วันเวลาปัจจุบัน 14 ส.ค. 2025, 09:45  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 47 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 30 ส.ค. 2015, 21:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


คนที่จะมีจิตใจที่อ่อนน้อม...ได้นี้....ผมว่าเขาต้องเห็นความจริงอะไรบ้างแหละถึง..อ่อนน้อมต่อสิ่งต่าง ๆ ได้...แม้แต่กับคนที่ไม่ชอบตน..รึ..แม้แต่คนที่ตนก็ไม่ชอบ...หรือแม้แต่กับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ....

คนอ่อนน้อม..เพราะเห็นธรรม

และผมก็คิดว่า..คนจะเห็นธรรมได้..ก็ต้องมีความอ่อนน้อมด้วยเช่นกัน

...เพราะไม่งั้นก็จะไม่ฟังธรรมด้วยดี..ไม่พิจารณาธรรมด้วยดี....

ก็มาที่คำถาม..ตามชื่อกระทู้..ละคับว่า..

เพื่อน ๆ คิดอย่างไร..ว่า..ความอ่อนน้อม..มีความสำคัญกับการปฏิบัติธรรม..หรือไม่?..อย่างไร?

:b16: :b16: :b16:


โพสต์ เมื่อ: 31 ส.ค. 2015, 00:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


อย่างแรกที่เห็นคือลดอัตตาการถือตัวลง

เป็นผู้ใฝ่ในมารยาท

ทำให้สถานที่แห่งนั้นเป็นไปในทางสงบเรียบร้อยดูดี

คนที่อ่อนน้อมฝึกจิตใจได้มั่นคงกว่าในรูปแบบของการควบคุมกาย วาจา ใจ

ทำให้คนเห็นเกิดความเป็นมิตร

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสต์ เมื่อ: 31 ส.ค. 2015, 10:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ย. 2010, 20:29
โพสต์: 5112

แนวปฏิบัติ: พิจารณากาย
สิ่งที่ชื่นชอบ: มณีรัตน์,พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ร้วห่อทอง
อายุ: 39

 ข้อมูลส่วนตัว


:b9: คนที่อ่อนน้อมนี่น่าใช้คุณธรรมประกอบหลายประการอยู่นะคุณกบ :b16:

.....................................................
"เกิดดับ..เกิดแล้วไม่ดับไม่มี"


โพสต์ เมื่อ: 31 ส.ค. 2015, 10:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เห็นด้วย..ครับ..


โพสต์ เมื่อ: 31 ส.ค. 2015, 11:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
น้อมไปด้วยกาย วาจา ใจ พื้นที่คิดว่าสกปรกไม่มีความหมาย
กายที่เรามีสกปรกกว่า ขณะนั้นนั่งลงกราบไม่มีอะไรปูรองนะ
กราบหลวงตาพระมหาบัวนี้ราบกับพื้นถนนตรงที่รถท่านผ่าน
ใจท่านสูงเป็นธรรมธาตุแล้ว เราก็กราบได้เพราะถึงใจถึงธรรม
ท่านผ่านก็ลุกขึ้นปัดฝุ่น เสื้อผ้าของนอกกายเอากลับไปซักได้
:b8:
:b20: :b20:


โพสต์ เมื่อ: 31 ส.ค. 2015, 12:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
tongue
น้อมไปด้วยกาย วาจา ใจ พื้นที่คิดว่าสกปรกไม่มีความหมาย
กายที่เรามีสกปรกกว่า ขณะนั้นนั่งลงกราบไม่มีอะไรปูรองนะ
กราบหลวงตาพระมหาบัวนี้ราบกับพื้นถนนตรงที่รถท่านผ่าน
ใจท่านสูงเป็นธรรมธาตุแล้ว เราก็กราบได้เพราะถึงใจถึงธรรม
ท่านผ่านก็ลุกขึ้นปัดฝุ่น เสื้อผ้าของนอกกายเอากลับไปซักได้
:b8:
:b20: :b20:
ไม่ต้องรอให้รถผ่านมาก็ได้มั้งนอบน้อมน่ะ นั้นเด็กน้อยเขาทำกัน

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสต์ เมื่อ: 31 ส.ค. 2015, 14:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2015, 21:52
โพสต์: 32

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แลกเปลี่ยนความคิดเห็นครับ
ความอ่อนน้อม (ที่เกิดในจิต ไม่ใช่เกิดจากมารยาท) เป็นผลจากการปฏิบัติธรรม
เหตุที่ทำให้บุคคลมีความอ่อนน้อมน้อย เพราะ การยึดมั่นในอัตตาของตน ความมานะ ถือดี
การยึดมั่นในอัตตาของตน เพราะ ความหลงในความรู้ความสามารถของตน ทำให้มักเปรียบเทียบกับผู้อื่นว่าตนดีกว่า หรือเสมอกัน
หากเห็นว่าตนดีกว่า ก็อาจมีความคิดดูหมิ่นดูแคลนผู้อื่น โอ้อวดตัวเอง
หากเห็นว่าตนด้อยกว่า ก็มักเกิดอารมณ์ริษยา เกิดความตระหนี่ ความโกรธ ความผูกโกรธ และความพยาบาท
การปฏิบัติธรรมช่วยให้เห็นธรรมตามความเป็นจริง ลดความยึดมั่นในอัตตาของตนเอง
เมื่อลดความยึดมั่น ถือมั่น จิตก็อ่อนลง ความอ่อนน้อมก็เกิดในจิต


โพสต์ เมื่อ: 01 ก.ย. 2015, 07:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
อย่างแรกที่เห็นคือลดอัตตาการถือตัวลง

เป็นผู้ใฝ่ในมารยาท

ทำให้สถานที่แห่งนั้นเป็นไปในทางสงบเรียบร้อยดูดี

คนที่อ่อนน้อมฝึกจิตใจได้มั่นคงกว่าในรูปแบบของการควบคุมกาย วาจา ใจ

ทำให้คนเห็นเกิดความเป็นมิตร


:b8: :b8:

คนที่อ่อนน้อมจนเป็นนิสัย...แม้จะยังไม่มีปัญญาเห็นธรรม...แต่อ่อนน้อมเป็นนิสัยก็ลดมานะอัตตาภายนอกคือการแสดงออกทางกาย..ทางวาจา...เป็นการลดผัสสะอันเป็นเหตุให้เกิดอาการกระทบกระทั้งระหว่างกันและกัน...อยู่นสถานที่ใด..สถานที่นั้นก็สัปปายะเหมาะแก่การประพฤติธรรม

แม้แต่ตัวผู้ที่มีความอ่อนน้อมเอง...ที่ควบคุมกาย..วาจา..อยู่เสมอ ๆ...ก็จะมีสติเห็นอาการของใจได้ง่าย...อกุศลหรือกุศลเกิดก็เห็นได้ง่าย...เข้าสติปัฏฐาน 4 ได้ง่าย...

เมื่อเข้าสติปัฏฐาน 4 ..การจะเห็นธรรมก็ทำได้ง่าย...เกิดปัญญาเห็นจริงในธรรมทั้งหลายได้ง่าย...
เมื่อเห็นธรรม...ก็เข้าใจเองว่า...ทุกคนมีอวิชชาเหมือนกัน...ทำผิดไปก็เพราะอวิชชา....เท่ากันด้วยความไม่เที่ยง...เท่ากันด้วยความเป็นทุกข์...เท่ากันด้วยว่าต้องตายเหมือนกัน..เมื่อถึงคราวมีวิชชา..ก็พ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้เหมือนกัน...อย่างนี้เป็นต้น...เมื่อเข้าใจอย่างนี้..ก็ยิ่งมีความอ่อนน้อมด้วยว่าเข้าใจความเป็นมาของความถูกความผิดของโลก....ความอ่อนน้อมอย่างหลังนี้เกิดจากปัญญาเห็นธรรม...ตามขั้นตามตอนขึ้นมา


ผู้มีความอ่อนน้อม...ย่อมเข้าถึงธรรมตามขั้นตามตอน..ได้ง่าย...
เมื่อเห็นธรรมตามขั้นตามตอน...ก็ยิ่งมีความอ่อนน้อมมากขึ้นตามมา


จนถึงขั้นหมดกิเลส..ก็เชื่อว่า...ต้องเป็นผู้ที่มีความอ่อนน้อมอย่างยิ่ง...อย่างไม่ต้องสงสัย


แก้ไขล่าสุดโดย กบนอกกะลา เมื่อ 01 ก.ย. 2015, 07:29, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสต์ เมื่อ: 01 ก.ย. 2015, 07:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


Hanako เขียน:
:b9: คนที่อ่อนน้อมนี่น่าใช้คุณธรรมประกอบหลายประการอยู่นะคุณกบ :b16:


:b8: :b8:
ยิ่งเห็นธรรมเท่าไร..ก็ยิ่งมีพรหมวิหารมากเท่านั้น...ก็ยิ่งอ่อนน้อมเท่านั้น..


โพสต์ เมื่อ: 01 ก.ย. 2015, 07:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


บ้านสวนสุขใจ เขียน:
แลกเปลี่ยนความคิดเห็นครับ
ความอ่อนน้อม (ที่เกิดในจิต ไม่ใช่เกิดจากมารยาท) เป็นผลจากการปฏิบัติธรรม
................

การปฏิบัติธรรมช่วยให้เห็นธรรมตามความเป็นจริง ลดความยึดมั่นในอัตตาของตนเอง
เมื่อลดความยึดมั่น ถือมั่น จิตก็อ่อนลง ความอ่อนน้อมก็เกิดในจิต


:b8: :b8: :b8:
เห็นด้วยครับ...


โพสต์ เมื่อ: 01 ก.ย. 2015, 07:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ความอ่อนน้อม..จึงเป็นบุญ

การแสดงความอ่อนน้อม..จึงเป็นการสร้างบุญสร้างกุศล

ในบุญกิริยาวัตถุ 10 ความอ่อนน้อมจึงเป็นบุญชั้นสูง...ละเอียดกว่า..การให้ทาน..การรักษาศีล...เพราะเริ่มเข้ามาสู่ขั้นจิตภาวนา...การฝึกหัดจิตใจ

หากบุคคลใด...ตั้งความปรารถณาจะทำนิพพานให้แจ้ง...ความอ่อนน้อมในบุญกิริยาวัตถุ 10 ก็จะกลายมาเป็นฐานในการสร้างบารมี 10 ..ทั้งขันติบารมี...ปัญญาบารมี...เมตตาบารมี..


โพสต์ เมื่อ: 01 ก.ย. 2015, 07:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
คนที่จะมีจิตใจที่อ่อนน้อม...ได้นี้....ผมว่าเขาต้องเห็นความจริงอะไรบ้างแหละถึง..อ่อนน้อมต่อสิ่งต่าง ๆ ได้...แม้แต่กับคนที่ไม่ชอบตน..รึ..แม้แต่คนที่ตนก็ไม่ชอบ...หรือแม้แต่กับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ....

คนอ่อนน้อม..เพราะเห็นธรรม

และผมก็คิดว่า..คนจะเห็นธรรมได้..ก็ต้องมีความอ่อนน้อมด้วยเช่นกัน

...เพราะไม่งั้นก็จะไม่ฟังธรรมด้วยดี..ไม่พิจารณาธรรมด้วยดี....

ก็มาที่คำถาม..ตามชื่อกระทู้..ละคับว่า..

เพื่อน ๆ คิดอย่างไร..ว่า..ความอ่อนน้อม..มีความสำคัญกับการปฏิบัติธรรม..หรือไม่?..อย่างไร?

:b16: :b16: :b16:





ความอ่อนน้อม ก็ส่วนความอ่อนน้อม
ไม่เกี่ยวกับว่า จะเห็นธรรมได้ต้องอ่อนน้อม


ความอ่อนน้อม อยู่ในข้อปฏิบัติ มงคล ๓๘ ประการ
หากต้องการผลข้อใด ให้ปฏิบัติตามนั้น


การฟังธรรมด้วยดี พิจรณาธรรมด้วยดี
เป็นเรื่องของเหตุและปัจจัยของแต่ละคน




จงเป็นผู้มีที่พึ่งอยู่เถิด



นาถสูตรที่ ๒


[๑๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงเป็นผู้มีที่พึ่งอยู่เถิด อย่าเป็นผู้
ไม่มีที่พึ่งอยู่เลย (เพราะว่า) บุคคลผู้ไม่มีที่พึ่งย่อมอยู่เป็นทุกข์

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมอันกระทำที่พึ่ง ๑๐ ประการนี้ ๑๐ ประการเป็นไฉน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้มีศีล ฯลฯ
สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย

ภิกษุผู้เป็นเถระก็ดี เป็นมัชฌิมะก็ดี เป็นนวกะก็ดี ย่อมสำคัญภิกษุนั้นว่า
ภิกษุนี้เป็นผู้มีศีล ฯลฯ สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลายหนอ ดังนี้

ว่าเป็นผู้พึงว่ากล่าวสั่งสอน ภิกษุนั้นอันภิกษุผู้เป็นเถระ
ผู้เป็นมัชฌิมะ ผู้เป็นนวกะ อนุเคราะห์แล้ว

พึงหวังความเจริญในกุศลธรรมทั้งหลายอย่างเดียว
ไม่พึงหวังความเสื่อมเลย นี้เป็นธรรมกระทำที่พึ่ง ฯ




อีกประการหนึ่ง ภิกษุเป็นพหูสูต ฯลฯ
แทงตลอดด้วยดีด้วยทิฐิ


ภิกษุทั้งหลายผู้เป็นเถระก็ดี ผู้เป็นมัชฌิมะก็ดี
ผู้เป็นนวกะก็ดี ย่อมสำคัญภิกษุนั้นว่า
ภิกษุนี้เป็นพหูสูต ฯลฯ
แทงตลอดด้วยดีด้วยทิฐิหนอ ดังนี้

ว่าเป็นผู้พึงว่ากล่าวสั่งสอน ภิกษุนั้นอันภิกษุผู้เป็นเถระ
ผู้เป็นมัชฌิมะ ผู้เป็นนวกะ อนุเคราะห์แล้ว

พึงหวังความเจริญในกุศลธรรมทั้งหลายอย่างเดียว
ไม่พึงหวังความเสื่อมเลย นี้เป็นธรรมกระทำที่พึ่ง ฯ



อีกประการหนึ่ง ภิกษุเป็นผู้มีมิตรดี มีสหายดี มีเพื่อนดี
ภิกษุทั้งหลายผู้เป็นเถระก็ดี เป็นมัชฌิมะก็ดี
เป็นนวกะก็ดี ย่อมสำคัญภิกษุนั้นว่า
ภิกษุนี้มีมิตรดี มีสหายดี มีเพื่อนดีหนอ ดังนี้

ว่าเป็นผู้พึงว่ากล่าวสั่งสอน ภิกษุนั้นอันภิกษุผู้เป็นเถระ
ผู้เป็นมัชฌิมะ ผู้เป็นนวกะ อนุเคราะห์แล้ว
พึงหวังความเจริญในกุศลธรรมทั้งหลายอย่างเดียว
ไม่พึงหวังความเสื่อมเลย นี้เป็นธรรมกระทำที่พึ่ง ฯ


อีกประการหนึ่ง ภิกษุเป็นผู้ว่าง่าย คือ
ประกอบด้วยธรรมเครื่องกระทำ
ความเป็นผู้ว่าง่าย เป็นผู้อดทน
รับอนุสาสนีโดยเคารพ


ภิกษุทั้งหลายผู้เป็นเถระก็ดี เป็นมัชฌิมะก็ดี เป็นนวกะก็ดี
ย่อมสำคัญภิกษุนั้นว่า

ภิกษุนี้เป็นผู้ว่าง่าย คือ ประกอบด้วยธรรมเครื่องกระทำความเป็นผู้ว่าง่าย
เป็นผู้อดทน รับอนุสาสนีโดยเคารพหนอ ดังนี้

ว่าเป็นผู้พึงว่ากล่าวสั่งสอน ภิกษุนั้นอันภิกษุผู้เป็นเถระ
ผู้เป็นมัชฌิมะ ผู้เป็นนวกะ อนุเคราะห์แล้ว
พึงหวังความเจริญในกุศลทั้งหลายอย่างเดียว
ไม่พึงหวังความเสื่อมเลย นี้เป็นธรรมกระทำที่พึ่ง ฯ




อีกประการหนึ่ง ภิกษุเป็นผู้ขยัน ไม่เกียจคร้าน ในกิจที่ควรทำอย่างไร
ทั้งสูงทั้งต่ำ ของเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลาย

เป็นผู้ประกอบด้วยปัญญาเครื่องพิจารณา
อันเป็นอุบายในกิจนั้น อาจทำ อาจจัดได้


ภิกษุทั้งหลายผู้เป็นเถระก็ดี เป็นมัชฌิมะก็ดี
เป็นนวกะก็ดี ย่อมสำคัญภิกษุนั้นว่า

ภิกษุนี้เป็นผู้ขยัน ไม่เกียจคร้านในกิจที่ควรทำอย่างไร
ทั้งสูงทั้งต่ำ ของเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลาย
เป็นผู้ประกอบด้วยปัญญาเครื่องพิจารณา
อันเป็นอุบายในกิจนั้น อาจทำ อาจจัดได้หนอดังนี้

ว่าเป็นผู้พึงว่ากล่าวสั่งสอน ภิกษุนั้น อันภิกษุผู้เป็นเถระ
ผู้เป็นมัชฌิมะ ผู้เป็นนวกะ อนุเคราะห์แล้ว
พึงหวังความเจริญในกุศลธรรมทั้งหลายอย่างเดียว
ไม่พึงหวังความเสื่อมเลย นี้เป็นธรรมกระทำที่พึ่ง ฯ



อีกประการหนึ่ง ภิกษุเป็นผู้ใคร่ในธรรม
เป็นผู้ฟังและแสดงธรรมอันเป็นที่รัก
มีความปราโมทย์อย่างยิ่งในธรรมอันยิ่ง ในวินัยอันยิ่ง


ภิกษุทั้งหลายผู้เป็นเถระก็ดี เป็นมัชฌิมะก็ดี
เป็นนวกะก็ดี ย่อมสำคัญภิกษุนั้นว่า
ภิกษุนี้เป็นผู้ใคร่ในธรรม เป็นผู้ฟังและแสดงธรรมอันเป็นที่รัก
มีความปราโมทย์อย่างยิ่งในธรรมอันยิ่ง ในวินัยอันยิ่งหนอ ดังนี้

ว่าเป็นผู้พึงว่ากล่าวสั่งสอน ภิกษุนั้นอันภิกษุผู้เป็นเถระ
ผู้เป็นมัชฌิมะ ผู้เป็นนวกะ อนุเคราะห์แล้ว
พึงหวังความเจริญในกุศลธรรมทั้งหลายอย่างเดียว
ไม่พึงหวังความเสื่อมเลย นี้เป็นธรรมกระทำที่พึ่ง ฯ



อีกประการหนึ่ง ภิกษุเป็นผู้ปรารภความเพียร
เพื่อละอกุศลธรรมทั้งหลาย
เพื่อความถึงพร้อมแห่งกุศลธรรมทั้งหลาย
เป็นผู้มีกำลัง มีความบากบั่นมั่นคง ไม่ทอดธุระในกุศลธรรมทั้งหลาย


ภิกษุทั้งหลายผู้เป็นเถระก็ดี เป็นมัชฌิมะก็ดี
เป็นนวกะก็ดี ย่อมสำคัญภิกษุนั้นว่า
ภิกษุนี้เป็นผู้ปรารภความเพียร เพื่อละอกุศลธรรมทั้งหลาย
เพื่อความถึงพร้อมแห่งกุศลธรรมทั้งหลาย เป็นผู้มีกำลัง มีความบากบั่นมั่นคง
ไม่ทอดธุระในกุศลธรรมทั้งหลายอยู่หนอ ดังนี้

ว่าเป็นผู้พึงว่ากล่าวสั่งสอน ภิกษุนั้นอันภิกษุผู้เป็นเถระ
ผู้เป็นมัชฌิมะ ผู้เป็นนวกะอนุเคราะห์แล้ว
พึงหวังความเจริญในกุศลธรรมทั้งหลายอย่างเดียว
ไม่พึงหวังความเสื่อมเลย นี้เป็นธรรมกระทำที่พึ่ง ฯ




อีกประการหนึ่ง ภิกษุเป็นผู้สันโดษด้วยจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และ
เภสัชบริขารอันเป็นปัจจัยแก่คนไข้ ตามมีตามได้


ภิกษุทั้งหลายผู้เป็นเถระก็ดี เป็นมัชฌิมะก็ดี เป็นนวกะก็ดี ย่อมสำคัญภิกษุนั้นว่า
ภิกษุนี้เป็นผู้สันโดษด้วยจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ
และเภสัชบริขารอันเป็นปัจจัยแก่คนไข้ ตามมีตามได้หนอ ดังนี้

ว่าเป็นผู้พึงว่ากล่าวสั่งสอน ภิกษุนั้นอันภิกษุผู้เป็นเถระ
ผู้เป็นมัชฌิมะ ผู้เป็นนวกะ อนุเคราะห์แล้ว
พึงหวังความเจริญในกุศลธรรมทั้งหลายอย่างเดียว
ไม่พึงหวังความเสื่อมเลย นี้เป็นธรรมกระทำที่พึ่ง ฯ




อีกประการหนึ่ง ภิกษุเป็นผู้มีสติ คือ
ประกอบด้วยสติเป็นเครื่องรักษาตนอย่างยิ่ง
ระลึกได้ ตามระลึกได้ ซึ่งสิ่งที่ทำคำที่พูดแล้วแม้นานได้


ภิกษุทั้งหลายผู้เป็นเถระก็ดี เป็นมัชฌิมะก็ดี เป็นนวกะก็ดี ย่อมสำคัญภิกษุนั้นว่า
ภิกษุนี้เป็นผู้มีสติ คือ ประกอบด้วยสติเป็นเครื่องรักษาตนอย่างยิ่ง ระลึกได้
ตามระลึกได้ ซึ่งสิ่งที่ทำคำที่พูดแล้วแม้นานได้หนอ ดังนี้

ว่าเป็นผู้พึงว่ากล่าวสั่งสอน ภิกษุนั้นอันภิกษุผู้เป็นเถระ
ผู้เป็นมัชฌิมะ ผู้เป็นนวกะ อนุเคราะห์แล้ว
พึงหวังความเจริญในกุศลธรรมทั้งหลายอย่างเดียว
ไม่พึงหวังความเสื่อมเลย นี้เป็นธรรมกระทำที่พึ่ง ฯ




อีกประการหนึ่ง ภิกษุผู้มีปัญญา คือ
ประกอบด้วยปัญญา อันเห็นความเกิดความดับ เป็นอริยะ
ชำแรกกิเลส ให้ถึงความสิ้นทุกข์โดยชอบ


ภิกษุทั้งหลายผู้เป็นเถระก็ดี เป็นมัชฌิมะก็ดี เป็นนวกะก็ดี ย่อมสำคัญภิกษุนั้นว่า
ภิกษุนี้เป็นผู้มีปัญญา คือ ประกอบด้วยปัญญาอันเห็นความเกิดความดับ เป็นอริยะ
ชำแรกกิเลส ให้ถึงความสิ้นทุกข์โดยชอบหนอ ดังนี้ ว่า

เป็นผู้พึงว่ากล่าวสั่งสอนภิกษุนั้นอันภิกษุผู้เป็นเถระ
ผู้เป็นมัชฌิมะ ผู้เป็นนวกะ อนุเคราะห์แล้ว
พึงหวังความเจริญในกุศลธรรมทั้งหลายอย่างเดียว
ไม่พึงหวังความเสื่อมเลย นี้เป็นธรรมกระทำที่พึ่ง ฯ




ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงเป็นผู้มีที่พึ่งอยู่เถิด
อย่าเป็นผู้ไม่มีที่พึ่งอยู่เลย
บุคคลผู้ไม่มีที่พึ่ง ย่อมอยู่เป็นทุกข์


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมอันกระทำที่พึ่ง ๑๐ ประการนี้แล ฯ

จบสูตรที่ ๘

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสต์ เมื่อ: 01 ก.ย. 2015, 08:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ว่าด้วยข้อปฏิบัติไม่ผิด

อปัณณกสูตร

[๔๕๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการ
ชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติไม่ผิด และชื่อว่าเธอปรารภปัญญาเพื่อความสิ้นอาสวะทั้งหลาย

ธรรม ๓ ประการเป็นไฉน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้

เป็นผู้คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย ๑

เป็นผู้รู้จักประมาณในโภชนะ ๑

เป็นผู้ประกอบความเพียร ๑



ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุชื่อว่าเป็นผู้คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลายอย่างไร
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เห็นรูปด้วยตาแล้ว
ไม่ถือเอาโดยนิมิต ไม่ถือเอาโดยอนุพยัญชนะ ย่อมปฏิบัติเพื่อสำรวมจักขุนทรีย์

ที่เมื่อไม่สำรวมแล้วจะพึงเป็นเหตุให้อกุศลธรรมอันลามก คือ อภิชฌาและโทมนัสครอบงำได้
ย่อมรักษาจักขุนทรีย์ ย่อมถึงความสำรวมในจักขุนทรีย์ ฟังเสียงด้วยหูแล้ว ฯลฯ
ดมกลิ่นด้วยจมูกแล้ว ฯลฯ ลิ้มรสด้วยลิ้นแล้ว ฯลฯ ถูกต้องโผฏฐัพพะด้วยกายแล้ว ฯลฯ
รู้แจ้งธรรมารมณ์ด้วยใจแล้ว ย่อมไม่ถือเอาโดยนิมิต โดยอนุพยัญชนะ

ย่อมปฏิบัติเพื่อสำรวมมนินทรีย์ ที่เมื่อไม่สำรวมแล้ว
จะพึงเป็นเหตุให้อกุศลธรรมอันลามก คือ อภิชฌาและโทมนัสครอบงำได้
ย่อมรักษามนินทรีย์ ย่อมถึงความสำรวมในมนินทรีย์
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุชื่อว่า
เป็นผู้คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลายอย่างนี้แล



ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุชื่อว่าเป็นผู้รู้จักประมาณในโภชนะอย่างไร
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้พิจารณาโดยแยบคายแล้ว
ฉันอาหารไม่ใช่เพื่อเล่น ไม่ใช่เพื่อจะมัวเมา ไม่ใช่เพื่อจะประดับ ไม่ใช่เพื่อจะประเทืองผิว
เพียงเพื่อกายนี้ตั้งอยู่ เพื่อจะให้กายนี้เป็นไป เพื่อจะกำจัดความเบียดเบียนลำบาก
เพื่อจะอนุเคราะห์พรหมจรรย์ด้วยคิดเห็นว่า

เราจักกำจัดเวทนาเก่าเสีย และจักไม่ให้เวทนาใหม่เกิดขึ้น
ความที่กายจักเป็นไปได้นาน ความเป็นผู้ไม่มีโทษและความอยู่สำราญจักเกิดมีแก่เรา ดังนี้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุชื่อว่าเป็นผู้รู้จักประมาณในโภชนะอย่างนี้แล


ดูกรภิกษุทั้งหลายก็ภิกษุชื่อว่าเป็นผู้ประกอบความเพียรอย่างไร
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมชำระจิตให้บริสุทธิ์จากอาวรณิยธรรม
ด้วยการเดินจงกรม ด้วยการนั่งตลอดวัน

ย่อมชำระจิตให้บริสุทธิ์จากอาวรณิยธรรม
ด้วยการเดินจงกรม ด้วยการนั่งตลอดยามต้นแห่งราตรี ตลอดยามกลางแห่งราตรี
ย่อมสำเร็จสีหไสยาโดยข้างเบื้องขวา ซ้อนเท้าเหลื่อมเท้า มีสติสัมปชัญญะ ทำความหมายในอันจะลุกขึ้นไว้ในใจ

ย่อมลุกขึ้นชำระจิตให้บริสุทธิ์จากอาวรณิยธรรม
ด้วยการเดินจงกรม ด้วยการนั่งตลอดปัจฉิมยาม
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุชื่อว่าเป็นผู้ประกอบความเพียรอย่างนี้แล ฯ



ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๓ ประการนี้แลย่อมชื่อว่าเป็น
ผู้ปฏิบัติไม่ผิด และชื่อว่าเธอปรารภปัญญาเพื่อความสิ้นอาสวะทั้งหลาย ฯ



http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.p ... 982&Z=3014

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสต์ เมื่อ: 01 ก.ย. 2015, 10:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2015, 21:52
โพสต์: 32

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หลังจากที่ได้กลับมาทบทวน พิจารณาธรรมเรื่องความอ่อนน้อมหลาย ๆ รอบ ก็มีความคิดเห็นเพิ่มเติม ดังนี้
ผู้ที่มีธรรมอยู่ในใจ ยึดมั่นในอัตตาของตนน้อย จิตย่อมมีความอ่อนน้อมเป็นธรรมดา
ผู้ที่ยึดมั่นในอัตตามาก เมื่อได้ปฏิบัติธรรม เห็นสภาวะธรรมที่เกิดขึ้น แล้วลดอัตตาลง จิตก็มีความอ่อนน้อมมากขึ้นเป็นธรรมดา
ผู้ที่เจริญจิตได้ละเอียดย่อมสัมผัสได้ถึงความอ่อนน้อมที่เกิดจากจิต หรือความอ่อนน้อมตามมารยาท ตามกำลังความสามารถ ความละเอียดของจิตนั้น ๆ
หลาย ๆ ท่านเป็นผู้มีความอ่อนน้อมแม้ว่าจะไม่ได้ปฏิบัติเห็นธรรม แต่ท่านเหล่านั้นมีธรรมที่ทำให้อ่อนน้อมอยู่ในตัวแล้ว ซึ่งอาจเป็นบารมีที่ได้สั่งสมมา
ถูกผิดอย่างไร ก็ช่วยแสดงความคิดเห็นด้วยครับ ขอบคุณล่วงหน้าทุก ๆ ท่านครับ


โพสต์ เมื่อ: 01 ก.ย. 2015, 12:08 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


บ้านสวนสุขใจ เขียน:
หลังจากที่ได้กลับมาทบทวน พิจารณาธรรมเรื่องความอ่อนน้อมหลาย ๆ รอบ ก็มีความคิดเห็นเพิ่มเติม ดังนี้
ผู้ที่มีธรรมอยู่ในใจ ยึดมั่นในอัตตาของตนน้อย จิตย่อมมีความอ่อนน้อมเป็นธรรมดา
ผู้ที่ยึดมั่นในอัตตามาก เมื่อได้ปฏิบัติธรรม เห็นสภาวะธรรมที่เกิดขึ้น แล้วลดอัตตาลง จิตก็มีความอ่อนน้อมมากขึ้นเป็นธรรมดา
ผู้ที่เจริญจิตได้ละเอียดย่อมสัมผัสได้ถึงความอ่อนน้อมที่เกิดจากจิต หรือความอ่อนน้อมตามมารยาท ตามกำลังความสามารถ ความละเอียดของจิตนั้น ๆ
หลาย ๆ ท่านเป็นผู้มีความอ่อนน้อมแม้ว่าจะไม่ได้ปฏิบัติเห็นธรรม แต่ท่านเหล่านั้นมีธรรมที่ทำให้อ่อนน้อมอยู่ในตัวแล้ว ซึ่งอาจเป็นบารมีที่ได้สั่งสมมา
ถูกผิดอย่างไร ก็ช่วยแสดงความคิดเห็นด้วยครับ ขอบคุณล่วงหน้าทุก ๆ ท่านครับ


:b8: :b8: :b8:

:b1: :b1: :b1:

รู้สึกดีจังที่เห็นคุณสุขใจเข้ามาร่วมสนทนาในลานแห่งนี้

... :b1: :b1: :b1: ...

:b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 47 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร