วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 03:04  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 239 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 ... 16  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 20 มี.ค. 2018, 05:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ต่อ

ต่อไปนี้ จะขอนำเอาพุทธพจน์บางแห่ง เกี่ยวกับกรรมที่ทำให้สิ้นกรรม มาแสดงไว้ เพื่อเป็นแนวทางในการศึกษา

"ภิกษุทั้งหลาย พึงทราบกรรม พึงทราบเหตุเกิดแห่งกรรม พึงทราบแตกต่างแห่งกรรม พึงทราบวิบากแห่งกรรม พึงทราบความดับแห่งกรรม พึงทราบข้อปฏิบัติที่ให้ถึงความดับแห่งกรรม ...

"ภิกษุทั้งหลาย เจตนา เราเรียกว่า กรรม บุคคลจงใจแล้ว จึงทำกรรม ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ

"เหตุเกิดแห่งกรรมเป็นไฉน ? ผัสสะ เป็นเหตุเกิดแห่งกรรมทั้งหลาย.

"ความแตกต่างแห่งกรรมทั้งหลาย เป็นไฉน ? คือ กรรมที่เสวยผลในนรก ก็มี กรรมที่เสวยผลในกำเนิดดิรัจฉาน ก็มี กรรมที่เสวยผลในแดนเปรต ก็มี กรรมที่เสวยผลในโลกมนุษย์ ก็มี กรรมที่เสวยผลในเทวโลก ก็มี นี้เรียกว่า ความแตกต่างแห่งกรรมทั้งหลาย

"วิบากแห่งกรรม เป็นไฉน ? เรากล่าวถึงวิบากแห่งกรรมก็มี ๓ อย่าง คือ วิบากในปัจจุบัน หรือในที่อุบัติ หรือในเบื้องต่อๆไป นี้เรียกว่าวิบากแห่งกรรม.

"ความดับแห่งกรรม เป็นไฉน ? เพราะผัสสะดับ กรรมก็ดับ มรรคมีองค์ ๘ ประการอันประเสริฐนี้แหละ เป็นข้อปฏิบัติที่ให้ถึงความดับกรรม กล่าวคือ สัมมาทิฏฐิ ฯลฯ สัมมาสมาธิ.

"ภิกษุทั้งหลาย เมื่อใด อริยสาวกรู้ชัด ซึ่งกรรม เหตุเกิดแห่งกรรม ความต่างแห่งกรรม วิบากแห่งกรรม ความดับแห่งกรรม ข้อ ปฏิบัติที่ให้ถึงความดับกรรม อย่างนี้ เมื่อนั้น เธอย่อมรู้ชัด ซึ่งชีวิตประเสริฐ (พรหมจรรย์) อันทรงปัญญาเฉียบคม ซึ่งเป็นที่ดับแห่งกรรมนี้" (องฺ.ฉกฺก. 22/334/464)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 20 มี.ค. 2018, 05:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


"ภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดง กรรมใหม่ กรรมเก่า ความดับกรรม และข้อปฏิบัติที่ให้ถึงความดับกรรม...

"กรรมเก่าเป็นไฉน? ตา...หู...จมูก...ลิ้น...กาย...ใจ พึงเห็นว่าเป็นกรรมเก่า ซึ่งถูกปัจจัยปรุงแต่งขึ้น เกิดจากเจตจำนง เป็นที่เสวยเวทนา นี้เรียกว่า กรรมเก่า

"ภิกษุทั้งหลาย กรรมใหม่เป็นไฉน? กรรมที่บุคคลกระทำด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ในบัดนี้ เรียกว่า กรรมใหม่

"ภิกษุทั้งหลาย ความดับกรรมเป็นไฉน? ภาวะที่สัมผัสวิมุตติ เพราะความดับไปแห่งกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม เรียกว่า ความดับกรรม

"ภิกษุทั้งหลาย ข้อปฏิบัติที่ให้ถึงความดับกรรม เป็นไฉน ? ได้แก่ มรรคมีองค์ ๘ ประการ อันประเสริฐนี้เอง กล่าวคือ สัมมาทิฏฐิ ฯลฯ สัมมาสมาธิ นี้เรียกว่า ข้อปฏิบัติที่ให้ถึงความดับกรรม" (สํ.สฬ. 18/227-230/166)

"ภิกษุทั้งหลาย กายนี้มิใช่ของเธอ และก็มิใช่ของใครอื่น พึงเห็นว่าเป็นกรรมเก่า ซึ่งถูกปัจจัยปรุงแต่งขึ้น เกิดจากเจตจำนง เป็นที่เสวยเวทนา" (สํ.นิ. 16/143/77)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 20 มี.ค. 2018, 05:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


"ภิกษุทั้งหลาย ต้นเหตุให้เกิดกรรม ๓ ประการเหล่านี้ คือ โลภะ...โทสะ...โมหะ เป็นต้นเหตุให้เกิดกรรม กรรมที่ทำเพราะโลภะ เกิดจากโลภะ มีโลภะเป็นต้นเหตุ มีโลภะเป็นที่ก่อตัวขึ้น ย่อมให้ผลในที่ที่อัตภาพของบุคคลนั้นเกิดขึ้น กรรมนั้นให้ผลในที่ใด เขาย่อมเสวยผลของกรรมนั้นในที่นั้น จะเป็นในปัจจุบัน หรือในที่อุบัติ หรือในเบื้องต่อๆไปก็ตาม ฯลฯ กรรมที่ทำเพราะโทสะ...กรรมที่ทำเพราะโมหะ...(ก็เช่นเดียวกัน) ฯลฯ


"ภิกษุทั้งหลาย ต้นเหตุให้เกิดกรรม ๓ ประการเหล่านี้ คือ อโลภะ...อโทสะ...อโมหะ เป็นต้นเหตุให้เกิดกรรม กรรมที่ทำเพราะอโลภะ เกิดจากอโลภะ มีอโลภะเป็นต้นเหตุ มีอโลภะเป็นที่ก่อตัวขึ้น เมื่อปราศจากโลภะแล้ว กรรมนั้น ก็เป็นอันถูกละหมดไป มีมูลขาดแล้ว ถูกทำให้เหมือนตาลยอดด้วน ถูกทำให้ไม่มีเหลือ ไม่อาจจะเกิดขึ้นได้อีกต่อไป ฯลฯ กรรมที่ทำเพราะอโทสะ...กรรมที่ทำเพราะอโมหะ...(ก็เช่นเดียวกัน) ฯลฯ" (องฺ. ติก. 20/473/111)


"ภิกษุทั้งหลาย ต้นเหตุให้เกิดกรรม ๓ ประการ เหล่านี้ คือ โลภะ...โทสะ...โมหะ เป็นต้นเหตุให้เกิดกรรม กรรมที่ทำเพราะโลภะ เกิดจากโลภะ มีโลภะเป็นต้นเหตุ มีโลภะเป็นที่ก่อตัวขึ้น กรรมนั้นเป็นอกุศล...มี โทษ...มีทุกข์เป็นวิบาก กรรมนั้น ย่อมเป็นไปเพื่อความเกิดขึ้นแห่งกรรม ไม่เป็นไปเพื่อความดับแห่งกรรม กรรมใดที่ทำเพราะโทสะ... กรรมใดที่ทำเพราะโมหะ (ก็เช่นเดียวกัน) ฯลฯ


"ภิกษุทั้งหลาย ต้นเหตุให้เกิดกรรม ๓ ประการ เหล่านี้ คือ อโลภะ...อโทสะ...อโมหะ เป็นต้นเหตุให้เกิดกรรม กรรมที่ทำเพราะอโลภะ เกิดจากอโลภะ มีอโลภะเป็นต้นเหตุ มีอโลภะเป็นที่ก่อตัวขึ้น กรรมนั้นเป็นกุศล...ไม่มีโทษ...มีสุขเป็นวิบาก กรรมนั้น ย่อมเป็นไปเพื่อความดับกรรม ไม่เป็นเพื่อความเกิดกรรม กรรมใด ที่ทำเพราะอโทสะ...กรรมที่ทำเพราะอโมหะ...(ก็เช่นเดียวกัน)" (องฺ. ติก. 20/551/338)


"ภิกษุทั้งหลาย ปาณาติบาต เรากล่าวว่ามี ๓ อย่าง คือ มีโลภะเป็นเหตุ ก็มี มีโทสะเป็นเหตุ ก็มี มี โมหะเป็นเหตุ ก็มี แม้อทินนาทาน...กาเมสุมิจฉาจาร...มุสาวาท...ปิสุณาวาจา...ผรุสวาจา...สัมผัปปลาปะ...อภิชฌา...พยาบาท...มิจฉาทิฏฐิ เราก็กล่าวว่ามี ๓ อย่าง คือ มีโลภะเป็นเหตุ ก็มี มีโทสะเป็นเหตุ ก็มี มีโมหะเป็นเหตุ ก็มี

"โดยนัยดังนี้แล โลภะจึงเป็นเหตุให้เกิดกรรม โทสะจึงเป็นเหตุให้เกิดกรรม เพราะสิ้นโลภะ ก็สิ้นเหตุให้เกิดกรรม เพราะสิ้นโทสะ ก็สิ้นเหตุให้เกิดกรรม เพราะสิ้นโมหะ ก็สิ้นเหตุให้เกิดกรรม" (องฺ.ทสก. 24/163/282)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 20 มี.ค. 2018, 05:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


"ดูกรปุณณะ กรรม ๔ อย่างนี้ เราประจักษ์แจ้ง ด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว จึงประกาศไว้ กล่าวคือ กรรมดำ มีวิบากดำ ก็มี กรรมขาว มีวิบากขาว ก็มี กรรมทั้งดำทั้งขาว มีวิบากทั้งดำทั้งขาว ก็มี กรรมไม่ดำไม่ขาว มีวิบากไม่ดำไม่ขาว เป็นไปเพื่อความสิ้นกรรม ก็มี


"ดูกรปุณณะ กรรมดำ มีวิบากดำ เป็นไฉน ?

บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมปรุงแต่งกายสังขาร...วจีสังขาร...มโนสังขาร ที่มีการเบียดเบียน ครั้นแล้ว ก็เข้าถึงโลกที่มีการเบียดเบียน ผัสสะที่มีการเบียดเบียน ย่อมถูกต้องเขา ผู้เข้าถึงโลกที่มีการเบียดเบียนนั้น เขาถูกผัสสะที่มีการเบียดเบียน ถูกต้อง ย่อมได้เสวยเวทนาที่มีการเบียดเบียน ซึ่งเป็นทุกข์โดยส่วนเดียว ดังเช่นสัตว์นรก

"โดยนัยดังนี้แล เพราะกรรมได้มีแล้ว จึงมีการอุบัติของสัตว์ เขาทำกรรมใด ก็อุบัติเพราะกรรมนั้น เขาอุบัติแล้ว ก็ถูกผัสสะต้อง เมื่อเป็นอย่างนี้ เราจึงกล่าวว่า สัตว์ทั้งหลายเป็นทายาทของกรรม นี้เรียกว่า กรรมดำ มีวิบากดำ


"ดูกรปุณณะ กรรมขาว มีวิบากขาว เป็นไฉน ?

บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมปรุงแต่งกายสังขาร...วจีสังขาร...มโนสังขาร ที่ไม่มีการเบียดเบียน ครั้นแล้ว ก็เข้าถึงโลกที่ไม่มีการเบียดเบียน ผัสสะที่ไม่มีการเบียดเบียน ย่อมถูกต้องเขา ผู้เข้าถึงโลกที่ไม่มีการเบียดเบียนนั้น เขาถูกผัสสะที่ไม่มีการเบียดเบียนถูกต้อง ย่อมได้เสวยเวทนาที่ไม่มีการเบียดเบียน ซึ่งเป็นสุขโดยส่วนเดียว ดังเช่นเทพชั้นสุภกิณหะ

"โดยนัยดังนี้แล เพราะกรรมได้มีแล้ว จึงมีการอุบัติของสัตว์ เขาทำกรรมใด ก็อุบัติเพราะกรรมนั้น เขาอุบัติแล้ว ก็ถูกผัสสะต้อง เมื่อเป็นอย่างนี้ เราจึงกล่าวว่า สัตว์ทั้งหลายเป็นทายาทของกรรม นี้เรียกว่า กรรมขาว มีวิบากขาว


"ดูกรปุณณะ กรรมทั้งดำทั้งขาว มีวิบากทั้งดำทั้งขาว เป็นไฉน ?

บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมปรุงแต่งกายสังขาร...วจีสังขาร...มโนสังขาร ที่มีการเบียดเบียนบ้าง ไม่มีการเบียดเบียนบ้าง ครั้นแล้ว ก็เข้าถึงโลกที่มีการเบียดเบียนบ้าง ไม่มีการเบียดเบียนบ้าง ผัสสะที่มีการเบียดเบียนบ้าง ไม่มีการเบียดเบียนบ้าง ย่อมถูกต้องเขา ผู้เข้าถึงโลกที่มีการเบียดเบียนบ้าง ไม่มีการเบียดเบียนบ้างนั้น เขาถูกผัสสะที่มีการเบียดเบียนบ้าง ไม่มีการเบียดเบียนบ้าง ซึ่งมีทั้งสุขและทุกข์ระคนกัน ดังเช่นพวกมนุษย์ เทพบางพวก และสัตว์วินิบาตบางพวก

"โดยนัยดังนี้แล เพราะกรรมได้มีแล้ว จึงมีการอุบัติของสัตว์ เขาทำกรรมใด ก็อุบัติเพราะกรรมนั้น เขาอุบัติแล้ว ก็ถูกผัสสะนั้นต้อง เมื่อเป็นอย่างนี้ เราจึงกล่าวว่า สัตว์ทั้งหลายเป็นทายาทของกรรม นี้เรียกว่า กรรมทั้งดำทั้งขาว มีวิบากทั้งดำทั้งขาว


"ดูกรปุณณะ กรรมไม่ดำ ไม่ขาว มีวิบากไม่ดำไม่ขาว เป็นไปเพื่อความสิ้นกรรม เป็นไฉน ?

ในบรรดากรรมสามประการนั้น เจตนาเพื่อละกรรมดำ มีวิบากดำ เจตนาเพื่อละกรรมขาว มีวิบากขาว เจตนาเพื่อละกรรมทั้งดำทั้งขาว มีวิบากทั้งดำทั้งขาว นี้เรียกว่า กรรมไม่ดำไม่ขาว มีวิบากไม่ดำไม่ขาว เป็นไปเพื่อความสิ้นกรรม" (ม.ม.13/88/82)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 20 มี.ค. 2018, 05:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


"ภิกษุทั้งหลาย กรรม ๔ อย่างนี้...กรรมดำ มีวิบากดำ เป็นไฉน?...
กรรมขาว มีวิบากขาว เป็นไฉน? ...
กรรมทั้งดำทั้งขาว มีวิบากทั้งดำทั้งขาว เป็นไฉน? ...


กรรมไม่ดำไม่ขาว มีวิบากไม่ดำไม่ขาว เป็นไปเพื่อความสิ้นกรรม เป็นไฉน?

ได้แก่ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ..." (องฺ.จตุกฺก.21/237/320


"ภิกษุทั้งหลาย กรรม ๔ อย่างนี้...กรรมดำ มีวิบากดำ เป็นไฉน?...
กรรมขาว มีวิบากขาว เป็นไฉน? ...
กรรมทั้งดำทั้งขาว มีวิบากทั้งดำทั้งขาว เป็นไฉน?...

กรรมไม่ดำไม่ขาว มีวิบากไม่ดำไม่ขาว เป็นไปเพื่อความสิ้นกรรม เป็นไฉน?

ได้แก่ สติสัมโพชฌงค์ ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์ วิริยสัมโพชฌงค์ ปีติสัมโพชฌงค์ ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ สมาธิสัมโพชฌงค์ อุเบกขาสัมโพชฌงค์..." (องฺ.จตุกฺก.21/238/321)

"ดูกรอุทายี ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เจริญสติสัมโพชฌงค์ ฯลฯ อุเบกขาสัมโพชฌงค์ ที่อิงวิเวก อิงวิราคะ อิงนิโรธ อันไพบูลย์ เป็นมหรคต หาประมาณมิได้ ไม่มีความเบียดเบียน เมื่อเธอ เจริญสติสัมโพชฌงค์ ฯลฯ อุเบกขาสัมโพชฌงค์...ตัณหาก็ถูกละหมดไป เพราะละตัณหา กรรมก็ถูกละหมดไป เพราะละกรรม ทุกข์ก็ถูกละหมดไป โดยนัยดังนี้แล เพราะสิ้นตัณหา ก็สิ้นกรรม เพราะสิ้นกรรม ก็สิ้นทุกข์" (สํ.ม.19/450/123)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 20 มี.ค. 2018, 09:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สังขาร 1. สิ่งที่ถูกปัจจัยปรุงแต่ง. สิ่งที่เกิดจากเหตุปัจจัย เป็นรูปธรรม ก็ตาม เป็นนามธรรม ก็ตาม, ได้แก่ ขันธ์ ๕ ทั้งหมด, ตรงกับคำว่า สังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง ดังนี้เป็นต้น 2. สภาพที่ปรุงแต่งใจให้ดีหรือชั่ว, ธรรมมีเจตนาเป็นประธานที่ปรุงแต่งความคิด การพูด การกระทำ มีทั้งที่ดีเป็นกุศล ที่ชั่วเป็นอกุศล ที่กลางๆ เป็นอัพยากฤต ได้แก่ เจตสิก ๕๐ อย่าง


วิสังขาร ธรรมที่ปราศจากการปรุงแต่ง, ธรรมอันมิใช่สังขาร คือ พระนิพพาน


กายสังขาร 1. ปัจจัยปรุงแต่งกาย ได้แก่ ลมหายใจเข้า หายใจออก 2. สภาพที่ปรุงแต่งการกระทำทางกาย ได้แก่ กายสัญเจตนา หรือความจงใจทางกาย ซึ่งทำให้เกิดกายกรรม


วจีสังขาร 1. ปัจจัยปรุงแต่งวาจา ได้แก่ วิตก (ตรึก) วิจาร (ตรอง) ถ้าไม่มีตรึกตรองก่อนแล้ว พูดย่อมไม่รู้เรื่อง 2. สภาพที่ปรุงแต่งการกระทำทางวาจา ได้แก่ วจีสัญเจตนา คือความจงใจทางวาจา ที่ก่อให้เกิดวจีกรรม

จิตตสังขาร หรือ มโนสังขาร 1. ปัจจัยปรุงแต่งจิต ได้แก่ สัญญาและเวทนา 2. สภาพที่ปรุงแต่งการกระทำทางใจ ได้แก่ เจตนาที่ก่อให้เกิดมโนกรรม

กัมมัสสกตาญาณ ความรู้ถึงภาวะที่สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว, จัดเป็นปัญญาที่ถูกต้องในระดับสามัญ (ยังไม่เป็นอธิปัญญา) และเป็นโลกียสัมมาทิฏฐิ. กัมมัสสกตญาณ ก็เขียน กัมมัสสกตาปัญญา หรือกัมมัสสกตปัญญา ก็เรียก

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 20 มี.ค. 2018, 11:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จับตา 'เสี่ยหนู' เปิดดีลการเมือง หลังโผล่ร่วมคณะบิ๊กตู่ไปออสเตรเลีย

http://www.naewna.com/politic/327765

นศ.ธรรมศาสตร์ ชี้ ‘พรรคอนาคตใหม่’ ถูกโจมตีเรื่องปกติ เมื่อสิ่งเก่าถูกท้าทายจากสิ่งใหม่

https://www.komkhao.com/content/15939/% ... 1%E0%B9%88

สิ่งเก่าเขายังมีลูกเล่นอีกเยอะ คอยดู :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 20 มี.ค. 2018, 18:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


‘บิ๊กป้อม’ ไม่ตอบปมส่งเอกสารปปช. แจงนาฬิกาหรู ขึ้นรถออกทันที

https://www.khaosod.co.th/politics/news_862762

'บิ๊กตู่' ย้ำเรียกพรรคการเมืองคุย มิ.ย.นี้ ขู่มาไม่ครบ อดเลือกตั้ง

https://www.thairath.co.th/content/1233619

ที่ยืนอยู่ได้เพราะปืน รถถัง กำลังพล

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 21 มี.ค. 2018, 07:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
“ทำอย่างไรให้ประชาชนหายโง่”

อ่านข่าวต่อได้ที่: https://www.thairath.co.th/content/1231191

อดิศร เพียงเกษ เปิด จม. อ้างบิ๊กขอนแก่นต้อนรับนายกฯ สัญจร ทำภารกิจให้ประชาชนหายโง่

https://hilight.kapook.com/view/169639


ชกไม่มีมุม : พวกฉลาดล้ำ

ในเอกสารราชการที่ระบุถึงภารกิจ “ทำอย่างไรให้ประชาชนหายโง่” ซึ่งชี้แจงกันพัลวันและขอโทษกันยกใหญ่นั้น เรื่องราวจะจบลงเพียงเท่านี้ หรือจะกลายเป็น กระแสขยายวงต่อไปหรือไม่ คงต้องติดตามกันต่อไป

ที่มาที่ไปของเอกสารฉบับนี้ก็ส่วนหนึ่ง

แต่อีกส่วนหนึ่ง การดูหมิ่นดูแคลนว่า “ประชาชนยังโง่อยู่” ปรากฏอย่างชัดเจน ในหมู่คนฝ่ายอนุรักษนิยมการเมือง

โดยเชื่อมโยงกับสถานการณ์ชุมนุมเพื่อล้มรัฐบาลจากการเลือกตั้งในปี 2556-2557 อย่างชัดเจน เพราะแกนนำการชุมนุมขณะนั้น เรียกร้องให้ปฏิรูปการเมืองก่อนเลือกตั้ง

โดยมองว่าถ้าปล่อยให้เลือกตั้งกันแบบนี้ต่อไป ก็จะได้นักการเมืองที่มาจากการใช้เงินซื้อเสียง

โดยพูดจากันอย่างโจ่งแจ้งว่า ประชาชนในชนบทยังไม่มีความรู้ดีพอ จึงเป็นเหยื่อของนักการเมือง!?!

แถมแสดงท่าทีอย่างเปิดเผย ว่าการเลือกตั้งในภายหน้า ควรต้องเอาเรื่องความรู้เรื่องปริญญาเข้ามากำหนด

1 เสียงของระดับด๊อกเตอร์ ต้องมีคะแนนมากกว่าเสียงของชาวนา

ความคิดแบบนี้ดำเนินไปท่ามกลางการชุมนุมเพื่อล้มรัฐบาลเพื่อไทย กระทั่งรัฐบาลนั้นยอมหาทางออกตามวิถีประชาธิปไตย

แต่แกนนำม็อบก็ไม่เอาทางออกนี้ ทำทุกอย่างเพื่อให้บ้านเมืองถึงทางตัน เปิดทางให้เกิดรัฐประหาร

เสร็จแล้วอำนาจจากการรัฐประหาร ที่อยู่ในมือคนกลุ่มเดียว คิดกันในหมู่คนหยิบมือเดียว

ได้กำหนดกฎกติกาการเมือง โดยทำให้รัฐบาลที่จะมาจากการเลือกตั้งโดยประชาชนในอนาคต ไม่สามารถทำงานอะไรได้มากมาย

ไปๆ มาๆ ในวันนี้ วันเวลาการเลือกตั้งก็ทำท่าจะไม่แน่นอนอีก!?

เชื่อว่าเป็นเพราะประเมินแนวโน้มแล้ว พรรคการเมืองที่เคยชนะในการเลือกตั้งที่ผ่านๆ มา ก็ยังครองความนิยมในหมู่ประชาชนอยู่

ผู้นำรัฐบาลทหาร เริ่มมีคำพูดทำนองว่า จะเลือกตั้งเพื่อกลับไปแบบเดิมกันอีกหรือ

นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ยังไม่อยากให้มีการเลือกตั้งเร็วนัก

สรุปแล้ว ตั้งแต่จุดเริ่มต้นชุมนุมเพื่อล้มรัฐบาลเลือกตั้ง มาจนถึงการทำให้สถานการณ์ไปสู่การรัฐประหาร เพื่อหยุดประชาธิปไตย จนกระทั่งถึงวันนี้ ที่ยังไม่มั่นใจว่าประชาชนจะเลือกตั้งเพื่อกลับไปเหมือนเดิมอีกหรือไม่

ทั้งหมดนี้คือคิดแทนประชาชนส่วนใหญ่ทั้งหมด!

ตอนชุมนุมชัตดาวน์ก็คิดกันเอาเองในหมู่คนที่หลงตัวเองฉลาดล้ำ ว่าประชาชนยังไม่มีความรู้มากพอ

มาวันนี้เริ่มไม่อยากให้เลือกตั้งเร็ว ก็กลัวว่าประชาชน ยังไม่เปลี่ยนแปลงความคิด

สรุปแล้วเอกสารราชการที่หลุดออกมาว่า “ทำอย่างไรให้ประชาชนหายโง่”

เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับตอนชุมนุมล้มเลือกตั้ง และที่ยังไม่อยากให้รีบเลือกตั้งในวันนี้!


https://www.khaosod.co.th/newspaper-col ... ews_861899

หายโง่

https://www.khaosod.co.th/newspaper-col ... ews_862129

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 21 มี.ค. 2018, 08:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
กรรมดำ กรรมขาว ดำมาก ดำน้อย ขาวมาก ขาวน้อย มีมากกว่า 84000 เฉดสีค่ะ

พระพุทธองค์ทรงแสดงโดยย่อดังนี้

[๘๘] พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้ว่า ดูกรปุณณะ กรรม ๔ ประการนี้
เราทำให้แจ้งชัดด้วยปัญญาอันยิ่งเอง แล้วสอนผู้อื่นให้รู้ตาม

๔ ประการนั้นเป็นไฉน ดูกรปุณณะ
กรรมดำมีวิบากดำมีอยู่
กรรมขาวมีวิบากขาวมีอยู่
กรรมทั้งดำทั้งขาว มีวิบากทั้งดำทั้งขาว มีอยู่
กรรมไม่ดำไม่ขาว มีวิบากไม่ดำไม่ขาว เป็นไปเพื่อความสิ้นกรรมมีอยู่


ว่าจะข้ามไป แต่ได้เห็นหลายๆโพสต์นั่นๆนี่ๆของคุณโลกสวยแล้ว จึงเอามาที่ว่านี่


อ้างคำพูด:
กรรมดำ กรรมขาว ดำมาก ดำน้อย ขาวมาก ขาวน้อย มีมากกว่า 84000 เฉดสีค่ะ



มาวิจารณ์ด้วย คุณโลกสวย พออ่านพระสูตรบ้าง ตัวอย่างนี่แหละ แต่อ่านแล้วได้แต่มโนไปคนเดียวว่ามันน่าจะเป็นยังงั้นยังงี้ตามความโน้มเอียงของตัว ตย.กรรม 4 นั่นแหละ ทำไปทำมาคุณคิดว่าเป็นรุ้ง 7 สี มณี 7 แสงไป ความคิดแบบนี้ ไปทำกัมมัฏฐาน พุทโธๆๆๆๆๆๆๆๆ ก้นกะแทก หัวฟาดพื้น :b32: กว่าจะจบพรหมจัน สมองบวม หรือบรรลุนั่นนี่เหมือนเตโชวิปัสสนา

อ้างคำพูด:
ถามท่านผู้รู้ค่ะว่า

วันนี้ ได้เดินจงกรมเห็นเทพนิมิตเป็นพระพุทธเจ้า และสักพักเป็นในหลวง เป็นเพราะอะไรค่ะ?

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 21 มี.ค. 2018, 10:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Jak เขียน:
ดังนั้น

สมองนิ่ม

ปัญญาควาย

จะไม่รู้ ความดีวัดกันอย่างไร?

และจะไม่รู้จักเลือกคนดี ไปทำงาน

และมองเห็นคนดี ไม่มีความดี

อยากรู้ว่า คนดี เป็นคนอย่างไร?

อยากรู้ว่า ความดี วัดกันตรงไหน?

ให้ดูที่ตัวอย่างปรากฏ ที่เป็นรูปธรรม

ของ พ่อหลวง ร9

เธอนักการเมือง นักวิชาการ นักร่างกฎหมาย

เธอเคยทำความดีปรากฎโดยการอาสา โดยการ

สร้างคุณประโยชน์ สร้างความเจริญหรือไม่

ที่ฉันเห็นมีแต่ร่างกฎหมายเพื่อปกปิดคนดี สนับสนุนเหล่าปัญญาควาย(คนที่มองไม่เห็นความดี..ไม่เคยทำความดี)เข้าสภาฯ



‘สมชัย’ ลั่น ไม่เสียใจ ถูกปลดพ้น กกต. ยันให้สัมภาษณ์ยึดประโยชน์ชาติ แต่อาจขัดใจผู้มีอำนาจ

https://www.matichon.co.th/news/883935

21 มี.ค. 57 ศาล รธน. ล้มเลือกตั้ง

24 มี.ค. 57 สมชัยร่ายกลอนหอเอียง

https://f.ptcdn.info/120/017/000/1395774189-PNG-o.png


หม่อมเต่านา พูดตรงๆ เมื่อสามปีล่วงแล้ว :b32:

https://scontent.fbkk5-6.fna.fbcdn.net/ ... e=5B412F92

https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 21 มี.ค. 2018, 20:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ


วาระเร่งด่วน

อ่านข่าวต่อได้ที่: https://www.thairath.co.th/content/1228500

https://www.facebook.com/Windingideas/p ... =3&theater

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 21 มี.ค. 2018, 20:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
“ทำอย่างไรให้ประชาชนหายโง่”

อ่านข่าวต่อได้ที่: https://www.thairath.co.th/content/1231191



ชกไม่มีมุม : พวกฉลาดล้ำ

ในเอกสารราชการที่ระบุถึงภารกิจ “ทำอย่างไรให้ประชาชนหายโง่” ซึ่งชี้แจงกันพัลวันและขอโทษกันยกใหญ่นั้น เรื่องราวจะจบลงเพียงเท่านี้ หรือจะกลายเป็น กระแสขยายวงต่อไปหรือไม่ คงต้องติดตามกันต่อไป

ที่มาที่ไปของเอกสารฉบับนี้ก็ส่วนหนึ่ง

แต่อีกส่วนหนึ่ง การดูหมิ่นดูแคลนว่า “ประชาชนยังโง่อยู่” ปรากฏอย่างชัดเจน ในหมู่คนฝ่ายอนุรักษนิยมการเมือง

โดยเชื่อมโยงกับสถานการณ์ชุมนุมเพื่อล้มรัฐบาลจากการเลือกตั้งในปี 2556-2557 อย่างชัดเจน เพราะแกนนำการชุมนุมขณะนั้น เรียกร้องให้ปฏิรูปการเมืองก่อนเลือกตั้ง

โดยมองว่าถ้าปล่อยให้เลือกตั้งกันแบบนี้ต่อไป ก็จะได้นักการเมืองที่มาจากการใช้เงินซื้อเสียง

โดยพูดจากันอย่างโจ่งแจ้งว่า ประชาชนในชนบทยังไม่มีความรู้ดีพอ จึงเป็นเหยื่อของนักการเมือง!?!

แถมแสดงท่าทีอย่างเปิดเผย ว่าการเลือกตั้งในภายหน้า ควรต้องเอาเรื่องความรู้เรื่องปริญญาเข้ามากำหนด

1 เสียงของระดับด๊อกเตอร์ ต้องมีคะแนนมากกว่าเสียงของชาวนา

ความคิดแบบนี้ดำเนินไปท่ามกลางการชุมนุมเพื่อล้มรัฐบาลเพื่อไทย กระทั่งรัฐบาลนั้นยอมหาทางออกตามวิถีประชาธิปไตย

แต่แกนนำม็อบก็ไม่เอาทางออกนี้ ทำทุกอย่างเพื่อให้บ้านเมืองถึงทางตัน เปิดทางให้เกิดรัฐประหาร

เสร็จแล้วอำนาจจากการรัฐประหาร ที่อยู่ในมือคนกลุ่มเดียว คิดกันในหมู่คนหยิบมือเดียว

ได้กำหนดกฎกติกาการเมือง โดยทำให้รัฐบาลที่จะมาจากการเลือกตั้งโดยประชาชนในอนาคต ไม่สามารถทำงานอะไรได้มากมาย

ไปๆ มาๆ ในวันนี้ วันเวลาการเลือกตั้งก็ทำท่าจะไม่แน่นอนอีก!?

เชื่อว่าเป็นเพราะประเมินแนวโน้มแล้ว พรรคการเมืองที่เคยชนะในการเลือกตั้งที่ผ่านๆ มา ก็ยังครองความนิยมในหมู่ประชาชนอยู่

ผู้นำรัฐบาลทหาร เริ่มมีคำพูดทำนองว่า จะเลือกตั้งเพื่อกลับไปแบบเดิมกันอีกหรือ

นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ยังไม่อยากให้มีการเลือกตั้งเร็วนัก

สรุปแล้ว ตั้งแต่จุดเริ่มต้นชุมนุมเพื่อล้มรัฐบาลเลือกตั้ง มาจนถึงการทำให้สถานการณ์ไปสู่การรัฐประหาร เพื่อหยุดประชาธิปไตย จนกระทั่งถึงวันนี้ ที่ยังไม่มั่นใจว่าประชาชนจะเลือกตั้งเพื่อกลับไปเหมือนเดิมอีกหรือไม่

ทั้งหมดนี้คือคิดแทนประชาชนส่วนใหญ่ทั้งหมด!

ตอนชุมนุมชัตดาวน์ก็คิดกันเอาเองในหมู่คนที่หลงตัวเองฉลาดล้ำ ว่าประชาชนยังไม่มีความรู้มากพอ

มาวันนี้เริ่มไม่อยากให้เลือกตั้งเร็ว ก็กลัวว่าประชาชน ยังไม่เปลี่ยนแปลงความคิด

สรุปแล้วเอกสารราชการที่หลุดออกมาว่า “ทำอย่างไรให้ประชาชนหายโง่”

เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับตอนชุมนุมล้มเลือกตั้ง และที่ยังไม่อยากให้รีบเลือกตั้งในวันนี้!


https://www.khaosod.co.th/newspaper-col ... ews_861899




แกนนำ กปปส.โอด ต่อสู้เพื่อบ้านเมือง กลับถูกฟ้องข้อหาฉกรรจ์ แต่ไม่เคยเสียใจ

https://www.matichon.co.th/news/884914

อำนาจ ทำให้ต่อมสำนึกคนจมดิ่ง :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 21 มี.ค. 2018, 23:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
“ทำอย่างไรให้ประชาชนหายโง่”

อ่านข่าวต่อได้ที่: https://www.thairath.co.th/content/1231191



ชกไม่มีมุม : พวกฉลาดล้ำ

ในเอกสารราชการที่ระบุถึงภารกิจ “ทำอย่างไรให้ประชาชนหายโง่” ซึ่งชี้แจงกันพัลวันและขอโทษกันยกใหญ่นั้น เรื่องราวจะจบลงเพียงเท่านี้ หรือจะกลายเป็น กระแสขยายวงต่อไปหรือไม่ คงต้องติดตามกันต่อไป

ที่มาที่ไปของเอกสารฉบับนี้ก็ส่วนหนึ่ง

แต่อีกส่วนหนึ่ง การดูหมิ่นดูแคลนว่า “ประชาชนยังโง่อยู่” ปรากฏอย่างชัดเจน ในหมู่คนฝ่ายอนุรักษนิยมการเมือง

โดยเชื่อมโยงกับสถานการณ์ชุมนุมเพื่อล้มรัฐบาลจากการเลือกตั้งในปี 2556-2557 อย่างชัดเจน เพราะแกนนำการชุมนุมขณะนั้น เรียกร้องให้ปฏิรูปการเมืองก่อนเลือกตั้ง

โดยมองว่าถ้าปล่อยให้เลือกตั้งกันแบบนี้ต่อไป ก็จะได้นักการเมืองที่มาจากการใช้เงินซื้อเสียง

โดยพูดจากันอย่างโจ่งแจ้งว่า ประชาชนในชนบทยังไม่มีความรู้ดีพอ จึงเป็นเหยื่อของนักการเมือง!?!

แถมแสดงท่าทีอย่างเปิดเผย ว่าการเลือกตั้งในภายหน้า ควรต้องเอาเรื่องความรู้เรื่องปริญญาเข้ามากำหนด

1 เสียงของระดับด๊อกเตอร์ ต้องมีคะแนนมากกว่าเสียงของชาวนา

ความคิดแบบนี้ดำเนินไปท่ามกลางการชุมนุมเพื่อล้มรัฐบาลเพื่อไทย กระทั่งรัฐบาลนั้นยอมหาทางออกตามวิถีประชาธิปไตย

แต่แกนนำม็อบก็ไม่เอาทางออกนี้ ทำทุกอย่างเพื่อให้บ้านเมืองถึงทางตัน เปิดทางให้เกิดรัฐประหาร

เสร็จแล้วอำนาจจากการรัฐประหาร ที่อยู่ในมือคนกลุ่มเดียว คิดกันในหมู่คนหยิบมือเดียว

ได้กำหนดกฎกติกาการเมือง โดยทำให้รัฐบาลที่จะมาจากการเลือกตั้งโดยประชาชนในอนาคต ไม่สามารถทำงานอะไรได้มากมาย

ไปๆ มาๆ ในวันนี้ วันเวลาการเลือกตั้งก็ทำท่าจะไม่แน่นอนอีก!?

เชื่อว่าเป็นเพราะประเมินแนวโน้มแล้ว พรรคการเมืองที่เคยชนะในการเลือกตั้งที่ผ่านๆ มา ก็ยังครองความนิยมในหมู่ประชาชนอยู่

ผู้นำรัฐบาลทหาร เริ่มมีคำพูดทำนองว่า จะเลือกตั้งเพื่อกลับไปแบบเดิมกันอีกหรือ

นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ยังไม่อยากให้มีการเลือกตั้งเร็วนัก

สรุปแล้ว ตั้งแต่จุดเริ่มต้นชุมนุมเพื่อล้มรัฐบาลเลือกตั้ง มาจนถึงการทำให้สถานการณ์ไปสู่การรัฐประหาร เพื่อหยุดประชาธิปไตย จนกระทั่งถึงวันนี้ ที่ยังไม่มั่นใจว่าประชาชนจะเลือกตั้งเพื่อกลับไปเหมือนเดิมอีกหรือไม่

ทั้งหมดนี้คือคิดแทนประชาชนส่วนใหญ่ทั้งหมด!

ตอนชุมนุมชัตดาวน์ก็คิดกันเอาเองในหมู่คนที่หลงตัวเองฉลาดล้ำ ว่าประชาชนยังไม่มีความรู้มากพอ

มาวันนี้เริ่มไม่อยากให้เลือกตั้งเร็ว ก็กลัวว่าประชาชน ยังไม่เปลี่ยนแปลงความคิด

สรุปแล้วเอกสารราชการที่หลุดออกมาว่า “ทำอย่างไรให้ประชาชนหายโง่”

เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับตอนชุมนุมล้มเลือกตั้ง และที่ยังไม่อยากให้รีบเลือกตั้งในวันนี้!


https://www.khaosod.co.th/newspaper-col ... ews_861899




แกนนำ กปปส.โอด ต่อสู้เพื่อบ้านเมือง กลับถูกฟ้องข้อหาฉกรรจ์ แต่ไม่เคยเสียใจ

https://www.matichon.co.th/news/884914

อำนาจ ทำให้ต่อมสำนึกคนจมดิ่ง :b1:



อ่านหนังสือพิมพ์หลายๆฉบับ แล้วคิดว่าจะหายโง่หรอคะ

ไม่รู้ทุกข์ ไม่รู้สมุทัย ไม่รู้มรรค ไม่รู้นิโรธ
คงฉลาดล้ำ


โพสต์ เมื่อ: 22 มี.ค. 2018, 07:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
“ทำอย่างไรให้ประชาชนหายโง่”

อ่านข่าวต่อได้ที่: https://www.thairath.co.th/content/1231191



ชกไม่มีมุม : พวกฉลาดล้ำ

ในเอกสารราชการที่ระบุถึงภารกิจ “ทำอย่างไรให้ประชาชนหายโง่” ซึ่งชี้แจงกันพัลวันและขอโทษกันยกใหญ่นั้น เรื่องราวจะจบลงเพียงเท่านี้ หรือจะกลายเป็น กระแสขยายวงต่อไปหรือไม่ คงต้องติดตามกันต่อไป

ที่มาที่ไปของเอกสารฉบับนี้ก็ส่วนหนึ่ง

แต่อีกส่วนหนึ่ง การดูหมิ่นดูแคลนว่า “ประชาชนยังโง่อยู่” ปรากฏอย่างชัดเจน ในหมู่คนฝ่ายอนุรักษนิยมการเมือง

โดยเชื่อมโยงกับสถานการณ์ชุมนุมเพื่อล้มรัฐบาลจากการเลือกตั้งในปี 2556-2557 อย่างชัดเจน เพราะแกนนำการชุมนุมขณะนั้น เรียกร้องให้ปฏิรูปการเมืองก่อนเลือกตั้ง

โดยมองว่าถ้าปล่อยให้เลือกตั้งกันแบบนี้ต่อไป ก็จะได้นักการเมืองที่มาจากการใช้เงินซื้อเสียง

โดยพูดจากันอย่างโจ่งแจ้งว่า ประชาชนในชนบทยังไม่มีความรู้ดีพอ จึงเป็นเหยื่อของนักการเมือง!?!

แถมแสดงท่าทีอย่างเปิดเผย ว่าการเลือกตั้งในภายหน้า ควรต้องเอาเรื่องความรู้เรื่องปริญญาเข้ามากำหนด

1 เสียงของระดับด๊อกเตอร์ ต้องมีคะแนนมากกว่าเสียงของชาวนา

ความคิดแบบนี้ดำเนินไปท่ามกลางการชุมนุมเพื่อล้มรัฐบาลเพื่อไทย กระทั่งรัฐบาลนั้นยอมหาทางออกตามวิถีประชาธิปไตย

แต่แกนนำม็อบก็ไม่เอาทางออกนี้ ทำทุกอย่างเพื่อให้บ้านเมืองถึงทางตัน เปิดทางให้เกิดรัฐประหาร

เสร็จแล้วอำนาจจากการรัฐประหาร ที่อยู่ในมือคนกลุ่มเดียว คิดกันในหมู่คนหยิบมือเดียว

ได้กำหนดกฎกติกาการเมือง โดยทำให้รัฐบาลที่จะมาจากการเลือกตั้งโดยประชาชนในอนาคต ไม่สามารถทำงานอะไรได้มากมาย

ไปๆ มาๆ ในวันนี้ วันเวลาการเลือกตั้งก็ทำท่าจะไม่แน่นอนอีก!?

เชื่อว่าเป็นเพราะประเมินแนวโน้มแล้ว พรรคการเมืองที่เคยชนะในการเลือกตั้งที่ผ่านๆ มา ก็ยังครองความนิยมในหมู่ประชาชนอยู่

ผู้นำรัฐบาลทหาร เริ่มมีคำพูดทำนองว่า จะเลือกตั้งเพื่อกลับไปแบบเดิมกันอีกหรือ

นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ยังไม่อยากให้มีการเลือกตั้งเร็วนัก

สรุปแล้ว ตั้งแต่จุดเริ่มต้นชุมนุมเพื่อล้มรัฐบาลเลือกตั้ง มาจนถึงการทำให้สถานการณ์ไปสู่การรัฐประหาร เพื่อหยุดประชาธิปไตย จนกระทั่งถึงวันนี้ ที่ยังไม่มั่นใจว่าประชาชนจะเลือกตั้งเพื่อกลับไปเหมือนเดิมอีกหรือไม่

ทั้งหมดนี้คือคิดแทนประชาชนส่วนใหญ่ทั้งหมด!

ตอนชุมนุมชัตดาวน์ก็คิดกันเอาเองในหมู่คนที่หลงตัวเองฉลาดล้ำ ว่าประชาชนยังไม่มีความรู้มากพอ

มาวันนี้เริ่มไม่อยากให้เลือกตั้งเร็ว ก็กลัวว่าประชาชน ยังไม่เปลี่ยนแปลงความคิด

สรุปแล้วเอกสารราชการที่หลุดออกมาว่า “ทำอย่างไรให้ประชาชนหายโง่”

เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับตอนชุมนุมล้มเลือกตั้ง และที่ยังไม่อยากให้รีบเลือกตั้งในวันนี้!


https://www.khaosod.co.th/newspaper-col ... ews_861899




แกนนำ กปปส.โอด ต่อสู้เพื่อบ้านเมือง กลับถูกฟ้องข้อหาฉกรรจ์ แต่ไม่เคยเสียใจ

https://www.matichon.co.th/news/884914

อำนาจ ทำให้ต่อมสำนึกคนจมดิ่ง :b1:



อ่านหนังสือพิมพ์หลายๆฉบับ แล้วคิดว่าจะหายโง่หรอคะ

ไม่รู้ทุกข์ ไม่รู้สมุทัย ไม่รู้มรรค ไม่รู้นิโรธ
คงฉลาดล้ำ



ถ้ายังงั้น ช่วยให้ฉลาดคือให้หายโฮ้ที คือ ให้รู้ทุกข์ ให้รู้สมุทัย ให้รู้นิโรธ ให้รู้มรรรคที คุณโลกสวยว่าไปตามลำดับ (แต่ดูที่ว่านั่นเหมือนกับสับลำดับกันนะน่า) เอ้าแต่ไม่เป็นไร ชีอาจมีอะไรใหม่ๆมานำเสนอ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 239 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 ... 16  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร