วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 01:30  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 191 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10 ... 13  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ต.ค. 2017, 05:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


บอกแล้ว..ว่าให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ซะ....ให้ตรงประเด็นในสิ่งที่ตัวเองอยากจะพูด...

ออกนอกประเด็น..รกกระทู้ของคนอื่น...มันไม่มีมารยาท..นะ

:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ต.ค. 2017, 09:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
บอกแล้ว..ว่าให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ซะ....ให้ตรงประเด็นในสิ่งที่ตัวเองอยากจะพูด...

ออกนอกประเด็น..รกกระทู้ของคนอื่น...มันไม่มีมารยาท..นะ

:b32: :b32: :b32:


เหมือนเคยว่า เคยตอบมาทีแล้วนะ :b1: :b1: นี่

กบนอกกะลา เขียน:
ไปตั้งกระทู้ใหม่ซะ.....รู้จักเกรงใจ..จขกท..ซะบ้าง

จขกท. เป็นสมช.ใหม่ (ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ต.ค. 2017, 16:11) คคห. ผ่านๆมา คงได้คำตอบแล้ว และเค้าน่าจะตั้ง กท. ถามทำนองนี้ที่พันทิปด้วย หายห่วงได้ นี่ข้อหนึ่ง

สอง ถ้าไปตั้งกระทู้ใหม่ กบ จะตามไปคุยกันด้วยไหมล่ะ ถ้ารับปากว่าจะตามไป เครก็จะไปตั้งใหม่ ตามคำขู่

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ต.ค. 2017, 09:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
บอกแล้ว..ว่าให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ซะ....ให้ตรงประเด็นในสิ่งที่ตัวเองอยากจะพูด...

ออกนอกประเด็น..รกกระทู้ของคนอื่น...มันไม่มีมารยาท..นะ



เช่นนั้น กบ ลองตอบสิ สอง คคห. ที่ให้ดูนั่นนะ เป็นการเมืองไหม หรือเป็นธรรมะ เป็นอะไร การเมือง ธรรมะ อิอิ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ต.ค. 2017, 10:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
บอกแล้ว..ว่าให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ซะ....ให้ตรงประเด็นในสิ่งที่ตัวเองอยากจะพูด...

ออกนอกประเด็น..รกกระทู้ของคนอื่น...มันไม่มีมารยาท..นะ



จะในประเด็น นอกประเด็นอะไรยังไงอย่างว่า กบก็หมดประเด็น กระเด็น

แม้แต่เรื่องศีลที่กบนำไปหลอกคนหลอกตนเอง เอาเข้าจริงก็ไปไม่เป็นจอดไม่เป็นท่า เรื่อง ผดก.ที่กบนิยม ซึ่งตนอยากพูดจนเนื้อตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า แต่พอเอาเข้าจริงๆก็ไปไม่รอด :b1: กบ จึงเหลืออยู่ทางเดียว คือ นอกประเด็น... รกกระทู้คนอื่น ... ไม่มีมารยาท ไม่ตั้ง กท.ใหม่ไป อิอิ

แม้แต่เช่นนั้นซึ่่งเป็นสูตรท่อนซุงเองก็เถอะ จริงไม่จริงเช่นนั้น คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ต.ค. 2017, 17:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น กบ ลองตอบสิ สอง คคห. ที่ให้ดูนั่นนะ เป็นการเมืองไหม หรือเป็นธรรมะ เป็นอะไร การเมือง ธรรมะ อิอิ

กรัชกาย ....
อันไหนเป็นการเมือง อันไหนเป็นธรรม
กรัชกาย อ่านให้เข้าใจ สำเหนียกให้ดีครับ
V
Quote Tipitaka:
วัตถุกถาสูตรที่ ๑
[๖๙] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน
อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้นแล ภิกษุ
เป็นอันมากกลับจากบิณฑบาตภายหลังภัต นั่งประชุมกันที่หอฉัน สนทนา
ดิรัจฉานกถาเป็นอันมาก คือ สนทนาเรื่องพระราชา เรื่องโจร เรื่องมหาอำมาตย์
เรื่องกองทัพ เรื่องภัย เรื่องกรรม เรื่องข้าว เรื่องน้ำ เรื่องผ้า เรื่องที่นอน
เรื่องดอกไม้ เรื่องของหอม เรื่องญาติ เรื่องยาน เรื่องบ้าน เรื่องนิคม
เรื่องนคร เรื่องชนบท เรื่องสตรี เรื่องคนกล้าหาญ เรื่องตรอก เรื่องท่าน้ำ
เรื่องคนล่วงลับไปแล้ว เรื่องเบ็ดเตล็ด เรื่องโลก เรื่องทะเล เรื่องความเจริญ
และความเสื่อมด้วยประการนั้น ฯ
ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคเสด็จออกจากที่เร้นในเวลาเย็น เสด็จเข้าไป
ยังหอฉัน ประทับนั่งบนอาสนะอันเขาตบแต่งไว้ ครั้นแล้ว จึงตรัสถามภิกษุ
ทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย บัดนี้เธอทั้งหลายนั่งประชุมสนทนากันด้วยเรื่อง
อะไรหนอ ก็แหละกถาอะไรที่เธอทั้งหลายสนทนาค้างไว้ ภิกษุเหล่านั้นกราบทูล
ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอประทานพระวโรกาส ข้าพระองค์ทั้งหลายกลับจาก
บิณฑบาตภายหลังภัต นั่งประชุมกันที่หอฉัน สนทนาซึ่งดิรัจฉานกถาเป็นอันมาก
คือ สนทนาเรื่องพระราชา เรื่องโจร ฯลฯ เรื่องความเจริญและความเสื่อม
พระเจ้าข้า พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย การที่เธอทั้งหลายสนทนา
กันถึงดิรัจฉานกถาเป็นอันมาก คือ สนทนาเรื่องพระราชา เรื่องโจร ฯลฯ
เรื่องความเจริญและความเสื่อมนี้ ไม่สมควรแก่เธอทั้งหลาย ผู้เป็นกุลบุตร
ออกบวชเป็นบรรพชิตด้วยศรัทธาเลย ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย กถาวัตถุ ๑๐ ประการนี้ ๑๐ ประการเป็นไฉน คือ
อัปปิจฉกถา ๑ สันตุฏฐิกถา ๑ ปวิเวกกถา ๑ อสังสัคคกถา ๑ วิริยารัมภกถา ๑
สีลกถา ๑ สมาธิกถา ๑ ปัญญากถา ๑ วิมุตติกถา ๑ วิมุตติญาณทัสสนกถา ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย กถาวัตถุ ๑๐ ประการนี้แล ดูกรภิกษุทั้งหลาย หากว่าเธอ
ทั้งหลายยึดถือเอากถาวัตถุทั้ง ๑๐ ประการนี้แล้ว กล่าวเป็นกถาไซร้ เธอทั้งหลาย
พึงครอบงำเดชแม้ของ พระจันทร์และพระอาทิตย์ ผู้มีฤทธิ์มีอานุภาพมาก อย่างนี้ด้วย
เดชได้ จะป่วยกล่าวไปไยถึงปริพาชกอัญญเดียรถีย์ทั้งหลายเล่า ฯ
จบสูตรที่ ๙

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ต.ค. 2017, 19:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
บอกแล้ว..ว่าให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ซะ....ให้ตรงประเด็นในสิ่งที่ตัวเองอยากจะพูด...

ออกนอกประเด็น..รกกระทู้ของคนอื่น...มันไม่มีมารยาท..นะ



จะในประเด็น นอกประเด็นอะไรยังไงอย่างว่า กบก็หมดประเด็น กระเด็น

แม้แต่เรื่องศีลที่กบนำไปหลอกคนหลอกตนเอง เอาเข้าจริงก็ไปไม่เป็นจอดไม่เป็นท่า เรื่อง ผดก.ที่กบนิยม ซึ่งตนอยากพูดจนเนื้อตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า แต่พอเอาเข้าจริงๆก็ไปไม่รอด :b1: กบ จึงเหลืออยู่ทางเดียว คือ นอกประเด็น... รกกระทู้คนอื่น ... ไม่มีมารยาท ไม่ตั้ง กท.ใหม่ไป อิอิ

แม้แต่เช่นนั้นซึ่่งเป็นสูตรท่อนซุงเองก็เถอะ จริงไม่จริงเช่นนั้น คิกๆๆ


น่าเวทนา...กักกายยิ่งนัก..

ปาก...เป็นเหตุ...พาให้เศร้าหมองศรี...

:b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ต.ค. 2017, 09:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
บอกแล้ว..ว่าให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ซะ....ให้ตรงประเด็นในสิ่งที่ตัวเองอยากจะพูด...

ออกนอกประเด็น..รกกระทู้ของคนอื่น...มันไม่มีมารยาท..นะ



จะในประเด็น นอกประเด็นอะไรยังไงอย่างว่า กบก็หมดประเด็น กระเด็น

แม้แต่เรื่องศีลที่กบนำไปหลอกคนหลอกตนเอง เอาเข้าจริงก็ไปไม่เป็นจอดไม่เป็นท่า เรื่อง ผดก.ที่กบนิยม ซึ่งตนอยากพูดจนเนื้อตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า แต่พอเอาเข้าจริงๆก็ไปไม่รอด :b1: กบ จึงเหลืออยู่ทางเดียว คือ นอกประเด็น... รกกระทู้คนอื่น ... ไม่มีมารยาท ไม่ตั้ง กท.ใหม่ไป อิอิ

แม้แต่เช่นนั้นซึ่่งเป็นสูตรท่อนซุงเองก็เถอะ จริงไม่จริงเช่นนั้น คิกๆๆ


น่าเวทนา...กักกายยิ่งนัก..

ปาก...เป็นเหตุ...พาให้เศร้าหมองศรี...

:b9: :b9:


ที่ถามไม่เคยตอบเลยนะ อิอิ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ต.ค. 2017, 09:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น กบ ลองตอบสิ สอง คคห. ที่ให้ดูนั่นนะ เป็นการเมืองไหม หรือเป็นธรรมะ เป็นอะไร การเมือง ธรรมะ อิอิ

กรัชกาย ....
อันไหนเป็นการเมือง อันไหนเป็นธรรม
กรัชกาย อ่านให้เข้าใจ สำเหนียกให้ดีครับ
V
Quote Tipitaka:
วัตถุกถาสูตรที่ ๑
[๖๙] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน
อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้นแล ภิกษุ
เป็นอันมากกลับจากบิณฑบาตภายหลังภัต นั่งประชุมกันที่หอฉัน สนทนา
ดิรัจฉานกถาเป็นอันมาก คือ สนทนาเรื่องพระราชา เรื่องโจร เรื่องมหาอำมาตย์
เรื่องกองทัพ เรื่องภัย เรื่องกรรม เรื่องข้าว เรื่องน้ำ เรื่องผ้า เรื่องที่นอน
เรื่องดอกไม้ เรื่องของหอม เรื่องญาติ เรื่องยาน เรื่องบ้าน เรื่องนิคม
เรื่องนคร เรื่องชนบท เรื่องสตรี เรื่องคนกล้าหาญ เรื่องตรอก เรื่องท่าน้ำ
เรื่องคนล่วงลับไปแล้ว เรื่องเบ็ดเตล็ด เรื่องโลก เรื่องทะเล เรื่องความเจริญ
และความเสื่อมด้วยประการนั้น ฯ
ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคเสด็จออกจากที่เร้นในเวลาเย็น เสด็จเข้าไป
ยังหอฉัน ประทับนั่งบนอาสนะอันเขาตบแต่งไว้ ครั้นแล้ว จึงตรัสถามภิกษุ
ทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย บัดนี้เธอทั้งหลายนั่งประชุมสนทนากันด้วยเรื่อง
อะไรหนอ ก็แหละกถาอะไรที่เธอทั้งหลายสนทนาค้างไว้ ภิกษุเหล่านั้นกราบทูล
ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอประทานพระวโรกาส ข้าพระองค์ทั้งหลายกลับจาก
บิณฑบาตภายหลังภัต นั่งประชุมกันที่หอฉัน สนทนาซึ่งดิรัจฉานกถาเป็นอันมาก
คือ สนทนาเรื่องพระราชา เรื่องโจร ฯลฯ เรื่องความเจริญและความเสื่อม
พระเจ้าข้า พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย การที่เธอทั้งหลายสนทนา
กันถึงดิรัจฉานกถาเป็นอันมาก คือ สนทนาเรื่องพระราชา เรื่องโจร ฯลฯ
เรื่องความเจริญและความเสื่อมนี้ ไม่สมควรแก่เธอทั้งหลาย ผู้เป็นกุลบุตร
ออกบวชเป็นบรรพชิตด้วยศรัทธาเลย ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย กถาวัตถุ ๑๐ ประการนี้ ๑๐ ประการเป็นไฉน คือ
อัปปิจฉกถา ๑ สันตุฏฐิกถา ๑ ปวิเวกกถา ๑ อสังสัคคกถา ๑ วิริยารัมภกถา ๑
สีลกถา ๑ สมาธิกถา ๑ ปัญญากถา ๑ วิมุตติกถา ๑ วิมุตติญาณทัสสนกถา ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย กถาวัตถุ ๑๐ ประการนี้แล ดูกรภิกษุทั้งหลาย หากว่าเธอ
ทั้งหลายยึดถือเอากถาวัตถุทั้ง ๑๐ ประการนี้แล้ว กล่าวเป็นกถาไซร้ เธอทั้งหลาย
พึงครอบงำเดชแม้ของ พระจันทร์และพระอาทิตย์ ผู้มีฤทธิ์มีอานุภาพมาก อย่างนี้ด้วย
เดชได้ จะป่วยกล่าวไปไยถึงปริพาชกอัญญเดียรถีย์ทั้งหลายเล่า ฯ
จบสูตรที่ ๙


ถามว่า เนี่ยเป็นการเมืองไหม หรือเป็นธรรมะ หรือเป็นอะไร ยังไงว่าไป

รูปภาพ

นี่ด้วย

https://www.dailynews.co.th/education/588378

นี่ด้วย

https://www.thairath.co.th/content/1110604

นี่ด้วย

http://www.prachatalk.com/webboard/%E0% ... -%E0%B8%88

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ต.ค. 2017, 10:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น กบ ลองตอบสิ สอง คคห. ที่ให้ดูนั่นนะ เป็นการเมืองไหม หรือเป็นธรรมะ เป็นอะไร การเมือง ธรรมะ อิอิ

กรัชกาย ....
อันไหนเป็นการเมือง อันไหนเป็นธรรม
กรัชกาย อ่านให้เข้าใจ สำเหนียกให้ดีครับ
V
Quote Tipitaka:
วัตถุกถาสูตรที่ ๑
[๖๙] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน
อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้นแล ภิกษุ
เป็นอันมากกลับจากบิณฑบาตภายหลังภัต นั่งประชุมกันที่หอฉัน สนทนา
ดิรัจฉานกถาเป็นอันมาก คือ สนทนาเรื่องพระราชา เรื่องโจร เรื่องมหาอำมาตย์
เรื่องกองทัพ เรื่องภัย เรื่องกรรม เรื่องข้าว เรื่องน้ำ เรื่องผ้า เรื่องที่นอน
เรื่องดอกไม้ เรื่องของหอม เรื่องญาติ เรื่องยาน เรื่องบ้าน เรื่องนิคม
เรื่องนคร เรื่องชนบท เรื่องสตรี เรื่องคนกล้าหาญ เรื่องตรอก เรื่องท่าน้ำ
เรื่องคนล่วงลับไปแล้ว เรื่องเบ็ดเตล็ด เรื่องโลก เรื่องทะเล เรื่องความเจริญ
และความเสื่อมด้วยประการนั้น ฯ
ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคเสด็จออกจากที่เร้นในเวลาเย็น เสด็จเข้าไป
ยังหอฉัน ประทับนั่งบนอาสนะอันเขาตบแต่งไว้ ครั้นแล้ว จึงตรัสถามภิกษุ
ทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย บัดนี้เธอทั้งหลายนั่งประชุมสนทนากันด้วยเรื่อง
อะไรหนอ ก็แหละกถาอะไรที่เธอทั้งหลายสนทนาค้างไว้ ภิกษุเหล่านั้นกราบทูล
ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอประทานพระวโรกาส ข้าพระองค์ทั้งหลายกลับจาก
บิณฑบาตภายหลังภัต นั่งประชุมกันที่หอฉัน สนทนาซึ่งดิรัจฉานกถาเป็นอันมาก
คือ สนทนาเรื่องพระราชา เรื่องโจร ฯลฯ เรื่องความเจริญและความเสื่อม
พระเจ้าข้า พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย การที่เธอทั้งหลายสนทนา
กันถึงดิรัจฉานกถาเป็นอันมาก คือ สนทนาเรื่องพระราชา เรื่องโจร ฯลฯ
เรื่องความเจริญและความเสื่อมนี้ ไม่สมควรแก่เธอทั้งหลาย ผู้เป็นกุลบุตร
ออกบวชเป็นบรรพชิตด้วยศรัทธาเลย ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย กถาวัตถุ ๑๐ ประการนี้ ๑๐ ประการเป็นไฉน คือ
อัปปิจฉกถา ๑ สันตุฏฐิกถา ๑ ปวิเวกกถา ๑ อสังสัคคกถา ๑ วิริยารัมภกถา ๑
สีลกถา ๑ สมาธิกถา ๑ ปัญญากถา ๑ วิมุตติกถา ๑ วิมุตติญาณทัสสนกถา ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย กถาวัตถุ ๑๐ ประการนี้แล ดูกรภิกษุทั้งหลาย หากว่าเธอ
ทั้งหลายยึดถือเอากถาวัตถุทั้ง ๑๐ ประการนี้แล้ว กล่าวเป็นกถาไซร้ เธอทั้งหลาย
พึงครอบงำเดชแม้ของ พระจันทร์และพระอาทิตย์ ผู้มีฤทธิ์มีอานุภาพมาก อย่างนี้ด้วย
เดชได้ จะป่วยกล่าวไปไยถึงปริพาชกอัญญเดียรถีย์ทั้งหลายเล่า ฯ
จบสูตรที่ ๙



ครั้งพุทธกาล ญาติทั้งสองฝ่ายของพระพุทธเจ้า แย่งน้ำกันทำนา จึงเกิดวิวาทกันบานปลายใหญ่โต ถึงขั้นจะรบกัน

ถามเช่นนั้นนะ พระพุทธเจ้ายุ่งกับการบ้านการเมืองไหม เป็นการเมืองหรือเป็นธรรมะ หรือเป็นอะไร

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ต.ค. 2017, 11:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ครั้งพุทธกาล ญาติทั้งสองฝ่ายของพระพุทธเจ้า แย่งน้ำกันทำนา จึงเกิดวิวาทกันบานปลายใหญ่โต ถึงขั้นจะรบกัน

ถามเช่นนั้นนะ พระพุทธเจ้ายุ่งกับการบ้านการเมืองไหม เป็นการเมืองหรือเป็นธรรมะ หรือเป็นอะไร

พระพุทธองค์ ไม่ได้นำมาสนทนา
พระพุทธองค์ ลงมือแก้ปัญหา

พระพุทธองค์ไม่ได้นำมาเป็นหัวข้อในการถก

ต่างกันมากครับ ระหว่างพระพุทธองค์ และกรัชกาย

กรัชกายนำมาสนทนา เป็นดิรัจฉานกถา เป็นการเมือง ไม่ใช่ธรรม
กรัชกาย ถามว่า เป็นการเมือง หรือเป็นธรรมะ

จำได้ไหมที่ถาม ???

และปณิธานหลักของเว็ปนี้ คือไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองครับ

กรัชกายนำเสนอเรื่องการเมือง ก็ควรรู้จักว่าควรนำไปสนทนาที่ไหนตามความเหมาะสมนะครับ
โตๆ แล้วไม่ควรให้ต้องพูดซ้ำ

กะทู้การเมืองที่กรัชกายยุ่งเกี่ยว ลงถังขยะไปกี่กระทู้แล้ว จำได้ไหม????

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ต.ค. 2017, 18:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ครั้งพุทธกาล ญาติทั้งสองฝ่ายของพระพุทธเจ้า แย่งน้ำกันทำนา จึงเกิดวิวาทกันบานปลายใหญ่โต ถึงขั้นจะรบกัน

ถามเช่นนั้นนะ พระพุทธเจ้ายุ่งกับการบ้านการเมืองไหม เป็นการเมืองหรือเป็นธรรมะ หรือเป็นอะไร

พระพุทธองค์ ไม่ได้นำมาสนทนา
พระพุทธองค์ ลงมือแก้ปัญหา

พระพุทธองค์ไม่ได้นำมาเป็นหัวข้อในการถก

ต่างกันมากครับ ระหว่างพระพุทธองค์ และกรัชกาย

กรัชกายนำมาสนทนา เป็นดิรัจฉานกถา เป็นการเมือง ไม่ใช่ธรรม
กรัชกาย ถามว่า เป็นการเมือง หรือเป็นธรรมะ

จำได้ไหมที่ถาม ???

และปณิธานหลักของเว็ปนี้ คือไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองครับ

กรัชกายนำเสนอเรื่องการเมือง ก็ควรรู้จักว่าควรนำไปสนทนาที่ไหนตามความเหมาะสมนะครับ
โตๆ แล้วไม่ควรให้ต้องพูดซ้ำ

กะทู้การเมืองที่กรัชกายยุ่งเกี่ยว ลงถังขยะไปกี่กระทู้แล้ว จำได้ไหม????



เช่นนั้น พระพุทธเจ้าตรัสแก่ภิกษุ ใช่ ไม่ใช่ :b1:

1. ใช่

2. ชาวบ้าน ไม่ใช่ภิกษุ

ตอบข้อไหน 1 หรือ 2

วัตถุกถาสูตรที่ ๑
[๖๙] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน
อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้นแล ภิกษุ
เป็นอันมากกลับจากบิณฑบาตภายหลังภัต
นั่งประชุมกันที่หอฉัน สนทนา
ดิรัจฉานกถาเป็นอันมาก คือ สนทนาเรื่องพระราชา เรื่องโจร เรื่องมหาอำมาตย์
เรื่องกองทัพ เรื่องภัย เรื่องกรรม เรื่องข้าว เรื่องน้ำ เรื่องผ้า เรื่องที่นอน
เรื่องดอกไม้ เรื่องของหอม เรื่องญาติ เรื่องยาน เรื่องบ้าน เรื่องนิคม
เรื่องนคร เรื่องชนบท เรื่องสตรี เรื่องคนกล้าหาญ เรื่องตรอก เรื่องท่าน้ำ
เรื่องคนล่วงลับไปแล้ว เรื่องเบ็ดเตล็ด เรื่องโลก เรื่องทะเล เรื่องความเจริญ
และความเสื่อมด้วยประการนั้น ฯ
ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคเสด็จออกจากที่เร้นในเวลาเย็น เสด็จเข้าไป
ยังหอฉัน ประทับนั่งบนอาสนะอันเขาตบแต่งไว้ ครั้นแล้ว จึงตรัสถามภิกษุ
ทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย บัดนี้เธอทั้งหลายนั่งประชุมสนทนากันด้วยเรื่อง
อะไรหนอ ก็แหละกถาอะไรที่เธอทั้งหลายสนทนาค้างไว้ ภิกษุเหล่านั้นกราบทูล
ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอประทานพระวโรกาส ข้าพระองค์ทั้งหลายกลับจาก
บิณฑบาตภายหลังภัต นั่งประชุมกันที่หอฉัน สนทนาซึ่งดิรัจฉานกถาเป็นอันมาก
คือ สนทนาเรื่องพระราชา เรื่องโจร ฯลฯ เรื่องความเจริญและความเสื่อม
พระเจ้าข้า พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย การที่เธอทั้งหลายสนทนา
กันถึงดิรัจฉานกถาเป็นอันมาก คือ สนทนาเรื่องพระราชา เรื่องโจร ฯลฯ
เรื่องความเจริญและความเสื่อมนี้ ไม่สมควรแก่เธอทั้งหลาย ผู้เป็นกุลบุตร
ออกบวชเป็นบรรพชิต
ด้วยศรัทธาเลย ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย กถาวัตถุ ๑๐ ประการนี้ ๑๐ ประการเป็นไฉน คือ
อัปปิจฉกถา ๑ สันตุฏฐิกถา ๑ ปวิเวกกถา ๑ อสังสัคคกถา ๑ วิริยารัมภกถา ๑
สีลกถา ๑ สมาธิกถา ๑ ปัญญากถา ๑ วิมุตติกถา ๑ วิมุตติญาณทัสสนกถา ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย กถาวัตถุ ๑๐ ประการนี้แล ดูกรภิกษุทั้งหลาย หากว่าเธอ
ทั้งหลายยึดถือเอากถาวัตถุทั้ง ๑๐ ประการนี้แล้ว กล่าวเป็นกถาไซร้ เธอทั้งหลาย
พึงครอบงำเดชแม้ของ พระจันทร์และพระอาทิตย์ ผู้มีฤทธิ์มีอานุภาพมาก อย่างนี้ด้วย
เดชได้ จะป่วยกล่าวไปไยถึงปริพาชกอัญญเดียรถีย์ทั้งหลายเล่า ฯ
จบสูตรที่ ๙

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ต.ค. 2017, 18:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ครั้งพุทธกาล ญาติทั้งสองฝ่ายของพระพุทธเจ้า แย่งน้ำกันทำนา จึงเกิดวิวาทกันบานปลายใหญ่โต ถึงขั้นจะรบกัน

ถามเช่นนั้นนะ พระพุทธเจ้ายุ่งกับการบ้านการเมืองไหม เป็นการเมืองหรือเป็นธรรมะ หรือเป็นอะไร

พระพุทธองค์ ไม่ได้นำมาสนทนา
พระพุทธองค์ ลงมือแก้ปัญหา

พระพุทธองค์ไม่ได้นำมาเป็นหัวข้อในการถก

ต่างกันมากครับ ระหว่างพระพุทธองค์ และกรัชกาย

กรัชกายนำมาสนทนา เป็นดิรัจฉานกถา เป็นการเมือง ไม่ใช่ธรรม
กรัชกาย ถามว่า เป็นการเมือง หรือเป็นธรรมะ

จำได้ไหมที่ถาม ???

และปณิธานหลักของเว็ปนี้ คือไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองครับ

กรัชกายนำเสนอเรื่องการเมือง
ก็ควรรู้จักว่าควรนำไปสนทนาที่ไหนตามความเหมาะสมนะครับ
โตๆ แล้วไม่ควรให้ต้องพูดซ้ำ

กะทู้การเมืองที่กรัชกายยุ่งเกี่ยว ลงถังขยะไปกี่กระทู้แล้ว จำได้ไหม????


เช่นนั้น ตอบชัดๆนะขอรับนะ นิยามการเมืองของเช่นนั้นเป็นยังไง ดูจากตรงไหนว่าเป็นการเมือง ข้อหนึ่ง

ข้อสอง ธรรมะตามความเข้าใจของเช่นนั้นเป็นฉันใด ดูจากไหนว่าเป็นธรรมะ

ส่วนกบนอกกะลาหมดแม๊กไปแล้ว คิกๆๆ แม้แต่ศีลยังเอามาหลอกคน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ต.ค. 2017, 18:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น กบนอกกะลา ตีความว่ายังไง ดูนะดูดีดี

พระภิกษุสงฆ์หรือสมณะชีพราหมณ์ ก็พึงทำหน้าที่เป็นกัลยาณมิตรของชาวบ้าน ดังจะเห็นว่า หน้าที่ของพระภิกษุสงฆ์ต่อกุลบุตร ตามหลักทิศเบื้องบน ตรงกันทุกข้อกับลักษณะมิตรแท้ ประเภทมิตรแนะนำประโยชน์ จะว่าพระสงฆ์เป็นมิตรแท้ ประเภทมิตรแนะนำประโยชน์ ก็ได้ แต่หน้าที่ของพระสงฆ์นั้น มีเพิ่มมาอีก ๒ ข้อ รวมเป็น ๖ ข้อ คือ* (ที.ปา.11/204/206)

๑. ห้ามปราม (สอนให้เว้น) จากความชั่ว
๒. (แนะนำสั่งสอน) ให้ตั้งอยู่ในความดี
๓. อนุเคราะห์ด้วยความปรารถนาดี (เพิ่ม)
๔. ให้ได้ฟังได้รู้สิ่งที่ยังไม่เคยรู้ไม่เคยฟัง
๕. (ชี้แจงอธิบาย) ทำสิ่งที่เคยฟังแล้ว ให้เข้าใจแจ่มแจ้ง (เพิ่ม)
๖. บอกทางสวรรค์ (สอนวิธีดำเนินชีวิตให้ประสบความสุข)

หน้าที่ของพระสงฆ์นี้ เป็นไปตามความสัมพันธ์ต่อกันระหว่างพระสงฆ์กับชาวบ้าน ดังพุทธพจน์ว่า

"ภิกษุทั้งหลาย พราหมณ์คหบดี (ชาวบ้าน) ทั้งหลาย เป็นผู้มีอุปการะมากแก่เธอทั้งหลาย เป็นผู้บำรุงเธอทั้งหลายด้วย จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจัยเภสัชบริขาร;

"แม้พวกเธอก็จงเป็นผู้มีอุปการะมากแก่พราหมณ์คหบดีทั้งหลาย โดยแสดงธรรม อันงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์ พร้อมทั้งอรรถ พร้อมทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิง แก่พราหมณ์คหบดีเหล่านั้น

"ภิกษุทั้งหลาย คฤหัสถ์ และบรรพชิต อาศัยซึ่งกันและกัน อยู่ประพฤติพรหมจรรย์นี้ เพื่อมุ่งหมายจะสลัดเสียซึ่งโอฆะ เพื่อทำความจบสิ้นทุกข์โดยชอบด้วยประการฉะนี้

"ผู้ครองเรือนและผู้ไร้เรือน ทั้งสองฝ่าย อาศัยซึ่งกันและกัน ย่อมบำเพ็ญให้สัมฤทธิ์ซึ่งสัทธรรม ที่เป็นโยคเกษมอันยอดเยี่ยม ฯลฯ” (ขุ.อิติ. 25/287/314)

และมีพุทธพจน์อีกแห่งหนึ่ง ยืนยันการช่วยเหลือเกื้อกูลแก่ชาวบ้าน (โดยทางที่ชอบธรรม) ว่า

"ถูกอย่างนั้น นายบ้าน ตถาคตสรรเสริญการเอื้อเอ็นดู สรรเสริญการช่วยรักษา สรรเสริญการอนุเคราะห์แก่สกุลทั้งหลาย โดยอเนกปริยาย" (สํ.สฬ.18/621/399)



อย่างไรก็ตาม ความเป็นกัลยาณมิตรของพระสงฆ์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่ต่างๆทางธรรม ด้วยเมตตากรุณาแก่ชาวบ้านดังกล่าวมานี้ ก็จะต้องคงรักษาลักษณะพิเศษแห่งความมีชีวิตที่เป็นอิสระ และความเป็นสมณะไว้ด้วย มีให้กลายเป็นการคลุกคลีกับคฤหัสถ์ ซึ่งจะทำให้เกิดผลเสียแก่ทั้งสองฝ่าย คือกลายเป็นเครื่องขัดขวางความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมของตนเอง และทำให้ชาวบ้านขาดที่พึ่ง เพราะมีแต่คนที่ยังวุ่นวายตกอยู่ในสภาพเช่นเดียวกับพวกเขา ไม่มีหลักที่จะช่วยเหนี่ยวออกไปให้พ้นจากความสับสนวุ่นวายได้


ลักษณะ ความสัมพันธ์ผิดพลาด ที่พระสงฆ์กลายเป็นผู้ตกลงมาอยู่ในสภาพวุ่นวายติดแหติดอวนอยู่เดียวกับชาว บ้าน หมดความสามารถที่จะช่วยดึงชาวบ้านออกไปสู่ความเป็นอิสระ เช่นนี้ ท่านเรียกว่าเป็นอาการที่ถูกมนุษย์จับไว้
ดังพุทธพจน์ว่า


"ดูกรภิกษุ การถูกมนุษย์จับไว้เป็นไฉน ? กล่าวคือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้คลุกคลีกับคฤหัสถ์ทั้งหลาย รื่นเริงด้วยกัน โศกเศร้าด้วยกัน เมื่อเขาสุข ก็พลอยสุขไปกับเขา เมื่อเขาทุกข์ก็พลอยทุกข์ไปกับเขา เมื่อเขาเกิดกิจธุระขึ้น ก็เข้าจัดแจง (เจ้ากี้เจ้าการ) ด้วยตนเอง นี้เรียกว่า ถูกมนุษย์จับไว้" (สํ.สฬ.18/323/225)


แถมท้ายอีกที อิอิ นี่เป็นการเมืองหรือธรรมะ เช่นนั้น กบนอกกะลา

รูปภาพ

อย่าบอกนะว่าติดอยู่ข้างฝาเป็นธรรมะ ที่เห็นหัวอยู่ในน้ำเป็นการเมือง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ต.ค. 2017, 19:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น นี่เป็นหลักธรรม หรือการเมือง ตอบชัดๆ

ราชสังคหวัตถุ สังคหวัตถุของพระราชา, หลักการสงเคราะห์ประชาชนของนักปกครอง มี ๔ คือ

๑. สัสสเมธะ - ฉลาดบำรุงธัญญาหาร

๒. ปุริสเมธะ - ฉลาดบำรุงข้าราชการ

๓. สัมมาปาสะ - ผูกผสานรวมใจประชา

๔. วาชไปยะ - มีวาทะดูดดื่มใจ


เพื่อให้เห็นชัดขึ้น ขยายความหน่อย

สัสสเมธะ ความฉลาดในการบำรุงข้าวกล้า, ปรีชาในการบำรุงพืชพันธุ์ธัญญาหาร ส่งเสริมการเกษตรให้อุดมสมบูรณ์ เป็นสังคหวัตถุประการหนึ่ง ที่ผู้ปกครองบ้านเมืองจะพึงบำเพ็ญ

ปุริสเมธ ความฉลาดในการบำรุงข้าราชการ รู้จักส่งเสริมคนดีมีความสามารถ เป็นสังคหวัตถุประการหนึ่งของผู้ปกครองบ้านเมือง

สัมมาปาสะ “บ่วงคล้องไว้มั่น” ความรู้จักผูกผสานรวมใจประชาชน ด้วยการส่งเสริมอาชีพ เช่น ให้คนจนกู้ยืมทุนไปสร้างตัวในพาณิชกรรม เป็นต้น

วาชเปยะ, วาชไปยะ “วาจาดูดดื่มใจ” “น้ำคำควรดื่ม” ความรู้จักพูด คือ รู้จักทักทายปราศรัย ใช้วาจาสุภาพนุ่มนวล ประกอบด้วยเหตุผล มีประโยชน์ เป็นทางแห่งสามัคคี ทำให้เกิดความเข้าใจอันดี ความเชื่อถือและความนิยมนับถือ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ต.ค. 2017, 19:12 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น กบนอกกะลา ตีความว่ายังไง ดูนะดูดีดี

พระภิกษุสงฆ์หรือสมณะชีพราหมณ์ ก็พึงทำหน้าที่เป็นกัลยาณมิตรของชาวบ้าน ดังจะเห็นว่า หน้าที่ของพระภิกษุสงฆ์ต่อกุลบุตร ตามหลักทิศเบื้องบน ตรงกันทุกข้อกับลักษณะมิตรแท้ ประเภทมิตรแนะนำประโยชน์ จะว่าพระสงฆ์เป็นมิตรแท้ ประเภทมิตรแนะนำประโยชน์ ก็ได้ แต่หน้าที่ของพระสงฆ์นั้น มีเพิ่มมาอีก ๒ ข้อ รวมเป็น ๖ ข้อ คือ* (ที.ปา.11/204/206)

๑. ห้ามปราม (สอนให้เว้น) จากความชั่ว
๒. (แนะนำสั่งสอน) ให้ตั้งอยู่ในความดี
๓. อนุเคราะห์ด้วยความปรารถนาดี (เพิ่ม)
๔. ให้ได้ฟังได้รู้สิ่งที่ยังไม่เคยรู้ไม่เคยฟัง
๕. (ชี้แจงอธิบาย) ทำสิ่งที่เคยฟังแล้ว ให้เข้าใจแจ่มแจ้ง (เพิ่ม)
๖. บอกทางสวรรค์ (สอนวิธีดำเนินชีวิตให้ประสบความสุข)

หน้าที่ของพระสงฆ์นี้ เป็นไปตามความสัมพันธ์ต่อกันระหว่างพระสงฆ์กับชาวบ้าน ดังพุทธพจน์ว่า

"ภิกษุทั้งหลาย พราหมณ์คหบดี (ชาวบ้าน) ทั้งหลาย เป็นผู้มีอุปการะมากแก่เธอทั้งหลาย เป็นผู้บำรุงเธอทั้งหลายด้วย จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจัยเภสัชบริขาร;

"แม้พวกเธอก็จงเป็นผู้มีอุปการะมากแก่พราหมณ์คหบดีทั้งหลาย โดยแสดงธรรม อันงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์ พร้อมทั้งอรรถ พร้อมทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิง แก่พราหมณ์คหบดีเหล่านั้น

"ภิกษุทั้งหลาย คฤหัสถ์ และบรรพชิต อาศัยซึ่งกันและกัน อยู่ประพฤติพรหมจรรย์นี้ เพื่อมุ่งหมายจะสลัดเสียซึ่งโอฆะ เพื่อทำความจบสิ้นทุกข์โดยชอบด้วยประการฉะนี้

"ผู้ครองเรือนและผู้ไร้เรือน ทั้งสองฝ่าย อาศัยซึ่งกันและกัน ย่อมบำเพ็ญให้สัมฤทธิ์ซึ่งสัทธรรม ที่เป็นโยคเกษมอันยอดเยี่ยม ฯลฯ” (ขุ.อิติ. 25/287/314)

และมีพุทธพจน์อีกแห่งหนึ่ง ยืนยันการช่วยเหลือเกื้อกูลแก่ชาวบ้าน (โดยทางที่ชอบธรรม) ว่า

"ถูกอย่างนั้น นายบ้าน ตถาคตสรรเสริญการเอื้อเอ็นดู สรรเสริญการช่วยรักษา สรรเสริญการอนุเคราะห์แก่สกุลทั้งหลาย โดยอเนกปริยาย" (สํ.สฬ.18/621/399)



อย่างไรก็ตาม ความเป็นกัลยาณมิตรของพระสงฆ์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่ต่างๆทางธรรม ด้วยเมตตากรุณาแก่ชาวบ้านดังกล่าวมานี้ ก็จะต้องคงรักษาลักษณะพิเศษแห่งความมีชีวิตที่เป็นอิสระ และความเป็นสมณะไว้ด้วย มีให้กลายเป็นการคลุกคลีกับคฤหัสถ์ ซึ่งจะทำให้เกิดผลเสียแก่ทั้งสองฝ่าย คือกลายเป็นเครื่องขัดขวางความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมของตนเอง และทำให้ชาวบ้านขาดที่พึ่ง เพราะมีแต่คนที่ยังวุ่นวายตกอยู่ในสภาพเช่นเดียวกับพวกเขา ไม่มีหลักที่จะช่วยเหนี่ยวออกไปให้พ้นจากความสับสนวุ่นวายได้


ลักษณะ ความสัมพันธ์ผิดพลาด ที่พระสงฆ์กลายเป็นผู้ตกลงมาอยู่ในสภาพวุ่นวายติดแหติดอวนอยู่เดียวกับชาว บ้าน หมดความสามารถที่จะช่วยดึงชาวบ้านออกไปสู่ความเป็นอิสระ เช่นนี้ ท่านเรียกว่าเป็นอาการที่ถูกมนุษย์จับไว้
ดังพุทธพจน์ว่า


"ดูกรภิกษุ การถูกมนุษย์จับไว้เป็นไฉน ? กล่าวคือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้คลุกคลีกับคฤหัสถ์ทั้งหลาย รื่นเริงด้วยกัน โศกเศร้าด้วยกัน เมื่อเขาสุข ก็พลอยสุขไปกับเขา เมื่อเขาทุกข์ก็พลอยทุกข์ไปกับเขา เมื่อเขาเกิดกิจธุระขึ้น ก็เข้าจัดแจง (เจ้ากี้เจ้าการ) ด้วยตนเอง นี้เรียกว่า ถูกมนุษย์จับไว้" (สํ.สฬ.18/323/225)


แถมท้ายอีกที อิอิ นี่เป็นการเมืองหรือธรรมะ เช่นนั้น กบนอกกะลา

รูปภาพ

อย่าบอกนะว่าติดอยู่ข้างฝาเป็นธรรมะ ที่เห็นหัวอยู่ในน้ำเป็นการเมือง


555....อย่าบอกนะว่ากำลังมองตัวเองเป็นภิกษุสงฆ์..กักกาย..??

:b32: :b32: :b32:

สัมมาวาจา..กับ...สัมผัปปลาปะ...ก็ต่างกันอยู่


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 191 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10 ... 13  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร