วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 23:51  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 132 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 9  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ย. 2017, 10:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ต่อ


เมื่อสืบสาวลึกลงไป ย่อมเห็นได้ว่า ตัณหาเหล่านี้ สืบเนื่องมาจากอวิชชานั่นเอง กล่าวคือ เพราะไม่รู้สิ่งทั้งหลายตามที่มันเป็น
ไม่รู้จักมันในฐานะกระบวนการแห่งเหตุปัจจัยที่สัมพันธ์ต่อเนื่องกัน จึงเกิดความเห็นผิดพื้นฐานเกี่ยวกับเรื่องตัวตนขึ้นมาในรูปใดรูปหนึ่ง คือ เห็นว่าสิ่งทั้งหลายมีตัวมีตนเป็นชิ้นเป็นอัน เป็นแน่นอนตายตัว ซึ่งจะยั่งยืนอยู่ได้ (สัสสตทิฏฐิ = ความเห็นว่าเที่ยง ว่ายั่งยืนตายตัว) หรือไม่ก็เห็นว่าสิ่งทั้งหลายแตกดับสิ้นสลายตัวหมดไปได้เป็นสิ่งๆ เป็นชิ้นๆ เป็นอันๆไป (อุจเฉททิฏฐิ=ความเห็นว่าขาดสูญ ตัดขาดลอยตัว)


มนุษย์ปุถุชนทุกคนมีความเห็นผิดในรูปละเอียดอยู่ในตัวทั้งสองอย่าง จึงมีตัณหา ๓ อย่างนั้น
คือ
เพราะเข้าใจมืดมัวอยู่ในจิตส่วนลึกว่า สิ่งทั้งหลายมีตัวตนยิ่งยืนแน่นอนเป็นชิ้นเป็นอัน จึงเกิดความอยาก ในความเป็นอยู่ หรือภวตัณหาได้
และ
ในอีกด้านหนึ่ง ด้วยความไม่รู้ไม่แน่ใจ ก็เข้าใจไปได้อีกแนวหนึ่งว่า สิ่งทั้งหลายเป็นตัวเป็นตน เป็นชิ้นเป็นอันแต่ละส่วนละส่วนไป มันสูญสิ้นหมดไป ขาดหายไปได้ จึงเกิดความอยากในความไม่เป็นอยู่ หรือ วิภวตัณหาได้

ความเห็นผิดทั้งสองนี้ สัมพันธ์กับตัณหาในรูปของการเปิดโอกาสหรือช่องทางให้
ถ้ารู้เข้าใจ เห็นเสียแล้วว่า สิ่งทั้งหลายเป็นกระแส เป็นกระบวนแห่งเหตุปัจจัยที่สัมพันธ์ต่อเนื่องกัน ก็ย่อมไม่มีตัวตนที่จะยั่งยืนตายตัวเป็นชิ้นเป็นอันได้ และก็ย่อมไม่มีตัวตนเป็นเป็นอันที่จะหายจะขาดสูญไปได้ ภวตัณหาและวิภวตัณหาก็ไม่มีฐานที่ก่อตัวได้

ส่วนกามตัณหานั้น ก็ย่อมสืบเนื่องมาจากความเห็นผิดทั้งสองนั้นด้วย เพราะกลัวว่าตัวตนหรือสุขเวทนาก็ตามจะขาดสูญ สิ้นหายหมดไปเสีย จึงดิ้นรนไขว่คว้า กระทำย้ำให้หนักแน่นให้มั่นคงอยู่ให้ได้

ในรูปหยาบ ตัณหาแสดงอาการออกมาเป็นการดิ้นรนแส่หาสิ่งสนองความต้องการต่างๆ
การแส่หาภาวะชีวิตที่ให้สิ่งสนองความต้องการเหล่านั้น ความเบื่อหน่ายสิ่งที่มีแล้ว ได้แล้ว เป็นแล้ว ความหมดอาลัยตายอยาก ทนอยู่ไม่ได้โดยไม่มีสิ่งสนองความต้องการใหม่ๆเรื่อยๆไป

ภาพที่เห็นได้ชัดก็คือ มนุษย์ที่เป็นตัวของเองไม่ได้ ถ้าปราศจากสิ่งสนองความต้องการทางประสาททั้ง ๕ แล้ว ก็มีแต่ความเบื่อหน่ายว้าเหว่ทนไม่ไหว ต้องเที่ยวดิ้นรนไขว่คว้าสิ่งสนองความต้องการใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา เพื่อหนีจากภาวะเบื่อหน่ายตัวเอง
ถ้าขาดสิ่งสนองความต้องการ หรือไม่ได้ตามที่ต้องการเมื่อใด ก็ผิดหวัง หมออาลัยตายอยาก เบื่อตัวเอง ชังตัวเอง ความสุขความทุกข์จึงขึ้นต่อปัจจัยภายนอกอย่างเดียว

เวลาว่างจึงกลับเป็นโทษเป็นภัยแก่มนุษย์ได้ทั้งส่วนบุคคลและสังคม

ความเบื่อหน่าย ความซึมเศร้า ความว้าเหว่ ความไม่พอใจ จึงมีมากขึ้น ทั้งที่มีสิ่งสนองความต้องการมากขึ้น และการแสวงหาความปรนปรือทางประสาทสัมผัสต่างๆ จึงหยาบและร้อนแรงยิ่งขึ้น

การติดสิ่งเสพติดต่างๆก็ดี การใช้เวลาว่างทำความผิดความชั่วของเด็กวัยรุ่นก็ดี

ถ้าสืบค้นลงไปในจิตใจอย่างลึกซึ้งแล้ว จะเห็นว่าสาเหตุสำคัญ ก็คือ ความทนอยู่ไม่ได้ ความเบื่อหน่าย จะหนีไปให้พ้นจากภพที่เขาเกิดอยู่ในขณะนั้นนั่นเอง

ในกรณีที่มีการศึกษาอบรม การได้รับคำแนะนำสั่งสอนทางศาสนา การมีความเชื่อถือในทางที่ถูกต้อง การยึดถือในอุดมคติที่ดีงามต่างๆ (ในข้ออวิชชา) ตัณหาย่อมถูกชักจูงมาใช้ในทางที่ดีได้ จึงมีการทำดีเพื่อจะได้เป็นคนดี
การขยันหมั่นเพียร เพื่อผลที่หมายระยะยาว
การบำเพ็ญประโยชน์เพื่อเกียรติคุณหรือเพื่อไปเกิดในสวรรค์
การใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ตลอดจนการอาศัยตัณหาเพื่อละตัณหาก็ได้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ย. 2017, 19:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ถาม Bigtoo อุตส่าว่า..พ้นแล้ว..นั้นนะ...ความคิดเก่าที่ว่า..โสดาบันจิบเหล้าเข้าสังคมได้..นั้นนะ..เปลี่ยนไปแล้วรึยัง?...ถ้าเปลี่ยนไปแล้วจะได้อนุโมทนาเอาบุญด้วยหน่อย..

:b6: :b6: :b6:

ไม่มีทางเปลี่ยนครับ อริยะสาวกเลิกธรรมสี่ประการได้ นี่คือคำกล่าวของพุทธะ ไปคิดเอา ว่าศิลห้าเขาใช้อะไรเป็นการกำหนด และทำไมสุราถึงอยู่ในทางเสื่อม และทางเสือมแบบไหนจึงเรียกว่าทางเสื่อม

ไปเรียนรู้ให้มากกว่านี้ พุทธะเป็นผู้ฉลาดสุดๆ ย่อทรู้ว่าสิ่งใดมันไม่มีโทษโดยส่วนเดียว แล้วอริยะสามารถกระทำได้ประมาณไหน ไปเรียนมาให้มากๆกว่านี้

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ย. 2017, 20:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ถาม Bigtoo อุตส่าว่า..พ้นแล้ว..นั้นนะ...ความคิดเก่าที่ว่า..โสดาบันจิบเหล้าเข้าสังคมได้..นั้นนะ..เปลี่ยนไปแล้วรึยัง?...ถ้าเปลี่ยนไปแล้วจะได้อนุโมทนาเอาบุญด้วยหน่อย..

:b6: :b6: :b6:

ไม่มีทางเปลี่ยนครับ อริยะสาวกเลิกธรรมสี่ประการได้ นี่คือคำกล่าวของพุทธะ ไปคิดเอา ว่าศิลห้าเขาใช้อะไรเป็นการกำหนด และทำไมสุราถึงอยู่ในทางเสื่อม และทางเสือมแบบไหนจึงเรียกว่าทางเสื่อม

ไปเรียนรู้ให้มากกว่านี้ พุทธะเป็นผู้ฉลาดสุดๆ ย่อทรู้ว่าสิ่งใดมันไม่มีโทษโดยส่วนเดียว แล้วอริยะสามารถกระทำได้ประมาณไหน ไปเรียนมาให้มากๆกว่านี้


:b32: :b32: :b32:

หว่า..อดได้โมทนา..เลยเรา.. :b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ย. 2017, 13:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
bigtoo เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ถาม Bigtoo อุตส่าว่า..พ้นแล้ว..นั้นนะ...ความคิดเก่าที่ว่า..โสดาบันจิบเหล้าเข้าสังคมได้..นั้นนะ..เปลี่ยนไปแล้วรึยัง?...ถ้าเปลี่ยนไปแล้วจะได้อนุโมทนาเอาบุญด้วยหน่อย..

:b6: :b6: :b6:

ไม่มีทางเปลี่ยนครับ อริยะสาวกเลิกธรรมสี่ประการได้ นี่คือคำกล่าวของพุทธะ ไปคิดเอา ว่าศิลห้าเขาใช้อะไรเป็นการกำหนด และทำไมสุราถึงอยู่ในทางเสื่อม และทางเสือมแบบไหนจึงเรียกว่าทางเสื่อม

ไปเรียนรู้ให้มากกว่านี้ พุทธะเป็นผู้ฉลาดสุดๆ ย่อทรู้ว่าสิ่งใดมันไม่มีโทษโดยส่วนเดียว แล้วอริยะสามารถกระทำได้ประมาณไหน ไปเรียนมาให้มากๆกว่านี้


:b32: :b32: :b32:

หว่า..อดได้โมทนา..เลยเรา.. :b9: :b9:
พุทธองกล่าว อริยสาวกละธรรม4ประการนีได้ด้ ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ผิดในกาม ไม่โกหก กบคิดว่าไง ที่ท่านกล่าวแบบนี้

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ย. 2017, 19:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เอาที่พระองค์กล่าว...ใว้ในที่อื่นๆ..ด้วยซี..

:b32: :b32: :b32:

เคยเอาลง...ไปตั้งนานแล้ว...
Bigtoo ไม่เอาท่าเดียว..เลย..

:b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ย. 2017, 22:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
เอาที่พระองค์กล่าว...ใว้ในที่อื่นๆ..ด้วยซี..

:b32: :b32: :b32:

เคยเอาลง...ไปตั้งนานแล้ว...
Bigtoo ไม่เอาท่าเดียว..เลย..

:b9: :b9:

อ้าวงั้นพระองค์ก็พูดไม่ตรงกันนะซิ กบ ทำไงดี สงสัยกบจะวินิจฉัยธรรมไม่เป็นมั้ง ว่าทำไมสุราจึงจัดไปเป็นทางเสื่อม และอย่างไรถึงเรียกว่าทางเสื่อม การทำบ่อยๆเนื่องๆเขาเรียกทางเสื่อม ปีละครั้งเสื่อมได้ป่ะ และรู้มั้ยบริบทของศิลนั้นคืออะไร เข้าใช้อะไรเขาใช้ตัวเจตนาเป็นการรักษาศิล สังคมมีบริบทมากมาย พระศาสดาท่านมีปัญญามากมายกว่ากบเยอะ ท่านจึงแยกสิ่งใดที่ไม่มีโทษในส่วนเดียวไว้ เพราะสุราบางคนก็กินเป็นยา พอเจ้าใจนะกบ ว่าทำไมจึงมีทางออกข้อนี้ ท่านจึงกล่าวว่า อริยสาวกละธรรมสี่ประการได้ พอเข้าใจนะ แต่ศิลห้าให้รักษาด้วยเจตนาละเว้น แต่สี่ข้อต้องเลิกได้ขาด พอเข้าใจนะ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ย. 2017, 06:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ย. 2017, 08:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
:b32: :b32: :b32:


ไปไม่เป็นก็เห็นแต่รูป :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ย. 2017, 09:10 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
:b32: :b32: :b32:


ไปไม่เป็นก็เห็นแต่รูป :b32:


ขี้เกียจ...นะ huh huh huh
อันเก่า..ก็เยอะแล้ว...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ย. 2017, 14:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


คนที่ศึกษาธรรมะไม่ละเอียดพอจะไม่เข้าใจคำว่าศิล ศิลคือเจตนาวิรัติทุจริต อริยะสาวกจึงจำเป็นต้องเว้นขาดเพียงสี่ข้อตามพระศาสดากล่าวไว้ชัดเจน แล้วสุราไปลงไว้ในทางเสื่อมหกประการ และที่จริงศิลห้านี้ก็มีมาก่อนพระองค์จะตรัสรู้ พระองค์เห็นว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งดีไม่มีโทษแก่มนุษย์ ท่านจึงดำรงไว้ แต่บัญญัติว่าเพียงสี่ข้อก้เป็นอริยสมบูรณ์ แต่ต้องไปควบด้วยทางเสื่อมหกประการ และมีเจตนาละเว้นทั้ง5ข้อ นี่คำสอนพระองค์ถึงจะไม่ขัดกัน

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ย. 2017, 16:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
คนที่ศึกษาธรรมะไม่ละเอียดพอจะไม่เข้าใจคำว่าศิล ศิลคือเจตนาวิรัติทุจริต อริยะสาวกจึงจำเป็นต้องเว้นขาดเพียงสี่ข้อตามพระศาสดากล่าวไว้ชัดเจน แล้วสุราไปลงไว้ในทางเสื่อมหกประการ และที่จริงศิลห้านี้ก็มีมาก่อนพระองค์จะตรัสรู้ พระองค์เห็นว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งดีไม่มีโทษแก่มนุษย์ ท่านจึงดำรงไว้ แต่บัญญัติว่าเพียงสี่ข้อก้เป็นอริยสมบูรณ์ แต่ต้องไปควบด้วยทางเสื่อมหกประการ และมีเจตนาละเว้นทั้ง5ข้อ นี่คำสอนพระองค์ถึงจะไม่ขัดกัน


"ศีลเป็นฐานของธรรมทั้งปวง"

ศีล ๕ เหมือนลำต้น นอกนั้นล้วนเป็นกิ่งก้านสาขาที่แตกแขนงออกไป เช่น ศีล ๘ ศีล ๑๐ กรรมบถ ๑๐ อบายมุข ๖ เป็นต้น ฯลฯ "ศีลของพระอริยะ เป็นสมุจเฉทปหาน" คือเป็นไปโดยอัตโนมัต ไม่ต้องเฝ้าระวังรักษา เหมือนปุถุชนเราท่าน ..

เพราะฉะนั้น "พระอริยะท่านจึงเห็นศีลเห็นธรรมเหนือกว่าสิ่งใด" ท่านจึงเคารพศีลเคารพธรรมเหนือกว่าชีวิต ไม่มีทางที่ท่านจะลดตัวลงมาเอาใจหรือให้ความสำคัญกับสังคมของคนบาป นับประสาอะไร แม้แต่เทวดาท่านยังตะเพิด ขับไล่ได้เลย ..


:b1:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ย. 2017, 17:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


วิริยะ เขียน:
bigtoo เขียน:
คนที่ศึกษาธรรมะไม่ละเอียดพอจะไม่เข้าใจคำว่าศิล ศิลคือเจตนาวิรัติทุจริต อริยะสาวกจึงจำเป็นต้องเว้นขาดเพียงสี่ข้อตามพระศาสดากล่าวไว้ชัดเจน แล้วสุราไปลงไว้ในทางเสื่อมหกประการ และที่จริงศิลห้านี้ก็มีมาก่อนพระองค์จะตรัสรู้ พระองค์เห็นว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งดีไม่มีโทษแก่มนุษย์ ท่านจึงดำรงไว้ แต่บัญญัติว่าเพียงสี่ข้อก้เป็นอริยสมบูรณ์ แต่ต้องไปควบด้วยทางเสื่อมหกประการ และมีเจตนาละเว้นทั้ง5ข้อ นี่คำสอนพระองค์ถึงจะไม่ขัดกัน


"ศีลเป็นฐานของธรรมทั้งปวง"

ศีล ๕ เหมือนลำต้น นอกนั้นล้วนเป็นกิ่งก้านสาขาที่แตกแขนงออกไป เช่น ศีล ๘ ศีล ๑๐ กรรมบถ ๑๐ อบายมุข ๖ เป็นต้น ฯลฯ "ศีลของพระอริยะ เป็นสมุจเฉทปหาน" คือเป็นไปโดยอัตโนมัต ไม่ต้องเฝ้าระวังรักษา เหมือนปุถุชนเราท่าน ..

เพราะฉะนั้น "พระอริยะท่านจึงเห็นศีลเห็นธรรมเหนือกว่าสิ่งใด" ท่านจึงเคารพศีลเคารพธรรมเหนือกว่าชีวิต ไม่มีทางที่ท่านจะลดตัวลงมาเอาใจหรือให้ความสำคัญกับสังคมของคนบาป นับประสาอะไร แม้แต่เทวดาท่านยังตะเพิด ขับไล่ได้เลย ..


:b1:

ใช่ครับ แต่บริบทของศิลคือตัวเจตนาครับ ต้องมีเจตนาละเว้นขาดครับ แต่อริยะสาวกละธรรมะสี่ประการกล่าวคือ ไม่ล่ะเมิดอีกแล้ว แต่ข้อสุรานั้นแยกออกมาเป็นทาวเสื่อมต้องประกอบเนื่องๆ ถ้าท่านวินิจฉัยว่าต้องครบทั้งห้า ท่านคิดว่าคำกล่าวพุทธองค์ก็ผิดนะซิครับ (อริยะสาวกละธรรมสี่ประการได้) ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักกทรัพย์ ไม่ผิดลูกเมีย ไม่โกหก

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ย. 2017, 17:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


วิริยะ เขียน:
bigtoo เขียน:
คนที่ศึกษาธรรมะไม่ละเอียดพอจะไม่เข้าใจคำว่าศิล ศิลคือเจตนาวิรัติทุจริต อริยะสาวกจึงจำเป็นต้องเว้นขาดเพียงสี่ข้อตามพระศาสดากล่าวไว้ชัดเจน แล้วสุราไปลงไว้ในทางเสื่อมหกประการ และที่จริงศิลห้านี้ก็มีมาก่อนพระองค์จะตรัสรู้ พระองค์เห็นว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งดีไม่มีโทษแก่มนุษย์ ท่านจึงดำรงไว้ แต่บัญญัติว่าเพียงสี่ข้อก้เป็นอริยสมบูรณ์ แต่ต้องไปควบด้วยทางเสื่อมหกประการ และมีเจตนาละเว้นทั้ง5ข้อ นี่คำสอนพระองค์ถึงจะไม่ขัดกัน


"ศีลเป็นฐานของธรรมทั้งปวง"

ศีล ๕ เหมือนลำต้น นอกนั้นล้วนเป็นกิ่งก้านสาขาที่แตกแขนงออกไป เช่น ศีล ๘ ศีล ๑๐ กรรมบถ ๑๐ อบายมุข ๖ เป็นต้น ฯลฯ "ศีลของพระอริยะ เป็นสมุจเฉทปหาน" คือเป็นไปโดยอัตโนมัต ไม่ต้องเฝ้าระวังรักษา เหมือนปุถุชนเราท่าน ..

เพราะฉะนั้น "พระอริยะท่านจึงเห็นศีลเห็นธรรมเหนือกว่าสิ่งใด" ท่านจึงเคารพศีลเคารพธรรมเหนือกว่าชีวิต ไม่มีทางที่ท่านจะลดตัวลงมาเอาใจหรือให้ความสำคัญกับสังคมของคนบาป นับประสาอะไร แม้แต่เทวดาท่านยังตะเพิด ขับไล่ได้เลย ..


:b1:
และที่ท่านกล่าวว่าศิลเป็นฐานของธรรมทั้งปวงนั้นไม่จริงครับ สุตตะต่างหากเป็นฐานของธรรมทั้งปวง ท่านศึกษาไม่มากพอเลยยึดว่าศิลห้าเป็นฐาน มีคนไปถามพระศาสดาว่าทำไมคนรักษาศิลห้าตกนรก ท่านคิดว่าไง

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ย. 2017, 19:41 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ย. 2017, 07:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
และที่ท่านกล่าวว่าศิลเป็นฐานของธรรมทั้งปวงนั้นไม่จริงครับ สุตตะต่างหากเป็นฐานของธรรมทั้งปวง ท่านศึกษาไม่มากพอเลยยึดว่าศิลห้าเป็นฐาน มีคนไปถามพระศาสดาว่าทำไมคนรักษาศิลห้าตกนรก ท่านคิดว่าไง

ที่สุดของศีลคือ เจตนาวิรัต ..
เจตนา คือตั้งใจ จงใจกระทำให้บรรลุผล

เช่น มีแก้วเหล้าอยู่ตรงหน้า เอื้อมมือไปหยิบ ยกขึ้นดื่ม เหล้านั้นล่วงพ้นลำคอลงไป เรียกว่าเจตนา
ถ้าไม่เจตนา ถึงมือขาดหรือทุบจนตายก็ไม่ดื่มเหล้านั้น

ศาสนาสอนเรื่อง "ศีล สมาธิ ปัญญา" ..

ศีลเป็นฐานของสมาธิ สมาธิเป็นฐานของปัญญา เหมือนสามเหลียม
"ศีลเป็นฐาน สมาธิเป็นตัว ปัญญาเป็นยอด"

เรื่องของเหตุผล ..

"ทำไมคนรักษาศีลห้าตกนรก"
"ทำไมสันตติมหาอำมาตย์ ผู้ดื่มสุราถึงบรรลุนิพพานได้"

คำตอบก็คือ เพราะมีเหตุ " ...... "

พุทธศาสนา สอนเรื่องเหตุเรื่องผล เรื่องของปัญญาเสมอ ..


:b1:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 132 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 9  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร