วันเวลาปัจจุบัน 23 ก.ย. 2025, 20:43  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 25 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 15 ธ.ค. 2014, 13:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
:b12: :b12: :b12:
หากยังมีธาตุขันธ์อยู่....ขันธ์มันก็ยังทำงานของขันธ์มันไป...แต่ไม่ปรุงแต่งต่อด้วยกิเลส

รู้...มันก็รู้ไปเรื่อย..นั้นแหละ...มีก็รู้..ไม่มีก็รู้...ไม่มีอะไรอะไรเลยก็รู้...มีอะไรเกิดอีกก็รู้...ดับไปแล้วก็รู้
..ไม่มีอะไรเกิดก็รู้....ไม่มีอะไรดับก็รู้

แม้..ไม่รู้สุขไม่รู้ทุกข์...นั้นก็รู้อีก...ไม่งั้นจะพูดได้งัยว่า...ไม่สุขไม่ทุกข์แล้ว


ธาตุขันธ์ยังอยู่ ธาตุขันธ์ ได้แก่ ขันธ์อะไร ?


ธาตุ...ก็..ดิน..น้ำ...ลม..ไฟ
ขันธ์...หมายถึง..ขันธ์5
ครับ


โพสต์ เมื่อ: 15 ธ.ค. 2014, 15:09 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ม.ค. 2011, 09:13
โพสต์: 73


 ข้อมูลส่วนตัว


ก็ค่อยๆศึกษาสังเกตไปครับ...ก็จะค่อยเห็นประจักษเอง...ที่สำคัญ...รู้แล้ว..สุขสงบมากขึ้น...ทุกข์ดิ้นรนหวั่นไหวน้อยลง...จึงจะถูกครับ...


:b8: :b8: :b8:


โพสต์ เมื่อ: 15 ธ.ค. 2014, 18:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8597


 ข้อมูลส่วนตัว




IMG_2160110290537.jpeg
IMG_2160110290537.jpeg [ 28.58 KiB | เปิดดู 2081 ครั้ง ]
เมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้แล้ว แต่เนื่องจากพระธรรมที่พระองค์ทรงบรรลุนั้นมีความละเอียดอ่อน สุขุมคัมภีรภาพ ยากต่อบุคคลจะรู้ เข้าใจและปฏิบัติได้ ทรงเกิดความท้อพระทัยว่าจะไม่แสดงธรรมโปรดมหาชน ต่อมาท่านได้ทรงพิจารณาอย่างลึกซึ้ง แล้วทรงเห็นว่าบุคคลในโลกนี้มีหลายจำพวก บางพวกสอนได้ บางพวกสอนไม่ได้ เปรียบเสมือนบัว ๔ เหล่า ดังนั้นแล้วจึงดำริที่จะแสดงธรรมเพื่อมวลมนุษยชาติต่อไป
บัว ๔ เหล่า ได้แก่
บัวหลวง
๑.พวกที่มีสติปัญญาฉลาดเฉลียว เป็นสัมมาทิฏฐิ เมื่อได้ฟังธรรมก็สามารถรู้ และเข้าใจในเวลาอันรวดเร็ว เปรียบเสมือนดอกบัวที่อยู่พ้นน้ำ เมื่อต้องแสงอาทิตย์ก็เบ่งบานทันที (อุคฆฏิตัญญู)
๒.พวกที่มีสติปัญญาปานกลาง เป็นสัมมาทิฏฐิ เมื่อได้ฟังธรรมแล้วพิจารณาตามและได้รับการอบรมฝึกฝนเพิ่มเติม จะสามารถรู้และเข้าใจได้ในเวลาอันไม่ช้า เปรียบเสมือนดอกบัวที่อยู่ปริ่มน้ำซึ่งจะบานในวันถัดไป (วิปจิตัญญู)
๓.พวกที่มีสติปัญญาน้อย แต่เป็นสัมมาทิฏฐิ เมื่อได้ฟังธรรมแล้วพิจารณาตามและได้รับการอบรมฝึกฝนเพิ่มอยู่เสมอ มีความขยันหมั่นเพียรไม่ย่อท้อ มีสติมั่นประกอยด้วยศรัทธา ปสาทะ ในที่สุดก็สามารถรู้และเข้าใจได้ในวันหนึ่งข้างหน้า เปรียบเสมือนดอกบัวที่อยู่ใต้น้ำ ซึ่งจะค่อยๆ โผล่ขึ้นเบ่งบานได้ในวันหนึ่ง (เนยยะ)
๔.พวกที่ไร้สติปัญญา และยังเป็นมิจฉาทิฏฐิ แม้ได้ฟังธรรมก็ไม่อาจเข้าใจความหมายหรือรู้ตามได้ ทั้งยังขาดศรัทธาปสาทะ ไร้ซึ่งความเพียร เปรียบเสมือนดอกบัวที่จมอยู่กับโคลนตม ยังแต่จะตกเป็นอาหารของเต่าปลา ไม่มีโอกาสโผล่ขึ้นพ้นน้ำเพื่อเบ่งบาน (ปทปรมะ)

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสต์ เมื่อ: 15 ธ.ค. 2014, 20:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ก.ย. 2014, 11:55
โพสต์: 123

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
เมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้แล้ว แต่เนื่องจากพระธรรมที่พระองค์ทรงบรรลุนั้นมีความละเอียดอ่อน สุขุมคัมภีรภาพ ยากต่อบุคคลจะรู้ เข้าใจและปฏิบัติได้ ทรงเกิดความท้อพระทัยว่าจะไม่แสดงธรรมโปรดมหาชน ต่อมาท่านได้ทรงพิจารณาอย่างลึกซึ้ง แล้วทรงเห็นว่าบุคคลในโลกนี้มีหลายจำพวก บางพวกสอนได้ บางพวกสอนไม่ได้ เปรียบเสมือนบัว ๔ เหล่า ดังนั้นแล้วจึงดำริที่จะแสดงธรรมเพื่อมวลมนุษยชาติต่อไป
บัว ๔ เหล่า ได้แก่
บัวหลวง
๑.พวกที่มีสติปัญญาฉลาดเฉลียว เป็นสัมมาทิฏฐิ เมื่อได้ฟังธรรมก็สามารถรู้ และเข้าใจในเวลาอันรวดเร็ว เปรียบเสมือนดอกบัวที่อยู่พ้นน้ำ เมื่อต้องแสงอาทิตย์ก็เบ่งบานทันที (อุคฆฏิตัญญู)
๒.พวกที่มีสติปัญญาปานกลาง เป็นสัมมาทิฏฐิ เมื่อได้ฟังธรรมแล้วพิจารณาตามและได้รับการอบรมฝึกฝนเพิ่มเติม จะสามารถรู้และเข้าใจได้ในเวลาอันไม่ช้า เปรียบเสมือนดอกบัวที่อยู่ปริ่มน้ำซึ่งจะบานในวันถัดไป (วิปจิตัญญู)
๓.พวกที่มีสติปัญญาน้อย แต่เป็นสัมมาทิฏฐิ เมื่อได้ฟังธรรมแล้วพิจารณาตามและได้รับการอบรมฝึกฝนเพิ่มอยู่เสมอ มีความขยันหมั่นเพียรไม่ย่อท้อ มีสติมั่นประกอยด้วยศรัทธา ปสาทะ ในที่สุดก็สามารถรู้และเข้าใจได้ในวันหนึ่งข้างหน้า เปรียบเสมือนดอกบัวที่อยู่ใต้น้ำ ซึ่งจะค่อยๆ โผล่ขึ้นเบ่งบานได้ในวันหนึ่ง (เนยยะ)
๔.พวกที่ไร้สติปัญญา และยังเป็นมิจฉาทิฏฐิ แม้ได้ฟังธรรมก็ไม่อาจเข้าใจความหมายหรือรู้ตามได้ ทั้งยังขาดศรัทธาปสาทะ ไร้ซึ่งความเพียร เปรียบเสมือนดอกบัวที่จมอยู่กับโคลนตม ยังแต่จะตกเป็นอาหารของเต่าปลา ไม่มีโอกาสโผล่ขึ้นพ้นน้ำเพื่อเบ่งบาน (ปทปรมะ)


ด้วยเหตุอะไร บัวสี่เหล่านั้นจึงมีสติปัญญาที่แตกต่างกันครับ


โพสต์ เมื่อ: 15 ธ.ค. 2014, 21:48 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


toy1 เขียน:

ด้วยเหตุอะไร บัวสี่เหล่านั้นจึงมีสติปัญญาที่แตกต่างกันครับ


พอเห็นคำถาม....
ใจมันก็ว่า..เอ่อนั้นซิ...ทำไมละ
ใจก็มีความคิดว่า
เคยเห็นการอบหรือการเผาเครื่องปั้นดินเผามั้ย...มันมีเวลาของมันที่ค่อนข้างแน่นอนว่า...ขนาดเท่าๆกันจะใช้เวลาเผา..เท่ากัน

ก็แล้วทำไม...เครื่องปั้นดินเผาจึงสุกต่างกัน

ตอบ...ก็เวลาที่เริ่มต้นเผา..ต่างกัน

ณ. เวลาหนึ่ง...
เตาหนึ่ง...เผามานานจนได้เวลาสุกแล้ว..รอแค่เปิดเตานำออกมา
อีกเตาหนึ่ง...เผามาจนใกล้เวลาที่จะสุกแล้ว
เตาที่สาม...เพิ่งจะเริ่มเผาได้ไม่นาน...อีกสักระยะก็จะสุกได้ตามเวลา
เตาที่สี่...ปั้นแล้วแต่รอเวลานำเข้าเตาเผา...

ฉะนั้น..ณ..เวลาหนึ่งนั้น...เราจะไปโทษดินเผาในเตาที่สาม..ที่สี่...ไม่ได้เลย...ก็มันยังไม่ถึงเวลา


โพสต์ เมื่อ: 15 ธ.ค. 2014, 21:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อะไรคือเตา....
กัลยาณมิตรที่เราอธิฐานทำบุญมาด้วยกัน...ถ้าท่านยังเป็นปุถุชน...คนเดินตามท่านก็พลอยเนินช้าออกไป...แต่หากท่านพ้นทุกข์ได้จริงเมื่อไร...คนเดินตามก็มีโอกาส

อะไรคือไฟให้ความร้อนทำให้ดินเผาแกร่ง....
บุญกิริยาวัตถุ10 บารมี 10 โพธิปักขิยธรรม37

ดินเผา...ก็ต้องอาศัย...เตาและไฟ..นี้แหละ...จึงจะทำให้ตนแกร่งจนใช้งานได้


โพสต์ เมื่อ: 16 ธ.ค. 2014, 06:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8597


 ข้อมูลส่วนตัว


toy1 เขียน:
ด้วยเหตุอะไร บัวสี่เหล่านั้นจึงมีสติปัญญาที่แตกต่างกันครับ


คงต้องย้อนไปถึงอดีตชาติด้วย

ประเภที่ ๑ ในอดีตชาติเคยได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้าองก่อนๆมาแล้ว ติดต่อกันมาหลายชาติ
และมีความสนใจ ขวนขวายในธรรมของพระพุทธเจ้า มาชาตินี้จึงบรรลุธรรมได้ง่าย
(ลองอ่านประวัติสาวกในพุทธกาลดู)

ประเภทที่ ๒ ในอดีตชาติได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ มาบ้างหลายชาติ
เพียงแต่ว่ามีความพากเพียรน้อยเกินไป มาชาตินี้ต้องอาศัยความเพียรเป็นอย่างมากจึงจะบรรลุได้

ประเภทที่ ๓ ในอดีตชาติได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ มาบ้าง บางชาติก็ไม่ได้ฟังธรรมเลย
ไปเกิดในนรกบ้าง เปรตบ้าง อสุรกายบ้าง เดรัจฉานบ้าง แม้พระพุทธเจ้าจะมาอุบัติขึ้นในเวลานั้น
ก็ไม่มีโอกาสฟังธรรมเลย เพราะเขาเหล่านั้นไปเกิดในที่ห่างไกลเกินกว่าจะฟังธรรมได้ แต่ก็มีโอกาส
บรรลุธรรมในชาติต่อๆในอนาคต

ประเภทที่ ๔ แม้แต่ในอดีตชาติเกิดมาในสมัยพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ ก็จริง แต่ตนเอง
เป็นมิจทิฏฐิไปนับถือในศาสนาที่ไม่ใช่หนทางบรรลุธรรม มาชาติก็ไม่สนใจอีกอย่างเหนียวแน่น
มีความเห็นว่าตายแล้วสูญไม่เกิดอีก เป็นต้น
(ดูในปัจจุบันชาตินี้ก็แล้วกัน ศาสดามีเยอะมาก)

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสต์ เมื่อ: 16 ธ.ค. 2014, 06:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ก.ย. 2014, 11:55
โพสต์: 123

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


การได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้ากับการปฏิบัติไปตามคำสอนของพระพุทธเจ้านั้นมีน้ำหนักมีกำลังแตกต่างกัน
บุคคลที่มีบารมีปฏิบัติธรรมมาเป็นอเนกขาติ เมื่อเกิดมาพบพระพุทธเจ้าก็เหมือนดอกบัวพ้นน้ำ รอเพียงพระอาทิตย์ส่องแสง เพียงแค่ได้ฟังธรรม จากพระพุทธองค์ หรือปฏิบัติต่อตามคำแนะที่บอกให้ ท่านก็สำเร็จ เหมือนดอกบัวต้องแสงพระอาทิตย์ ดอกบัวก็บาน


โพสต์ เมื่อ: 16 ธ.ค. 2014, 07:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เราเกิดมา..ชาตินี้ไม่ใช่ชาติแรก
พบพระพุทธเจ้า..ก็เชื่อว่า..ไม่ใช่ไม่เคย...พบมาแล้วไม่ใช่พระองค์เดียว
ปฏิบัติ...ก็ใช่ว่าไม่เคย
บุญญาบารมีที่สะสมมา...ก็ใช่ว่า...ไม่เคยเฉียดไปใกล้จุดที่ตัดกิเลสได้

แต่..ที่ยังไปไม่ได้..หรือ..ไม่ได้ไป...ในหลายๆคน..อาจจะยังไม่ตัดสินใจเดินทาง..นั้นเอง

มีเรื่องหนึ่ง...พระพุทธองค์เคยตรัสกับพระอานนท์...ทำนองว่า

...หากสามีภรรยาคู่นี้มาหาเราตอนที่ยังเป็นเศรษฐี....ได้ฟังธรรมแล้ว...จะเป็นพระอรหันต์
หากมาตอนที่ยังมีเงินทองอยู่..ได้ฟังธรรมแล้ว...จะเป็นอริยะบุคคล
แต่ตอนนี้...เป็นคนยากจนขอทาน..ซะแล้ว...แม้ได้ฟังธรรมก็ไม่ได้อะไร

ผมเคยคิดว่า...ก็ถ้าอย่างนั้นทำไมพระองค์ไม่ไปเทศน์ตอนที่เขายังเป็นเศรษฐี..ละ..เขาจะได้อรหัตผล...ทีกับองคุลีมาร...ท่านยังเสด็จไปเลยนี้?...(ใครที่เคยคิดตำนิอย่างนี้...ให้ขอขมาพระรัตนไตรมาก..ๆ..นะครับ)

ถึงตรงนี้..จึงได้คิดว่า...เขาไม่ได้อธิฐาน..มา...แม้พระพุทธเจ้าสมณโคดตก็ยังไม่ใช่กัลยาณมิตรของเขา...เขาต้องเดินทางไปอีกจนพบกัลยาณมิตรของเขา
(บางคนเกิดในสมัยพระองค์...ก็ยังทำบุญบารมีเพื่อไปส่ยุดพระศรีอริยะเมตตรัย..เลยครับ)


โพสต์ เมื่อ: 16 ธ.ค. 2014, 16:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
เราเกิดมา..ชาตินี้ไม่ใช่ชาติแรก
พบพระพุทธเจ้า..ก็เชื่อว่า..ไม่ใช่ไม่เคย...พบมาแล้วไม่ใช่พระองค์เดียว
ปฏิบัติ...ก็ใช่ว่าไม่เคย
บุญญาบารมีที่สะสมมา...ก็ใช่ว่า...ไม่เคยเฉียดไปใกล้จุดที่ตัดกิเลสได้

แต่..ที่ยังไปไม่ได้..หรือ..ไม่ได้ไป...ในหลายๆคน..อาจจะยังไม่ตัดสินใจเดินทาง..นั้นเอง

มีเรื่องหนึ่ง...พระพุทธองค์เคยตรัสกับพระอานนท์...ทำนองว่า

...หากสามีภรรยาคู่นี้มาหาเราตอนที่ยังเป็นเศรษฐี....ได้ฟังธรรมแล้ว...จะเป็นพระอรหันต์
หากมาตอนที่ยังมีเงินทองอยู่..ได้ฟังธรรมแล้ว...จะเป็นอริยะบุคคล
แต่ตอนนี้...เป็นคนยากจนขอทาน..ซะแล้ว...แม้ได้ฟังธรรมก็ไม่ได้อะไร

ผมเคยคิดว่า...ก็ถ้าอย่างนั้นทำไมพระองค์ไม่ไปเทศน์ตอนที่เขายังเป็นเศรษฐี..ละ..เขาจะได้อรหัตผล...ทีกับองคุลีมาร...ท่านยังเสด็จไปเลยนี้?...(ใครที่เคยคิดตำนิอย่างนี้...ให้ขอขมาพระรัตนไตรมาก..ๆ..นะครับ)

ถึงตรงนี้..จึงได้คิดว่า...เขาไม่ได้อธิฐาน..มา...แม้พระพุทธเจ้าสมณโคดตก็ยังไม่ใช่กัลยาณมิตรของเขา...เขาต้องเดินทางไปอีกจนพบกัลยาณมิตรของเขา
(บางคนเกิดในสมัยพระองค์...ก็ยังทำบุญบารมีเพื่อไปส่ยุดพระศรีอริยะเมตตรัย..เลยครับ)

ท่านกบกำลังหมายถึงคุนน้องหรือเจ้าค่ะ :b12:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 25 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร