วันเวลาปัจจุบัน 27 ก.ค. 2025, 23:16  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 49 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ม.ค. 2015, 14:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พระพุทธองค์สอนเช่นนี้
Quote Tipitaka:
[๓๐๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ผู้ใดผู้หนึ่ง พึงเจริญสติปัฏฐานทั้ง ๔ นี้
อย่างนี้ ตลอด ๗ ปี เขาพึงหวังผล ๒ ประการอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ
พระอรหัตผลในปัจจุบัน ๑ หรือเมื่อยังมีอุปาทิเหลืออยู่ เป็นพระอนาคามี ๑ ๗ ปี
ยกไว้ ผู้ใดผู้หนึ่งพึงเจริญสติปัฏฐาน ๔ นี้ อย่างนี้ตลอด ๖ ปี ... ๕ ปี ... ๔ ปี ... ๓ ปี ...
๒ ปี ... ๑ ปี เขาพึงหวังผล ๒ ประการอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ พระอรหัตผลใน
ปัจจุบัน ๑ หรือเมื่อยังมีอุปาทิเหลืออยู่ เป็นพระอนาคามี ๑ ๑ ปียกไว้ ผู้ใดผู้
หนึ่ง พึงเจริญสติปัฏฐาน ๔ นี้ อย่างนี้ตลอด ๗ เดือน เขาพึงหวังผล ๒ ประการ
อย่างใดอย่างหนึ่ง คือ พระอรหัตผลในปัจจุบัน ๑ หรือเมื่อยังมีอุปาทิเหลืออยู่
เป็นพระอนาคามี ๑ ๗ เดือนยกไว้ ผู้ใดผู้หนึ่งเจริญสติปัฏฐานทั้ง ๔ นี้ อย่างนี้
ตลอด ๖ เดือน ... ๕ เดือน ... ๔ เดือน ... ๓ เดือน ... ๒ เดือน ... ๑ เดือน ... กึ่ง
เดือน เขาพึงหวังผล ๒ ประการอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ พระอรหัตผลในปัจจุบัน
๑ หรือเมื่อยังมีอุปาทิเหลืออยู่ เป็นพระอนาคามี ๑ กึ่งเดือนยกไว้ ผู้ใดผู้หนึ่ง
พึงเจริญสติปัฏฐาน ๔ นี้ อย่างนี้ตลอด ๗ วัน เขาพึงหวังผล ๒ ประการอย่างใด
อย่างหนึ่ง คือ พระอรหัตผลในปัจจุบัน ๑ หรือเมื่อยังมีอุปาทิเหลืออยู่ เป็น
พระอนาคามี ๑ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย หนทางนี้เป็นที่ไปอันเอก เพื่อความบริสุทธิ์ของเหล่า
สัตว์ เพื่อล่วงความโศกและปริเทวะ เพื่อความดับสูญแห่งทุกข์โทมนัส เพื่อ
บรรลุธรรมที่ถูกต้อง เพื่อทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน หนทางนี้ คือ สติปัฏฐาน ๔
ประการ ฉะนี้แล คำที่เรากล่าว ดังพรรณนามาฉะนี้ เราอาศัยเอกายนมรรคกล่าว
แล้ว พระผู้มีพระภาคตรัสพระพุทธพจน์นี้แล้ว ภิกษุเหล่านั้น ยินดี ชื่นชมภาษิต
ของพระผู้มีพระภาคแล้ว ฉะนี้แล ฯ


ลุงหมาน เขียน:
การศึกษาพระธรรมขอแนะนำควรเริ่มในห้องเรียนจะดีมาก
เพราะจะการเรียนเลื่อนระดับชั้นไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ชั้นจูฬตรี ถึง มหาเอก(อภิธรรมบัณฑิต)
ใช้เวลาเรียน ๗ ปีครึ่ง จบแล้วมีใบประกาศรับรองวุฒิการศึกษาเทียบกับชั้นปริญญาตรี
ของมหาจุฬาลงกรณ์มหาราชวิทยาลัย


การศึกษาธรรมไม่ใช่ที่จะเข้าใจแบบง่ายๆ อย่างเราท่านทั้งหลายเข้าใจกัน
ช่างสุขุมลุ่มเกินกว่าปัญญาที่เราจะรู้เองได้ ถ้ารู้จะเองได้ก็ต้องดูตัวอย่างพระพุทธเจ้าบำเพ็ญบารมี
มา ๔ อสงไขยแสนกัปป์จึงจะบรรลุธรรมได้ ฉะนั้นเราจะต้องอาศัยการเรียนรู้จากตำหรับตำราเป็นอย่างยิ่ง
การเรียนก็ใช่ว่าจะไปหาตำรามาอ่านเพื่อจะอ่านให้เข้าใจเพราะความสุขุมลุ่มลึกด้วยอรรถะและพยัญชนะ
ยากที่คนไม่ได้ศึกษามาบ้างแล้วอ่านเข้าใจได้

เหมือนคนทั่วไปไม่อาจเข้าใจความลึกซึ้งในข้อความในกฎหมาย ได้เท่ากับนักกฎหมาย
อย่าหมายเพียงหยิบมาอ่านแล้วจะเข้าใจในส่วนที่ลึกซึ้ง สภาวะที่แท้ของธรรมนั้นๆ เช่น ดิน น้ำไฟ ลม
สภาพธรรมเขาเป็นอย่างไร ดูเหมือนง่ายๆ ถ้าทุกคนอ่านแล้วเข้าใจได้ง่ายๆ ครูอาจารย์ก็หมดความจำเป็น

ขอถามสักนิดที่ว่าเข้าใจ
เช่น เราหยุดแล้ว แต่ท่านยังไม่หยุด,สิ่งใดเกิดแต่เหตุ ให้ดับที่เหตุนั้น
ช่วยอธิบายหน่อยว่าเข้าใจว่าอย่างไร เพื่อจะได้สนทนาธรรมกันต่อไป


อ้างคำพูด:
ใช้เวลาการเรียน ๗ ปีครึ่งหมายถึงว่าเราสอบผ่านตลอดจนจบชั้นมหาเอก
การเรียนเราก็ควรเลือกเวลาที่เหมาะสมหรือสะดวกกับเรา ถ้าวันธรรมดาจะเริ่มเรียน
ตั้งแต่ ๑๓.๐๐ น.ถึง ๑๖.๓๐ น. แถมมีรอบค่ำอีก แล้วแต่ทางสำนักเขาจะกำหนดขึ้น
ถ้าเป็นเสาร์อาทิตย์บางที่ก็มี ๓ รอบ คือ เช้า บ่าย ค่ำ เราสะดวกในช่วงไหนก็เลือกเรียนเอาเองได้
แต่สำหรับลุงเรียน ๑๓ ปี เพราะบ้านอยู่ไกลสถานที่เรียนการเดินทางไม่สะดวก

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ม.ค. 2015, 18:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


bbby เขียน:
คุณโสมเขียน

อ้างคำพูด:
คนไม่เห็นประโยชน์ของการเรียนพระอภิธรรมมีเยอะค่ะ
ก็คงเป็นธรรมดานะคะ

การศึกษาพระอภิธรรมตลอดจนถึงการศึกษาคัมภีร์ต่างๆนั้น ว่าด้วยเรื่องสภาวธรรมทั้งสิ้น
ด้วยอำนาจของสุตมยปัญญา จินตมยปัญญา อย่างน้อยความหนาแน่นของกิเลสก็ลดลง
และสามารถเข้าถึงสภาวะของปัญญาเมื่อเกิดความเข้าใจอย่างแท้จริง จะมีสภาวะปรากฏ


อย่าคิดว่าผู้อื่นไม่ปฏิบัติไม่ก้าวหน้า ครูอาจารย์พระอภิธรรมทุกท่านจิตใจงดงามเสียสละจริงๆ
ท่านก็มีความรู้ความเข้าใจทั้งปริยัติและการปฏิบัติค่ะ

ดิฉันอ่านลุงหมานตอบคำถามทุกคำถาม ลุงตอบชัดเจนและให้ความรู้แก่ผู้ถามได้ดีต่ะ
คนที่อ่านไม่เข้าใจบางคนก็คงว่าลุงพูดไม่ได้เรื่องเป็นธรรมดาค่ะลุง



อ่านที่คุุณโสมเขียน
สนใจค่ะ แต่ถ้าไม่ได้อยู่เมืองไทย จะมีโอกาสหรือปล่าวค่ะ
ขอคำแนะนำด้วยค่ะคุณโสมฯ :b1: :b8: :b41: :b55: :b49:


เรียนจากยูทูปได้ค่ะ. เริ่มต้นดูยูปชั้นจูฬตรีได้เลยค่ะสำหรับผู้ที่สนใจ
มีพระอาจารย์สอนหลายท่านค่ะ
และสอบถามในเรื่องที่ไม่เข้าใจกับลุงหมานได้ค่ะ

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ม.ค. 2015, 19:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณโสมเขียน

อ้างคำพูด:
อ้างคำพูด:
เรียนจากยูทูปได้ค่ะ. เริ่มต้นดูยูปชั้นจูฬตรีได้เลยค่ะสำหรับผู้ที่สนใจ
มีพระอาจารย์สอนหลายท่านค่ะ
และสอบถามในเรื่องที่ไม่เข้าใจกับลุงหมานได้ค่ะ



ขอบคุณค่ะคุณโสมฯ :b8: :b1: :b41: :b55: :b49:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ม.ค. 2015, 20:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


onion
รอ รอ รอละก็รอ ยังไม่มีใครติดต่อมาเลย :b7:
เอาไงดี :b20: :b20: คุณโสมแนะนำหน่อยค่ะ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ม.ค. 2015, 20:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
พระพุทธองค์สอนเช่นนี้
Quote Tipitaka:
[๓๐๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ผู้ใดผู้หนึ่ง พึงเจริญสติปัฏฐานทั้ง ๔ นี้
อย่างนี้ ตลอด ๗ ปี เขาพึงหวังผล ๒ ประการอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ
พระอรหัตผลในปัจจุบัน ๑ หรือเมื่อยังมีอุปาทิเหลืออยู่ เป็นพระอนาคามี ๑ ๗ ปี
ยกไว้ ผู้ใดผู้หนึ่งพึงเจริญสติปัฏฐาน ๔ นี้ อย่างนี้ตลอด ๖ ปี ... ๕ ปี ... ๔ ปี ... ๓ ปี ...
๒ ปี ... ๑ ปี เขาพึงหวังผล ๒ ประการอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ พระอรหัตผลใน
ปัจจุบัน ๑ หรือเมื่อยังมีอุปาทิเหลืออยู่ เป็นพระอนาคามี ๑ ๑ ปียกไว้ ผู้ใดผู้
หนึ่ง พึงเจริญสติปัฏฐาน ๔ นี้ อย่างนี้ตลอด ๗ เดือน เขาพึงหวังผล ๒ ประการ
อย่างใดอย่างหนึ่ง คือ พระอรหัตผลในปัจจุบัน ๑ หรือเมื่อยังมีอุปาทิเหลืออยู่
เป็นพระอนาคามี ๑ ๗ เดือนยกไว้ ผู้ใดผู้หนึ่งเจริญสติปัฏฐานทั้ง ๔ นี้ อย่างนี้
ตลอด ๖ เดือน ... ๕ เดือน ... ๔ เดือน ... ๓ เดือน ... ๒ เดือน ... ๑ เดือน ... กึ่ง
เดือน เขาพึงหวังผล ๒ ประการอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ พระอรหัตผลในปัจจุบัน
๑ หรือเมื่อยังมีอุปาทิเหลืออยู่ เป็นพระอนาคามี ๑ กึ่งเดือนยกไว้ ผู้ใดผู้หนึ่ง
พึงเจริญสติปัฏฐาน ๔ นี้ อย่างนี้ตลอด ๗ วัน เขาพึงหวังผล ๒ ประการอย่างใด
อย่างหนึ่ง คือ พระอรหัตผลในปัจจุบัน ๑ หรือเมื่อยังมีอุปาทิเหลืออยู่ เป็น
พระอนาคามี ๑ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย หนทางนี้เป็นที่ไปอันเอก เพื่อความบริสุทธิ์ของเหล่า
สัตว์ เพื่อล่วงความโศกและปริเทวะ เพื่อความดับสูญแห่งทุกข์โทมนัส เพื่อ
บรรลุธรรมที่ถูกต้อง เพื่อทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน หนทางนี้ คือ สติปัฏฐาน ๔
ประการ ฉะนี้แล คำที่เรากล่าว ดังพรรณนามาฉะนี้ เราอาศัยเอกายนมรรคกล่าว
แล้ว พระผู้มีพระภาคตรัสพระพุทธพจน์นี้แล้ว ภิกษุเหล่านั้น ยินดี ชื่นชมภาษิต
ของพระผู้มีพระภาคแล้ว ฉะนี้แล ฯ




อิอิ....ดูดีดี...ก็มีกำลังใจ :b13: :b13: :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ม.ค. 2015, 20:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


cry สุดยอดเลยอะค่ะคุณกบ
ไอเดียอ่านเริ่มต้น2บรรทัด เข้าใจยาก ทิ้งเลย :b9: ถ้าคุณกบไม่สะกิด ความตั้งใจก็ไม่มา :b20:
เข้าใจก็ไม่ยากจริงๆค่ะ แต่ใช่เลย กำลังใจ ความสงสัย..คลาย จะอะไร..ทำไมอีก(ปล.คลายแบบพักๆ :b9: )
ขอบคุณค่ะ :b8:
:b41: :b41: :b41:

คุณเช่นนั้น
ไปต่อ..ได้แล้วค่ะ :b27: :b27:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ม.ค. 2015, 21:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b17: :b17: :b17:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ม.ค. 2015, 07:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
พระพุทธองค์สอนเช่นนี้
Quote Tipitaka:
[๓๐๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ผู้ใดผู้หนึ่ง พึงเจริญสติปัฏฐานทั้ง ๔ นี้
อย่างนี้ ตลอด ๗ ปี เขาพึงหวังผล ๒ ประการอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ
พระอรหัตผลในปัจจุบัน ๑ หรือเมื่อยังมีอุปาทิเหลืออยู่ เป็นพระอนาคามี ๑ ๗ ปี
ยกไว้ ผู้ใดผู้หนึ่งพึงเจริญสติปัฏฐาน ๔ นี้ อย่างนี้ตลอด ๖ ปี ... ๕ ปี ... ๔ ปี ... ๓ ปี ...
๒ ปี ... ๑ ปี เขาพึงหวังผล ๒ ประการอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ พระอรหัตผลใน
ปัจจุบัน ๑ หรือเมื่อยังมีอุปาทิเหลืออยู่ เป็นพระอนาคามี ๑ ๑ ปียกไว้ ผู้ใดผู้
หนึ่ง พึงเจริญสติปัฏฐาน ๔ นี้ อย่างนี้ตลอด ๗ เดือน เขาพึงหวังผล ๒ ประการ
อย่างใดอย่างหนึ่ง คือ พระอรหัตผลในปัจจุบัน ๑ หรือเมื่อยังมีอุปาทิเหลืออยู่
เป็นพระอนาคามี ๑ ๗ เดือนยกไว้ ผู้ใดผู้หนึ่งเจริญสติปัฏฐานทั้ง ๔ นี้ อย่างนี้
ตลอด ๖ เดือน ... ๕ เดือน ... ๔ เดือน ... ๓ เดือน ... ๒ เดือน ... ๑ เดือน ... กึ่ง
เดือน เขาพึงหวังผล ๒ ประการอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ พระอรหัตผลในปัจจุบัน
๑ หรือเมื่อยังมีอุปาทิเหลืออยู่ เป็นพระอนาคามี ๑ กึ่งเดือนยกไว้ ผู้ใดผู้หนึ่ง
พึงเจริญสติปัฏฐาน ๔ นี้ อย่างนี้ตลอด ๗ วัน เขาพึงหวังผล ๒ ประการอย่างใด
อย่างหนึ่ง คือ พระอรหัตผลในปัจจุบัน ๑ หรือเมื่อยังมีอุปาทิเหลืออยู่ เป็น
พระอนาคามี ๑ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย หนทางนี้เป็นที่ไปอันเอก เพื่อความบริสุทธิ์ของเหล่า
สัตว์ เพื่อล่วงความโศกและปริเทวะ เพื่อความดับสูญแห่งทุกข์โทมนัส เพื่อ
บรรลุธรรมที่ถูกต้อง เพื่อทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน หนทางนี้ คือ สติปัฏฐาน ๔
ประการ ฉะนี้แล คำที่เรากล่าว ดังพรรณนามาฉะนี้ เราอาศัยเอกายนมรรคกล่าว
แล้ว พระผู้มีพระภาคตรัสพระพุทธพจน์นี้แล้ว ภิกษุเหล่านั้น ยินดี ชื่นชมภาษิต
ของพระผู้มีพระภาคแล้ว ฉะนี้แล ฯ




อิอิ....ดูดีดี...ก็มีกำลังใจ :b13: :b13: :b13:


ถ้าเป็นผู้ที่ได้รูปฌาน อรูปฌาน หวังได้เลยค่ะ
เพราะผู้ที่จะสามารถบรรลุได้นั้นต้องเป็นผู้ที่ปฏิสนธิประกอบด้วยปัญญาและองค์ประกอบอื่นๆด้วยในขณะนี้
พิสูจน์ได้ด้วยการทำฌานดูค่ะ และขั้นวิปัสสนาเคยได้ญาณที่ระดับสูงๆมาก่อนหรือไม่ในชาตินี้
ต้องได้ญาณนะคะ ไม่ใช่แค่มีโอกาสได้เห็นแต่ยังไม่สามารถได้ค่ะ

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ม.ค. 2015, 07:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


idea เขียน:
onion
รอ รอ รอละก็รอ ยังไม่มีใครติดต่อมาเลย :b7:
เอาไงดี :b20: :b20: คุณโสมแนะนำหน่อยค่ะ :b8:



ทองสุข ทองกระจ่าง
30 ธันวาคม 2014 เวลา 12:56 น.
ทำงานส่งท้ายปี 227 จ้า -ใครอยากเรียนพระอภิธรรมทางไปรษณีย์ รีบเขียนฃื่อ(นาย นาง นส.) สกุล- ทีอ่ยู่ อายุ อาชีพ เบอร์โทร. ไว้ที่กล่องสนทนา -หลักสูตรใหม่เปิดแล้วจ้า.... พระวินัยทางไปรษณีย์ เนื้อหาสาระที่จะทำให้ท่านอ่านแล้วไม่อยากวาง อ่านแล้วจะทำให้เรามีศรัทธาในการศึกษาพระไตรปิฎกอย่างมาก สนใจรีบสมัครด่วนเลย รีบเขียนฃื่อ(นาย นาง นส.) สกุล- ทีอ่ยู่ อายุ อาชีพ เบอร์โทร. ไว้ที่กล่องสนทนา



เข้าไปที่เฟสบุคอาจารย์แม่ชีทองสุขได้เลย ท่านใจดีมากๆค่ะ
แต่ตอนนี้ท่านไม่อยู่ค่ะhttps://www.facebook.com/dhamma360
ชื่อเฟสของท่านเกี่ยวกับการเรียนโดยตรงค่ะ

พระอภิธรรมทางไปรษณีย์ อาจารย์ทองสุข ทองกระจ่าง
ชุมชน


แต่เข้าไปคุยสอบถามรายละเอียดท่านได้ที่เฟสนี้ก็ได้ค่ะ
ทองสุข ทองกระจ่าง
ชื่อเฟสเป็นชื่อของท่านเลยค่ะ ท่านจะกลับสิ้นเดือนนี้วันที่ 31 มกราคมค่ะ


ระหว่างนี้ก็ดูยูปไปก่อนก็ดีค่ะ แต่เรียนทางไปรษณีย์นี้จะไม่เข้มข้นเท่าเรียนในห้องเรียนค่ะ
เรียนในห้องเรียนตามหลักสูตร 9 ชั้นจบ7ปีครึ่ง เนื้อหาจะลึกซึ้งเข้มข้นมากค่ะ
ถ้าเรียนทางไปรษณีย์แล้วมาต่อยอดเอาเองโดยดูยูทูป หรือดูควบคู่ไปกับการเรียนทางไปรษณีย์ก็ดีมากๆ

การเรียนนั้นเราจะท่องให้ได้ก่อนโดยที่ไม่เข้าใจแต่มีความจำในเนื้อหาแล้ว พอมาฟังเรื่องต่างๆจะเกิดความเข้าใจได้ง่ายและทำให้เรื่องที่จำได้เกืดความเข้าใจ. หรือจะมีความเข้าใจในเนื้อหาแล้วท่องก็ได้ค่ะ
แล้วแต่ความถนัดและสมควรทำในแต่ละเนื้อหาในช่วงทึ่เรียนค่ะ


เกิดมาได้เรียนพระปัญญาพระพุทธเจ้าเป็นเรื่องที่น่ายินดีนะคะ
พระมหาโมคคัลลานะได้กล่าวชื่นชมพระอภิธรรมไว้ในมหาโคสิงคสาลสูตร

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ม.ค. 2015, 08:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


bbby เขียน:
คุณโสมเขียน

อ้างคำพูด:
อ้างคำพูด:
เรียนจากยูทูปได้ค่ะ. เริ่มต้นดูยูปชั้นจูฬตรีได้เลยค่ะสำหรับผู้ที่สนใจ
มีพระอาจารย์สอนหลายท่านค่ะ
และสอบถามในเรื่องที่ไม่เข้าใจกับลุงหมานได้ค่ะ



ขอบคุณค่ะคุณโสมฯ :b8: :b1: :b41: :b55: :b49:


พระอภิธรรมระยะสั้น พระมหาประนอม วัดจากแดง
ลองค้นหาดูในยูทูปดูค่ะ สัญญาณเนทที่บ้านแย่มากก๊อปลิงค์มาให้ไม่ได้ค่ะ

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ม.ค. 2015, 08:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
ขอบคุณค่ะ คุณโสม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ม.ค. 2015, 09:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


idea เขียน:
tongue
ขอบคุณค่ะ คุณโสม

:b8: ด้วยความยินดีค่ะทุกๆท่าน

การทำกุศลทุกสิ่งทุกอย่างขอให้มีอิทธิบาท4 ไว้ค่ะ

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ม.ค. 2015, 21:07 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


SOAMUSA เขียน:

ถ้าเป็นผู้ที่ได้รูปฌาน อรูปฌาน หวังได้เลยค่ะ
เพราะผู้ที่จะสามารถบรรลุได้นั้นต้องเป็นผู้ที่ปฏิสนธิประกอบด้วยปัญญาและองค์ประกอบอื่นๆด้วยในขณะนี้
พิสูจน์ได้ด้วยการทำฌานดูค่ะ และขั้นวิปัสสนาเคยได้ญาณที่ระดับสูงๆมาก่อนหรือไม่ในชาตินี้
ต้องได้ญาณนะคะ ไม่ใช่แค่มีโอกาสได้เห็นแต่ยังไม่สามารถได้ค่ะ


ผมอ่านก็งง..งง...
อาจเป็นเพราะ..ผมแบ่งวรรคแบ่งตอนนการอ่าน...ไม่ถูก..จึงสับสน

รู้แต่ว่า..ผู้บรรลุ..ต้องได้ฌาน..ได้ญาณ...อันนี้ OK ครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ม.ค. 2015, 16:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8586


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
SOAMUSA เขียน:

ถ้าเป็นผู้ที่ได้รูปฌาน อรูปฌาน หวังได้เลยค่ะ
เพราะผู้ที่จะสามารถบรรลุได้นั้นต้องเป็นผู้ที่ปฏิสนธิประกอบด้วยปัญญาและองค์ประกอบอื่นๆด้วยในขณะนี้
พิสูจน์ได้ด้วยการทำฌานดูค่ะ และขั้นวิปัสสนาเคยได้ญาณที่ระดับสูงๆมาก่อนหรือไม่ในชาตินี้
ต้องได้ญาณนะคะ ไม่ใช่แค่มีโอกาสได้เห็นแต่ยังไม่สามารถได้ค่ะ


ผมอ่านก็งง..งง...
อาจเป็นเพราะ..ผมแบ่งวรรคแบ่งตอนนการอ่าน...ไม่ถูก..จึงสับสน

รู้แต่ว่า..ผู้บรรลุ..ต้องได้ฌาน..ได้ญาณ...อันนี้ OK ครับ


ฌาน หนทางที่เดินมาเป็นสายสมถะ
ญาณ หนทางเป็นหนทางสายวิปัสสนา
บางท่านได้ทั้งสองอย่าง

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.พ. 2015, 11:35 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ม.ค. 2015, 21:55
โพสต์: 1240

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุย่อมเป็นผู้มีสติอย่างไร ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุ
ในธรรมวินัยนี้ ย่อมเป็นผู้มีปรกติเห็นกายในกายอยู่ มีความเพียรมีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัด
อภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย ย่อมเป็นผู้มีปรกติเห็นเวทนาในเวทนาอยู่ มีความเพียร มีสัม
ปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย ย่อมเป็นผู้มีปรกติเห็นจิตในจิตอยู่ มี
ความเพียร มีสัมปชัญญะมีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย ย่อมเป็นผู้มีปรกติเห็น
ธรรมในธรรมอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุย่อมเป็นผู้มีสติอย่างนี้แล ฯ
(สฬายตนวรรค สังยุตตนิกาย ๑๘/๒๒๔-๒๒๕/๓๗๕) ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุย่อมเป็นผู้มีสัมปชัญญะอย่างไร ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเป็นผู้มีปรกติทำความรู้สึกตัวในการก้าวไป ในการถอยกลับ ย่อมเป็น
ผู้มีปรกติทำความรู้สึกในการแล ในการเหลียวย่อมเป็นผู้มีปรกติทำความรู้สึกตัวในการคู้เข้า
เหยียดออก ย่อมเป็นผู้มีปรกติทำความรู้สึกตัวในการทรงผ้าสังฆาฏิ บาตร และจีวร ย่อมเป็น
ผู้มีปรกติทำความรู้สึกตัวในการกิน ดื่ม เคี้ยว ลิ้ม ย่อมเป็นผู้มีปรกติทำความรู้สึกตัวในการถ่าย
อุจจาระ ปัสสาวะ ย่อมเป็นผู้มีปรกติทำความรู้สึกตัวในการเดิน ยืน นั่ง หลับ ตื่น พูด
นิ่ง ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพึงเป็นผู้มีสติสัมปชัญญะ รอกาลเวลานี้เป็นคำเราสั่งสอนพวกเธอ ฯ
(สฬายตนวรรค สังยุตตนิกาย ๑๘/๒๒๕/๓๗๖)


การศึกษาธรรมะ คือ การศึกษาความรู้สึกในใจของเราเอง สังเกตใส่ใจจิต อยู่ตลอดเวลาเวลาร่างกายเราก้าว กำหนดก้าวหนอๆ การก้าวไปก็มีเกิด ดับ เวลาถอยกลับกำหนดถอยหนอๆ เวลาจะหลับ กำหนดจะหลับหนอๆ เวลาจะตื่น กำหนดจะตื่นหนอๆ ใครสังเกตตรงนี้ได้ อัจฉริยะบุคคลอยูตรงนี้แหละ.. เวลาจะคิดกำหนดจะคิดหนอๆ ทำบ่อยๆ ฝึกตลอดเวลา รู้ทันใจของตนเองตลอดเวลา..


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 49 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร