วันเวลาปัจจุบัน 06 พ.ย. 2025, 23:06  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 77 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ส.ค. 2015, 02:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
Rosarin เขียน:
wink
:b20:
อนุโมทนากับพระไตรปิฎกที่ท่านกบเอามาโสต์ค่ะ :b8:
การจะคิดอะไรก็ตามให้นึกถึงประโยชน์แก่ส่วนรวม
อย่างการที่ภิกษุผู้มิได้ประกอบอาชีพสิ่งที่ไม่ควรทำคือ
การทำน้ำพุทธมนต์เพื่อสร้างชื่อเสียงแก่ส่วนตัวแต่ถ้าทำ
เพื่อส่วนรวมพระพุทธเจ้ามิได้ห้ามแต่ประการใด ด้วยเหตุที่
มีภัยพิบัติเกิดแก่ส่วนรวมจึงอนุญาตให้ทำน้ำพุทธมนต์ปัดเสนียด
คงต้องคิดเหตุผลบนความเป็นทางสายกลางที่เป็นคุณและไม่มีโทษเลย
ต่อภิกษุในธรรมวินัยโดยการทำเพื่อสงเคราะห์/อนุเคราะห์แจกทานเป็นน้ำใจ
มิใช่ทำเพื่อโลภอยากได้ลาภสักการะโดยจิตที่รดได้ขอบคุณจิตที่รับได้นอบน้อม
เป็นความสบายใจทั้งผู้ให้และผู้รับอย่างนี้คือทางสายกลางที่รู้ว่าสิ่งที่ทำแล้วมีแต่คุณ
:b12:
:b44: :b44: :b44:


อนุโมทนาสาธุ..ครับ :b8: :b8: :b8:
มืดบอดทั้งคู่. เว้นขาด แม้นนี้ก็เป็นศิลของเธอ เข้าใจมั้ย

ตะเองนั่นแหละบอดทั้งตาเนื้อและตาใจ
มาจากภพภูมิอะไรน้าถึงได้มืดมิดปิดตา
มะล่ำมะเหลือโพดหลาย=เหลือเกินจริงๆ
:b32: :b32: :b32:

ต่อไป่นี่เป็นญาณญาท่านตางเหนือมาเน้อความว่า
บ่เคยพบบ่เคยพ้อบ่คึดว่าจะมีคนบ่ฮู้จักความปานนี่
จ่างมันเตอะปล่อยไป่ตามยถากรรมกะแล่วกั๋นเน้อ
:b12:
:b32: :b32:

มีแต่คำกล่าวหาแต่หาหลักธรรมมาโต้ตอบไม่ได้. ทำบุญก็หวังแต่สวรรค์เศร้าหมอง. อยากได้ตังค์ก็ท่องคาถา. อยากกราบพระก็วิ่งหาอรหันต์ทั้งๆก็ไม่รู้ว่าใครเป็นอรหันต์. มันคือมืดเด้อ. พระองค์บอกทำบุญก็ให้มีจิตละความตระหนี่.

การทำบุญสร้างบารมีต้องทำจิตใจให้บริสุทธิ์คือสุจริตใจ
การทำบุญที่มีอานิสงส์มากก็ต้องใจดีของดีคนดีจริงอะป่าว
เพราะเหตุใดผู้คนจึงแสวงหาเพื่อให้ทานกะผู้ที่มีศีลพิสุทธ์ล่ะ
ก็เขาอยากให้ทานของเขาปราศจากมลทินด้วยความเต็มใจจริงๆ
และที่ดีขึ้นไปอีกก็ทานนั้นให้แก่สมมุติสงฆ์ที่ดำรงธรรมวินัยเคร่งครัดนะ
ตรงทางพระนิพพานไงล่ะ ไม่คบไม่คุ้นไม่เสพจะรู้ข้อวัตรของบัณฑิตได้ไหม
การเขียนก็ไม่ได้โมเมเขียนอยู่บนหลักเหตุผลของการเข้าใจและเข้าวัดทำบุญ
จะวัดที่ไหนๆในโลกใบนี้ก็เข้าไปวัดจิตวัดใจตนไม่ใช่ดีแต่พูดแล้วทำไม่ได้นะทู่นะ
:b32: :b32: :b32:
ไม่ผิดหรอกที่พูดมาน่ะสำหรับผู้ที่ยังต้องแสวงหาอยู่. แต่อย่ากล่าวว่าองค์นั้นคืออรหันต์มันผิดความจริง. การทำบุญที่ปราศจากการหวังผลนั้นอานิสงฆ์ย่อมได้มากกว่าคือการทำบุญที่มีจิตใจน้อมไปเพื่อละความตระหนี่. อันนี้คือการจะได้มาซึ่งผลใหญ่อนิสงส์ใหญ่ก้าวสู่ความเป็นอริยะ. พอเข้าใจมั้ย ถ้าท่านยังปราถนาผลบุญอยู่ก็ไม่ว่ากัน เพียงท่านน้อมใจไปบุญนี้เป็นสังฆทานท่านเองก็จะได้ผลมากมายมากกว่าต้องวิ่งดิ้นรนไปหาพระอรหันต์โดยที่ท่านเองก็ไม่ทราบได้. นั้นจะทำให้ท่านเกิดความหลง. แต่ถ้าท่านมีความเคารพในท่านใดท่านสามารถทำได้ทั้งนั้น แต่ย่อมไม่กล่าวว่าใครคือพระอรหันต์นะครับ. ผิดหลักการแก่ตนเองเพราะตนเองก็ไม่รู้จริง. นอกจากฟังตามๆกันมาหรือประเมิณเอาเอง

แกงโฮะ คนไหนกินคนนั้นก็อิ่ม บุญคือความดี
นึกถึงทีไรไม่รู้จักอิ่ม ต้องเติมตลอดใส่กระปุกบุญ
ท่านผู้สิ้นกิเลสท่านเปิดให้ไหลออกเพื่อให้ไหลเข้านะ
แค่เปิดประตูใจให้มันกว้างขึ้น ความดีก็ไหลเข้าได้มากขึ้น
ดีกว่าคับแคบตีบตันบีบให้ไหลจากสายยางแรงๆเร็วได้ไม่นาน
ของเขาทำบุญกับผู้ทรงคุณธรรมระดับต้นน้ำไหลไม่ขาดสายนะ
:b16: :b16:
:b45:
เขาทำทานเพื่อให้มีจิตตั้งไว้เพื่อความละตระหนี่. รักษาศิลเพื่อเป็นผู้วิรัตทุจริต ภาวนาก็เพื่อเกิดปัญญาเพื่อการหลุดพ้น. ถ้าทำบุญแล้วร้องไห้ก็เศร้าหมองนะ มันเกิดดับอย่ายึดๆๆๆ

Kiss
เค้าทำบุญใหญ่จิตเค้าผ่องใสยิ้มแย้มแจ่มใส
ไปไหนเจอแต่กัลยามิตรทองแท้ไม่ใช่ทองปลอม
ภายนอกที่โลกเห็นตามกระแสว่าไม่มีผู้สิ้นกิเลส
แต่ท่านผู้วิเศษภายในท่านทวนกระแสไม่ต่ำกว่า80
:b44: :b44:
:b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ส.ค. 2015, 06:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
Rosarin เขียน:
wink
:b20:
อนุโมทนากับพระไตรปิฎกที่ท่านกบเอามาโสต์ค่ะ :b8:
การจะคิดอะไรก็ตามให้นึกถึงประโยชน์แก่ส่วนรวม
อย่างการที่ภิกษุผู้มิได้ประกอบอาชีพสิ่งที่ไม่ควรทำคือ
การทำน้ำพุทธมนต์เพื่อสร้างชื่อเสียงแก่ส่วนตัวแต่ถ้าทำ
เพื่อส่วนรวมพระพุทธเจ้ามิได้ห้ามแต่ประการใด ด้วยเหตุที่
มีภัยพิบัติเกิดแก่ส่วนรวมจึงอนุญาตให้ทำน้ำพุทธมนต์ปัดเสนียด
คงต้องคิดเหตุผลบนความเป็นทางสายกลางที่เป็นคุณและไม่มีโทษเลย
ต่อภิกษุในธรรมวินัยโดยการทำเพื่อสงเคราะห์/อนุเคราะห์แจกทานเป็นน้ำใจ
มิใช่ทำเพื่อโลภอยากได้ลาภสักการะโดยจิตที่รดได้ขอบคุณจิตที่รับได้นอบน้อม
เป็นความสบายใจทั้งผู้ให้และผู้รับอย่างนี้คือทางสายกลางที่รู้ว่าสิ่งที่ทำแล้วมีแต่คุณ
:b12:
:b44: :b44: :b44:


อนุโมทนาสาธุ..ครับ :b8: :b8: :b8:
มืดบอดทั้งคู่. เว้นขาด แม้นนี้ก็เป็นศิลของเธอ เข้าใจมั้ย

ตะเองนั่นแหละบอดทั้งตาเนื้อและตาใจ
มาจากภพภูมิอะไรน้าถึงได้มืดมิดปิดตา
มะล่ำมะเหลือโพดหลาย=เหลือเกินจริงๆ
:b32: :b32: :b32:

ต่อไป่นี่เป็นญาณญาท่านตางเหนือมาเน้อความว่า
บ่เคยพบบ่เคยพ้อบ่คึดว่าจะมีคนบ่ฮู้จักความปานนี่
จ่างมันเตอะปล่อยไป่ตามยถากรรมกะแล่วกั๋นเน้อ
:b12:
:b32: :b32:

มีแต่คำกล่าวหาแต่หาหลักธรรมมาโต้ตอบไม่ได้. ทำบุญก็หวังแต่สวรรค์เศร้าหมอง. อยากได้ตังค์ก็ท่องคาถา. อยากกราบพระก็วิ่งหาอรหันต์ทั้งๆก็ไม่รู้ว่าใครเป็นอรหันต์. มันคือมืดเด้อ. พระองค์บอกทำบุญก็ให้มีจิตละความตระหนี่.

การทำบุญสร้างบารมีต้องทำจิตใจให้บริสุทธิ์คือสุจริตใจ
การทำบุญที่มีอานิสงส์มากก็ต้องใจดีของดีคนดีจริงอะป่าว
เพราะเหตุใดผู้คนจึงแสวงหาเพื่อให้ทานกะผู้ที่มีศีลพิสุทธ์ล่ะ
ก็เขาอยากให้ทานของเขาปราศจากมลทินด้วยความเต็มใจจริงๆ
และที่ดีขึ้นไปอีกก็ทานนั้นให้แก่สมมุติสงฆ์ที่ดำรงธรรมวินัยเคร่งครัดนะ
ตรงทางพระนิพพานไงล่ะ ไม่คบไม่คุ้นไม่เสพจะรู้ข้อวัตรของบัณฑิตได้ไหม
การเขียนก็ไม่ได้โมเมเขียนอยู่บนหลักเหตุผลของการเข้าใจและเข้าวัดทำบุญ
จะวัดที่ไหนๆในโลกใบนี้ก็เข้าไปวัดจิตวัดใจตนไม่ใช่ดีแต่พูดแล้วทำไม่ได้นะทู่นะ
:b32: :b32: :b32:
ไม่ผิดหรอกที่พูดมาน่ะสำหรับผู้ที่ยังต้องแสวงหาอยู่. แต่อย่ากล่าวว่าองค์นั้นคืออรหันต์มันผิดความจริง. การทำบุญที่ปราศจากการหวังผลนั้นอานิสงฆ์ย่อมได้มากกว่าคือการทำบุญที่มีจิตใจน้อมไปเพื่อละความตระหนี่. อันนี้คือการจะได้มาซึ่งผลใหญ่อนิสงส์ใหญ่ก้าวสู่ความเป็นอริยะ. พอเข้าใจมั้ย ถ้าท่านยังปราถนาผลบุญอยู่ก็ไม่ว่ากัน เพียงท่านน้อมใจไปบุญนี้เป็นสังฆทานท่านเองก็จะได้ผลมากมายมากกว่าต้องวิ่งดิ้นรนไปหาพระอรหันต์โดยที่ท่านเองก็ไม่ทราบได้. นั้นจะทำให้ท่านเกิดความหลง. แต่ถ้าท่านมีความเคารพในท่านใดท่านสามารถทำได้ทั้งนั้น แต่ย่อมไม่กล่าวว่าใครคือพระอรหันต์นะครับ. ผิดหลักการแก่ตนเองเพราะตนเองก็ไม่รู้จริง. นอกจากฟังตามๆกันมาหรือประเมิณเอาเอง

แกงโฮะ คนไหนกินคนนั้นก็อิ่ม บุญคือความดี
นึกถึงทีไรไม่รู้จักอิ่ม ต้องเติมตลอดใส่กระปุกบุญ
ท่านผู้สิ้นกิเลสท่านเปิดให้ไหลออกเพื่อให้ไหลเข้านะ
แค่เปิดประตูใจให้มันกว้างขึ้น ความดีก็ไหลเข้าได้มากขึ้น
ดีกว่าคับแคบตีบตันบีบให้ไหลจากสายยางแรงๆเร็วได้ไม่นาน
ของเขาทำบุญกับผู้ทรงคุณธรรมระดับต้นน้ำไหลไม่ขาดสายนะ
:b16: :b16:
:b45:
เขาทำทานเพื่อให้มีจิตตั้งไว้เพื่อความละตระหนี่. รักษาศิลเพื่อเป็นผู้วิรัตทุจริต ภาวนาก็เพื่อเกิดปัญญาเพื่อการหลุดพ้น. ถ้าทำบุญแล้วร้องไห้ก็เศร้าหมองนะ มันเกิดดับอย่ายึดๆๆๆ

Kiss
เค้าทำบุญใหญ่จิตเค้าผ่องใสยิ้มแย้มแจ่มใส
ไปไหนเจอแต่กัลยามิตรทองแท้ไม่ใช่ทองปลอม
ภายนอกที่โลกเห็นตามกระแสว่าไม่มีผู้สิ้นกิเลส
แต่ท่านผู้วิเศษภายในท่านทวนกระแสไม่ต่ำกว่า80
:b44: :b44:
:b16:
ใจผ่องใสก็ขุ่นมัวได้ไม่เที่ยง ให้กลับไปดูอริยะเขาทำทานก็เพื่อละความตระหนี่เมื่อความตระหนี่ถูกกำจัด ความเป็นมลทิลก็สิ้นไปไม่กำเริบอีกเข้าใจบ่. กลับไปศึกษาพุทธวจนให้ถูกทาง

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 77 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร