วันเวลาปัจจุบัน 04 ส.ค. 2025, 20:54  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 16 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 02 พ.ย. 2014, 06:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8591


 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องบุญบารมีนี้ ขอแก้ข้อข้องใจในบางท่านที่ว่าบุญบารมียังน้อยอยู่ นิพพานนั้นอยู่ไกล
จึงได้ลังเลใจจนถึงกับละเลยในการที่จะเจริญวิปัสสนาภาวนา

พุทธศาสนิกชนผู้มีบุญทั้งหลาย ที่ได้ศึกษาคำสอนของพระพุทธองค์มาจนถึงเพียงนี้แล้ว
ไม่เป็นการสมควรเลยที่จะคาดคิดเอาเองว่ายังมีบุญบารมีน้อยอยู่ เพราะการคาดคิดเช่นนี้เป็นการเดา
เอาโดยแท้ และเป็นการเดาที่ไม่เป็นคุณแก่ตนเลย แม้จะสมมติว่าบารมียังมีน้อยจริง
ก็ไม่เป็นการสมควรละ หรือจะละเลยที่จะเจริญวิปัสสนาภาวนา เพื่อสร้างสมบุญบารมีให้พอกพูน
เพิ่มมากยิ่ง ๆ ขึ้นไป จะได้เต็มเปี่ยมในกาลภายหน้าที่ไม่เนิ่นนานนัก

จะอุปมาเหมือนนักเดินทางที่จุดมุ่งหมายปลายทาง ความสำเร็จนั้นสำเร็จตั้งแต่ก้าวแรกที่เดิน
แม้ในชาตินี้ยังไม่ถึงปลายทาง ก็ได้เป็นการสร้างบารมีไว้ในชาติต่อๆไปจะได้ไม่อ่อนล้า
ความสำเร็จก็ได้ใกล้เข้ามาทุกที หรืออาจจะได้พบแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์

นักศึกษาผู้มีปัญญาทั้งหลาย คงได้พิจารณาเห็นแล้วว่า สังขารนี้ไม่ยั่งยืน จึงเป็นการสมควรอย่างยิ่ง
ที่จะพากเพียรให้ถึงซึ่งธรรมอันไม่จุติ ตัดขาดจากความเยื่อใยในสิ่งที่ผูกมัดอยู่เสียได้จนหมดสิ้นแล้ว
ก็ไม่ต้องสืบต่อภพใหม่ชาติใหม่อีก จักเสวยแต่วิมุตติสุข อันประเสริฐสุดกว่าสุขทั้งปวง

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสต์ เมื่อ: 02 พ.ย. 2014, 12:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 มิ.ย. 2009, 10:51
โพสต์: 2813


 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน กล่าวได้ดีคะ :b4:


โพสต์ เมื่อ: 03 พ.ย. 2014, 06:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8591


 ข้อมูลส่วนตัว


น้องพลอย เขียน:
ลุงหมาน กล่าวได้ดีคะ :b4:


มีคำขวัญของผู้ศึกษาพระอภิธรรมว่า

ขุมทรัพย์คือปัญญา คือการได้มาเรียนพระอภิธรรม
ขุมทรัพย์ที่เลิศล้ำ คือการเอาพระอภิธรรมไปปฏิบัติ

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสต์ เมื่อ: 03 พ.ย. 2014, 06:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
เรื่องบุญบารมีนี้ ขอแก้ข้อข้องใจในบางท่านที่ว่าบุญบารมียังน้อยอยู่ นิพพานนั้นอยู่ไกล
จึงได้ลังเลใจจนถึงกับละเลยในการที่จะเจริญวิปัสสนาภาวนา
......


บารมี...พ่อแม่ครูบาอาจารย์ได้ให้ความหมายว่า....กำลังใจ

กำลังใจ....ที่คิดอยากจะนิพพาน...นี้....มันอธิบายด้วยเหตุด้วยผล...ว่าทำไมถึงจะคิด...ทำไมจึงไม่คิดกัน..นั้น...ได้ยาก

หนังสือหนังหา...ก็บอกใว้ชัดเจน...บอกใว้หลายๆที่..ว่า...วัฏฏะสงสาร..มันมีแต่ทุกข์..นะ...แม้ในชีวิตประจำวัน..ก็อยู่กับทุกข์..ทั้งนั้น...แล้วทำไมคนจีงไม่นึกเอ๋ะใจ
:b7:


โพสต์ เมื่อ: 03 พ.ย. 2014, 09:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8591


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ลุงหมาน เขียน:
เรื่องบุญบารมีนี้ ขอแก้ข้อข้องใจในบางท่านที่ว่าบุญบารมียังน้อยอยู่ นิพพานนั้นอยู่ไกล
จึงได้ลังเลใจจนถึงกับละเลยในการที่จะเจริญวิปัสสนาภาวนา
......


บารมี...พ่อแม่ครูบาอาจารย์ได้ให้ความหมายว่า....กำลังใจ

กำลังใจ....ที่คิดอยากจะนิพพาน...นี้....มันอธิบายด้วยเหตุด้วยผล...ว่าทำไมถึงจะคิด...ทำไมจึงไม่คิดกัน..นั้น...ได้ยาก

หนังสือหนังหา...ก็บอกใว้ชัดเจน...บอกใว้หลายๆที่..ว่า...วัฏฏะสงสาร..มันมีแต่ทุกข์..นะ...แม้ในชีวิตประจำวัน..ก็อยู่กับทุกข์..ทั้งนั้น...แล้วทำไมคนจีงไม่นึกเอ๋ะใจ
:b7:


บารมี แปลว่า ทำให้เต็ม ทำให้ยิ่งยวด
เป็นการกระทำความดีอย่างพิเศษ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายอันสูงสุด
มีพระพุทธเจ้าเป็นต้น......

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสต์ เมื่อ: 03 พ.ย. 2014, 21:05 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ทำให้เต็ม...นี้...ไม่เถียงครับ...

แต่...ทำอะไรให้เต็ม..นี้ซิ


โพสต์ เมื่อ: 04 พ.ย. 2014, 06:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8591


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ทำให้เต็ม...นี้...ไม่เถียงครับ...

แต่...ทำอะไรให้เต็ม..นี้ซิ



ทศบารมี ๑๐ ประการ ได้แก่ ทานบารมี, ศีลบารมี, เนกขัมมบารมี,
ปัญญา บารมี, วิริยบารมี, ขันติบารมี, สัจจบารมี, อธิษฐานบารมี, เมตตาบารมี, อุเบกขาบารมี

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสต์ เมื่อ: 04 พ.ย. 2014, 21:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เอาข้อแรกก่อน..ละกัน

ทานบารมี... ทำให้เต็ม ทำให้ยิ่งยวด....อาการอย่างไร...พอจะบ่งชี้ว่า...ทานบารมีได้ทำอย่างยิ่งยวดแล้ว...ได้ทำให้เต็มแล้ว


โพสต์ เมื่อ: 05 พ.ย. 2014, 06:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8591


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
เอาข้อแรกก่อน..ละกัน

ทานบารมี... ทำให้เต็ม ทำให้ยิ่งยวด....อาการอย่างไร...พอจะบ่งชี้ว่า...ทานบารมีได้ทำอย่างยิ่งยวดแล้ว...ได้ทำให้เต็มแล้ว


ทานบารมีอย่างยิ่งยวด...ก็ต้องดูตัวอย่างพระพุทธเจ้าสร้างบารมี
ในสมัยที่ยังเป็นพระโพธิสัตว์ดำรงค์พระชาติเป็นพระเวสสันดร
:b8: :b8: :b8:

ในการบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์ในชาติหนึ่งๆนั้น
มิใช่ว่าจะทรงบำเพ็ญบารมีเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น บำเพ็ญทานบารมี
หรือบำเพ็ญศีลบารมีอย่างเดียวเท่านั้น แต่ในชาติเดียวกันนั้น
ได้บำเพ็ญบารมีควบคู่กันไปอาจเด่นเพียงบารมีเดียว ที่เหลือก็เป็นลำดับรองๆ ลงไป
เช่น ในชาติที่เป็นพระเวสสันดรทรงบำเพ็ญบารมีครบ ๑๐ บารมี คือ

เมื่อพระเวสสันดรประสูติไม่นาน พระองค์ก็กราบทูลพระมารดาว่า
จะให้ทานขณะพระชนมายุได้ ๘ พรรษา ทรงดำริที่จะบริจาคอวัยวะทั้งหมด
ให้เป็นทาน(อัชฌัตติกทาน)เมื่อเสวยราชสมบัติแล้วได้รับพระราชทานพญาช้าง
ปัจจัยนาคราชแก่พวกพรามณ์ และทรงบริจาคสัตตสดกมหาทาน

ต่อมาเมื่อถูกเนรเทศให้ไปอยู่เขาวงกตก็ไดทรงบริจาคพระโอรส พระธิดา พระมเหสี
และเมื่อเสด็จกลับมาครองราชสมบัติก็ได้บริจาคทานตลอดพระชนมายุ
การบำเพ็ญบารมีส่วนนี้จัดเป็นทารบารมี

ในฐานะเป็นฆาราวาส พระเวสสันดร สมาทานรักษาศีลเป็นนิตย์
และทรงรักสมาทานรักษาอุโบสถศีลทุกวันอุโบสถกึ่งเดือน
การบำเพ็ญบารมีในส่วนนี้จัดเป็นศีลบารมี

ขณะที่ถือเพศเป็นดาบสอยู่ที่เขาวงกต พระเวสสันดรละกามคุณอย่างเด็ดขาด
การพำเพ็ญบารมีส่วนนี้จัดเป็นเนกขัมมบารมี

การดำริที่จะบริจาคอวัยวะทั้งหมดให้เป็นทานก็ตาม การบรรเทาความเศร้าโศก
อันเกิดจากการบริจาคพระโอรส พระธิดาด้วยปัญญาก็ตาม
การบำเพ็ญบารมีส่วนในนี้จัดเป็นปัญญาบารมี

ขณะครองราชสมบัติ พระองค์ได้เสด็จโรงทานทั้ง ๖ แห่งทุกกึ่งเดือน
และขณะที่ถือเพศที่เขาวงกตนั้น พระองค์ทรงตั้งพระทัยบูชาเพลิง
และบำเพ็ญเตโชกสิณอยู่เป็นนิตย์ การบำเพ็ญในส่วนนี้จัดเป็นวิริยะบารมี

เมื่อพระราชบิดาทรงเนรเทศให้ออกจากพระนครตามความประสงค์ของชาวเมือง
และเมื่อพรามณ์ชูชกเฆี่ยนตีพระโอรสและพระธิดา ณ เบื้องพระพักต์
พระองค์ก็ทรงอดกลั้นความรู้สึกเหล่านี้ได้ การบำเพ็ญบารมีในส่วนนี้จัดเป็นขันติบารมี

พระเวสสันดรทรงปฏิญาณที่จะบริจาคอวัยวะทั้งหมด และพระโอรสพระธิดา
ให้เป็นทานการบำเพ็ญส่วนนี้จัดเป็นสัจจบารมี

เมื่อทรงปฏิญาณอย่างแน่วแน่ ไม่ทำความอาลัยในพระโอรสพระธิดา
ที่จะทรงบริจาคให้เป็นทาน แม้จะทรงสะดุ้งกลัวต่อเสียงตำหนิติเตียนของหมู่เสวกามาตย์
จะต้องเสด็จขึ้นไปบนภูเขา แต่เมื่อพระนางมัทรีเสด็จขึ้นไปปลอบแล้ว
พระองค์ก็อธิษฐาณใจอย่างมั่นคง การบำเพ็ญบารมีในส่วนนี้เป็นอธิษฐาณบารมี

การแผ่เมตตาให้แก่ชาวกาลิงคราษฎร์ที่มาขอพระราชทานพญาช้างปัจจัยนาคก็ตาม
การแผ่เมตตาให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลายอยู่เป็นนิตย์ ในระหว่างที่ถือทรงเพศเป็นดาบส
ประพฤติพรหมจรรย์อยู่ที่เขาวงกตก็ตาม การบำเพ็ญบารมีในส่วนนี้จัดเป็นเมตตาบารมี

พระเวสสันดรทรงตัดความเสน่หาในพระโอรสและพระธิดาโดยมิได้โกรธแค้น
พราหมชูชกที่มาขอ พร้อมทั้งตั้งพระทัยเป็นกลางโดยมิได้รักได้ชังผู้ใด
การบำเพ็ญบารมีส่วนนี้จัดเป็นอุเบกขาบารมี

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสต์ เมื่อ: 07 พ.ย. 2014, 16:47 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2012, 15:32
โพสต์: 2961


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b16:


โพสต์ เมื่อ: 08 พ.ย. 2015, 17:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 05:25
โพสต์: 620


 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss :b8:
ขออนุโมทนาสาธุค่ะ


โพสต์ เมื่อ: 09 พ.ย. 2015, 06:34 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b13:
ไอ้ตอนที่คาดเดาได้ว่าบุญบารมีมีน้อยเลยไม่เพียรเจริญวิปัสสนาภาวนา ปฏิบัติธรรม นั้นคิดได้

แล้วทำไม่คาดเดาเอาบ้างว่า ชาตินี้เกิดมามีบุญบารมีมาก เพราะได้เกิดเป็นมนุษย์ พบพระพุทธศาสนา ได้คบหากัลยาณมิตร ได้เรียนรู้ข้อธรรมคำสอนอันถูกต้องของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จากลานธรรมจักร มีเพื่อนฝูงคอยทักแนะนำตักเตือนและบอกชี้ ชาตินี้คงเหลือแต่การตั้งใจ เอาจริง ทำจริง ปฏิบัติจริงๆ ตามคำสอนที่ถูกต้องของพระพุทธเจ้าเพียงเท่านั้นก็จักได้บรรลุธรรมทันในปัจจุบันชาตินี้ อย่างน้อยที่สุดบารมีที่มีคงส่งถึงโสดาปัตติผล พ้นอบายโดยเด็ดขาดได้ทันก่อนตายเป็นแน่แท้

คิดอย่างนี้ก็มีสิทธิ์คิดคาดเดาได้ไม่ใช่หรือครับ ทำไมจะต้องคอยแต่คิดเรื่องที่บั่นทอนกำลังใจตัวเอง แทนที่จะคิดให้กำลังใจตัวเอง

ผมว่าความคิดเรื่องบารมีน้อยบารมีไม่พอไม่ถึงนั้นน่าจะเป็นความคิดของมารที่มาแฝงเกาะกุมใจเรามากกว่านะครับ

s004
:b11:


โพสต์ เมื่อ: 09 พ.ย. 2015, 08:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ธ.ค. 2012, 16:46
โพสต์: 412

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่ควรคิดแบบนั้นจริงๆครับ

แต่ถึงจะคิด
หากคนจะได้ยังไงมันก็ได้ครับ


โพสต์ เมื่อ: 22 พ.ย. 2015, 04:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
เรื่องบุญบารมีนี้ ขอแก้ข้อข้องใจในบางท่านที่ว่าบุญบารมียังน้อยอยู่ นิพพานนั้นอยู่ไกล
จึงได้ลังเลใจจนถึงกับละเลยในการที่จะเจริญวิปัสสนาภาวนา

พุทธศาสนิกชนผู้มีบุญทั้งหลาย ที่ได้ศึกษาคำสอนของพระพุทธองค์มาจนถึงเพียงนี้แล้ว
ไม่เป็นการสมควรเลยที่จะคาดคิดเอาเองว่ายังมีบุญบารมีน้อยอยู่ เพราะการคาดคิดเช่นนี้เป็นการเดา
เอาโดยแท้ และเป็นการเดาที่ไม่เป็นคุณแก่ตนเลย
แม้จะสมมติว่าบารมียังมีน้อยจริง
ก็ไม่เป็นการสมควรละ หรือจะละเลยที่จะเจริญวิปัสสนาภาวนา เพื่อสร้างสมบุญบารมีให้พอกพูน
เพิ่มมากยิ่ง ๆ ขึ้นไป จะได้เต็มเปี่ยมในกาลภายหน้าที่ไม่เนิ่นนานนัก

จะอุปมาเหมือนนักเดินทางที่จุดมุ่งหมายปลายทาง ความสำเร็จนั้นสำเร็จตั้งแต่ก้าวแรกที่เดิน
แม้ในชาตินี้ยังไม่ถึงปลายทาง ก็ได้เป็นการสร้างบารมีไว้ในชาติต่อๆไปจะได้ไม่อ่อนล้า
ความสำเร็จก็ได้ใกล้เข้ามาทุกที หรืออาจจะได้พบแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์

นักศึกษาผู้มีปัญญาทั้งหลาย คงได้พิจารณาเห็นแล้วว่า สังขารนี้ไม่ยั่งยืน จึงเป็นการสมควรอย่างยิ่ง
ที่จะพากเพียรให้ถึงซึ่งธรรมอันไม่จุติ ตัดขาดจากความเยื่อใยในสิ่งที่ผูกมัดอยู่เสียได้จนหมดสิ้นแล้ว
ก็ไม่ต้องสืบต่อภพใหม่ชาติใหม่อีก จักเสวยแต่วิมุตติสุข อันประเสริฐสุดกว่าสุขทั้งปวง


asoka เขียน:
:b13:

ทำไมจะต้องคอยแต่คิดเรื่องที่บั่นทอนกำลังใจตัวเอง แทนที่จะคิดให้กำลังใจตัวเอง

ผมว่าความคิดเรื่องบารมีน้อยบารมีไม่พอไม่ถึงนั้นน่าจะเป็นความคิดของมารที่มาแฝงเกาะกุมใจเรามากกว่านะครับ
s004
:b11:


เห็นด้วยครับว่า....ไม่ควรคิดเลยว่าตนมีบารมีน้อย

หากคิดว่าตนมีบารมีน้อย....มีไม่พอ....ถ้าว่าด้วยเรื่องนิวรณ์ก็เป็นนิวรณ์...ถ้าว่าด้วยเรื่องสังโยชน์ก็เป็นมานะสังโยชน์...ไม่ว่าจะว่าด้วยเรื่องอะไร..ก็เป็นกิเลสที่ดึงเราในจมอยู่ในวัฏฏะสงสาร..นี้..ทั้งนั้น


โพสต์ เมื่อ: 22 พ.ย. 2015, 06:18 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




buddha_resize.jpg
buddha_resize.jpg [ 46.31 KiB | เปิดดู 4573 ครั้ง ]
:b37:
เรื่องบารมีนั้นแพ้คาถานี้ครับ

"วิริเยนะ ทุกขมัจเจติ"

"บุคคลล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร"

onion
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 16 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร