http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=49086
.................................
มาร 5 >>
..สิ่งที่ฆ่าบุคคลให้ตายจากคุณงามความดีหรือจากผลที่หมายอันประเสริฐ..
..สิ่งที่ล้างผลาญคุณงามความดี ตัวการที่กำจัดหรือขัดขวางบุคคลมิให้บรรลุผลสำเร็จอันดีงาม..

1.กิเลสมาร...
คือกิเลสเป็นมารเพราะเป็นตัวกำจัดและขัดขวางความดี ทำให้สัตว์ประสบความพินาศทั้งในปัจจุบันและอนาคต

2.ขันธมาร
มารคือเบญขันธ์ ขันธ์5เป็นมาร เพราะเป็นสภาพอันปัจจัยปรุงแต่ง มีความขัดแย้งกันเองอยู่ภายใน
ไม่มั่นคงทนทาน เป็นภาระในการบริหาร ทั้งแปรปรวนเสื่อมโทรมไปเพราะชราพยาธิเป็นต้น ล้วนรอโอกาสมิให้บุคคลทำกิจหน้าที่หรือบำเพ็ญคุณความดีได้เต็มปรารถนาอย่างแรง อาจถึงกับพรากโอกาสนั้นอย่างสิ้นเชิง

3.อภิสังขารมาร
มารคืออภิสังขาร อภิสังขารเป็นมารเพราะเป็นตัวปรุงแต่งกรรม นำให้เกิดชาติ ชรา เป็นต้น ขัดขวางมิให้หลุดพ้นไปจากสังสารทุกข์

4.เทวปุตตมาร
มารคือเทพบุตร เทพยิ่งใหญ่ระดับสูงสุดแห่งชั้นกามาวจรตนหนึ่งชื่อว่ามาร เพราะเป็นนิมิตแห่งความขัดข้อง คอยขัดขวางเหนี่ยวรั้งบุคคลไว้ มิให้ล่วงพ้นจากแดนอำนาจครอบงำของตน โดยชักให้ห่วงพะวงในกามสุข
ไม่หาญเสียสละออกไปบำเพ็ญคุณความดีที่ยิ่งใหญ่ได้

5.มัจจุมาร
มารคือความตาย ความตายเป็นมาร เพราะเป็นตัวการตัดโอกาสที่จะก้าวหน้าต่อไปในคุณความดีทั้งหลาย

(วิสุทฺธิ.1/270;เถร.อ.2/24,383,441;วินย.ฎีกา1/481)
(พระพรหมคุณาภรณ์ ป.อ.ปยุตฺโต)
.......................................

กระผมเคยพบ...คนที่กรรมปรามาศพระรัตนตรัย...ที่อาการหนักๆ..อย่าง...พอเห็นพระปั๊ป...ความคิดไม่ดีก็โผล่ขึ้นปั๊ป..เลย...(คิดไม่ดีขนาดที่ว่าไม่กล้าพูดถึงมันอีก..ก็แล้วกัน) ทั้งๆที่ตัวเองก็ธรรมะธรรมโม..นะ...แต่ความคิดมันคิดเอง....ต้องสะกด...ลำบากมาก....จนถึงขนาดที่...อยากไปปฏิบัติธรรมก็ไปไม่ได้....

ต้องช่วยชักนำจิต..กันใหม่ขนานใหญ่เลย....ทุกวันนี้ก็พอไปวัดไปวาปฏิบัติธรรมได้บ้างแล้ว...แต่อาการก็ไม่ได้หายขาด....น่าสงสารมาก...มีเยอะนะ..คนที่ปฏิบัติเหมือนๆกันนี้แหละ...



เฮ้อ..ก็ตอนทำ..มันไม่รู้...เน๊าะ...ทำไงได้

คุนน้องก็เคยมีกรรมเช่นนี้ เพราะเจ้าตัวมานะเหมือนกัน ทุกวันนี้ถึงยังรับเศษกรรมนั้นอยู่ เพราะเคยผ่านมาก่อนเคยทุกข์มาก่อน คุนน้องไม่อยากให้ใครมาทุกข์แบบที่คุนน้องทุกข์ พูดจริงๆนะ คุนน้องมีกรรมกับพระภิกษุมาก(ในอดีตชาติ) ดีกว่าคนอื่นหน่อยที่ตอนทำกรรมนั้นบวชในพุทธศาสนาถ้าเป็นคนธรรมดาไปทำกรรมแบบนี้ กรรมจะหนักกว่าหลายเท่า ปฏิบัติธรรมไม่ได้ เพราะจิตจะคิดปรามาสพระรัตยตรัยตลอด เห็นวัดเห็นพระรึแม้แต่เห็นพระพุทธรูปจิตมันก็ปรามาสยิ่งคำหยาบรุนแรงยิ่งจิตตกกลัวบาปกลัวกรรม ถึงแม้จะขอขมาเพราะไม่ได้ตั้งใจ แต่รู้ไหมนั่นแหละกรรมไม่มีอะไรเกิดขึ้นเองโดยไม่มีสาเหตุ
(ที่คุนน้องโดนญาติพี่น้องพูดจาถากถางหยิบเรื่องไม่ดีของเรามาพูดให้เสียใจหรือแม้แต่เรื่องไม่ดีในอดีตของพ่อแม่เรา เคยพยายามทำตัวดีๆญาติๆจะได้พอใจ แต่พอทำผิดครั้งเดียวโดนอีก ทำให้มองย้อนไปว่า นี่มันอะไรกันความดีที่เราทำมาหลายครั้งมันลบล้างความผิดครั้งเดียวของเราไม่ได้เชียวหรือ) เคยบวชพระและเป็นคนชอบเพ่งโทษผู้อื่น สิ่งที่เราพูดมันก็เป็นความจริงนะไม่ได้โกหก แต่มันกลับกลายเป็นวิบากส่งผลได้ไง (จำได้ว่าเคยดูดวงจากวันเกิดเขาบอกให้ทำบุญโดยชำระหนี้สงฆ์ ตามวัดที่เป็นตู้บริจาค ตอนนั้นยังห้าวอยู่เลย ยังแอบงงฉันไปติดค้างอะไรพระสงฆ์ถึงต้องชำระหนี้สงฆ์)
ตอนสมัยเด็กพระสงฆ์เดินผ่านรู้สึกหงุดหงิดคันปากบอกไม่ถูก อาการอยากด่าคน (แต่หายแล้วนะดีใจ )
พอเรารู้สาเหตุ เลยตั้งสัจจะว่าจะไม่ทำกรรมนี้อีก
จะถือคติชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์ จะได้ไม่ไปเพ่งโทษใครอีก คนไทยสมัยนี้เป็นกันเยอะ คือเห็นพระสงฆ์ทำตัวเสื่อมผิดพระวินัย เอาเลยจับกลุ่มพูดซะสนุกปาก ถึงเขาจะทำผิด แต่ศีลจริยวัตรที่เค้าปฏิบัติทุกวัน มันก็สูงกว่าเรา ปุถุชนธรรมดาที่หาเช้ากินค่ำ ศีล5บริสุทธิ์เปล่ายังไม่รู้ตัว ไม่มีสิทไปว่ารึด่าท่านหรอกนะ เราเห็นความไม่ดีพวกเราก็ประนาม แต่ในความไม่ดี เค้าก็อาจจะเคยแฏิบัติดีมากและเหนือกว่าเรานะ ยกตัวอย่างพระเทวทัต พวกเราก็ไม่มีสิทไปว่าท่านถึงท่านจะทำไม่ดีกับพระพุทธเจ้า ถึงท่านจะต้องไปอบายภูมิเพื่อชดใช้กรรม แต่กรรมที่เคยบวชและปฏิบัติธรรมในพุทธศาสนา มีอานิสงค์มาก (ไม่งั้นพระพุทธองค์คงไม่บวชให้พระเทวทัต)อยากให้เฉยๆไว้กับเรื่องพระไม่ว่าจะรู้จะเห็นมาอย่างไร เราต้องรักษาใจให้เป็นปกติ อย่าได้ประมาท

หลวงพ่อพระฤาษีลิงดำ ครูบาอาจารย์หลายท่านก็ให้การรับรองว่าเป็นพระดี องค์หนึ่งควรแก่การกราบไหว้บูชา

555ท่านกบตลกร้ายจริงๆเลยนะ
เด่วจำสูตรนี้ไปใช้มั่ง