ตามในภาพที่ปรากฏอยู่ พระองค์แสดงธรรมจักรกัปปวัตตนสูตร
แก่ปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ พระอัญญาโกณฑัณญะ เป็นผู้บรรลุธรรมเป็นองค์แรก
แต่อยากทราบว่าพระอัญญาโกณฑัณญะนั่งตรงไหน คนที่เท่าใด? ถามเล่นๆ
ไม่ต้องจริงจังอะไรมาก อาจเป็นประโยชน์บ้างก็ได้เผื่อเป็นคนช่างสังเกต

องค์ที่แก่ที่สุด มีหนวดเคราขาวโพลนค่ะ นั่งตามลำดับอาวุโส นับจากทางด้านพระหัตถ์ขวาของพระพุทธเจ้า

ข้อมูลจากกูเกิ้ล

โกณฑัญญะ พราหมณ์ยังเป็นหนุ่ม ได้รับเชิญมาในงาน และท่านก็เป็นคนหนึ่งที่ได้รับเลือก โกณฑัญญะพราหมณ์เป็นผู้ที่มีอายุน้อยที่สุด ในบรรดาที่ได้รับการคัดเลือกทั้งหมด พราหมณ์ทั้ง ๗ คน เมื่อตรวจดูลักษณะของพระมหาบุรุษแล้วทำนายไว้เป็น ๒ ลักษณะ ดังนี้
๑. ถ้าอยู่ครองฆราวาสจักได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ
๒. ถ้าเสด็จออกทรงผนวชจักได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธ เจ้า เป็นศาสดาเอกของโลก


พระวัปปเถระ
พระวัปปเถระ เป็นบุตรพราหมณ์ในเมืองกบิลพัสดุ์ เมื่อคราวที่มหาบุรุษประสูติใหม่ พราหมณ์ผู้เป็นบิดาของท่านได้รับเชิญในการเลี้ยง โภชนาหารในพระราชพิธีทำนายพระลักษณะ ท่านได้เห็นพระลักษณะถูกต้องตามตำราลักษณพยากรณ์ศาสต ร์ของมหาบุรุษ จึงเกิดความเลื่อมใสและเคารพในพระองค์เป็นอันมาก มีความหวังว่าอยากจะเห็นพระองค์ตรัสรู้เป็นพระสัมมาส ัมพุทธเจ้า ในคราวที่ตนจะสิ้นชีวิตจึงได้สั่งสอนบุตรของตนไว้ว่า เมื่อพระมหาบุรุษเสด็จออกทรงผนวชเมื่อใด ให้ติดตามเสด็จเมื่อนั้น


พระภัททิยะ
พระภัททิยะ มีชาติภูมิอยู่ในเมืองกบิลพัสดุ์ เป็นบุตรของพราหมณ์คนหนึ่งในจำนวนพราหมณ์ ๑๐๘ ที่ได้รับเชิญเลี้ยงโภชนาหารในการทำนาย พระลักษณะของพระมหาบุรุษ

ในสมัย ที่ท่านยังเป็นหนุ่ม ได้ยินบิดาเล่าให้ฟังว่า พระมหาบุรุษมีพระลักษณะถูกต้องตามมหาบุรุษลักษณพยากร ณ์ศาสตร์ จึงเกิด ความเคารพและเลื่อมใสในพระองค์เป็นยิ่งนัก


พระมหามามเถระ
พระมหามามเถระ เกิดในสกุลพราหมณ์ กรุงกบิลพัสดุ์ พราหมณ์ผู้เป็นบิดาเล่าให้ฟังว่า พระมหาบุรุษมีลักษณะถูกต้องตาม ตำรา ลักษณพยากรณ์ ศาสตร์ เพราะเคยเห็นพระองค์ในครั้งที่ได้รับเชิญเลี้ยงโภชนา หารในพระราชพิธีทำนายพระลักษณะ


พระอัสสชิ
พระอัสสชิเป็นบุตรพราหมณ์มหาศาล ในกรุงกบิลพัสดุ์ เมื่อบิดาได้เห็นพระมหาบุรุษมีลักษณะถูกต้องตามตำราล ักษณพยา กรณ์ศาสตร์ ในคราวที่ได้รับเชิญเลี้ยงโภชนาหารในพระราชพิธีทำนาย พระลักษณ์ จึงได้บอกเล่าให้ท่านฟังและสั่งไว้ว่า บิดา ก็ชราแล้ว คงจะไม่ทันเห็นพระองค์ ถ้าพระมหาบุรุษเสด็จออกทรงผนวชเมื่อใดให้ออกบวชตามเสด็จเมื่อนั้น





คำตอบ จากภาพ คนที่มีผม หนวดเคราสีขาว ลักษณะของผู้ที่ดูมีอายุมากกว่าคนอื่นๆ
คือ พระอัญญาโกณฑัญญะ

หนวดเคราสีขาว..ครับ

สาธุครับ
เก่งๆกันทั้งนั้น เป็นคนที่ชั่งสังเกตุ
ขอเสริมเพิ่มความเห็นครับ ในขณะที่ให้เข้าทำนายลักษณะ
อัญญาโกณฑัญญะยังเป็นเด็กหนุ่ม พรามณ์อื่นนอายุมากแล้ว
พระโพธิสัตว์กว่าจะได้ตรัสรู้อายุ ๓๕ อัญญาโกณฑัญญะ ก็น่าจะอายุ ถึง ๕๕ - ๖๐ คงประมาณนั้น
พรามณ์ที่เหลือที่ทำนายพุทธลักษณะ ก็ย่อมสิ้นชีวิตไปกันหมดแล้ว ส่วนปัญจวัคคีย์อีก ๔ คือ
ลูกของพรามณ์ที่ทำนายพุทธลักษณะนั่นเอง

ขอบคุณทุกคนที่ช่วยกันวิเคราะห์
วลัยพรช่วยตอบชัดเจนดี

ถามต่ออีกหน่อยพระพุทธเจ้ามีอายุเท่าไหร่

ไม่มีใครรู้จริงๆเหรอว่า พระพุทธเจ้ามีอายุเท่าไหร่

คิดว่าถามเล่นๆ..ก็เพราะลุงหมานบอกใว้ก่อนแล้วนี้...

พระพุทธเจ้าออกบวชเมื่ออายุ เป็นตัวตั้ง
บวกด้วย
ระยะเวลาที่บำเพ็ญจนกระทั่งตรัสรู้
บวกด้วย
ระยะเวลาจากวันที่ตรัสรู้แล้วเดินทางไปถึงที่นั่น (ที่นั่งแสดงธรรม)

ก็น่าจะประมาณนั้นล่ะ



แบบว่า วิชาพุทธศาสนา เอกอนได้เกรด 1 น่ะ ...

เอกอนก็เลยไม่รู้คำตอบ จริง ๆ ง่ะ

ปัญจวัคคี ใครเป็นใครในภาพ ก็ยังไม่รู้เลย

ข้อมูลจากกูเกิ้ลค่ะ

วลัยพรไม่มีความรู้เกี่ยวกับพุทธประวัติและวันสำคัญต่างๆของพุทธศาสนา

สนใจแต่พระธรรมคำสอน ที่ทรงตรัสไว้เกี่ยวกับ
การทำความเพียรเพื่อละเหตุและปัจจัยของการเกิดมากกว่าค่ะ




" ถามต่ออีกหน่อยพระพุทธเจ้ามีอายุเท่าไหร่"

คำถามที่ลุงหมานนำมาถาม กูเกิ้ลก็มีคำตอบให้อยู่
แค่หาคำว่า พระพุทธเจ้าปรินิพพาน แล้วกี่ปี ก็เจอคำตอบแล้ว

ลุงหมานพอจะ "เฉลย" ได้ยัง

ว่า นึกไง อยู่ดี ๆ ลุงหมานก็ลุกขึ้นมาถามคำถามแบบนี้ล่ะ
แบบว่า คำถามที่ ค้นหาจากกูเกิ้ลมาตอบได้น่ะ

....





มันมีนัยยะอะไรแน่เลย ...

จะโยงไปเกี่ยวกับเรื่อง ความแตกแยกของศาสนารึเปล่านะ
ที่ว่า มีการแตกนิกาย เพราะความเห็นต่างกันน่ะ

คิดว่าทุกคนรู้แต่ไม่กล้าตอบ...เป็นลักษณะว่ากลัวตอบผิด แล้วอาย
เหมือนว่าสงสัยแต่ไม่กล้าถาม กลัวเขาว่าโง่ เราจึงโง่ไปโดยไม่รู้ตัว ผู้บรรลุธรรมระดับแรก
เขาละความเห็นผิด และความสงสัย (ทิฏฐิและวิจิกิจฉา) ดูตัวอย่างพระโสดาบัน
ความสงสัยเกิดขึ้น แล้วไม่ถามเพื่อให้สิ้นสงสัยมันก็จะเพิ่มพูลมากขึ้น จนเกิดเป็นความโง่
มันก็จะสะสมไปในภพต่อๆไปด้วย ดังจะเห็นว่าบางคนเกิดมาแล้วเป็นคนฉลาด
บางคนก็เกิดมาแล้วเป็นคนโง่ สัตว์บางตัวก็ฉลาด สัตว์บางตัวก็โง่ คนฉลาด สัตว์ฉลาด
จึงเป็นที่น่ารักของผู้พบเห็น .... อิอิ ว่าไปโน่น ! เข้าเรื่องพระพุทธเจ้าอายุเท่าไหร่ดีกว่า

คำถามคือเป็นคำถามอายุของพระพุทธเจ้า ไม่ได้ถามอายุใคร ?
ส่วนมากก็จะตอบว่าพระพุทธเจ้ามีอายุ ๘๐ กันแทบจะทั้งนั้น
ขอเฉลยว่า เจ้าชายสิทธัตถะอายุได้ ๒๙ ปีได้ออกบวช และบำเพ็ญเพียรอยู่ ๖ ปี
จึงได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าจริงไหม? รวมอายุของเจ้าชายสิทธัตถะได้ ๓๕ ปี อีก ๔๕ ปี
เป็นอายุของพระพุทธเจ้า จริงไหม? ตอนอายุ ๓๕ ปีนั้น ท่านยังไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้า
เป็นเพียงเจ้าชายสิทธัตถะจริงไหม?

ถ้าเป็นนักเรียนที่ได้เกรด 1 หรือ F ก็เพราะอ่านโจทย์แล้วตีโจทย์ไม่แตก
อ่านโจทย์แล้ว รู้คำเฉลยอย่าโกรธกันนะ

คิดจะเปลี่ยนพุทธประวัติเหรอลุงหมาน

ก็ในเมื่อพุทธประวัติ มีเขียนไว้ว่า เมื่อพระชนมายุ 35 พรรษา ทรงตรัสรู้
ซึ่งไม่มีเขียนวัน เดือน ปี พศ. จึงถือเอาว่า ขณะนั้นทรงมีพระชนมายุ 35 พรรษา


"อีก ๔๕ ปี เป็นอายุของพระพุทธเจ้า จริงไหม? "
ตอนอายุ ๓๕ ปีนั้น ท่านยังไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้า เป็นเพียงเจ้าชายสิทธัตถะจริงไหม?

จู่ๆลุงหมานจะมาตัดทอนอายุของพระผู้มีพระภาคเจ้า ช่วงอายุ 35 ปีทิ้ง ได้อย่างไร



พุทธประวัติ

เมื่อทรงตั้งอธิษฐานแล้ว พระองค์ก็ทรงสำรวมจิตให้สงบแน่วแน่ พระองค์เริ่มบำเพ็ญเพียรทางจิต และในที่สุดทรงชนะความลังเลพระทัย ทรงบรรลุความสำเร็จ เมื่อพระองค์ทรงรู้เห็นอย่างนี้ จิตก็พ้นจากกิเลสทั้งปวง พระองค์ก็ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อพระชนมายุ 35 พรรษา ในวันเพ็ญ เดือน ๖ ปีระกา ธรรมสูงส่งที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้นั้น คือ อริยสัจ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ และมรรค





ขณะมีพระชนมายุได้ 35 พรรษา ในวันที่พระองค์ตรัสรู้ นางสุชาดาได้ถวายข้าวมธุปายาส(หุงด้วยนม) ใต้ต้นไทร เมื่อเสวยเสร็จแล้วทรงลอยถาดทองในแม่น้ำเนรัญชรา ทรงอธิษฐานเสี่ยงพระบารมีว่า ...
“ถ้าอาตมาจะได้ตรัสแก่พระปรมาภิเษกสัมโพธิญาณแล้ว ขอให้ถาดนี้จงลอยทวนกระแสน้ำขึ้นไป ” ถาดทองนั้นลอยทวนกระแสน้ำขึ้นไป ๑ เส้น แล้วก็จมลงตรงนาคภพพิมานแห่งพญากาฬนาคราช พระองค์ทรงโสมนัสและแน่พระทัยว่าจะได้ตรัสรู้ เป็นพระสัพพัญญูสัมพุทธเจ้า โดยหาความสงสัยมิได้
- ในเวลาเย็นโสตถิยะให้ถวายหญ้าคา 8 กำมือ ปูลาดเป็นอาสนะ ณ โคนใต้ต้นโพธิ ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา (ปัจจุบันคือ ต.พุทธคยา ประเทศอินเดีย)
- ทรงตั้งพระทัยแน่วแน่ว่าจะบรรลุโพธิญาณ ประทับหันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก
- ทรงบรรลุรูปฌาณทั้ง 4 ชั้น แล้วใช้สติปัญญาพิจารณาจนเกิดความรู้แจ้ง คือ
1.) เวลาปฐมยาม ทรงได้ปุพเพนิวาสานุสติญาณ คือ ความรู้เป็นเหตุให้ระลึกชาติได้
2.) เวลามัชฌิมยาม ทรงได้จุตูปปาตญาณ(ทิพยจักษุญาณ)คือรู้เรื่องเกิด-ตายของสัตว์ทั้งหลายว่า เป็นไปตามกรรมที่ตนกระทำไว้
3.) เวลาปัจฉิมยาม ทรงได้ อาสวักขยญาณ คือ ความรู้ที่ทำให้สิ้นอาสวะหรือกิเลส หมายถึง ตรัสรู้อริยสัจ4
- อาสวักขยญาณ ที่ทรงได้ทำให้ทรงพิจารณาถึงขันธ์ 5 และใช่แห่งความเป็นเหตุที่ เรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท อันเป็นต้นทางให้เขาถึงอริยสัจ 4
- เมื่อพระองค์ทรงรู้เห็นแล้ว จึงละอุปาทานและตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


- หลังจากที่ตรัสรู้แล้ว ได้พิจารณาธรรมที่พระองค์ตรัสรู้เป็นเวลา 7 สัปดาห์ ทรงเห็นว่าพระธรรมที่พระองค์ทรงบรรลุนั้นมีความละเอียดอ่อน สุขุมคัมภีรภาพ ยากต่อบุคคลจะรู้ เข้าใจและปฏิบัติได้ ทรงเกิดความท้อพระทัยว่าจะไม่แสดงธรรมโปรดมหาชน ต่อมาท่านได้ทรงพิจารณาอย่างลึกซึ้ง แล้วทรงเห็นว่าบุคคลในโลกนี้มีหลายจำพวก บางพวกสอนได้ บางพวกสอนไม่ได้ เปรียบเสมือนบัว ๔ เหล่า ดังนั้นแล้วจึงดำริที่จะแสดงธรรมเพื่อมวลมนุษยชาติต่อไป

แว๊กกกก...ลุงหมานร้ายจริง ๆ ...

วันเกิด...วันตรัสรู้....วันปรินิพพาน...เป็นวันเดียวกัน..ใช่มั้ย?

เรานับอายุ...นับเอาวันปีใหม่..หรือว่า..นับวันที่เราเกิด...?

ถ้านับเอาวันปีใหม่...ไม่รู้สมัยนั้นเอาวันไหนเป็นวันปีใหม่...แต่เอาเป็นว่าเดือน 1 เป็นเดือนแรกของปี ..เดือนวิสาขะ...เป็นวันเพ็ญเดือน 3....อายุของเจ้าชายสิทธถะ..ก็มีอายุ 35 ย่าง 36...ความเป็นพระพุทธเจ้า..ก็ที่อายุ...35 ย่าง 36..

ถ้านับเอาวันที่เกิด....อายุเจ้าชายสิทธถะ..ก็มีอายุ34 ปี 11 เดือน 29 วัน...ส่วนความเป็นพระพุทธเจ้าก็เริ่มที่อายุ..35 ปี พอดี

จะเห็นว่า..ไม่ว่าจะนับแบบไหน....ความเป็นพระพุทธเจ้าก็ที่อายุ...35 ปี...อยู่ดี