วันเวลาปัจจุบัน 07 พ.ย. 2025, 00:42  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 77 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ส.ค. 2015, 21:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา.

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ส.ค. 2015, 21:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้อ..Sorry ตัดต่อ..นี้เอง

แล้วเป็นยังงัยละ...เลี้ยงชีพด้วยติรัจฉานคาถา

อ้างคำพูด:
ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์
ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา
เห็นปานนี้ คือ


อาการยังงัยนะ..เลี้ยงชีพ..นี้นะ

ในรัตนสูตร..พระอานนท์ทำเพื่อเลี้ยงชีพ....มั้ย?

พระพุทธเจ้าให้พระอานนท์ทำ..เพื่ออะไร...เพื่อเลี้ยงชีพ..มั้ย??


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ส.ค. 2015, 21:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ก็ต้องขอบคุณ Bigtoo อยู่เหมือนกัน..เพราะนำมาเอง

bigtoo เขียน:
https://m.youtube.com/watch?v=xZgLKVyO_fg


หากไม่นำมา....ก็คงไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้...

กบนอกกะลา เขียน:
ผมชอบพระสูตรนี้นะ..มีครบ..ตั้งแต่ต้นจนจบกิจ

เอามาเฉพาะมหาศีล...

อ้างคำพูด:
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๙ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑
ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค


๓. อัมพัฏฐสูตร


มหาศีล

๑. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์
ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา
เห็นปานนี้ คือ
ทายอวัยวะ ทายนิมิต ทายอุปบาต ทำนายฝัน ทำนายลักษณะ ทำนายหนูกัดผ้า
ทำพิธีบูชาไฟ ทำพิธีเบิกแว่นเวียนเทียน ทำพิธีซัดรำบูชาไฟ ทำพิธีซัดข้าวสารบูชาไฟ ทำพิธี
เติมเนยบูชาไฟ ทำพิธีเสกเป่าบูชาไฟ ทำพลีกรรมด้วยโลหิต เป็นหมอดูอวัยวะ ดูลักษณะที่บ้าน
ดูลักษณะที่นา เป็นหมอปลุกเสก เป็นหมอผี เป็นหมอลงเลขยันต์คุ้มกันบ้านเรือน เป็นหมองู
เป็นหมอยาพิษ เป็นหมอแมลงป่อง เป็นหมอรักษาแผลหนูกัด เป็นหมอทายเสียงนก เป็นหมอ
ทายเสียงกา เป็นหมอทายอายุ เป็นหมอเสกกันลูกศร เป็นหมอทายเสียงสัตว์ แม้ข้อนี้ก็เป็น
ศีลของเธอประการหนึ่ง.


๒. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์
ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา
เห็นปานนี้ คือ
ทายลักษณะแก้วมณี ทายลักษณะไม้พลอง ทายลักษณะศาตรา ทายลักษณะดาบ
ทายลักษณะศร ทายลักษณะธนู ทายลักษณะอาวุธ ทายลักษณะสตรี ทายลักษณะบุรุษ ทายลักษณะ
กุมาร ทายลักษณะกุมารี ทายลักษณะทาส ทายลักษณะทาสี ทายลักษณะช้าง ทายลักษณะม้า
ทายลักษณะกระบือ ทายลักษณะโคอุสภะ ทายลักษณะโค ทายลักษณะแพะ ทายลักษณะแกะ
ทายลักษณะไก่ ทายลักษณะนกกระทา ทายลักษณะเหี้ย ทายลักษณะตุ่น ทายลักษณะเต่า
ทายลักษณะมฤค แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง
.

๓. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์
ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชาเห็น
ปานนี้ คือ
ดูฤกษ์ยาตราทัพว่า พระราชาจักยกออก พระราชาจักไม่ยกออก พระราชาภายในจัก
ยกเข้าประชิด พระราชาภายนอกจักถอย พระราชาภายนอกจักยกเข้าประชิด พระราชาภายในจัก
ถอย พระราชาภายในจักมีชัย พระราชาภายนอกจักปราชัย พระราชาภายนอกจักมีชัย พระราชา
ภายในจักปราชัย พระราชาองค์นี้จักมีชัย พระราชาองค์นี้จักปราชัย เพราะเหตุนี้ๆ แม้ข้อนี้ก็เป็น
ศีลของเธอประการหนึ่ง.


๔. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์
ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา
เห็นปานนี้ คือ
พยากรณ์ว่าจักมีจันทรคราส จักมีสุริยคราส จักมีนักษัตรคราส ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์
จักเดินถูกทาง ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์จักเดินผิดทาง ดาวนักษัตรจักเดินถูกทาง ดาวนักษัตรจัก
เดินผิดทาง จักมีอุกกาบาต จักมีดาวหาง จักมีแผ่นดินไหว จักมีฟ้าร้อง ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์
และดาวนักษัตรจักขึ้น ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์และดาวนักษัตรจักตก ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์และ
ดาวนักษัตรจักมัวหมอง ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์และดาวนักษัตรจักกระจ่าง จันทรคราสจักมีผลเป็น
อย่างนี้ สุริยคราสจักมีผลเป็นอย่างนี้ นักษัตรคราสจักมีผลเป็นอย่างนี้ ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์
เดินถูกทางจักมีผลเป็นอย่างนี้ ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์เดินผิดทางจักมีผลเป็นอย่างนี้ ดาวนักษัตร
เดินถูกทางจักมีผลเป็นอย่างนี้ ดาวนักษัตรเดินผิดทางจักมีผลเป็นอย่างนี้ มีอุกกาบาตจักมีผลเป็น
อย่างนี้ มีดาวหางจักมีผลเป็นอย่างนี้ แผ่นดินไหวจักมีผลเป็นอย่างนี้ ฟ้าร้องจักมีผลเป็นอย่างนี้
ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์และดาวนักษัตรขึ้นจักมีผลเป็นอย่างนี้ ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์และดาวนักษัตร
ตกจักมีผลเป็นอย่างนี้ ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์และดาวนักษัตรมัวหมองจักมีผลเป็นอย่างนี้ ดวงจันทร์
ดวงอาทิตย์และดาวนักษัตรกระจ่างจักมีผลเป็นอย่างนี้ แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง
.

๕. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์
ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา
เห็นปานนี้ คือ
พยากรณ์ว่า จักมีฝนดี จักมีฝนแล้ง จักมีภิกษาหาได้ง่าย จักมีภิกษาหาได้ยาก
จักมีความเกษม จักมีภัย จักเกิดโรค จักมีความสำราญหาโรคมิได้ หรือนับคะแนน คำนวณ
นับประมวลแต่งกาพย์โลกายตศาสตร์ แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.

๖. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์
ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา
เห็นปานนี้ คือ
ให้ฤกษ์อาวาหมงคล ฤกษ์วิวาหมงคล ดูฤกษ์เรียงหมอน ดูฤกษ์หย่าร้าง ดูฤกษ์
จ่ายทรัพย์ ดูโชคดี ดูเคราะห์ร้าย ให้ยาผดุงครรภ์ ร่ายมนต์ให้ลิ้นกระด้าง ร่ายมนต์ให้คางแข็ง
ร่ายมนต์ให้มือสั่น ร่ายมนต์ไม่ให้หูได้ยินเสียง เป็นหมอทรงกระจก เป็นหมอทรงหญิงสาว
เป็นหมอทรงเจ้าบวงสรวงพระอาทิตย์ บวงสรวงท้าวมหาพรหม ร่ายมนต์พ่นไฟ ทำพิธีเชิญขวัญ
แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.

๗. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์
ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา
เห็นปานนี้
คือ ทำพิธีบนบาน ทำพิธีแก้บน ร่ายมนต์ขับผี สอนมนต์ป้องกันบ้านเรือน ทำกะเทย
ให้กลับเป็นชาย ทำชายให้กลายเป็นกะเทย ทำพิธีปลูกเรือน ทำพิธีบวงสรวงพื้นที่ พ่นน้ำมนต์
รดน้ำมนต์ ทำพิธีบูชาไฟ ปรุงยาสำรอก ปรุงยาถ่ายโทษเบื้องบน ปรุงยาถ่ายโทษเบื้องล่าง ปรุงยา
แก้ปวดศีรษะ หุงน้ำมันหยอดหู ปรุงยาตา ปรุงยานัตถุ์ ปรุงยาทากัด ปรุงยาทาสมาน ป้ายยาตา
ทำการผ่าตัด รักษาเด็ก ใส่ยา ชะแผล แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.

ดูกรอัมพัฏฐะ ภิกษุสมบูรณ์ด้วยศีลอย่างนี้ ย่อมไม่ประสบภัยแต่ไหนๆ เพราะศีลสังวร
นั้น เปรียบเหมือนกษัตริย์ผู้ได้มุรธาภิเษกกำจัดราชศัตรูได้แล้วย่อมไม่ประสบภัยแต่ไหนๆ เพราะ
ราชศัตรูนั้น ดูกรอัมพัฏฐะ ภิกษุก็ฉันนั้นสมบูรณ์ด้วยศีลอย่างนี้แล้ว ย่อมไม่ประสบภัยแต่ไหนๆ
เพราะศีลสังวรนั้น ภิกษุสมบูรณ์ด้วยอริยศีลขันธ์นี้ ย่อมได้เสวยสุขอันปราศจากโทษในภายใน
ดูกรอัมพัฏฐะ ด้วยประการดังกล่าวมานี้แล ภิกษุชื่อว่า เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยศีล
จบมหาศีล.




หากผู้มาอ่านทีหลัง...อ่านแล้ว...ย่อมได้ประโยชน์

Bigtoo ก็ไม่ถือว่า..มีความผิด...เพราะไม่รู้
เหมือน ๆ...ต้นอาบัติ...งัยก็ไม่รู้... :b32: :b32: :b32:

..แต่หลังจากอ่านแล้ว...ยังคิดพูดทำ...เอาแต่เพ่งโทษโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ...เหมือนเดิมอยู่...ทีนี้ละ..ผิดเต็ม ๆ :b22:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ส.ค. 2015, 22:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
Rosarin เขียน:
wink
:b20:
อนุโมทนากับพระไตรปิฎกที่ท่านกบเอามาโสต์ค่ะ :b8:
การจะคิดอะไรก็ตามให้นึกถึงประโยชน์แก่ส่วนรวม
อย่างการที่ภิกษุผู้มิได้ประกอบอาชีพสิ่งที่ไม่ควรทำคือ
การทำน้ำพุทธมนต์เพื่อสร้างชื่อเสียงแก่ส่วนตัวแต่ถ้าทำ
เพื่อส่วนรวมพระพุทธเจ้ามิได้ห้ามแต่ประการใด ด้วยเหตุที่
มีภัยพิบัติเกิดแก่ส่วนรวมจึงอนุญาตให้ทำน้ำพุทธมนต์ปัดเสนียด
คงต้องคิดเหตุผลบนความเป็นทางสายกลางที่เป็นคุณและไม่มีโทษเลย
ต่อภิกษุในธรรมวินัยโดยการทำเพื่อสงเคราะห์/อนุเคราะห์แจกทานเป็นน้ำใจ
มิใช่ทำเพื่อโลภอยากได้ลาภสักการะโดยจิตที่รดได้ขอบคุณจิตที่รับได้นอบน้อม
เป็นความสบายใจทั้งผู้ให้และผู้รับอย่างนี้คือทางสายกลางที่รู้ว่าสิ่งที่ทำแล้วมีแต่คุณ
:b12:
:b44: :b44: :b44:


อนุโมทนาสาธุ..ครับ :b8: :b8: :b8:
มืดบอดทั้งคู่. เว้นขาด แม้นนี้ก็เป็นศิลของเธอ เข้าใจมั้ย

ตะเองนั่นแหละบอดทั้งตาเนื้อและตาใจ
มาจากภพภูมิอะไรน้าถึงได้มืดมิดปิดตา
มะล่ำมะเหลือโพดหลาย=เหลือเกินจริงๆ
:b32: :b32: :b32:

ต่อไป่นี่เป็นญาณญาท่านตางเหนือมาเน้อความว่า
บ่เคยพบบ่เคยพ้อบ่คึดว่าจะมีคนบ่ฮู้จักความปานนี่
จ่างมันเตอะปล่อยไป่ตามยถากรรมกะแล่วกั๋นเน้อ
:b12:
:b32: :b32:

มีแต่คำกล่าวหาแต่หาหลักธรรมมาโต้ตอบไม่ได้. ทำบุญก็หวังแต่สวรรค์เศร้าหมอง. อยากได้ตังค์ก็ท่องคาถา. อยากกราบพระก็วิ่งหาอรหันต์ทั้งๆก็ไม่รู้ว่าใครเป็นอรหันต์. มันคือมืดเด้อ. พระองค์บอกทำบุญก็ให้มีจิตละความตระหนี่.

การทำบุญสร้างบารมีต้องทำจิตใจให้บริสุทธิ์คือสุจริตใจ
การทำบุญที่มีอานิสงส์มากก็ต้องใจดีของดีคนดีจริงอะป่าว
เพราะเหตุใดผู้คนจึงแสวงหาเพื่อให้ทานกะผู้ที่มีศีลพิสุทธ์ล่ะ
ก็เขาอยากให้ทานของเขาปราศจากมลทินด้วยความเต็มใจจริงๆ
และที่ดีขึ้นไปอีกก็ทานนั้นให้แก่สมมุติสงฆ์ที่ดำรงธรรมวินัยเคร่งครัดนะ
ตรงทางพระนิพพานไงล่ะ ไม่คบไม่คุ้นไม่เสพจะรู้ข้อวัตรของบัณฑิตได้ไหม
การเขียนก็ไม่ได้โมเมเขียนอยู่บนหลักเหตุผลของการเข้าใจและเข้าวัดทำบุญ
จะวัดที่ไหนๆในโลกใบนี้ก็เข้าไปวัดจิตวัดใจตนไม่ใช่ดีแต่พูดแล้วทำไม่ได้นะทู่นะ
:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ส.ค. 2015, 04:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
Rosarin เขียน:
wink
:b20:
อนุโมทนากับพระไตรปิฎกที่ท่านกบเอามาโสต์ค่ะ :b8:
การจะคิดอะไรก็ตามให้นึกถึงประโยชน์แก่ส่วนรวม
อย่างการที่ภิกษุผู้มิได้ประกอบอาชีพสิ่งที่ไม่ควรทำคือ
การทำน้ำพุทธมนต์เพื่อสร้างชื่อเสียงแก่ส่วนตัวแต่ถ้าทำ
เพื่อส่วนรวมพระพุทธเจ้ามิได้ห้ามแต่ประการใด ด้วยเหตุที่
มีภัยพิบัติเกิดแก่ส่วนรวมจึงอนุญาตให้ทำน้ำพุทธมนต์ปัดเสนียด
คงต้องคิดเหตุผลบนความเป็นทางสายกลางที่เป็นคุณและไม่มีโทษเลย
ต่อภิกษุในธรรมวินัยโดยการทำเพื่อสงเคราะห์/อนุเคราะห์แจกทานเป็นน้ำใจ
มิใช่ทำเพื่อโลภอยากได้ลาภสักการะโดยจิตที่รดได้ขอบคุณจิตที่รับได้นอบน้อม
เป็นความสบายใจทั้งผู้ให้และผู้รับอย่างนี้คือทางสายกลางที่รู้ว่าสิ่งที่ทำแล้วมีแต่คุณ
:b12:
:b44: :b44: :b44:


อนุโมทนาสาธุ..ครับ :b8: :b8: :b8:
มืดบอดทั้งคู่. เว้นขาด แม้นนี้ก็เป็นศิลของเธอ เข้าใจมั้ย

ตะเองนั่นแหละบอดทั้งตาเนื้อและตาใจ
มาจากภพภูมิอะไรน้าถึงได้มืดมิดปิดตา
มะล่ำมะเหลือโพดหลาย=เหลือเกินจริงๆ
:b32: :b32: :b32:

ต่อไป่นี่เป็นญาณญาท่านตางเหนือมาเน้อความว่า
บ่เคยพบบ่เคยพ้อบ่คึดว่าจะมีคนบ่ฮู้จักความปานนี่
จ่างมันเตอะปล่อยไป่ตามยถากรรมกะแล่วกั๋นเน้อ
:b12:
:b32: :b32:

มีแต่คำกล่าวหาแต่หาหลักธรรมมาโต้ตอบไม่ได้. ทำบุญก็หวังแต่สวรรค์เศร้าหมอง. อยากได้ตังค์ก็ท่องคาถา. อยากกราบพระก็วิ่งหาอรหันต์ทั้งๆก็ไม่รู้ว่าใครเป็นอรหันต์. มันคือมืดเด้อ. พระองค์บอกทำบุญก็ให้มีจิตละความตระหนี่.

การทำบุญสร้างบารมีต้องทำจิตใจให้บริสุทธิ์คือสุจริตใจ
การทำบุญที่มีอานิสงส์มากก็ต้องใจดีของดีคนดีจริงอะป่าว
เพราะเหตุใดผู้คนจึงแสวงหาเพื่อให้ทานกะผู้ที่มีศีลพิสุทธ์ล่ะ
ก็เขาอยากให้ทานของเขาปราศจากมลทินด้วยความเต็มใจจริงๆ
และที่ดีขึ้นไปอีกก็ทานนั้นให้แก่สมมุติสงฆ์ที่ดำรงธรรมวินัยเคร่งครัดนะ
ตรงทางพระนิพพานไงล่ะ ไม่คบไม่คุ้นไม่เสพจะรู้ข้อวัตรของบัณฑิตได้ไหม
การเขียนก็ไม่ได้โมเมเขียนอยู่บนหลักเหตุผลของการเข้าใจและเข้าวัดทำบุญ
จะวัดที่ไหนๆในโลกใบนี้ก็เข้าไปวัดจิตวัดใจตนไม่ใช่ดีแต่พูดแล้วทำไม่ได้นะทู่นะ
:b32: :b32: :b32:
ไม่ผิดหรอกที่พูดมาน่ะสำหรับผู้ที่ยังต้องแสวงหาอยู่. แต่อย่ากล่าวว่าองค์นั้นคืออรหันต์มันผิดความจริง. การทำบุญที่ปราศจากการหวังผลนั้นอานิสงฆ์ย่อมได้มากกว่าคือการทำบุญที่มีจิตใจน้อมไปเพื่อละความตระหนี่. อันนี้คือการจะได้มาซึ่งผลใหญ่อนิสงส์ใหญ่ก้าวสู่ความเป็นอริยะ. พอเข้าใจมั้ย ถ้าท่านยังปราถนาผลบุญอยู่ก็ไม่ว่ากัน เพียงท่านน้อมใจไปบุญนี้เป็นสังฆทานท่านเองก็จะได้ผลมากมายมากกว่าต้องวิ่งดิ้นรนไปหาพระอรหันต์โดยที่ท่านเองก็ไม่ทราบได้. นั้นจะทำให้ท่านเกิดความหลง. แต่ถ้าท่านมีความเคารพในท่านใดท่านสามารถทำได้ทั้งนั้น แต่ย่อมไม่กล่าวว่าใครคือพระอรหันต์นะครับ. ผิดหลักการแก่ตนเองเพราะตนเองก็ไม่รู้จริง. นอกจากฟังตามๆกันมาหรือประเมิณเอาเอง

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ส.ค. 2015, 06:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


rolleyes
กบนอกกะลา เขียน:
ก็ต้องขอบคุณ Bigtoo อยู่เหมือนกัน..เพราะนำมาเอง

bigtoo เขียน:
https://m.youtube.com/watch?v=xZgLKVyO_fg


หากไม่นำมา....ก็คงไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้...

กบนอกกะลา เขียน:
ผมชอบพระสูตรนี้นะ..มีครบ..ตั้งแต่ต้นจนจบกิจ

เอามาเฉพาะมหาศีล...

อ้างคำพูด:
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๙ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑
ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค


๓. อัมพัฏฐสูตร


มหาศีล

๑. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่น
อย่างที่สมณพราหมณ์
ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา
เห็นปานนี้ คือ
ทายอวัยวะ ทายนิมิต ทายอุปบาต ทำนายฝัน ทำนายลักษณะ ทำนายหนูกัดผ้า
ทำพิธีบูชาไฟ ทำพิธีเบิกแว่นเวียนเทียน ทำพิธีซัดรำบูชาไฟ ทำพิธีซัดข้าวสารบูชาไฟ ทำพิธี
เติมเนยบูชาไฟ ทำพิธีเสกเป่าบูชาไฟ ทำพลีกรรมด้วยโลหิต เป็นหมอดูอวัยวะ ดูลักษณะที่บ้าน
ดูลักษณะที่นา เป็นหมอปลุกเสก เป็นหมอผี เป็นหมอลงเลขยันต์คุ้มกันบ้านเรือน เป็นหมองู
เป็นหมอยาพิษ เป็นหมอแมลงป่อง เป็นหมอรักษาแผลหนูกัด เป็นหมอทายเสียงนก เป็นหมอ
ทายเสียงกา เป็นหมอทายอายุ เป็นหมอเสกกันลูกศร เป็นหมอทายเสียงสัตว์ แม้ข้อนี้ก็เป็น
ศีลของเธอประการหนึ่ง.


๒. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์
ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา
เห็นปานนี้ คือ
ทายลักษณะแก้วมณี ทายลักษณะไม้พลอง ทายลักษณะศาตรา ทายลักษณะดาบ
ทายลักษณะศร ทายลักษณะธนู ทายลักษณะอาวุธ ทายลักษณะสตรี ทายลักษณะบุรุษ ทายลักษณะ
กุมาร ทายลักษณะกุมารี ทายลักษณะทาส ทายลักษณะทาสี ทายลักษณะช้าง ทายลักษณะม้า
ทายลักษณะกระบือ ทายลักษณะโคอุสภะ ทายลักษณะโค ทายลักษณะแพะ ทายลักษณะแกะ
ทายลักษณะไก่ ทายลักษณะนกกระทา ทายลักษณะเหี้ย ทายลักษณะตุ่น ทายลักษณะเต่า
ทายลักษณะมฤค แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง
.

๓. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์
ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชาเห็น
ปานนี้ คือ
ดูฤกษ์ยาตราทัพว่า พระราชาจักยกออก พระราชาจักไม่ยกออก พระราชาภายในจัก
ยกเข้าประชิด พระราชาภายนอกจักถอย พระราชาภายนอกจักยกเข้าประชิด พระราชาภายในจัก
ถอย พระราชาภายในจักมีชัย พระราชาภายนอกจักปราชัย พระราชาภายนอกจักมีชัย พระราชา
ภายในจักปราชัย พระราชาองค์นี้จักมีชัย พระราชาองค์นี้จักปราชัย เพราะเหตุนี้ๆ แม้ข้อนี้ก็เป็น
ศีลของเธอประการหนึ่ง.


๔. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์
ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา
เห็นปานนี้ คือ
พยากรณ์ว่าจักมีจันทรคราส จักมีสุริยคราส จักมีนักษัตรคราส ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์
จักเดินถูกทาง ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์จักเดินผิดทาง ดาวนักษัตรจักเดินถูกทาง ดาวนักษัตรจัก
เดินผิดทาง จักมีอุกกาบาต จักมีดาวหาง จักมีแผ่นดินไหว จักมีฟ้าร้อง ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์
และดาวนักษัตรจักขึ้น ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์และดาวนักษัตรจักตก ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์และ
ดาวนักษัตรจักมัวหมอง ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์และดาวนักษัตรจักกระจ่าง จันทรคราสจักมีผลเป็น
อย่างนี้ สุริยคราสจักมีผลเป็นอย่างนี้ นักษัตรคราสจักมีผลเป็นอย่างนี้ ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์
เดินถูกทางจักมีผลเป็นอย่างนี้ ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์เดินผิดทางจักมีผลเป็นอย่างนี้ ดาวนักษัตร
เดินถูกทางจักมีผลเป็นอย่างนี้ ดาวนักษัตรเดินผิดทางจักมีผลเป็นอย่างนี้ มีอุกกาบาตจักมีผลเป็น
อย่างนี้ มีดาวหางจักมีผลเป็นอย่างนี้ แผ่นดินไหวจักมีผลเป็นอย่างนี้ ฟ้าร้องจักมีผลเป็นอย่างนี้
ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์และดาวนักษัตรขึ้นจักมีผลเป็นอย่างนี้ ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์และดาวนักษัตร
ตกจักมีผลเป็นอย่างนี้ ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์และดาวนักษัตรมัวหมองจักมีผลเป็นอย่างนี้ ดวงจันทร์
ดวงอาทิตย์และดาวนักษัตรกระจ่างจักมีผลเป็นอย่างนี้ แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง
.

๕. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์
ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา
เห็นปานนี้ คือ
พยากรณ์ว่า จักมีฝนดี จักมีฝนแล้ง จักมีภิกษาหาได้ง่าย จักมีภิกษาหาได้ยาก
จักมีความเกษม จักมีภัย จักเกิดโรค จักมีความสำราญหาโรคมิได้ หรือนับคะแนน คำนวณ
นับประมวลแต่งกาพย์โลกายตศาสตร์ แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.

๖. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์
ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา
เห็นปานนี้ คือ
ให้ฤกษ์อาวาหมงคล ฤกษ์วิวาหมงคล ดูฤกษ์เรียงหมอน ดูฤกษ์หย่าร้าง ดูฤกษ์
จ่ายทรัพย์ ดูโชคดี ดูเคราะห์ร้าย ให้ยาผดุงครรภ์ ร่ายมนต์ให้ลิ้นกระด้าง ร่ายมนต์ให้คางแข็ง
ร่ายมนต์ให้มือสั่น ร่ายมนต์ไม่ให้หูได้ยินเสียง เป็นหมอทรงกระจก เป็นหมอทรงหญิงสาว
เป็นหมอทรงเจ้าบวงสรวงพระอาทิตย์ บวงสรวงท้าวมหาพรหม ร่ายมนต์พ่นไฟ ทำพิธีเชิญขวัญ
แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.

๗. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์
ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา
เห็นปานนี้
คือ ทำพิธีบนบาน ทำพิธีแก้บน ร่ายมนต์ขับผี สอนมนต์ป้องกันบ้านเรือน ทำกะเทย
ให้กลับเป็นชาย ทำชายให้กลายเป็นกะเทย ทำพิธีปลูกเรือน ทำพิธีบวงสรวงพื้นที่ พ่นน้ำมนต์
รดน้ำมนต์ ทำพิธีบูชาไฟ ปรุงยาสำรอก ปรุงยาถ่ายโทษเบื้องบน ปรุงยาถ่ายโทษเบื้องล่าง ปรุงยา
แก้ปวดศีรษะ หุงน้ำมันหยอดหู ปรุงยาตา ปรุงยานัตถุ์ ปรุงยาทากัด ปรุงยาทาสมาน ป้ายยาตา
ทำการผ่าตัด รักษาเด็ก ใส่ยา ชะแผล แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.

ดูกรอัมพัฏฐะ ภิกษุสมบูรณ์ด้วยศีลอย่างนี้ ย่อมไม่ประสบภัยแต่ไหนๆ เพราะศีลสังวร
นั้น เปรียบเหมือนกษัตริย์ผู้ได้มุรธาภิเษกกำจัดราชศัตรูได้แล้วย่อมไม่ประสบภัยแต่ไหนๆ เพราะ
ราชศัตรูนั้น ดูกรอัมพัฏฐะ ภิกษุก็ฉันนั้นสมบูรณ์ด้วยศีลอย่างนี้แล้ว ย่อมไม่ประสบภัยแต่ไหนๆ
เพราะศีลสังวรนั้น ภิกษุสมบูรณ์ด้วยอริยศีลขันธ์นี้ ย่อมได้เสวยสุขอันปราศจากโทษในภายใน
ดูกรอัมพัฏฐะ ด้วยประการดังกล่าวมานี้แล ภิกษุชื่อว่า เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยศีล
จบมหาศีล.




หากผู้มาอ่านทีหลัง...อ่านแล้ว...ย่อมได้ประโยชน์

Bigtoo ก็ไม่ถือว่า..มีความผิด...เพราะไม่รู้
เหมือน ๆ...ต้นอาบัติ...งัยก็ไม่รู้... :b32: :b32: :b32:

..แต่หลังจากอ่านแล้ว...ยังคิดพูดทำ...เอาแต่เพ่งโทษโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ...เหมือนเดิมอยู่...ทีนี้ละ..ผิดเต็ม ๆ :b22:


:b48: :b48: :b45: :b45: :b41: :b37: :b38: :b39: :b40:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ส.ค. 2015, 08:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
rolleyes
กบนอกกะลา เขียน:
ก็ต้องขอบคุณ Bigtoo อยู่เหมือนกัน..เพราะนำมาเอง

bigtoo เขียน:
https://m.youtube.com/watch?v=xZgLKVyO_fg


หากไม่นำมา....ก็คงไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้...

กบนอกกะลา เขียน:
ผมชอบพระสูตรนี้นะ..มีครบ..ตั้งแต่ต้นจนจบกิจ

เอามาเฉพาะมหาศีล...

อ้างคำพูด:
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๙ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑
ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค


๓. อัมพัฏฐสูตร


มหาศีล

๑. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่น
อย่างที่สมณพราหมณ์
ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา
เห็นปานนี้ คือ
ทายอวัยวะ ทายนิมิต ทายอุปบาต ทำนายฝัน ทำนายลักษณะ ทำนายหนูกัดผ้า
ทำพิธีบูชาไฟ ทำพิธีเบิกแว่นเวียนเทียน ทำพิธีซัดรำบูชาไฟ ทำพิธีซัดข้าวสารบูชาไฟ ทำพิธี
เติมเนยบูชาไฟ ทำพิธีเสกเป่าบูชาไฟ ทำพลีกรรมด้วยโลหิต เป็นหมอดูอวัยวะ ดูลักษณะที่บ้าน
ดูลักษณะที่นา เป็นหมอปลุกเสก เป็นหมอผี เป็นหมอลงเลขยันต์คุ้มกันบ้านเรือน เป็นหมองู
เป็นหมอยาพิษ เป็นหมอแมลงป่อง เป็นหมอรักษาแผลหนูกัด เป็นหมอทายเสียงนก เป็นหมอ
ทายเสียงกา เป็นหมอทายอายุ เป็นหมอเสกกันลูกศร เป็นหมอทายเสียงสัตว์ แม้ข้อนี้ก็เป็น
ศีลของเธอประการหนึ่ง.


๒. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์
ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา
เห็นปานนี้ คือ
ทายลักษณะแก้วมณี ทายลักษณะไม้พลอง ทายลักษณะศาตรา ทายลักษณะดาบ
ทายลักษณะศร ทายลักษณะธนู ทายลักษณะอาวุธ ทายลักษณะสตรี ทายลักษณะบุรุษ ทายลักษณะ
กุมาร ทายลักษณะกุมารี ทายลักษณะทาส ทายลักษณะทาสี ทายลักษณะช้าง ทายลักษณะม้า
ทายลักษณะกระบือ ทายลักษณะโคอุสภะ ทายลักษณะโค ทายลักษณะแพะ ทายลักษณะแกะ
ทายลักษณะไก่ ทายลักษณะนกกระทา ทายลักษณะเหี้ย ทายลักษณะตุ่น ทายลักษณะเต่า
ทายลักษณะมฤค แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง
.

๓. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์
ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชาเห็น
ปานนี้ คือ
ดูฤกษ์ยาตราทัพว่า พระราชาจักยกออก พระราชาจักไม่ยกออก พระราชาภายในจัก
ยกเข้าประชิด พระราชาภายนอกจักถอย พระราชาภายนอกจักยกเข้าประชิด พระราชาภายในจัก
ถอย พระราชาภายในจักมีชัย พระราชาภายนอกจักปราชัย พระราชาภายนอกจักมีชัย พระราชา
ภายในจักปราชัย พระราชาองค์นี้จักมีชัย พระราชาองค์นี้จักปราชัย เพราะเหตุนี้ๆ แม้ข้อนี้ก็เป็น
ศีลของเธอประการหนึ่ง.


๔. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์
ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา
เห็นปานนี้ คือ
พยากรณ์ว่าจักมีจันทรคราส จักมีสุริยคราส จักมีนักษัตรคราส ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์
จักเดินถูกทาง ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์จักเดินผิดทาง ดาวนักษัตรจักเดินถูกทาง ดาวนักษัตรจัก
เดินผิดทาง จักมีอุกกาบาต จักมีดาวหาง จักมีแผ่นดินไหว จักมีฟ้าร้อง ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์
และดาวนักษัตรจักขึ้น ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์และดาวนักษัตรจักตก ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์และ
ดาวนักษัตรจักมัวหมอง ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์และดาวนักษัตรจักกระจ่าง จันทรคราสจักมีผลเป็น
อย่างนี้ สุริยคราสจักมีผลเป็นอย่างนี้ นักษัตรคราสจักมีผลเป็นอย่างนี้ ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์
เดินถูกทางจักมีผลเป็นอย่างนี้ ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์เดินผิดทางจักมีผลเป็นอย่างนี้ ดาวนักษัตร
เดินถูกทางจักมีผลเป็นอย่างนี้ ดาวนักษัตรเดินผิดทางจักมีผลเป็นอย่างนี้ มีอุกกาบาตจักมีผลเป็น
อย่างนี้ มีดาวหางจักมีผลเป็นอย่างนี้ แผ่นดินไหวจักมีผลเป็นอย่างนี้ ฟ้าร้องจักมีผลเป็นอย่างนี้
ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์และดาวนักษัตรขึ้นจักมีผลเป็นอย่างนี้ ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์และดาวนักษัตร
ตกจักมีผลเป็นอย่างนี้ ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์และดาวนักษัตรมัวหมองจักมีผลเป็นอย่างนี้ ดวงจันทร์
ดวงอาทิตย์และดาวนักษัตรกระจ่างจักมีผลเป็นอย่างนี้ แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง
.

๕. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์
ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา
เห็นปานนี้ คือ
พยากรณ์ว่า จักมีฝนดี จักมีฝนแล้ง จักมีภิกษาหาได้ง่าย จักมีภิกษาหาได้ยาก
จักมีความเกษม จักมีภัย จักเกิดโรค จักมีความสำราญหาโรคมิได้ หรือนับคะแนน คำนวณ
นับประมวลแต่งกาพย์โลกายตศาสตร์ แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.

๖. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์
ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา
เห็นปานนี้ คือ
ให้ฤกษ์อาวาหมงคล ฤกษ์วิวาหมงคล ดูฤกษ์เรียงหมอน ดูฤกษ์หย่าร้าง ดูฤกษ์
จ่ายทรัพย์ ดูโชคดี ดูเคราะห์ร้าย ให้ยาผดุงครรภ์ ร่ายมนต์ให้ลิ้นกระด้าง ร่ายมนต์ให้คางแข็ง
ร่ายมนต์ให้มือสั่น ร่ายมนต์ไม่ให้หูได้ยินเสียง เป็นหมอทรงกระจก เป็นหมอทรงหญิงสาว
เป็นหมอทรงเจ้าบวงสรวงพระอาทิตย์ บวงสรวงท้าวมหาพรหม ร่ายมนต์พ่นไฟ ทำพิธีเชิญขวัญ
แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.

๗. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์
ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา
เห็นปานนี้
คือ ทำพิธีบนบาน ทำพิธีแก้บน ร่ายมนต์ขับผี สอนมนต์ป้องกันบ้านเรือน ทำกะเทย
ให้กลับเป็นชาย ทำชายให้กลายเป็นกะเทย ทำพิธีปลูกเรือน ทำพิธีบวงสรวงพื้นที่ พ่นน้ำมนต์
รดน้ำมนต์ ทำพิธีบูชาไฟ ปรุงยาสำรอก ปรุงยาถ่ายโทษเบื้องบน ปรุงยาถ่ายโทษเบื้องล่าง ปรุงยา
แก้ปวดศีรษะ หุงน้ำมันหยอดหู ปรุงยาตา ปรุงยานัตถุ์ ปรุงยาทากัด ปรุงยาทาสมาน ป้ายยาตา
ทำการผ่าตัด รักษาเด็ก ใส่ยา ชะแผล แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.

ดูกรอัมพัฏฐะ ภิกษุสมบูรณ์ด้วยศีลอย่างนี้ ย่อมไม่ประสบภัยแต่ไหนๆ เพราะศีลสังวร
นั้น เปรียบเหมือนกษัตริย์ผู้ได้มุรธาภิเษกกำจัดราชศัตรูได้แล้วย่อมไม่ประสบภัยแต่ไหนๆ เพราะ
ราชศัตรูนั้น ดูกรอัมพัฏฐะ ภิกษุก็ฉันนั้นสมบูรณ์ด้วยศีลอย่างนี้แล้ว ย่อมไม่ประสบภัยแต่ไหนๆ
เพราะศีลสังวรนั้น ภิกษุสมบูรณ์ด้วยอริยศีลขันธ์นี้ ย่อมได้เสวยสุขอันปราศจากโทษในภายใน
ดูกรอัมพัฏฐะ ด้วยประการดังกล่าวมานี้แล ภิกษุชื่อว่า เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยศีล
จบมหาศีล.




หากผู้มาอ่านทีหลัง...อ่านแล้ว...ย่อมได้ประโยชน์

Bigtoo ก็ไม่ถือว่า..มีความผิด...เพราะไม่รู้
เหมือน ๆ...ต้นอาบัติ...งัยก็ไม่รู้... :b32: :b32: :b32:

..แต่หลังจากอ่านแล้ว...ยังคิดพูดทำ...เอาแต่เพ่งโทษโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ...เหมือนเดิมอยู่...ทีนี้ละ..ผิดเต็ม ๆ :b22:


:b48: :b48: :b45: :b45: :b41: :b37: :b38: :b39: :b40:
๗. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์
ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา
เห็นปานนี้ คือ ทำพิธีบนบาน ทำพิธีแก้บน ร่ายมนต์ขับผี สอนมนต์ป้องกันบ้านเรือน ทำกะเทย
ให้กลับเป็นชาย ทำชายให้กลายเป็นกะเทย ทำพิธีปลูกเรือน ทำพิธีบวงสรวงพื้นที่ พ่นน้ำมนต์
รดน้ำมนต์ ทำพิธีบูชาไฟ ปรุงยาสำรอก ปรุงยาถ่ายโทษเบื้องบน ปรุงยาถ่ายโทษเบื้องล่าง ปรุงยา
แก้ปวดศีรษะ หุงน้ำมันหยอดหู ปรุงยาตา ปรุงยานัตถุ์ ปรุงยาทากัด ปรุงยาทาสมาน ป้ายยาตา
ทำการผ่าตัด รักษาเด็ก ใส่ยา ชะแผล แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.

กบเข้าใจเว้นขาดหรือเปล่า. ภิกษุเว้นขาด

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ส.ค. 2015, 08:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


แล้วเข้าใจคำว่า..เลี้ยงชีพ..รึเปล่าละ..

เลี้ยงชีพ...ด้วย..ติรัจฉานวิชา..นะ เข้าใจอะป้าว...

ทำไมไม่กล่าวเต็ม ๆ ละครับว่า..

...ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา ...

อย่า...กล่าวสั้น ๆ ตัดต่อจนเป็นนิสัย..ซิ :b34:

รึไม่ก็มุดกลับรังไป...ไปปรึกษาอาจารย์ใหม่ไป...รึไม่ก็ค้นคว้ามาดีดี...มีหลักวิชาการมีหลักฐานอ้างอิงให้ถูกต้อง...อย่างบัณฑิต..แล้วนำมาเสนอใหม่...

คนอ่าน..จะได้รับความรู้เพิ่ม...

น่าจะเก่งทางตำรา..นะ..เพราะมักพูดว่า..ควรกล่าวแต่คำตถาคต...
ก็ถ้าไม่อ่านหนังสือ...ก็จะกล่าวคำตถาคต..ถูกได้งัย..ว่ามั้ย?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ส.ค. 2015, 09:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
แล้วเข้าใจคำว่า..เลี้ยงชีพ..รึเปล่าละ..

เลี้ยงชีพ...ด้วย..ติรัจฉานวิชา..นะ เข้าใจอะป้าว...

ทำไมไม่กล่าวเต็ม ๆ ละครับว่า..

...ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา ...

อย่า...กล่าวสั้น ๆ ตัดต่อจนเป็นนิสัย..ซิ :b34:

รึไม่ก็มุดกลับรังไป...ไปปรึกษาอาจารย์ใหม่ไป...รึไม่ก็ค้นคว้ามาดีดี...มีหลักวิชาการมีหลักฐานอ้างอิงให้ถูกต้อง...อย่างบัณฑิต..แล้วนำมาเสนอใหม่...

คนอ่าน..จะได้รับความรู้เพิ่ม...

น่าจะเก่งทางตำรา..นะ..เพราะมักพูดว่า..ควรกล่าวแต่คำตถาคต...
ก็ถ้าไม่อ่านหนังสือ...ก็จะกล่าวคำตถาคต..ถูกได้งัย..ว่ามั้ย?

ยังๆๆๆอีก ก็ที่ทำอยู่นั้นแหล่ะมันผิดจึงถือว่าเลี้ยงชีพด้วเดรัชฉานวิชา. ถ้าไม่ทำเขาเรียกว่าเลี้ยงชีพโดยการขอทานเขา ฉลาดขึ้นหรือยัง

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ส.ค. 2015, 09:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
แล้วเข้าใจคำว่า..เลี้ยงชีพ..รึเปล่าละ..

เลี้ยงชีพ...ด้วย..ติรัจฉานวิชา..นะ เข้าใจอะป้าว...

ทำไมไม่กล่าวเต็ม ๆ ละครับว่า..

...ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา ...

อย่า...กล่าวสั้น ๆ ตัดต่อจนเป็นนิสัย..ซิ :b34:

รึไม่ก็มุดกลับรังไป...ไปปรึกษาอาจารย์ใหม่ไป...รึไม่ก็ค้นคว้ามาดีดี...มีหลักวิชาการมีหลักฐานอ้างอิงให้ถูกต้อง...อย่างบัณฑิต..แล้วนำมาเสนอใหม่...

คนอ่าน..จะได้รับความรู้เพิ่ม...

น่าจะเก่งทางตำรา..นะ..เพราะมักพูดว่า..ควรกล่าวแต่คำตถาคต...
ก็ถ้าไม่อ่านหนังสือ...ก็จะกล่าวคำตถาคต..ถูกได้งัย..ว่ามั้ย?


มันจบแล้วครับ..นาย..


รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ส.ค. 2015, 10:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
แล้วเข้าใจคำว่า..เลี้ยงชีพ..รึเปล่าละ..

เลี้ยงชีพ...ด้วย..ติรัจฉานวิชา..นะ เข้าใจอะป้าว...

ทำไมไม่กล่าวเต็ม ๆ ละครับว่า..

...ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา ...

อย่า...กล่าวสั้น ๆ ตัดต่อจนเป็นนิสัย..ซิ :b34:

รึไม่ก็มุดกลับรังไป...ไปปรึกษาอาจารย์ใหม่ไป...รึไม่ก็ค้นคว้ามาดีดี...มีหลักวิชาการมีหลักฐานอ้างอิงให้ถูกต้อง...อย่างบัณฑิต..แล้วนำมาเสนอใหม่...

คนอ่าน..จะได้รับความรู้เพิ่ม...

น่าจะเก่งทางตำรา..นะ..เพราะมักพูดว่า..ควรกล่าวแต่คำตถาคต...
ก็ถ้าไม่อ่านหนังสือ...ก็จะกล่าวคำตถาคต..ถูกได้งัย..ว่ามั้ย?


มันจบแล้วครับ..นาย..


รูปภาพ

กบเลิกท่องคาาถาแล้วเหรอ ดีใจด้วยนะ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


แก้ไขล่าสุดโดย bigtoo เมื่อ 16 ส.ค. 2015, 14:54, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ส.ค. 2015, 12:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b32:
ไปตั้งกระทูใหม่..ไป๊

จะได้คุยเป็นเรื่องเป็นราว..

อ้อ..มีแล้ว..นี้..กระทู้...

50680 ทำวัตรเช้า..วัตรเย็น มีประโยชน์มั้ย?
viewtopic.php?f=1&t=50680

ลืมไป....คนไม่สวดมนต์
:b34:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ส.ค. 2015, 12:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อย่าลืม..เข้าไปกระทู้นี้..ด้วยนะครับ

ตั้งให้วาดลวดลายโดยเฉพาะ..เลย

50700 ผู้ที่ติดอะไรอย่างละเอียด..เร่เข้ามาครับ

viewtopic.php?f=1&t=50700&p=376809#p376809


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ส.ค. 2015, 22:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
Rosarin เขียน:
wink
:b20:
อนุโมทนากับพระไตรปิฎกที่ท่านกบเอามาโสต์ค่ะ :b8:
การจะคิดอะไรก็ตามให้นึกถึงประโยชน์แก่ส่วนรวม
อย่างการที่ภิกษุผู้มิได้ประกอบอาชีพสิ่งที่ไม่ควรทำคือ
การทำน้ำพุทธมนต์เพื่อสร้างชื่อเสียงแก่ส่วนตัวแต่ถ้าทำ
เพื่อส่วนรวมพระพุทธเจ้ามิได้ห้ามแต่ประการใด ด้วยเหตุที่
มีภัยพิบัติเกิดแก่ส่วนรวมจึงอนุญาตให้ทำน้ำพุทธมนต์ปัดเสนียด
คงต้องคิดเหตุผลบนความเป็นทางสายกลางที่เป็นคุณและไม่มีโทษเลย
ต่อภิกษุในธรรมวินัยโดยการทำเพื่อสงเคราะห์/อนุเคราะห์แจกทานเป็นน้ำใจ
มิใช่ทำเพื่อโลภอยากได้ลาภสักการะโดยจิตที่รดได้ขอบคุณจิตที่รับได้นอบน้อม
เป็นความสบายใจทั้งผู้ให้และผู้รับอย่างนี้คือทางสายกลางที่รู้ว่าสิ่งที่ทำแล้วมีแต่คุณ
:b12:
:b44: :b44: :b44:


อนุโมทนาสาธุ..ครับ :b8: :b8: :b8:
มืดบอดทั้งคู่. เว้นขาด แม้นนี้ก็เป็นศิลของเธอ เข้าใจมั้ย

ตะเองนั่นแหละบอดทั้งตาเนื้อและตาใจ
มาจากภพภูมิอะไรน้าถึงได้มืดมิดปิดตา
มะล่ำมะเหลือโพดหลาย=เหลือเกินจริงๆ
:b32: :b32: :b32:

ต่อไป่นี่เป็นญาณญาท่านตางเหนือมาเน้อความว่า
บ่เคยพบบ่เคยพ้อบ่คึดว่าจะมีคนบ่ฮู้จักความปานนี่
จ่างมันเตอะปล่อยไป่ตามยถากรรมกะแล่วกั๋นเน้อ
:b12:
:b32: :b32:

มีแต่คำกล่าวหาแต่หาหลักธรรมมาโต้ตอบไม่ได้. ทำบุญก็หวังแต่สวรรค์เศร้าหมอง. อยากได้ตังค์ก็ท่องคาถา. อยากกราบพระก็วิ่งหาอรหันต์ทั้งๆก็ไม่รู้ว่าใครเป็นอรหันต์. มันคือมืดเด้อ. พระองค์บอกทำบุญก็ให้มีจิตละความตระหนี่.

การทำบุญสร้างบารมีต้องทำจิตใจให้บริสุทธิ์คือสุจริตใจ
การทำบุญที่มีอานิสงส์มากก็ต้องใจดีของดีคนดีจริงอะป่าว
เพราะเหตุใดผู้คนจึงแสวงหาเพื่อให้ทานกะผู้ที่มีศีลพิสุทธ์ล่ะ
ก็เขาอยากให้ทานของเขาปราศจากมลทินด้วยความเต็มใจจริงๆ
และที่ดีขึ้นไปอีกก็ทานนั้นให้แก่สมมุติสงฆ์ที่ดำรงธรรมวินัยเคร่งครัดนะ
ตรงทางพระนิพพานไงล่ะ ไม่คบไม่คุ้นไม่เสพจะรู้ข้อวัตรของบัณฑิตได้ไหม
การเขียนก็ไม่ได้โมเมเขียนอยู่บนหลักเหตุผลของการเข้าใจและเข้าวัดทำบุญ
จะวัดที่ไหนๆในโลกใบนี้ก็เข้าไปวัดจิตวัดใจตนไม่ใช่ดีแต่พูดแล้วทำไม่ได้นะทู่นะ
:b32: :b32: :b32:
ไม่ผิดหรอกที่พูดมาน่ะสำหรับผู้ที่ยังต้องแสวงหาอยู่. แต่อย่ากล่าวว่าองค์นั้นคืออรหันต์มันผิดความจริง. การทำบุญที่ปราศจากการหวังผลนั้นอานิสงฆ์ย่อมได้มากกว่าคือการทำบุญที่มีจิตใจน้อมไปเพื่อละความตระหนี่. อันนี้คือการจะได้มาซึ่งผลใหญ่อนิสงส์ใหญ่ก้าวสู่ความเป็นอริยะ. พอเข้าใจมั้ย ถ้าท่านยังปราถนาผลบุญอยู่ก็ไม่ว่ากัน เพียงท่านน้อมใจไปบุญนี้เป็นสังฆทานท่านเองก็จะได้ผลมากมายมากกว่าต้องวิ่งดิ้นรนไปหาพระอรหันต์โดยที่ท่านเองก็ไม่ทราบได้. นั้นจะทำให้ท่านเกิดความหลง. แต่ถ้าท่านมีความเคารพในท่านใดท่านสามารถทำได้ทั้งนั้น แต่ย่อมไม่กล่าวว่าใครคือพระอรหันต์นะครับ. ผิดหลักการแก่ตนเองเพราะตนเองก็ไม่รู้จริง. นอกจากฟังตามๆกันมาหรือประเมิณเอาเอง

แกงโฮะ คนไหนกินคนนั้นก็อิ่ม บุญคือความดี
นึกถึงทีไรไม่รู้จักอิ่ม ต้องเติมตลอดใส่กระปุกบุญ
ท่านผู้สิ้นกิเลสท่านเปิดให้ไหลออกเพื่อให้ไหลเข้านะ
แค่เปิดประตูใจให้มันกว้างขึ้น ความดีก็ไหลเข้าได้มากขึ้น
ดีกว่าคับแคบตีบตันบีบให้ไหลจากสายยางแรงๆเร็วได้ไม่นาน
ของเขาทำบุญกับผู้ทรงคุณธรรมระดับต้นน้ำไหลไม่ขาดสายนะ
:b16: :b16:
:b45:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ส.ค. 2015, 23:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
Rosarin เขียน:
wink
:b20:
อนุโมทนากับพระไตรปิฎกที่ท่านกบเอามาโสต์ค่ะ :b8:
การจะคิดอะไรก็ตามให้นึกถึงประโยชน์แก่ส่วนรวม
อย่างการที่ภิกษุผู้มิได้ประกอบอาชีพสิ่งที่ไม่ควรทำคือ
การทำน้ำพุทธมนต์เพื่อสร้างชื่อเสียงแก่ส่วนตัวแต่ถ้าทำ
เพื่อส่วนรวมพระพุทธเจ้ามิได้ห้ามแต่ประการใด ด้วยเหตุที่
มีภัยพิบัติเกิดแก่ส่วนรวมจึงอนุญาตให้ทำน้ำพุทธมนต์ปัดเสนียด
คงต้องคิดเหตุผลบนความเป็นทางสายกลางที่เป็นคุณและไม่มีโทษเลย
ต่อภิกษุในธรรมวินัยโดยการทำเพื่อสงเคราะห์/อนุเคราะห์แจกทานเป็นน้ำใจ
มิใช่ทำเพื่อโลภอยากได้ลาภสักการะโดยจิตที่รดได้ขอบคุณจิตที่รับได้นอบน้อม
เป็นความสบายใจทั้งผู้ให้และผู้รับอย่างนี้คือทางสายกลางที่รู้ว่าสิ่งที่ทำแล้วมีแต่คุณ
:b12:
:b44: :b44: :b44:


อนุโมทนาสาธุ..ครับ :b8: :b8: :b8:
มืดบอดทั้งคู่. เว้นขาด แม้นนี้ก็เป็นศิลของเธอ เข้าใจมั้ย

ตะเองนั่นแหละบอดทั้งตาเนื้อและตาใจ
มาจากภพภูมิอะไรน้าถึงได้มืดมิดปิดตา
มะล่ำมะเหลือโพดหลาย=เหลือเกินจริงๆ
:b32: :b32: :b32:

ต่อไป่นี่เป็นญาณญาท่านตางเหนือมาเน้อความว่า
บ่เคยพบบ่เคยพ้อบ่คึดว่าจะมีคนบ่ฮู้จักความปานนี่
จ่างมันเตอะปล่อยไป่ตามยถากรรมกะแล่วกั๋นเน้อ
:b12:
:b32: :b32:

มีแต่คำกล่าวหาแต่หาหลักธรรมมาโต้ตอบไม่ได้. ทำบุญก็หวังแต่สวรรค์เศร้าหมอง. อยากได้ตังค์ก็ท่องคาถา. อยากกราบพระก็วิ่งหาอรหันต์ทั้งๆก็ไม่รู้ว่าใครเป็นอรหันต์. มันคือมืดเด้อ. พระองค์บอกทำบุญก็ให้มีจิตละความตระหนี่.

การทำบุญสร้างบารมีต้องทำจิตใจให้บริสุทธิ์คือสุจริตใจ
การทำบุญที่มีอานิสงส์มากก็ต้องใจดีของดีคนดีจริงอะป่าว
เพราะเหตุใดผู้คนจึงแสวงหาเพื่อให้ทานกะผู้ที่มีศีลพิสุทธ์ล่ะ
ก็เขาอยากให้ทานของเขาปราศจากมลทินด้วยความเต็มใจจริงๆ
และที่ดีขึ้นไปอีกก็ทานนั้นให้แก่สมมุติสงฆ์ที่ดำรงธรรมวินัยเคร่งครัดนะ
ตรงทางพระนิพพานไงล่ะ ไม่คบไม่คุ้นไม่เสพจะรู้ข้อวัตรของบัณฑิตได้ไหม
การเขียนก็ไม่ได้โมเมเขียนอยู่บนหลักเหตุผลของการเข้าใจและเข้าวัดทำบุญ
จะวัดที่ไหนๆในโลกใบนี้ก็เข้าไปวัดจิตวัดใจตนไม่ใช่ดีแต่พูดแล้วทำไม่ได้นะทู่นะ
:b32: :b32: :b32:
ไม่ผิดหรอกที่พูดมาน่ะสำหรับผู้ที่ยังต้องแสวงหาอยู่. แต่อย่ากล่าวว่าองค์นั้นคืออรหันต์มันผิดความจริง. การทำบุญที่ปราศจากการหวังผลนั้นอานิสงฆ์ย่อมได้มากกว่าคือการทำบุญที่มีจิตใจน้อมไปเพื่อละความตระหนี่. อันนี้คือการจะได้มาซึ่งผลใหญ่อนิสงส์ใหญ่ก้าวสู่ความเป็นอริยะ. พอเข้าใจมั้ย ถ้าท่านยังปราถนาผลบุญอยู่ก็ไม่ว่ากัน เพียงท่านน้อมใจไปบุญนี้เป็นสังฆทานท่านเองก็จะได้ผลมากมายมากกว่าต้องวิ่งดิ้นรนไปหาพระอรหันต์โดยที่ท่านเองก็ไม่ทราบได้. นั้นจะทำให้ท่านเกิดความหลง. แต่ถ้าท่านมีความเคารพในท่านใดท่านสามารถทำได้ทั้งนั้น แต่ย่อมไม่กล่าวว่าใครคือพระอรหันต์นะครับ. ผิดหลักการแก่ตนเองเพราะตนเองก็ไม่รู้จริง. นอกจากฟังตามๆกันมาหรือประเมิณเอาเอง

แกงโฮะ คนไหนกินคนนั้นก็อิ่ม บุญคือความดี
นึกถึงทีไรไม่รู้จักอิ่ม ต้องเติมตลอดใส่กระปุกบุญ
ท่านผู้สิ้นกิเลสท่านเปิดให้ไหลออกเพื่อให้ไหลเข้านะ
แค่เปิดประตูใจให้มันกว้างขึ้น ความดีก็ไหลเข้าได้มากขึ้น
ดีกว่าคับแคบตีบตันบีบให้ไหลจากสายยางแรงๆเร็วได้ไม่นาน
ของเขาทำบุญกับผู้ทรงคุณธรรมระดับต้นน้ำไหลไม่ขาดสายนะ
:b16: :b16:
:b45:
เขาทำทานเพื่อให้มีจิตตั้งไว้เพื่อความละตระหนี่. รักษาศิลเพื่อเป็นผู้วิรัตทุจริต ภาวนาก็เพื่อเกิดปัญญาเพื่อการหลุดพ้น. ถ้าทำบุญแล้วร้องไห้ก็เศร้าหมองนะ มันเกิดดับอย่ายึดๆๆๆ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 77 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร