วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 01:07  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 118 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 8  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ม.ค. 2018, 16:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เปิดใจ “นักธรรมพันธุ์ใหม่” นิพพานได้-ไม่ต้องบวช-ไม่เข้าวัด-อ้างพระพุทธเจ้าบัญชา!!?

https://mgronline.com/livelite/detail/9610000008244

แปะๆไว้ก่อน คิกๆๆ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ม.ค. 2018, 16:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เอาทีละประเด็น

นิพพาน การดับกิเลสและกองทุกข์ เป็นโลกุตรธรรม

(นิพพาน - นิ - ไมมี,ออก + วาน - เป็นชื่อของตัณหา ตัณหาที่ชื่อ วาน = นิพพาน ตามหลักไวยากรณ์ แปลง ว เป็น พ. แล้วซ้อน พ )

นิโรธ ความดับทุกข์ คือดับตัณหาได้สิ้นเชิง, ความปลอดทุกข์เพราะไม่มีทุกข์ที่จะเกิดขึ้นได้ หมายถึงพระนิพพาน

แล้วก็นิโรธ ที่ใน อริยสัจ ๔ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค นั่นเท่ากับนิพพาน คือกำจัดตัณหา ๓ ได้สิ้นแล้ว

ตามที่เขาว่า
อ้างคำพูด:
นิพพานได้-ไม่ต้องบวช-ไม่เข้าวัด


ถ้านิพพานแบบพุทธธรรมดังว่านั่นว่าการกำจัดกิเลสและกองทุกข์ได้ ถ้าความหมายนี้ล่ะก็ ใครก็ได้ ถ้ากำจัดกิเลสได้ แม้แต่กำจัดนิวรณ์ได้ ท่านก็เรียกว่านิพพาน เพราะฉะนั้น ประเด็นนี้ไม่ต้องบวชก็ได้ ไม่เข้าวัดก็ได้ แต่มีปัญหาว่า คุณทำคุณปฏิบัติแบบไหน คือทำยังไง จึงกำจัดกิเลส มีราคะ โทสะ โมหะได้

ประเด็นต่อมา

อ้างคำพูด:
อ้างพระพุทธเจ้าบัญชา


นี่เลอะแล้ว คิกๆๆ ถ้ามิตรไชยบัญชาว่าไปอย่าง อย่าอ้างพระพุทธเจ้าบัญชา เพราะอะไร? เพราะกำลังเอาศรัทธาผู้คนมาแสวงหาผลประโยชน์ พระพุทธเจ้าตายไปแล้ว (พูดภาษาบ้านๆว่าตายไปแล้ว) จะมาบัญชาอะไรใครได้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ม.ค. 2018, 17:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขั้นตอนหรือระดับแห่งการเข้าถึงนิพพาน

ฌานสมาบัติทั้งหลาย นอกจากจะเป็นพื้นฐานที่ดีในการปฏิบัติเพื่อบรรลุนิพพานแล้ว บางครั้งท่านยังเรียกเป็นนิพพานโดยปริยาย คือ โดยอ้อม หรือโดยความหมายบางแง่บางด้านอีกด้วย เช่น มีพุทธพจน์ตรัสเรียก ฌาน ๔ อรูปฌาน ๔ และสัญญาเวทยิตนิโรธ แต่ละอย่างๆ ว่าเป็นตทังคนิพพาน บ้าง ทิฏฐธรรมนิพพาน บ้าง สันทิฏฐิกนิพพาน บ้าง เช่น ข้อความในบาลีว่า

"ภิกษุผู้สงบจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม ฯลฯ เข้าถึงปฐมฌาน แม้เท่านี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ตรัสเรียกว่า เป็นทิฏฐธรรมนิพพาน โดยปริยาย ฯลฯ

"ภิกษุก้าวล่วงเนวสัญญานาสัญญายตนะโดยประการทั้งปวง เข้าถึงสัญญาเวทยิตนิโรธอยู่ เพราะเห็นด้วยปัญญา อาสวะทั้งหลายของเธอก็หมดสิ้นไป แม้เพียงเท่านี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ตรัสเรียกว่า เป็นทิฏฐธรรมนิพพาน โดยนิปริยาย "

ผู้ที่กำลังเจริญวิปัสสนา มองเห็นขันธ์ ๕ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีอันจะต้องผันแปรไปเป็นธรรมดา ละความโศกเศร้าเป็นต้นเสียได้ หมดความร่านรนกระวนกระวาย อยู่เป็นสุข ท่านก็เรียกว่าเป็นผู้ตทังคนิพพาน

มีพุทธพจน์น่าสนใจแห่งหนึ่ง ตรัสว่า คนที่ถูกราคะ โทสะ โมหะ ครอบงำ ย่อมคิดในทางที่จะทำตนเองให้ลำบากเดือดร้อนบ้าง ทำคนอื่นให้ลำบากเดือดร้อนบ้าง ทำทั้งตนเองและผู้อื่นให้ลำบากเดือด ร้อนทั้งสองฝ่ายบ้าง ย่อมเสวยทุกขโทมนัสทางใจบ้าง ครั้นเขาละราคะ โทสะ โมหะ ได้แล้ว เขาก็ไม่คิดในทางที่จะทำตนเองหรือทำผู้อื่น หรือทั้งสองฝ่ายให้ลำบากเดือดร้อน ไม่ต้องเสวยทุกขโทมนัสทางใจ อย่างนี้แหละเป็นสันทิฏฐิกนิพพาน
เมื่อใด บุคคลผู้นี้ เสวยภาวะปลอดราคะสิ้นเชิง ภาวะปลอดโทสะสิ้นเชิง ภาวะปลอดโมหะสิ้นเชิง อย่างนี้แล คือ นิพพานที่เป็นสันทิฏฐิกะ อกาลิกะ เอหิปัสสิกะ โอปนยิกะ ปัจจัตตัง เวทิตัพพัง วิญญูหิ (ซึ่งวิญญูชน พึงทราบจำเพาะตน) (องฺ.ติก.20,495/202)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ม.ค. 2018, 17:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ให้ดูด้านลึกของจิตวิญญาณบ้าง เพื่อว่าเขาทำแล้วเกิดอาการหลงผิดเพี้ยน เพราะขาดองค์ความรู้เรื่องสภาวธรรมด้านลึก เพราะว่า การฝึกทางจิตจนถึงระดับหนึ่ง (ระดับต้นๆ) แล้ว สภาวะชีวิต (รูปนาม) ให้เห็น ให้ได้ยิน ฯลฯ สารพัดหลากหลาย บางคนเห็นผู้ที่ตนนับถือมาบอกมาสอนธรรม บางคนเห็นพระพุทธเจ้ามาบอกมาสอนธรรมให้ นี่เป็นไปได้ แล้วตนเองอ่อนด้อยภาคปฏิบัติทางจิตจึงหลงมโนเป็นจริงเป็นจังไป ดูตัวอย่างประกอบ

นั่งสมาธิ จิตร้องเพลง มีเสียงพูดเสียงสอน

เพิ่งปฏิบัติมาได้ไม่นานเท่าไรค่ะ แต่ว่าในบางครั้งที่นั่งสมาธิ อยู่ๆก็จะมีเสียงพูดขึ้นมาสอนบ้าง หรือพูดประโยคบางประโยคซึ่งมั่นใจว่า ไม่ได้คิดไปเองแน่นอน (เพราะดิฉันไม่น่าจะคิดคำ พูดแบบนั้นได้แน่ๆ) และก็ไม่ได้เป็นการได้ยินจากข้างนอกนะคะ มันไม่ได้เป็นการกระทบ หรือรับรู้จากภายนอก แต่เป็นการได้ยินจากข้างในค่ะ (ไม่รู้จะอธิบายอย่าง ไรดี) หรือในบางครั้ง ที่ดิฉันนอนหลับอยู่ และตื่นขึ้นมา ก็เคยได้ยินจิตมันร้องเพลงขึ้นมาเองได้ ซึ่งอาการไม่ได้เหมือนเราร้องเพลงในใจนะคะ คือ แบบว่า เราไม่ได้คิดนะ แต่จิตมันร้องออกมาเองได้ ซึ่งเป็นเพลงที่เราไม่รู้จัก ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย (เป็นเพลงธรรมะ) รบกวนผู้รู้อธิบายด้วยคะ ดิฉันพยายามอธิบายเพื่อให้เข้าใจที่สุดแต่ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี ขอบคุณค่ะ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ม.ค. 2018, 21:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เปิดใจ “นักธรรมพันธุ์ใหม่” นิพพานได้-ไม่ต้องบวช-ไม่เข้าวัด-อ้างพระพุทธเจ้าบัญชา!!?

https://mgronline.com/livelite/detail/9610000008244

แปะๆไว้ก่อน คิกๆๆ :b1:



ตามลิงค์นั้น - เจ้าของแนวความคิดธรรมะสาย “เตโชวิปัสสนา

เพิ่งเคยเห็นเคยได้เยินเนี่ย “เตโชวิปัสสนา” เธอเอาคำสองคำมาสมาสกัน เตโช คำหนึ่ง วิปัสสนาคำหนึ่ง = เตโชวิปัสสนา แล้วก็ว่าไปตามความคิดของ “นักธรรมพันธ์ใหม่” ซึ่งของเดิมเขาไม่มีเตโชวิปัสสนา (หรือใครว่ามีเอามาดูหน่อย)

เตโชวิปัสสนา ถอดออกมาแล้วก็ เตโช แปลว่า ไฟ ตัวอย่าง เช่น เตโชธาตุ ธาตุไฟ เตโชกสิณ กสิณไฟ ฯลฯ วิปัสสนา ตามศัพท์ว่า การเห็นแจ้ง องค์ธรรมคือปัญญานั่นเอง

เตโชวิปัสสนา แปลแล้วตลกเลย เห็นแจ้งในไฟ ปัญญาแห่งไฟ คิกๆ :b32:

ของเดิมของเก่าเขามีอยู่แล้วกัมมัฏฐานสองอยู่ คือ สมถกัมมัฏฐาน (อุบายสงบใจ) วิปัสสนากัมมัฏฐาน (อุบายเรืองปัญญา) มันก็เท่ากับ - สมาธิ ปัญญา หรือ - สมถะ วิปัสสนา เอาศีลมาเพิ่มเข้าข้างหน้า มันก็เป็น ศีล -สมาธิ -ปัญญา หรือ ศีล - สมถะ - วิปัสสนา เป็นหลักใช้ฝึกคน ที่เรียกว่าไตรสิกขานั่นเอง ทำไมจึงเอาเตโชวิปัสสนามาทำไมอีก

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ม.ค. 2018, 22:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คำแถลงเขาอยู่นี่ คือเขาใช้ เตโช - ไฟ เผากิเลส ไม่มีหลักปฏิบัติ เพียงพูดอ้างอิงชื่อ สติ สัมปชัญญะ อุเบกขา ดูกาย ดูเวทนา ดูจิต ดูธรรม ไม่ยินดี ยินร้าย ว่าไป

อ้างคำพูด:
เตโชวิปัสสนากรรมฐาน คืออะไร?

คือชื่อเทคนิควิธีการเผากิเลสด้วย “การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน” ตามหลัก “สติปัฏฐาน 4” คือการตั้งสติดูกาย ดูเวทนา ดูจิต ดูธรรมที่เกิดแก่ตน โดยมีสัมปชัญญะ คือความรู้ชัดเป็นองค์สำคัญ และมีหลักการวางอุเบกขา คือการไม่หวั่นไหว ไม่ยินดี ไม่ยินร้ายในเวทนา หรือสิ่งที่มากระทบกายและจิต การเอาชื่อ “เตโช” เข้าไปใส่นำหน้าวิปัสสนากรรมฐาน เพื่อให้ชัดเจนในหลักเทคนิควิธี


สรุปแล้ว ยังไม่ได้ทำอะไรเลย เพียงปาฐกให้ฟัง :b1: ทีนี่ดูคนที่ทำจริงๆมั่ง พูดถึงสติปัฏฐาน ๔ เหมือนกัน แล้วเป็นไง ดู



ผมก็นั่งตามลมหายใจพุทโธไป

วันแรกๆก็ไม่เป็นอะไร พอวันที่สามนั่งไปซักพักประมาณสิบนาทีเริ่มมีอาการเหวี่ยงแบบเหวี่ยงหมุนจน เวียนหัวจึงนั่งต่อไม่ได้ลืมตาขึ้นมานั่งดูพระรูปอื่น

เป็นอย่างนี้อยู่เกือบตลอด กลับมาที่กุฏิก่อนจะจำวัดก็นั่งก็เป็นอีก

จนมาถามพระพี่เลี้ยงท่านบอกเหมือนจิตกำลังจะได้เข้าสู่ความสงบให้ผ่านจุดนี้ไปให้ได้ แต่มันก็ได้แบบแปปๆแล้วก็หมุนอีกหมุนอีก

จนลาสิกขามาก็เริ่มมาหาอ่านเองจนได้อ่านบันทึกกรรมฐานของเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช ให้พิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรม

คราวนี้ก็ทำตามหนังสือ หายใจตอนแรกก็ยาว ก็ตามไปซักพัก เริ่มพิจารณาตามสติปัฐฐาน คราวนี้หมุนเร็วเลยหมุนแรงมากจนรู้สึกจะอาเจียนเลย


ผมก็พิจารณาว่าเป็นทุกขเวทนา ก็ดีขึ้นแปปก็หมุนอีกเรื่อยๆ จนตอนนี้ยังแก้ไม่ได้เลยครับ ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ล่าสุดเมื่อคืนหมุนจนจะอ้วกจนถอนสมาธิออกมา ยังมีอาการเวียนหัวจะอ้วกมาอีกซักสิบห้านาทีค่อยดีขึ้น

คำถามครับ

1. ผมควรแก้ปัญหานี้ยังไงดี ฝืนนั่งไปเรื่อยๆจนหายหรือต้องกำหนดอะไรยังไง

2. จุดมุ่งหมายจริงๆ คือวิปัสสนากรรมฐานคืออะไรครับ ไม่ได้โอ้อวดว่าตัวเองเก่งนะครับ พอดีผมเรียนแพทย์เลยเข้าใจพวกสรีระร่างกายมนุษย์อยู่แล้ว เมื่อมาเรียนรู้ทางธรรมพิจารณาตามขันธ์ 5 ก็เข้าใจว่ามันไม่ได้มีตัวตนจริงๆของเรา เหมือนเท่าที่อ่านการฝึกวิปัสสนาทำให้เราเข้าใจว่าทุกอย่างมีเกิดดับของมัน เป็นธรรมดา ไม่ให้เรายึดติด แต่ถ้าผมอ่านแล้วเข้าใจแล้วจะทำไปเพื่ออะไร หรือว่าให้จิตเราแข็งแกร่ง จะได้มีสติรู้เท่าทันทุกการกระทำ หลังสึกออกมาทุกวันนี้ เวลาจะโกรธใครก็เหมือนมีสติมาห้ามทัน แต่ก็ยังมีหลุดบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้จะตอบโต้แทบจะทันทีเพราะเป็นคนใจร้อน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2018, 05:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
อ้อมไป..อ้อมมา..กักกายก็ยังไม่รู้ว่า..เขา..ไม่รู้ธรรมอะไรที่กักกายว่าเลย.. :b32: :b32: :b32:

อ้อมไปจนหลงซะเอง..


ความจริง...บทที่1 ..ก็สรุปหมดแล้วว่าผู้พูดบอกว่าบรรลุธรรม..แล้วยังสอนศิษย์ได้บรรลุธรรมตามขั้นตามตอนจนหมดกิเลส..ก็มี

แต่..ก็มีบทที่ 2...ไม่รู้เป็นการเล่าย้อนไปย้อนมารึเปล่า..


ตอนท้าย...มีนักปฏิบัติภาวนาบอกว่า..งานหนัก...ปฏิบัติภาวนาวันละ 3เวลา..ว่าเป็นวานหนัก...

เฮ่อ..


กบ ยังมีประเด็นไหนสงสัยอีกไหมว่ามา :b1: หรือประเด็นพระทาส หรือตะวันทรงกลดทรงบาตรทรงจีวร อิอิ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2018, 06:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
คำแถลงเขาอยู่นี่ คือเขาใช้ เตโช - ไฟ เผากิเลส ไม่มีหลักปฏิบัติ เพียงพูดอ้างอิงชื่อ สติ สัมปชัญญะ อุเบกขา ดูกาย ดูเวทนา ดูจิต ดูธรรม ไม่ยินดี ยินร้าย ว่าไป

อ้างคำพูด:
เตโชวิปัสสนากรรมฐาน คืออะไร?

คือชื่อเทคนิควิธีการเผากิเลสด้วย “การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน” ตามหลัก “สติปัฏฐาน 4” คือการตั้งสติดูกาย ดูเวทนา ดูจิต ดูธรรมที่เกิดแก่ตน โดยมีสัมปชัญญะ คือความรู้ชัดเป็นองค์สำคัญ และมีหลักการวางอุเบกขา คือการไม่หวั่นไหว ไม่ยินดี ไม่ยินร้ายในเวทนา หรือสิ่งที่มากระทบกายและจิต การเอาชื่อ “เตโช” เข้าไปใส่นำหน้าวิปัสสนากรรมฐาน เพื่อให้ชัดเจนในหลักเทคนิควิธี




:b17: :b17: :b17:

อ้อมไปอ้อมมาลีลาเยอะ..นะพ่อคุณ.กว่าจะบอกได้...ว่า...เขาไม่รู้..ขาดธรรมอะไร... :b17: :b17:

จุดสำตัญ..ก็อยู่ที่บทที่ 1จุดบรรลุธรรมของเขานี้แหละ..

อ้างอิง..สติปัฏฐาน 4...แต่ไม่มีสติปัฏฐาน4

อ้าง..คุมเตโชธาตุ...แต่ไม่ได้ทำเตโชกสิน..ไม่เชื่อก็ลองให้คุมเตโชธาตุเผาขยะดูซิ...ทำได้เปล่า?..

(ไม่เถียงละว่า..อาจทำได้แต่ชาติปางก่อน..เป็นของเก่าติดมา..แต่ว่า..คนที่เริ่มโดยการทำสติปัฏฐาน 4..นี้..เป็นแนวใช้ปัญญา..ให้เกิดอาสาวขยญาณโดยตรงไม่อ้อมค้อม..เป็นแนวของ..สุขวิปัสสโก..แสดงฤทธิแสดงเดชอะไรไม่ได้หรอก...แม้แต่แนวอภิญญา..คุมเตโชได้..พอจะฆ่ากิเลสก็ต้องมาใช้ปัญญาในสติปัฏฐาน 4อยู่ดี..ไม่มีใครก่อไฟไปเผากรรมเผากิเลสอะไรที่ไหน..).

แต่...ตย. ที่กักกายยกมา..ก็ยังไม่ใช่สติปัฏฐาน 4 อยู่ดี..อิอิ.แค่รู้สึกทุกข์เพราะมันหมุน..แล้วก็หมุนเร็วกว่าเดิม..นี้อะนะ..

:b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2018, 10:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
กรัชกาย เขียน:
คำแถลงเขาอยู่นี่ คือเขาใช้ เตโช - ไฟ เผากิเลส ไม่มีหลักปฏิบัติ เพียงพูดอ้างอิงชื่อ สติ สัมปชัญญะ อุเบกขา ดูกาย ดูเวทนา ดูจิต ดูธรรม ไม่ยินดี ยินร้าย ว่าไป

อ้างคำพูด:
เตโชวิปัสสนากรรมฐาน คืออะไร?

คือชื่อเทคนิควิธีการเผากิเลสด้วย “การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน” ตามหลัก “สติปัฏฐาน 4” คือการตั้งสติดูกาย ดูเวทนา ดูจิต ดูธรรมที่เกิดแก่ตน โดยมีสัมปชัญญะ คือความรู้ชัดเป็นองค์สำคัญ และมีหลักการวางอุเบกขา คือการไม่หวั่นไหว ไม่ยินดี ไม่ยินร้ายในเวทนา หรือสิ่งที่มากระทบกายและจิต การเอาชื่อ “เตโช” เข้าไปใส่นำหน้าวิปัสสนากรรมฐาน เพื่อให้ชัดเจนในหลักเทคนิควิธี




:b17: :b17: :b17:

อ้อมไปอ้อมมาลีลาเยอะ..นะพ่อคุณ.กว่าจะบอกได้...ว่า...เขาไม่รู้..ขาดธรรมอะไร... :b17: :b17:

จุดสำตัญ..ก็อยู่ที่บทที่ 1จุดบรรลุธรรมของเขานี้แหละ..

อ้างอิง..สติปัฏฐาน 4...แต่ไม่มีสติปัฏฐาน4

อ้าง..คุมเตโชธาตุ...แต่ไม่ได้ทำเตโชกสิน..ไม่เชื่อก็ลองให้คุมเตโชธาตุเผาขยะดูซิ...ทำได้เปล่า?..

(ไม่เถียงละว่า..อาจทำได้แต่ชาติปางก่อน..เป็นของเก่าติดมา..แต่ว่า..คนที่เริ่มโดยการทำสติปัฏฐาน 4..นี้..เป็นแนวใช้ปัญญา..ให้เกิดอาสาวขยญาณโดยตรงไม่อ้อมค้อม..เป็นแนวของ..สุขวิปัสสโก..แสดงฤทธิแสดงเดชอะไรไม่ได้หรอก...แม้แต่แนวอภิญญา..คุมเตโชได้..พอจะฆ่ากิเลสก็ต้องมาใช้ปัญญาในสติปัฏฐาน 4อยู่ดี..ไม่มีใครก่อไฟไปเผากรรมเผากิเลสอะไรที่ไหน..).

แต่...ตย. ที่กักกายยกมา..ก็ยังไม่ใช่สติปัฏฐาน 4 อยู่ดี..อิอิ.แค่รู้สึกทุกข์เพราะมันหมุน..แล้วก็หมุนเร็วกว่าเดิม..นี้อะนะ..

:b16: :b16:


อิอิ นี่แสดงว่า กบไม่รู้จักชีวิต ไม่รู้จักธรรมะ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2018, 10:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
กรัชกาย เขียน:
คำแถลงเขาอยู่นี่ คือเขาใช้ เตโช - ไฟ เผากิเลส ไม่มีหลักปฏิบัติ เพียงพูดอ้างอิงชื่อ สติ สัมปชัญญะ อุเบกขา ดูกาย ดูเวทนา ดูจิต ดูธรรม ไม่ยินดี ยินร้าย ว่าไป

อ้างคำพูด:
เตโชวิปัสสนากรรมฐาน คืออะไร?

คือชื่อเทคนิควิธีการเผากิเลสด้วย “การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน” ตามหลัก “สติปัฏฐาน 4” คือการตั้งสติดูกาย ดูเวทนา ดูจิต ดูธรรมที่เกิดแก่ตน โดยมีสัมปชัญญะ คือความรู้ชัดเป็นองค์สำคัญ และมีหลักการวางอุเบกขา คือการไม่หวั่นไหว ไม่ยินดี ไม่ยินร้ายในเวทนา หรือสิ่งที่มากระทบกายและจิต การเอาชื่อ “เตโช” เข้าไปใส่นำหน้าวิปัสสนากรรมฐาน เพื่อให้ชัดเจนในหลักเทคนิควิธี




:b17: :b17: :b17:

อ้อมไปอ้อมมาลีลาเยอะ..นะพ่อคุณ.กว่าจะบอกได้...ว่า...เขาไม่รู้..ขาดธรรมอะไร... :b17: :b17:

จุดสำตัญ..ก็อยู่ที่บทที่ 1จุดบรรลุธรรมของเขานี้แหละ..

อ้างอิง..สติปัฏฐาน 4...แต่ไม่มีสติปัฏฐาน4

อ้าง..คุมเตโชธาตุ...แต่ไม่ได้ทำเตโชกสิน..ไม่เชื่อก็ลองให้คุมเตโชธาตุเผาขยะดูซิ...ทำได้เปล่า?..

(ไม่เถียงละว่า..อาจทำได้แต่ชาติปางก่อน..เป็นของเก่าติดมา..แต่ว่า..คนที่เริ่มโดยการทำสติปัฏฐาน 4..นี้..เป็นแนวใช้ปัญญา..ให้เกิดอาสาวขยญาณโดยตรงไม่อ้อมค้อม..เป็นแนวของ..สุขวิปัสสโก..แสดงฤทธิแสดงเดชอะไรไม่ได้หรอก...แม้แต่แนวอภิญญา..คุมเตโชได้..พอจะฆ่ากิเลสก็ต้องมาใช้ปัญญาในสติปัฏฐาน 4อยู่ดี..ไม่มีใครก่อไฟไปเผากรรมเผากิเลสอะไรที่ไหน..).

แต่...ตย. ที่กักกายยกมา..ก็ยังไม่ใช่สติปัฏฐาน 4 อยู่ดี..อิอิ.แค่รู้สึกทุกข์เพราะมันหมุน..แล้วก็หมุนเร็วกว่าเดิม..นี้อะนะ..

:b16: :b16:



เหมือนบอกก่อนหน้าแล้วนะว่า ชาวพุทธบ้านเรา พูดไปพูดมา ทำไปทำมาก็บรรลุธรรมนั่นธรรมนี่เอาดื้อๆซื่อๆ โดยยังไม่ทำอะไรเลย

เลยเอาคำถามของผู้ซึ่งเขาทำเขาปฏิบัติแล้วประสบปัญหาชีวิตอยู่นั้นๆมาให้ดู ก็ดูไม่ออกไปไม่เป็น คิกๆๆ ทุกที่ทุกบอร์ด

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2018, 14:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เลยกึงพุทธกาลแล้ว ก็จึงเละเป็นธรรมดา อิอิ

อ้างคำพูด:

พระไพรวัลย์หวั่นลัทธิใหม่ หลัง “อัจฉราวดี” อ้างรู้ธรรมจากสมเด็จโต ดึงสติพระไหว้สีกา

พระมหาไพรวัลย์ บอกว่า ส่วนการนั่งวิปัสสนา แล้วได้ยินเสียงของ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) หากบุคคลที่พูดเป็นภิกษุสงฆ์ คงจะโดนเพ่งเล็งทางวินัย เนื่องจาก การพูดเช่นนี้เป็นการอวดอุตริมนุสธรรม และเป็นไปไม่ได้ที่จะเห็นท่านสมเด็จพุฒาจารย์ฯ ที่สิ้นมาหลายปีแล้ว อาจเป็นการมโนภาพขึ้นมาเอง


http://www.amarintv.com/news-update/news-6416/146457/

ให้ดูตัวอย่างที่ฝึกจิต (หรือจะเรียกอะไรก็แล้วแต่เถอะ) นี่เขาเห็นสารพัดนะ นำที่เขาเห็นพระที่ตัวเองนับถือ เอาพระมาใส่ตัวให้แล้วต่อจากนั้นให้รู้สึกว่า ตนเองติดต่อทางจิตกับท่านตลอดเวลา เอ้าดู


ถ้าการฝึกสมาธิมันเสี่ยงกับการเป็นบ้า ทำไมเราถึงสนับสนุนคนให้ฝึกกันละคะ เพราะก็ไม่มีใครรู้หรอกว่าตัวเองมีเชื้อบ้าอยู่ในตัวไหม น่าจะสนับสนุนให้ศึกษาธรรมมะให้เข้าใจก็พอแล้ว คนที่เข้าใจธรรมมะจากการศึกษาก็พ้นทุกข์ได้ ไม่เห็นต้องมาเสี่ยงปฏิบัติ

ดิฉันไม่รู้ว่าตัวเองมีเชื้อมากก่อนไหม แต่รู้ว่าตัวเองสุขภาพจิตดีก่อนเกิดเหตุ
แต่เคยได้ยินว่าฝึกแล้วอาจจะบ้าได้ แต่เสียดายไม่เคยคิดเลยว่ามันใกล้ตัวไป ก็ไม่ได้เคร่งเครียดอะไรในการฝึก
ทำไปตามปกติสบายสบาย จนมันผิดปกติถึงได้พยายามแก้ไขเอง นี่เองจุดหักเข้าสู่ความตาย
พอเห็นอาการทางกายหายไป แล้วดิฉันเริ่มหลง เพราะเห็นพระที่ดิฉันนับถือที่สุดในชีวิตเอาพระองค์เล็กๆใส่มาในตัวเรา ต่อจากนั้นก็รู้สึกไปว่าติดต่อทางจิตกับท่านตลอดเวลา... เจอมุขนี้ มือใหม่จะรับมือไหวได้ยังไง

หมอยังทำให้เบาใจได้ระดับนึงคือเขาคิดว่ามันเป็น Bipolar มากกว่า schizophrenia
(ข้อแตกต่างของสองอันคือ schizophrenia จะไม่มีทางหาย แต่ bipolar หายได้)

http://topicstock.pantip.com/religious/ ... 85609.html

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2018, 18:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
อ้อมไป..อ้อมมา..กักกายก็ยังไม่รู้ว่า..เขา..ไม่รู้ธรรมอะไรที่กักกายว่าเลย.. :b32: :b32: :b32:

อ้อมไปจนหลงซะเอง.. :
b13: :b13:


ความจริง...บทที่1 ..ก็สรุปหมดแล้วว่าผู้พูดบอกว่าบรรลุธรรม..แล้วยังสอนศิษย์ได้บรรลุธรรมตามขั้นตามตอนจนหมดกิเลส..ก็มี

แต่..ก็มีบทที่ 2...ไม่รู้เป็นการเล่าย้อนไปย้อนมารึเปล่า..


ตอนท้าย...มีนักปฏิบัติภาวนาบอกว่า..งานหนัก...ปฏิบัติภาวนาวันละ 3เวลา..ว่าเป็นวานหนัก...

เฮ่อ..



กบในกะลา ยังมีประเด็นไหนสงสัยอีกไหม ว่ามา คิกๆๆ

บอกหลายหนแล้วว่าเสียเวลาเปล่า ให้กลับไปเริ่มต้นใหม่ แต่ก่อนไปเริ่มให้ฟอร์แมตสมองกับจิตวิญญาณล้างหน่วยความคิดความจำเดิมออกให้หมดให้เกลี้ยงนะ แล้วไปเริ่มที่ทอดกฐิน ทอดผ้าป่า ปิดทองฝังลูกนิมิต (ใกล้ตรุษจีนแล้ว วัดหลายๆแห่งจะจัดงานปิดทองฝังลูกนิมิตกัน) ตักบาตรพระเณรตอนเช้าๆ ฯลฯ ปล่อยสัตว์น้ำสัตว์บกไปก่อน เชื่อดิ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2018, 19:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
กรัชกาย เขียน:
คำแถลงเขาอยู่นี่ คือเขาใช้ เตโช - ไฟ เผากิเลส ไม่มีหลักปฏิบัติ เพียงพูดอ้างอิงชื่อ สติ สัมปชัญญะ อุเบกขา ดูกาย ดูเวทนา ดูจิต ดูธรรม ไม่ยินดี ยินร้าย ว่าไป

อ้างคำพูด:
เตโชวิปัสสนากรรมฐาน คืออะไร?

คือชื่อเทคนิควิธีการเผากิเลสด้วย “การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน” ตามหลัก “สติปัฏฐาน 4” คือการตั้งสติดูกาย ดูเวทนา ดูจิต ดูธรรมที่เกิดแก่ตน โดยมีสัมปชัญญะ คือความรู้ชัดเป็นองค์สำคัญ และมีหลักการวางอุเบกขา คือการไม่หวั่นไหว ไม่ยินดี ไม่ยินร้ายในเวทนา หรือสิ่งที่มากระทบกายและจิต การเอาชื่อ “เตโช” เข้าไปใส่นำหน้าวิปัสสนากรรมฐาน เพื่อให้ชัดเจนในหลักเทคนิควิธี




:b17: :b17: :b17:

อ้อมไปอ้อมมาลีลาเยอะ..นะพ่อคุณ.กว่าจะบอกได้...ว่า...เขาไม่รู้..ขาดธรรมอะไร... :b17: :b17:

จุดสำตัญ..ก็อยู่ที่บทที่ 1จุดบรรลุธรรมของเขานี้แหละ..

อ้างอิง..สติปัฏฐาน 4...แต่ไม่มีสติปัฏฐาน4

อ้าง..คุมเตโชธาตุ...แต่ไม่ได้ทำเตโชกสิน..ไม่เชื่อก็ลองให้คุมเตโชธาตุเผาขยะดูซิ...ทำได้เปล่า?..

(ไม่เถียงละว่า..อาจทำได้แต่ชาติปางก่อน..เป็นของเก่าติดมา..แต่ว่า..คนที่เริ่มโดยการทำสติปัฏฐาน 4..นี้..เป็นแนวใช้ปัญญา..ให้เกิดอาสาวขยญาณโดยตรงไม่อ้อมค้อม..เป็นแนวของ..สุขวิปัสสโก..แสดงฤทธิแสดงเดชอะไรไม่ได้หรอก...แม้แต่แนวอภิญญา..คุมเตโชได้..พอจะฆ่ากิเลสก็ต้องมาใช้ปัญญาในสติปัฏฐาน 4อยู่ดี..ไม่มีใครก่อไฟไปเผากรรมเผากิเลสอะไรที่ไหน..).

แต่...ตย. ที่กักกายยกมา..ก็ยังไม่ใช่สติปัฏฐาน 4 อยู่ดี..อิอิ.แค่รู้สึกทุกข์เพราะมันหมุน..แล้วก็หมุนเร็วกว่าเดิม..นี้อะนะ..

:b16: :b16:


อิอิ นี่แสดงว่า กบไม่รู้จักชีวิต ไม่รู้จักธรรมะ


เอาเลยพ่อคนเก่ง...รู้ดีรู้หมดจรด...ยกให้เลยเอ้า.. :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2018, 19:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
กรัชกาย เขียน:
คำแถลงเขาอยู่นี่ คือเขาใช้ เตโช - ไฟ เผากิเลส ไม่มีหลักปฏิบัติ เพียงพูดอ้างอิงชื่อ สติ สัมปชัญญะ อุเบกขา ดูกาย ดูเวทนา ดูจิต ดูธรรม ไม่ยินดี ยินร้าย ว่าไป

อ้างคำพูด:
เตโชวิปัสสนากรรมฐาน คืออะไร?

คือชื่อเทคนิควิธีการเผากิเลสด้วย “การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน” ตามหลัก “สติปัฏฐาน 4” คือการตั้งสติดูกาย ดูเวทนา ดูจิต ดูธรรมที่เกิดแก่ตน โดยมีสัมปชัญญะ คือความรู้ชัดเป็นองค์สำคัญ และมีหลักการวางอุเบกขา คือการไม่หวั่นไหว ไม่ยินดี ไม่ยินร้ายในเวทนา หรือสิ่งที่มากระทบกายและจิต การเอาชื่อ “เตโช” เข้าไปใส่นำหน้าวิปัสสนากรรมฐาน เพื่อให้ชัดเจนในหลักเทคนิควิธี




:b17: :b17: :b17:

อ้อมไปอ้อมมาลีลาเยอะ..นะพ่อคุณ.กว่าจะบอกได้...ว่า...เขาไม่รู้..ขาดธรรมอะไร... :b17: :b17:

จุดสำตัญ..ก็อยู่ที่บทที่ 1จุดบรรลุธรรมของเขานี้แหละ..

อ้างอิง..สติปัฏฐาน 4...แต่ไม่มีสติปัฏฐาน4

อ้าง..คุมเตโชธาตุ...แต่ไม่ได้ทำเตโชกสิน..ไม่เชื่อก็ลองให้คุมเตโชธาตุเผาขยะดูซิ...ทำได้เปล่า?..

(ไม่เถียงละว่า..อาจทำได้แต่ชาติปางก่อน..เป็นของเก่าติดมา..แต่ว่า..คนที่เริ่มโดยการทำสติปัฏฐาน 4..นี้..เป็นแนวใช้ปัญญา..ให้เกิดอาสาวขยญาณโดยตรงไม่อ้อมค้อม..เป็นแนวของ..สุขวิปัสสโก..แสดงฤทธิแสดงเดชอะไรไม่ได้หรอก...แม้แต่แนวอภิญญา..คุมเตโชได้..พอจะฆ่ากิเลสก็ต้องมาใช้ปัญญาในสติปัฏฐาน 4อยู่ดี..ไม่มีใครก่อไฟไปเผากรรมเผากิเลสอะไรที่ไหน..).

แต่...ตย. ที่กักกายยกมา..ก็ยังไม่ใช่สติปัฏฐาน 4 อยู่ดี..อิอิ.แค่รู้สึกทุกข์เพราะมันหมุน..แล้วก็หมุนเร็วกว่าเดิม..นี้อะนะ..

:b16: :b16:


อิอิ นี่แสดงว่า กบไม่รู้จักชีวิต ไม่รู้จักธรรมะ


เอาเลยพ่อคนเก่ง...รู้ดีรู้หมดจรด...ยกให้เลยเอ้า.. :b32: :b32:



เอ้อ ที่ถามไม่ตอบ

หรือจะเอานี่

https://www.facebook.com/pg/buddha.isar ... 6616833445

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2018, 19:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ถาม..อาราย...ละจ๊ะ??


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 118 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 8  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร