้นเหตุแห่งสุข-ทุกข์ จริงไม่จริง :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2014, 10:06 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b16:
กรัชกายมิยิ่งหนีความจริงยิ่งกว่าหรือ

พระพุทธเจ้าทรงสอนเรื่องทุกข์ เหตุเกิดทุกข์ ความดับทุกข์และวิธีทำให้ถึงความดับทุกข์

อโศกะถามว่า

ถ้าอย่างนั้นพระพุทธเจ้าทรงคิดเองหรือ ถ้าเอาตาม ความเห็นสรุปของกรัชกาย

แต่กรัชกายไม่ตอบ กลับตะแบงต่อไปอย่างไม่รู้ตัวัอีก

ตอบคำถามและอธิบายมาก่อนสิ
:b34: :b34:


แก้ไขล่าสุดโดย asoka เมื่อ 23 ก.ค. 2014, 10:17, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2014, 10:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b16:
กรัชกายมิยิ่งหนีความจริงยิ่งกว่าหรือ

พระพุทธเจ้าทรงสอนเรื่องทุกข์ เหตุเกิดทุกข์ ความดับทุกข์และวิธีทำให้ถึงความดับทุกข์

อโศกะถามว่า

ถ้าอย่างนั้นพระพุทธเจ้าทรงคิดเองหรือ ถ้าเอาตา ความเห็นสรุปของกรัชกาย

แต่กรัชกายไม่ตอบ กลับตะแบงต่อไปอย่างไม่รู้ตัวัอีก

ตอบคำถามและอธิบายมาก่อนสิ


ตัวอโศกเองนั่นแหละเป็นเหตุแห่งทุกข์-สุข :b1: ยังไม่เข้าใจอีกพ่อนักปฏิบัติญ่าย คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2014, 10:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


s004
กำปั้นทุบดินเลยนะ กรัชกาย ใช่อยู่แต่ไม่เอื้อให้ค้นหาเหตุทุกข์ต่อในส่วนของรายละเอียดเพื่อปฏิบัติจริง

เหตุทุกข์ คือความเห็นผิด ยึดผิด

เห็นผิดยึดผิดก็คือ เห็นเป็นอ้ัตตา ยึดเป็นอัตตา

เห็นถูกต้อง คือเห็นว่าเป็น อนัตตา
:b38:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 168 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 ... 12  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร