วันเวลาปัจจุบัน 27 ส.ค. 2025, 01:43  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 178 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 12  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 20 ม.ค. 2016, 20:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
:b4:
กามสุขัลลิกานุโยโค = ยินดี

อัตตกิลมถานุโยโค = ยินร้าย

มัชฌิมาปฏิปทา = เฉย

เฉยมากเข้าๆจนเป็นนิสัยอุปนิสัย = ปกติ = ศีล

:b38:


:b32: :b32: :b32:


การสรุปง่าย ๆ แบบนี้...ดูท่าจะผิดความหมายไปมาก...และคงไม่เคยหรือมีประสพการน้อย...

จึงไม่เคยรู้ว่า...มันก็มีอารมณ์ยินร้าย...ในกามสุขัลลิกานุโยค..และยินดีใน..อัตตกิลมถานุโยค..ได้ด้วย

แค่นี้ไม่รูู้...จึงไม่ต้องไปพูดถึง...เรื่องเฉย..= มัชฌิมาปฏิปทา เพราะจะยิ่งเข้าป่าที่ไม่เคยเดินลึกมากไป
:b32: :b32:

กลับไปอ่านแล้วทำใจพิจารณาน้อมนำตามพระสูตร..ธัมมจักกัปปวัตนสูตร...อย่างมีสมาธิ..อย่ามีอารมณ์ดื้อ..อย่ายึดมั่นความคิดอย่างที่สรุปมานี้ของตนมากนัก...คิดว่าน่าจะเข้าใจได้ไม่ยากนะคับ

:b12:
ลอกมาก็ยังผิดนะกบไม่ต้องรีบร้อนครับ

กามสุขัลลิกา นี่ ยินดี

อัตตกิลมถานี่ ยินร้าย

เพราะกบไม่เคยนั่งสัมผัสของจริงในกายและจิตเอาแต่คิดค้นในตำรามาเทียบมันเลยไม่รู้และไม่เข้าใจนะครับ

:b5:


ใครไปลอกใคร...กันคับ
ผมพูดของผม..ไม่เกี่ยวกับคำของอโสกะ..สะหน่อย..


อ้างคำพูด:
การสรุปง่าย ๆ แบบนี้...ดูท่าจะผิดความหมายไปมาก...และคงไม่เคยหรือมีประสพการน้อย...

(อโสกะ)จึงไม่เคยรู้ว่า...มันก็มีอารมณ์ยินร้าย...ในกามสุขัลลิกานุโยค..และยินดีใน..อัตตกิลมถานุโยค..
ได้ด้วย

แค่นี้ไม่รูู้...จึงไม่ต้องไปพูดถึง...เรื่องเฉย..= มัชฌิมาปฏิปทา เพราะจะยิ่งเข้าป่าที่ไม่เคยเดินลึกมากไป
:b32: :b32:

กลับไปอ่านแล้วทำใจพิจารณาน้อมนำตามพระสูตร..ธัมมจักกัปปวัตนสูตร...อย่างมีสมาธิ..อย่ามีอารมณ์ดื้อ..อย่ายึดมั่นความคิดอย่างที่สรุปมานี้ของตนมากนัก...คิดว่าน่าจะเข้าใจได้ไม่ยากนะคับ


โพสต์ เมื่อ: 21 ม.ค. 2016, 04:20 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




เหตุ ปัจจัย นิพพาน_82kb_resize.jpg
เหตุ ปัจจัย นิพพาน_82kb_resize.jpg [ 35.2 KiB | เปิดดู 1407 ครั้ง ]
Rosarin เขียน:
Kiss
ทางสายกลางคือทางสายตรงเป็นทางสายเดียวที่มีอริยสัจจ์สี่กับอริยมรรคมีองค์แปด
การไม่อยู่บนทางสายกลางคือความยึดมั่นถือมั่นในตัวตนที่ไปรู้สึกว่าชอบใจไม่ชอบใจ
ความยินดีคือเราพอใจทำ(ความชอบ)ส่วนความยินร้ายคือเราไม่พอใจทำ(ความไม่ชอบ)
การดำเนินทางสายกลางคือการสะสมปัญญาที่ปราศจากความหลงว่ามีตัวตนไปยึดถือทุกสิ่ง
เป็นจิตเจตสิกเกิด-ดับสืบต่อสะสมวิชชาดับอวิชชาคือทำชีวิตประจำวันให้ละความรู้สึกสุข-ทุกข์
:b1: :b16:
:b12:
onion onion onion

:b8:
อนุโมทนากับคำอธิบายที่สละสลวยน่าอ่านของคุณRosalinครับ
:b27:
แต่ถ้าผมจะสรุปเป็นสำนวนชาวบ้านว่า

"เอา ความเห็นผิด ยึดผิดหรือ กู ที่ไปยินดี ยินร้ายหรือแม้แต่เฉยๆ ออก นั่นคือการเดินบนทางสายกลาง"


นี่พอจะฟังได้ไหมครับ

s004
:b12: :b12: :b12:
โพสต์ เมื่อ: 22 ม.ค. 2016, 06:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ยินดี..ยินร้าย...ยังไม่ยินดีหรือยินร้าย..ล้วนเป็นเวทนา

เวทนาจะเป็นสายกลาง..ได้งัย..เด็ก ป. 4 ยังตอบได้เลย..

เฉย....จึงไม่ใช่สายกลาง...ที่จะนำไปปฏิบัติ

การปฏิบัติเฉย...ไม่ใช่การปฏิบัติสายกลาง

แต่หากปฏิบัติตามสายกลางแล้ว...มีอารมณ์เฉยเป็นผล...อันนี้ใช้ได้

พวกหัวขโมย..มักง่าย...อยากได้ผลเลย...มักขโมยเฉยมาปฏิบัติ...ทำเฉย..ทำเฉย..เป็นต้น


โพสต์ เมื่อ: 23 ม.ค. 2016, 06:18 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ยินดี..ยินร้าย...ยังไม่ยินดีหรือยินร้าย..ล้วนเป็นเวทนา

เวทนาจะเป็นสายกลาง..ได้งัย..เด็ก ป. 4 ยังตอบได้เลย..

เฉย....จึงไม่ใช่สายกลาง...ที่จะนำไปปฏิบัติ

การปฏิบัติเฉย...ไม่ใช่การปฏิบัติสายกลาง

แต่หากปฏิบัติตามสายกลางแล้ว...มีอารมณ์เฉยเป็นผล...อันนี้ใช้ได้

พวกหัวขโมย..มักง่าย...อยากได้ผลเลย...มักขโมยเฉยมาปฏิบัติ...ทำเฉย..ทำเฉย..เป็นต้น

s004
คุณกบอาจจะมองลบมากไปหน่อย จึงพลาดโอกาสที่จะได้เห็นวิธีการง่ายๆในการเดินสายกลางภาคปฏิบัติ

คุณกบต้องคิดถึงการนำทฤษฎีไปสู่การใช้ปฏิบัติจริง

การเจริญมรรค 8 ตามตัวหนังสืออย่างที่คุณกบคิดนั้น ถ้านำมาปฏิบัติจริงคุณกบจะทำอย่างไรล่ะลองยกตัวอย่างอธิบายมาให้กันฟังจนสามารถทำให้ผู้ฟังนึกออกได้ง่ายๆว่า ปฏิบัติทางสายกลางนั้นทำอย่างไร?

แล้วหลังจากนั้นจะได้เทียบให้ดูว่าพระบรมศาสดาและครูบาอาจารย์ท่านแนะนำให้ทำอย่างไร?

เชิญครับ
tongue


โพสต์ เมื่อ: 23 ม.ค. 2016, 06:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ยินดี..ยินร้าย...ยังไม่ยินดีหรือยินร้าย..ล้วนเป็นเวทนา

เวทนาจะเป็นสายกลาง..ได้งัย..เด็ก ป. 4 ยังตอบได้เลย..

เฉย....จึงไม่ใช่สายกลาง...ที่จะนำไปปฏิบัติ

การปฏิบัติเฉย...ไม่ใช่การปฏิบัติสายกลาง

แต่หากปฏิบัติตามสายกลางแล้ว...มีอารมณ์เฉยเป็นผล...อันนี้ใช้ได้

พวกหัวขโมย..มักง่าย...อยากได้ผลเลย...มักขโมยเฉยมาปฏิบัติ...ทำเฉย..ทำเฉย..เป็นต้น


asoka เขียน:
s004


การเจริญมรรค 8 ตามตัวหนังสืออย่างที่คุณกบคิดนั้น ถ้านำมาปฏิบัติจริงคุณกบจะทำอย่างไรล่ะลองยกตัวอย่างอธิบายมาให้กันฟังจนสามารถทำให้ผู้ฟังนึกออกได้ง่ายๆว่า ปฏิบัติทางสายกลางนั้นทำอย่างไร?

tongue


ความเห็นของผม...เป็นตามตัวหนังสือ..ตรงไหนคับ..อโสกะ


โพสต์ เมื่อ: 23 ม.ค. 2016, 06:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ยินดี..ยินร้าย...ยังไม่ยินดีหรือยินร้าย..ล้วนเป็นเวทนา

เวทนาจะเป็นสายกลาง..ได้งัย..เด็ก ป. 4 ยังตอบได้เลย..

เฉย....จึงไม่ใช่สายกลาง...ที่จะนำไปปฏิบัติ

การปฏิบัติเฉย...ไม่ใช่การปฏิบัติสายกลาง

แต่หากปฏิบัติตามสายกลางแล้ว...มีอารมณ์เฉยเป็นผล...อันนี้ใช้ได้

พวกหัวขโมย..มักง่าย...อยากได้ผลเลย...มักขโมยเฉยมาปฏิบัติ...ทำเฉย..ทำเฉย..เป็นต้น


asoka เขียน:
s004


การเจริญมรรค 8 ตามตัวหนังสืออย่างที่คุณกบคิดนั้น ถ้านำมาปฏิบัติจริงคุณกบจะทำอย่างไรล่ะลองยกตัวอย่างอธิบายมาให้กันฟังจนสามารถทำให้ผู้ฟังนึกออกได้ง่ายๆว่า ปฏิบัติทางสายกลางนั้นทำอย่างไร?

tongue


ความเห็นของผม...เป็นตามตัวหนังสือ..ตรงไหนคับ..อโสกะ

:b12: :b12:
ก็เล่าวิธีปฏิบัติทางสายกลางที่กบทำอยู่มาให้ฟังสิครับแล้วผมจะวิเคราะห์ให้เห็นว่าเป็นการปฏิบัติตามตัวหนังสือ
:b13:
:b11:


โพสต์ เมื่อ: 23 ม.ค. 2016, 06:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ยินดี..ยินร้าย...ยังไม่ยินดีหรือยินร้าย..ล้วนเป็นเวทนา

เวทนาจะเป็นสายกลาง..ได้งัย..เด็ก ป. 4 ยังตอบได้เลย..

เฉย....จึงไม่ใช่สายกลาง...ที่จะนำไปปฏิบัติ

การปฏิบัติเฉย...ไม่ใช่การปฏิบัติสายกลาง

แต่หากปฏิบัติตามสายกลางแล้ว...มีอารมณ์เฉยเป็นผล...อันนี้ใช้ได้


พอมีปัญญาเห็นธรรมตามความเป็นจริง(จะว่าด้วยเรื่องกฎของกรรมก็ตาม..จะว่าด้วยเรื่องกฎไตรลักษณ์ก็ตาม..จะว่าด้วยเรื่องความเป็นธาตุก็ตาม..จะว่าด้วยเรื่องอสุภะก็ตาม..ฯ) ...ต่อเรื่องใดเรื่องหนึ่ง..ต่อผัสสะใดผัสสะหนึ่ง....อารมณ์เฉยจะเกิดเองจากการเห็นตามธรรม...

กบนอกกะลา เขียน:
พวกหัวขโมย..มักง่าย...อยากได้ผลเลย...มักขโมยเฉยมาปฏิบัติ...ทำเฉย..ทำเฉย..เป็นต้น


ทำเฉย...ทำเฉย...


โพสต์ เมื่อ: 23 ม.ค. 2016, 06:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:

:b12: :b12:
ก็เล่าวิธีปฏิบัติทางสายกลางที่กบทำอยู่มาให้ฟังสิครับแล้วผมจะวิเคราะห์ให้เห็นว่าเป็นการปฏิบัติตามตัวหนังสือ
:b13:
:b11:


:b32: :b32: :b32:

วิเคราะห์....วิเคราะห์..


โพสต์ เมื่อ: 23 ม.ค. 2016, 20:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b53:
อ้างคำพูด:
พอมีปัญญาเห็นธรรมตามความเป็นจริง(จะว่าด้วยเรื่องกฎของกรรมก็ตาม..จะว่าด้วยเรื่องกฎไตรลักษณ์ก็ตาม..จะว่าด้วยเรื่องความเป็นธาตุก็ตาม..จะว่าด้วยเรื่องอสุภะก็ตาม..ฯ) ...ต่อเรื่องใดเรื่องหนึ่ง..ต่อผัสสะใดผัสสะหนึ่ง....อารมณ์เฉยจะเกิดเองจากการเห็นตามธรรม...

:b4:
คำตอบนี้พอใช้ได้แต่มันเป็นผลสืบเนื่องจากการเดินตามทางสายกลาง

แต่ที่ผมถามนั้นถามวิธีปฏิบัติหรือวิธีเดินทางสายกลางเขาทำกันยังไงนะกบ ดูดีๆนะครับ

อ้างคำพูด:
การเจริญมรรค 8 ตามตัวหนังสืออย่างที่คุณกบคิดนั้น ถ้านำมาปฏิบัติจริงคุณกบจะทำอย่างไรล่ะลองยกตัวอย่างอธิบายมาให้กันฟังจนสามารถทำให้ผู้ฟังนึกออกได้ง่ายๆว่า ปฏิบัติทางสายกลางนั้นทำอย่างไร?


อ้างคำพูด:
ก็เล่าวิธีปฏิบัติทางสายกลางที่กบทำอยู่มาให้ฟังสิครับแล้วผมจะวิเคราะห์ให้เห็นว่าเป็นการปฏิบัติตามตัวหนังสือ

tongue


โพสต์ เมื่อ: 23 ม.ค. 2016, 21:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ศีล...สัมมัปปธาน4..สติ..โยนิโส

บารมี 10...สังโยชน์ 10...

ปฏิจจสมุปบาท...

:b6: :b6:


โพสต์ เมื่อ: 24 ม.ค. 2016, 18:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ศีล...สัมมัปปธาน4..สติ..โยนิโส

บารมี 10...สังโยชน์ 10...

ปฏิจจสมุปบาท...

:b6: :b6:

:b13:
ที่ว่ามานี่มันหลักทฤษฏีทั้งสิ้น มิใช่วิธีปฏิบัตินะครับคุณกบ
s004


โพสต์ เมื่อ: 24 ม.ค. 2016, 20:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


มันหลักทฤษฎีตรงไหนคับ..

มันแค่หัวข้อ..เท่านั้น


โพสต์ เมื่อ: 25 ม.ค. 2016, 05:08 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
มันหลักทฤษฎีตรงไหนคับ..

มันแค่หัวข้อ..เท่านั้น

:b13:
โธเอ้ย มัวแต่เล่นคำสัมบัติสัมนวนอยู่นั่นแหละ

พอจะให้เอาจริงก็มาพาลเฉไฉไปโน้นไปนี่ไม่ยอมตอบตามประเด็นซักที เป็นอย่างนี้อยู่เรื่อยแหละนะคุณกบ

ผมถามว่า


การเจริญมรรค 8 ตามตัวหนังสืออย่างที่คุณกบคิดนั้น ถ้านำมาปฏิบัติจริงคุณกบจะทำอย่างไรล่ะลองยกตัวอย่างอธิบายมาให้กันฟังจนสามารถทำให้ผู้ฟังนึกออกได้ง่ายๆว่า ปฏิบัติทางสายกลางนั้นทำอย่างไร?
s006
ตอบไม่ได้ อธิบายไม่เป็นก็ให้รีบบอกทันที จะได้เมตตาอธิบายให้ฟัง

อย่ามัวแต่ดึงเรื่องเฉไฉทำเท่ห์อมภูมิอยู่อย่างนั้นเลย

:b38:


โพสต์ เมื่อ: 25 ม.ค. 2016, 06:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b37:
อีก 1 ทัศนะในเรื่องทางสายกลาง

ชีวิตของสัตว์โลกทั่งหลายนั้นกำลังดำเนินไปด้วยแรงกระทำ 2 ด้าน ด้านหนึ่งผลัก อีกด้านหนึ่งดึง ถ้าหยุดแรงผลักดันแล้วไม่สร้างแรงดึง ความดำเนินไปของชีวิตสัตว์โลกก็จะหยุดค้างอยู่ตรงกลางหรือไหลไปตรงกลาง

วิบากของกรรมอดีต.......ดัน........กรรมปัจจุบัน.......ดึง.........วิบากเกิดคือรับผลในปัจจุบันและอนาคต

จะพยายามเขียนหรือวาดเป็นภาพมาให้ดูกันนะครับ

ละชั่ว = หยุดแรงดันของอดีตวิบาก

ทำดี = สลายแรงดึงของกรรมใหม่ในปัจจุบัน

ชำระจิตของตนให้ขาวรอบ = ทำกรรมปัจจุบันที่ให้ผลเป็นอโหสิกรรม


ลองพยายามจินตนาการเป็นภาพวัตถุที่วางตั้งไว้เฉยๆ ตรงกลางระหว่างแรงกระทำ 2 ข้างแรงดันก็ไม่มี แรงดึงก็ไม่มี วัตถุชิ้นนั้นจะเป็นอยู่อย่างไร?

ถ้าเทียบวัตถุนั้นเป็น รูป นาม หรือกาย จิต มันจะเกิดปฏิกิริยาคล้ายกันไหม

อย่างนี้ก็พอทำความเข้าใจคำว่า "กลาง" หรือทางสายกลางที่พระพุทธเจ้าทรงสอนได้หรือไม่


รู้ทฤษฏีอย่างนี้จะเป็นผลทำให้ค้นพบเทคนิคหรือวิธีปฏิบัติเพื่อให้อยู่บนทางสายกลางได้ด้วยตนเอง เป็นวิธีการของตนเองเฉพาะตนเองได้หรือไม่

ลองพิจารณากันนะครับ

:b36:


แก้ไขล่าสุดโดย asoka เมื่อ 25 ม.ค. 2016, 06:04, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสต์ เมื่อ: 25 ม.ค. 2016, 06:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ผมนึกอยู่แล้ว..ว่า..บอกแค่หัวข้อ..อโสกะคงตามความคิดผมไม่ทัน..


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 178 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 12  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร