วันเวลาปัจจุบัน 04 ส.ค. 2025, 20:51  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 88 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 10 มิ.ย. 2018, 06:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
โลกสวย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ม่ายรู้ใครจะไปนรกก่อน...ระหว่าง..คนอวยพรที่พูดคำก็เสียดสีคำ..คนที่ยกคำใครก็ไม่รู้ว่าเหนือกว่าคำพระพุทธเจ้า...คนที่ยกความคิดตนว่าเจ่งกว่าพระธรรมคำสอนที่พระองค์ได้สอนสั่ง....

:b9: :b9: :b9:


เอาว่า ระหว่างคุณกบ กะหนู
ขออารธนาให้พระแม่ธรณีทรงเป็นพยานนะคะ


:b32: :b32:
เป็นพยานเรื่องอะไรละ?

แต่ว่า..หนูรู้จักพระแม่ธรณีด้วยหรือ?..ไปรู้จักตอนไหน?

:b1: :b1: :b1:


ก้อารธนาให้พระแม่ธรณีมาพยานเรื่องใครจะไปนรกก่อนกันไงคะ ระหว่างหนู กะคุณกบ

และพระแม่ธรณีนี้หนูก็รู้จักมาตั้งแต่อ่านโคลงศรีปราช ก่อนที่จะมาหัดอ่านพระไตรปิฎกเสียอีก
และก็รู้ว่าพระแม่ธรณีปรากฎอยู่แค่ตอนเดียวในพระไตรปิฎก และไม่เคยกล่าวถึงอีกเรย
เช่นเดียวกันกะนางเมขลา ที่มาแค่หนเดียวในพระไตรปิฎก


แต่ถึงยังไง หนูก็ตั้งจิตอธิฐานไว้ตลอด แล้วว่า หนุจะไปนรกในชาตินี้
เพื่อแสดงธรรมแสดงตัวอย่างไปโปรดสรรพสัตว์ ในนรกก่อนเข้านิพพานค่ะ



อ้อ....รู้จักพระแม่ธรณีจากหนังสือ...นี้เอง... :b9: :b9:
แสดงว่า..ยังไม่มีตาวิเศษ...

พอยังไม่มีตาวิเศษ...ก็เลยมีอาการหลับหูหลับตาท้าคนส่งเดช...ไปงั้นๆ..
อ้างคำพูด:
ก้อารธนาให้พระแม่ธรณีมาพยานเรื่องใครจะไปนรกก่อนกันไงคะ ระหว่างหนู กะคุณกบ


ลุงกบคงไม่สู้หรอก...เพราะหนูเล่นอธิฐานลงนรกเอง..นี้นา s005 s005
อ้างคำพูด:
แต่ถึงยังไง หนูก็ตั้งจิตอธิฐานไว้ตลอด แล้วว่า หนุจะไปนรกในชาตินี้
เพื่อแสดงธรรมแสดงตัวอย่างไปโปรดสรรพสัตว์ ในนรกก่อนเข้านิพพานค่ะ


:b9: :b9: :b9:

อย่าเอาแต่คิด..คิด..นะหนู...มันจะกลายเป็นคิดมาก


โพสต์ เมื่อ: 10 มิ.ย. 2018, 09:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
eragon_joe เขียน:
โลกสวย เขียน:

แต่คิดเท่าไรก็ไม่รู้ แต่จะรู้เมื่อหยุดคิด


ธรรมานุปัสสนา เรื่องนิพพาน

ไม่ได้เป็นทั้งกุศล หรือ อกุศล
แต่นิพพาน เป็นอนิชาภิสังขาร ที่เป็นอัพพยา
ไม่ได้เกิดร่วมกะรูปาวจรกุศลจิต ไม่ได้เกิดร่วมกะอรูปาวจรกุศลจิต
ไม่ได้สร้างภพ ไม่ได้สร้างรูปภพ อรูปภพ

มีแต่จะทำให้สิ้นภพจบพรหมจรรย์ได้
บ๊ายบายค่ะ


:b8: ... :b16: :b16: :b16:

คุณเอรากอนโจ๋คะ
เงียบนี่แสดงว่าเข้าใจหรือไม่เข้าใจคะ


:b1: :b1: :b1:

จริง ๆ เอกอนไม่ค่อยถนัดในเรื่องคำศัพท์สักเท่าไรค่ะ
อย่าง อนิชาภิสังขาร เอกอนก็ไม่รู้ว่าแปลเป็นไทยว่าอะไร
อัพพยา ก็รู้แค่ว่าไม่เป็นกุศล และ ไม่เป็นอกุศล
เอกอน ไม่ได้รู้สึกถึงคำศัพท์ที่ปรากฏผ่านสายตาค่ะ

แต่เอกอนอ่านข้อความของคุณแล้ว เอกอนรู้สึกได้ถึง ความสงบนิ่งปรากฎเด่นขึ้นเป็นอารมณ์

เอกอนจึงเพี่ยงแต่เข้ามา สวัสดี และรู้สึกยินดีที่ได้เข้ามาอ่านความเห็นของคุณค่ะ

ส่วนเรื่องการแสดงความเห็นในทางธรรม
ว่าเข้าใจ หรือ ไม่เข้าใจสิ่งใด เห็นด้วย หรือ ไม่เห็นด้วยกับสิ่งใด
เอกอนร้างไปนานค่ะ การคิดอ่านในเชิงธรรมไม่คล่องแล้ว
ได้แต่เข้ามาติดตามโดยมากค่ะ

:b1: :b16: :b1:


โพสต์ เมื่อ: 10 มิ.ย. 2018, 10:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อภิสังขาร สภาพที่ปรุงแต่งแห่งการกระทำของบุคคล, เจตนาที่เป็นตัวการในการทำกรรม มี ๓ อย่าง คือ

๑. ปุญญาภิสังขาร อภิสังขารที่เป็นบุญ
๒. อปุญญาภิสังขาร อภิสังขารที่เป็นปฏิปักษ์ต่อบุญ คือ บาป
๓. อาเนญชาภิสังขาร อภิสังขารที่เป็นอเนญชา คือ กุศลเจตนาที่เป็นอรูปาวจร ๔
เรียกง่ายๆ ได้แก่ บุญ บาป ฌาน

อภิสังขารมาร อภิสังขารเป็นมารเพราะเป็นตัวปรุงแต่งกรรม ทำให้เกิดชาติชรา เป็นต้น ขัดขวางไม่ให้หลุดพ้นจากทุกข์ในสังสารวัฏฏ์ (โยงถึงปฏิจจสมุปบาท)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 10 มิ.ย. 2018, 11:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
โลกสวย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
โลกสวย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ม่ายรู้ใครจะไปนรกก่อน...ระหว่าง..คนอวยพรที่พูดคำก็เสียดสีคำ..คนที่ยกคำใครก็ไม่รู้ว่าเหนือกว่าคำพระพุทธเจ้า...คนที่ยกความคิดตนว่าเจ่งกว่าพระธรรมคำสอนที่พระองค์ได้สอนสั่ง....

:b9: :b9: :b9:


เอาว่า ระหว่างคุณกบ กะหนู
ขออารธนาให้พระแม่ธรณีทรงเป็นพยานนะคะ


:b32: :b32:
เป็นพยานเรื่องอะไรละ?

แต่ว่า..หนูรู้จักพระแม่ธรณีด้วยหรือ?..ไปรู้จักตอนไหน?

:b1: :b1: :b1:


ก้อารธนาให้พระแม่ธรณีมาพยานเรื่องใครจะไปนรกก่อนกันไงคะ ระหว่างหนู กะคุณกบ

และพระแม่ธรณีนี้หนูก็รู้จักมาตั้งแต่อ่านโคลงศรีปราช ก่อนที่จะมาหัดอ่านพระไตรปิฎกเสียอีก
และก็รู้ว่าพระแม่ธรณีปรากฎอยู่แค่ตอนเดียวในพระไตรปิฎก และไม่เคยกล่าวถึงอีกเรย
เช่นเดียวกันกะนางเมขลา ที่มาแค่หนเดียวในพระไตรปิฎก


แต่ถึงยังไง หนูก็ตั้งจิตอธิฐานไว้ตลอด แล้วว่า หนุจะไปนรกในชาตินี้
เพื่อแสดงธรรมแสดงตัวอย่างไปโปรดสรรพสัตว์ ในนรกก่อนเข้านิพพานค่ะ



อ้อ....รู้จักพระแม่ธรณีจากหนังสือ...นี้เอง... :b9: :b9:
แสดงว่า..ยังไม่มีตาวิเศษ...

พอยังไม่มีตาวิเศษ...ก็เลยมีอาการหลับหูหลับตาท้าคนส่งเดช...ไปงั้นๆ..
อ้างคำพูด:
ก้อารธนาให้พระแม่ธรณีมาพยานเรื่องใครจะไปนรกก่อนกันไงคะ ระหว่างหนู กะคุณกบ


ลุงกบคงไม่สู้หรอก...เพราะหนูเล่นอธิฐานลงนรกเอง..นี้นา s005 s005
อ้างคำพูด:
แต่ถึงยังไง หนูก็ตั้งจิตอธิฐานไว้ตลอด แล้วว่า หนุจะไปนรกในชาตินี้
เพื่อแสดงธรรมแสดงตัวอย่างไปโปรดสรรพสัตว์ ในนรกก่อนเข้านิพพานค่ะ


:b9: :b9: :b9:

อย่าเอาแต่คิด..คิด..นะหนู...มันจะกลายเป็นคิดมาก


แน้เริ่มมานับญาติเป็นลุงเป็นหลาน
หนูจะเรียกคุณว่าลุงกบก็ได้ค่ะ

พระพุทธเจ้าท่านทรงอธิษฐานว่าจะโปรดสัตว์ มาสี่อสงไขยแสนกัปป์ แล้วท่านก็ทำ
หนูก็ทำตามนั่นแหละค่ะ
ไม่มีอะไรในนรกที่น่ากลัวหรอกสำหรับหนู มีแต่ความน่าสงสารมากกว่าที่อื่นค่ะ

และหนูไม่ได้บอกนะว่า หนุเจอพระแม่ธรณี แรก จากหนังสือ แล้วภายหลังเจอได้ยังไง
ลุงนี่คิดเองเออเองมากเรยนะคะ นะคะ




โพสต์ เมื่อ: 10 มิ.ย. 2018, 11:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
โลกสวย เขียน:
eragon_joe เขียน:
โลกสวย เขียน:

แต่คิดเท่าไรก็ไม่รู้ แต่จะรู้เมื่อหยุดคิด


ธรรมานุปัสสนา เรื่องนิพพาน

ไม่ได้เป็นทั้งกุศล หรือ อกุศล
แต่นิพพาน เป็นอนิชาภิสังขาร ที่เป็นอัพพยา
ไม่ได้เกิดร่วมกะรูปาวจรกุศลจิต ไม่ได้เกิดร่วมกะอรูปาวจรกุศลจิต
ไม่ได้สร้างภพ ไม่ได้สร้างรูปภพ อรูปภพ

มีแต่จะทำให้สิ้นภพจบพรหมจรรย์ได้
บ๊ายบายค่ะ


:b8: ... :b16: :b16: :b16:

คุณเอรากอนโจ๋คะ
เงียบนี่แสดงว่าเข้าใจหรือไม่เข้าใจคะ


:b1: :b1: :b1:

จริง ๆ เอกอนไม่ค่อยถนัดในเรื่องคำศัพท์สักเท่าไรค่ะ
อย่าง อนิชาภิสังขาร เอกอนก็ไม่รู้ว่าแปลเป็นไทยว่าอะไร
อัพพยา ก็รู้แค่ว่าไม่เป็นกุศล และ ไม่เป็นอกุศล
เอกอน ไม่ได้รู้สึกถึงคำศัพท์ที่ปรากฏผ่านสายตาค่ะ

แต่เอกอนอ่านข้อความของคุณแล้ว เอกอนรู้สึกได้ถึง ความสงบนิ่งปรากฎเด่นขึ้นเป็นอารมณ์

เอกอนจึงเพี่ยงแต่เข้ามา สวัสดี และรู้สึกยินดีที่ได้เข้ามาอ่านความเห็นของคุณค่ะ

ส่วนเรื่องการแสดงความเห็นในทางธรรม
ว่าเข้าใจ หรือ ไม่เข้าใจสิ่งใด เห็นด้วย หรือ ไม่เห็นด้วยกับสิ่งใด
เอกอนร้างไปนานค่ะ การคิดอ่านในเชิงธรรมไม่คล่องแล้ว
ได้แต่เข้ามาติดตามโดยมากค่ะ

:b1: :b16: :b1:


คุณเอกอนนี่น่าจะเป็นคนที่แปลกประหลาดนะคะ

ทีอ่านแล้วเข้าใจ แล้วสามารถสัมผัสไดในสิ่งที่หนูแสดง

ก็อย่างว่าแหละ
เมื่อใครติดขัดข้องตรงไหน มันก็จะแสดงผลออกมาจากใจ จากคำพูด

หนูก็ขอ ก็ยินดีเช่นกันค่ะ ที่คุณได้รู้สึกถึงความสงบ เด่น ขึ้นมาเป็นอามรณ์

แต่ถ้าคุณสามารถสัมผัสได้ลึกกว่านี้
คุณจะไม่มีวันนั่งนิ่งเงียบ และจะไม่มีใครสักคนเดียว ที่จะนิ่งเงียบเฉยได้
มีแต่จะร้องอุทาน

และนั่นจะแสดงถึงว่าความรู้สึกนั้น ยังเป็น เป็นการอนุมาน หรือเป็นการประจักษ


บางคนก็เอาแต่แปลคำศัพทืทีละตัวๆๆๆๆ บางคนก็เอาแต่จับผิดที่พิมพผิด
บางคน ก็เก็บได้แต่ตัวหนังสือประโยค ต่อประโยค

โดยไม่เข้าใจความหมายแท้จริงทางธรรมทั้งหมดท่ีได้แสดง


ใครเดินอยู่ในหนทางไหน มองหาอะไรอยู่ สิ่งที่หาอยู่นั้น มันก็จะแสดงตัวเด่นชัด
ความชัดเจนในทางธรรม ก็จะปรากฎขึ้น
หรือจะเป็นธรรมประเภทอื่น มันก็อยุ่ที่ว่า คนนั้นมีเป้าหมายอะไร

ถ้าคนแสวงหาความพ้นทุกข์จริงๆ เค้าก็จะได้เห็นประตูที่ออกไปได้
แต่ถ้าเค้ายังสาระวนหา คำแปล คำศัพท์
เค้าก็จะมองเห้ฯแต่สิ่งนั้น
ไม่เห็นทางไปนิพพานค่ะ





โพสต์ เมื่อ: 10 มิ.ย. 2018, 12:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เป้นลุงเพราะแก่เฒ่า... :b32: :b32: :b32:


โพสต์ เมื่อ: 10 มิ.ย. 2018, 12:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
โลกสวย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ม่ายรู้ใครจะไปนรกก่อน...ระหว่าง..คนอวยพรที่พูดคำก็เสียดสีคำ..คนที่ยกคำใครก็ไม่รู้ว่าเหนือกว่าคำพระพุทธเจ้า...คนที่ยกความคิดตนว่าเจ่งกว่าพระธรรมคำสอนที่พระองค์ได้สอนสั่ง....

:b9: :b9: :b9:


เอาว่า ระหว่างคุณกบ กะหนู
ขออารธนาให้พระแม่ธรณีทรงเป็นพยานนะคะ


:b32: :b32:
เป็นพยานเรื่องอะไรละ?

แต่ว่า..หนูรู้จักพระแม่ธรณีด้วยหรือ?..ไปรู้จักตอนไหน?

:b1: :b1: :b1:


ก้อารธนาให้พระแม่ธรณีมาพยานเรื่องใครจะไปนรกก่อนกันไงคะ ระหว่างหนู กะคุณกบ

และพระแม่ธรณีนี้หนูก็รู้จักมาตั้งแต่อ่านโคลงศรีปราช ก่อนที่จะมาหัดอ่านพระไตรปิฎกเสียอีก
และก็รู้ว่าพระแม่ธรณีปรากฎอยู่แค่ตอนเดียวในพระไตรปิฎก และไม่เคยกล่าวถึงอีกเรย
เช่นเดียวกันกะนางเมขลา ที่มาแค่หนเดียวในพระไตรปิฎก



แต่ถึงยังไง หนูก็ตั้งจิตอธิฐานไว้ตลอด แล้วว่า หนุจะไปนรกในชาตินี้
เพื่อแสดงธรรมแสดงตัวอย่างไปโปรดสรรพสัตว์ ในนรกก่อนเข้านิพพานค่ะ




นู๋เมโลกสวยไม่กลัวนรกนิ ทำเป็นพระมาลัยไปได้ ลงไปโปรดสัตว์ในนรก คิกๆๆ


เมไม่ใช่พระมาลัยค่ะ
แต่อาจมีความตั้งใจเหมือนกันได้ มีเป้าหมายเหมือนกันได้ เพราะจิตใจโน้มไปทางเดียวกัน
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านก็บำเพ็ญมาสี่อสงไขย แสนกัปป และตั้งจิตอธิษฐานว่า
จะโปรดสัตว์

หนูก็อธิษฐาน ตั้งจิตเช่นนั้นเหมือนกัน
แต่คงไม่สามารถทำได้อย่างพระพุทธองค์
ที่ทำได้มากมายก่ายกองค่ะ


โพสต์ เมื่อ: 10 มิ.ย. 2018, 12:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
เป้นลุงเพราะแก่เฒ่า... :b32: :b32: :b32:

ถ้าถึงกะแก่เฒ่าขนาดนี้ ยังกล้าเรียกตัวเองว่าลุงอีกหรอคะ
เดียวสนทนากะหนูมาก ไปไปมาๆกลายเป็นพี่ หายแก่หละมั๊งคะ


โพสต์ เมื่อ: 10 มิ.ย. 2018, 13:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อภิสังขาร สภาพที่ปรุงแต่งแห่งการกระทำของบุคคล, เจตนาที่เป็นตัวการในการทำกรรม มี ๓ อย่าง คือ

๑. ปุญญาภิสังขาร อภิสังขารที่เป็นบุญ
๒. อปุญญาภิสังขาร อภิสังขารที่เป็นปฏิปักษ์ต่อบุญ คือ บาป
๓. อาเนญชาภิสังขาร อภิสังขารที่เป็นอเนญชา คือ กุศลเจตนาที่เป็นอรูปาวจร ๔
เรียกง่ายๆ ได้แก่ บุญ บาป ฌาน

อภิสังขารมาร อภิสังขารเป็นมารเพราะเป็นตัวปรุงแต่งกรรม ทำให้เกิดชาติชรา เป็นต้น ขัดขวางไม่ให้หลุดพ้นจากทุกข์ในสังสารวัฏฏ์ (โยงถึงปฏิจจสมุปบาท)


เพราะว่าธรรมานุปัสสนาเรื่องนิพพานนั้น
ยังต้องปรงแต่งจากสังขารระลึกถึงความหมาย ความรู้คร่าวๆ คำอรรถกถาในพระไตรปิฎกว่านิพพานคืออะไร
ยังประกอบด้วยเจตนา ความมั่นคงที่จะตรงไป
แต่เจตนาที่เป้นอัพพยา ไม่ได้ไปยินดียินร้าย
แต่เพื่อให้รู้แจ้งโดยอนุมานเสียก่อนว่า นิพพานเป็นอย่างไร
ต่อไป เมื่อได้เสวยอารมนั้นโดยประจักษถึงความเป้นพระอริยะบุคคลแล้ว

ก็ยังต้องระลึกอยู่อย่างนั้น ไม่หลงไปซ่าย ไปขวา
ไม่หลงไปในอรูปภพ กามภพ รูปภพ

เพราะถ้าไม่มีการพิจารณา แล้ว ก้จะหลงว่าตนนิพพานได้ แต่ไม่ใช่นิพพาน
พระปรมัตถธรรมเรยพระพุทธองค์ จึงให้พิจารณานิพพานได้ 2
ทั้งโดยอนุมานและโดยประจักษค่ะ

ไปก่อนหละค่ะ บ๊ายบาย


โพสต์ เมื่อ: 10 มิ.ย. 2018, 15:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มีคำหนึ่งที่เมโลกสวยพูดถึงบ่อยมากๆ คำนั่นคือนิพพาน แต่ก็ไม่เคยถาม ตอนนี้ถามหน่อย ทำไมถึงชอบนิพพาน อยากไปนิพพาน ที่นั่นมันมีอะไรรึ :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 10 มิ.ย. 2018, 15:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
มีคำหนึ่งที่เมโลกสวยพูดถึงบ่อยมากๆ คำนั่นคือนิพพาน แต่ก็ไม่เคยถาม ตอนนี้ถามหน่อย ทำไมถึงชอบนิพพาน อยากไปนิพพาน ที่นั่นมันมีอะไรรึ :b13:



นิพพานน่ะเหรอคะหนู ยังไปไม่ถึง แต่รู้ว่าหมดกิเลสตัณหาความหลง ก็ไปได้ค่ะ

แต่ตอนนี้มีคนบอกว่า หนูไปไหนก็ไปยังไม่ถึงเร๊ย


โพสต์ เมื่อ: 10 มิ.ย. 2018, 16:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
มีคำหนึ่งที่เมโลกสวยพูดถึงบ่อยมากๆ คำนั่นคือนิพพาน แต่ก็ไม่เคยถาม ตอนนี้ถามหน่อย ทำไมถึงชอบนิพพาน อยากไปนิพพาน ที่นั่นมันมีอะไรรึ :b13:



นิพพานน่ะเหรอคะหนู ยังไปไม่ถึง แต่รู้ว่าหมดกิเลสตัณหาความหลง ก็ไปได้ค่ะ

แต่ตอนนี้มีคนบอกว่า หนูไปไหนก็ไปยังไม่ถึงเร๊ย



ยังงี้ค่อยน่ารักหน่อย คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 10 มิ.ย. 2018, 16:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จริงๆยาว ตัดมาพอเห็นเค้า

เจโตวิมุตติ คือ ความหลุดพ้นทางด้านจิต แปลกันว่า ความหลุดพ้นแห่งจิต หรือความหลุดพ้นด้วยกำลังจิต คือ ด้วยสมาธิ หมายถึง ภาวะจิตที่ประกอบด้วยสมาธิ ซึ่งกำราบราคะลงได้ ทำให้หลุดพันจากกิเลสเครื่องผูกมัดทั้งหลาย (ราคะในที่นี้ และในบาลีทั่วไป ไม่มีความหมายแคบอย่างที่เข้าใจกันในภาษาไทย คือ ไม่ใช่เรื่องกามเท่านั้น แต่หมายถึง ความติดใจ ความใคร่ ในอารมณ์ต่างๆ ทั้งรูปธรรม และนามธรรม เป็นไวพจน์ของตัณหา และกินความถึงโทสะด้วย เพราะโทสะก็คือแรงผลักที่เป็นปฏิกิริยาของราคะนั่นเอง)

ปัญญาวิมุตติ คือ ความหลุดพ้นทางด้านปัญญา แปลกันว่า ความหลุดพ้นด้วยปัญญา แต่ควรแปลว่า ความหลุดพ้นแห่งปัญญาด้วย เพราะหมายถึงปัญญาบริบูรณ์ หรือความรู้ถูกต้องสมบูรณ์ ไม่มีกิเลสบดบังหรือบิดเบือน ซึ่งเกิดขึ้นแก่ผู้บรรลุอรหัตผล ในเมื่อปัญญานั้นกำจัดอวิชชาได้แล้ว ทำให้ผู้นั้นหลุดพ้นจากกิเลสเครื่องผูกมัดทั้งปวงดังบาลีว่า "เพราะสำรอกราคะได้ จึงมีเจโตวิมุตติ , เพราะสำรอกอวิชชาได้ จึงมีปัญญาวิมุตติ" (องฺ.ทุก.20/276/78 ฯลฯ)


อรรถกถาอธิบายว่า เจโตวิมุตติ ได้แก่ ผลสมาธิ หรือ อรหัตผลสมาธิ หรืออรหัตผลจิต (ที.อ.1/387 ฯลฯ) (สมาธิหรือจิตอันตั้งมั่น ที่เป็นผลแห่งการสำเร็จเป็นพระอรหันต์) และว่าปัญญาวิมุตติ ได้แก่ ผลญาณ หรือผลปัญญา หรือ อรหัตผลญาณ หรืออรหัตผลปัญญา (ฌานหรือปัญญาที่เป็นผลแห่งการสำเร็จเป็นพระอรหันต์)

ผู้บรรลุอรหัตผล จะต้องได้เจโตวิมุตติ และปัญญาวิมุตตินี้ ครบทั้งสองอย่างทุกบุคคล คำทั้งสองนี้จึงมาคู่กันเสมอ ในข้อความที่กล่าวถึงการบรรลุอรหัตผล ดังบาลีว่า "เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป จึงทำให้เห็นประจักษ์ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ซึ่งเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ ที่ไม่มีอาสวะ ในปัจจุบันนี้ทีเดียว" (ที.สี.9/253/200 ฯลฯ)

เจโตวิมุตติ เป็นผลของสมถะ ปัญญาวิมุตติ เป็นผลของวิปัสสนา พระอรรถกถาจารย์กล่าวว่า คำคู่นี้แสดงให้เห็นว่า สมถะและวิปัสสนา จะต้องมาควบคู่กัน แม้ในขั้นผล เช่นเดียวกับในขั้นมรรค (แม้ว่าสมถะที่ต้องการในที่นี้ อาจจะเป็นเพียงสมถะในความหมายอย่างกว้างๆ คือ สมาธิเท่าที่จำเป็นเท่านั้น ไม่จำต้องเป็นสมถะที่ฝึกกันเป็นงานเป็นการจนได้อภิญญาสมาบัติ) ข้อนี้ สมด้วยบาลีว่า

"ภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างนี้ เป็นวิชชาภาคิยธรรม ได้แก่ สมถะ และ วิปัสสนา"

"สมถะเจริญแล้ว จะได้ประโยชน์อะไร ? (ตอบ) จิตจะได้รับการเจริญ จิตเจริญแล้ว จะได้ประโยชน์อะไร ? ตอบ ละราคะได้"

"วิปัสสนาเจริญแล้ว จะได้ประโยชน์อะไร ? (ตอบ) ปัญญาจะได้รับการเจริญ ปัญญาเจริญแล้ว จะได้ประโยชน์อะไร ? (ตอบ) ละอวิชชาได้"

"ภิกษุทั้งหลาย จิตที่เศร้าหมองด้วยราคะ ย่อมไม่หลุดพ้น หรือปัญญาก็ดีที่เศร้าหมองด้วยอวิชชา ย่อมเจริญไม่ได้ ด้วยประการดังนี้ เพราะสำรอกราคะได้ จึงมีเจโตวิมุตติ เพราะสำรอกอวิชชาได้ จึงมีปัญญาวิมุตติ" (องฺ.ทุก.20/275-6/77-8)


มีทั้งเจโตวิมุตติ และ ปัญญาวิมุตติ มาด้วยกันครบสองอย่าง จึงเป็นวิมุตติที่สมบูรณ์ อย่างไรก็ ตาม ถ้าพิจารณาให้ลึกลงไป ย่อมเห็นละเอียดยิ่งขึ้นไปอีก

ดังที่ทราบกันอยู่แล้วว่า ผู้ปฏิบัติธรรมจะบำเพ็ญแต่สมถะอย่างเดียว ก็ได้ และ สมถะที่บำเพ็ญเช่นนั้น ย่อมสามารถให้เกิดสมาธิขั้นสูง ถึงฌาน สมาบัติ ซึ่งในในภาวะเช่นนั้น กิเลสทั้งหลาย ย่อมสงบระงับไป เป็นการ หลุดพ้นได้อย่างหนึ่ง แต่หลุดพ้นได้เพียงชั่วคราว ผู้บำเพ็ญสมถะจึง ต้องก้าวต่อไปสู่วิปัสสนา คือเจริญปัญญาด้วย จึงจะหลุดพ้นได้แท้จริง

ความข้อนี้เห็นได้ชัดว่า เจโตวิมุตติอาจมีได้ในกรณีอื่น แม้ที่มิใช่เป็นการบรรลุมรรคผล แต่ เจโตวิมุตติในกรณีเช่นนั้น ย่อมจะมิใช่เจโตวิมุตติที่เด็ดขาดแน่นอน ดังนั้น ตัวตัดสินที่แท้จริง จึงได้แก่ ปัญญาวิมุตติ ซึ่งทำลายอวิชชาไปโดยลำดับ กำจัดกิเลสเด็ดขาดไปเป็นขั้นๆ ปัญญาวิมุตติ มาเมื่อใด ก็หมายถึงวิมุตติที่เด็ดขาดแท้จริงเมื่อนั้น ยิ่งมีคำว่าอนาสวะประกอบด้วย ก็หมายถึงวิมุตติขั้นสูงสุด ที่สมบูรณ์สิ้นเชิง แต่การที่ปัญญาวิมุตติ มาควบคู่กับเจโตวิมุตติ ก็เพราะต้องอาศัยเจโตวิมุตติเป็นเครื่องเตรียมจิตให้พร้อมเท่านั้นเอง

..............

- วิชชาภาคิยธรรม ธรรมเป็นไปเพื่อส่วนแห่งวิชชาหรือธรรมข้างฝ่ายวิชชา คือธรรมที่ช่วยสนับสนุนให้เกิดวิชชา

- อรรถอธิบายว่า สมถะ ได้แก่ จิตเตกัคคตา (ภาวะที่จิตมีอารมณ์อันเดียว คือสมาธินั่นเอง) วิปัสสนา ได้แก่ ญาณที่กำหนด (พิจารณา) สังขาร (องฺ.อ.2/33)

- ในบาลี ท่านยกเอาการได้เจโตวิมุตติ และปัญญาวิมุตติ เป็นหลักอย่างหนึ่ง สำหรับแสดงความหมายของการเป็นพระอรหันต์ เป็นเครื่องแสดงว่า พระอรหันต์ทุกท่าน ย่อมได้ทั้งเจโตวิมุตติ และปัญญาวิมุตติ (เจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ คู่กันของพระอรหันต์นี้ จะมีคำว่าอนาสวะ คือไม่มีอาสวะ นำหน้าเสมอ) อนึ่ง มีข้อความในบาลีที่แสดงให้เห็นชัดว่า เจโตวิมุตติที่ต้องมาคู่กับปัญญาวิมุตติในการสำเร็จอรหัตผลนี้ หมายถึงสมาธิเพียงเท่าที่จำเป็นสำหรับรองรับปัญญาที่ทำอาสวะให้สิ้น ไม่จำต้องเป็นสมาธิในขั้นฌานสมาบัติ คือไม่ใช่เจโตวิมุตติชนิดที่หมายถึงสมาบัติ ๘ หลักฐานนี้มีใน องฺ. จตุกฺก. 21/87/114 ซึ่งกล่าวถึงพระอรหันต์ ผู้ได้เจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ สิ้นอาสวะ แต่ไม่ได้วิโมกข์ ๘ (ฌานสมาบัติ และนิโรธสมาบัติ)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 88 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร