วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 06:08  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 80 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2018, 14:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นี่ประเทศเพื่อนบ้าน

รูปภาพ


คุณโรสเห็นแล้วปวดตับตับอักเสบแน่ๆ คิกๆๆ :b35:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2018, 14:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณโรสกดดู

https://f.ptcdn.info/907/058/000/pcpnyk ... H12r-o.png

https://pantip.com/topic/37914295

เค้ายังเด็กยังไม่รู้เข้าใจอะไรมากนัก แต่ก็ปลูกฝังที่ยึดเหนี่ยวทางใจให้เขาแต่ยังน้อย ซึ่งโตแล้วปลูกฝังยาก เหมือนไม้แก่

คำว่า “ปฏิบัติธรรม” ซึ่งความหมายที่แท้ ได้แก่ การนำเอาธรรมะไปใช้ในการดำเนินชีวิต หรือการดำเนินตามธรรม

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2018, 15:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


cool
:b32:
เอ้ามาหาว่าคนที่พูดตามคำสอนของพระพุทธเจ้าแยกก็ถูกไงพระพุทธเจ้า
แยกวัดกับบ้านชัดเจนอยู่แล้วโรสแค่เขียนให้อ่านไงคะว่าแยกเข้าใจถูกยังงี้

กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
คุณโรสศิษย์บ้านธัมมะซึ่งนำโดยนางสุจินต์ บริหารสุวรรณภูมิ ต้องคิดให้กว้าง อย่าคิดแคบๆ

อ้างคำพูด:
ภิกษุคือสละกิจแบบคฤหัสถ์ไม่มีงานอื่นใดนอกจากศึกษาคำสอนอย่างเดียวคือคันถธุระและวิปัสสนาธุระ


ที่วัดในประเทศไทยชักชวนอุบาสกอุบาสิกา กุลบุตรกุลธิดา เข้าวัดบวชในรูปแบบต่างๆดังกล่าว ก็เพื่อไปฝึกไปศึกษาคันถธุระ วิปัสสนาธุระนั่นเองแล เขาไปได้เข้าไปนอนกันเฉยๆนะ คุณโรสแม่บริหารฯ เคยเข้าไปร่วมกิจกรรมกับเขาไหม

1. ไม่เคย
2. เคย

ตอบตรงๆ ข้อไหน 1 หรือ 2 :b32:

:b32: :b32: :b32:
ให้ทุกคนเลือกให้ถูกก่อนว่าตนเป็นเพศตามคำสอนเพศไหนมี2แบบ
:b16:
1บรรพชิตคือภิกษุกับภิกษุณีครองวัดกินอยู่หลับนอนที่วัดเพราะพระพุทธเจ้าอนุญาต
และมีหน้าที่คันถธุระและวิปัสสนาธุระไม่เร่ร่อนพเนจรไปนอนนอกวัดคือจำวัดนะจ๊ะ
แล้วก็สละสมบัติญาติพี่น้องเพื่อมามักน้อยสันโดษไม่เบียดเบียนทั้งคนและสัตว์ค่ะ
และทุกคนที่บรรพชาต้องบิณฑบาตเพื่ออาหารของตนเองไม่เผื่อใครเพราะมีมาก
ก็ต้องสละหมดก่อนเที่ยงเก็บสะสมแม้แต่เกลือก็เก็บไม่ได้เลยเพราะแสดงถึงโลภ
ไม่ต้องซื้อหาอะไรเลยแม้ชงกาแฟเองก็มิได้(จะตุนจะหาคนมานอนวัดเพื่อทำถวายรึ)
พระพุทธเจ้าให้วัดเป็นที่อยู่จำวัดของบรรพชิตเท่านั้นคิดให้ตรงว่าตนทำผิดอย่างไร
:b1:
2ฆราวาสหรือคฤหัสถ์ครองคฤหาสน์กินอยู่หลับนอนที่บ้านตัวเองมีหน้าที่
ศึกษาคำสอนทำมาหากินเลี้ยงชีพและครอบครัวสงเคราะห์บรรพชิตด้วย
สงเคราะห์ได้ทุกแบบโดยใช้เงินทองซื้อหามาแจกได้โดยไม่มีอาบัตินะจ๊ะ
แม่ชีคืออุบาสิกานะคะๆๆๆสมควรกลับไปอยู่เรือนตัวเองมีปัญญาคิดถูกตรงไหมคะ
:b12:
:b4: :b4:



นี่แหละถึงบอกว่า บ้านธัมมะ โดยแม่บริหารฯ คิดแยกวัดกับชาวบ้าน นี่ชัดเลย

:b32: :b32: :b32:
ความจริงมันแยกกันเป็นแต่ละ1ละเอียดยิบไม่มีอะไรรวมกันเลยไงคะ
การอ่านน่ะแค่อ่านเงาของสภาพธรรมไงคะมันมีตัวจริงอยู่จริงๆไม่งั้นก็ไม่มีเงา
กำลังเห็นไม่รู้เลยว่าเห็นที่เป็นตัวจริงของธัมมะเห็นดับแล้วหลงพอใจว่าเราเห็นตาไม่บอดอิอิ
นั่นแหละคือสะสมกิเลสแล้วเพราะไม่เข้าใจเห็นที่กำลังเห็นยังเป็นตาหูจมูกลิ้นกายใจเราไม่รู้ทั้งหมดที่มีแล้ว
เพราะความจริงที่กำลังปรากฏดับจากไปทุกขณะก็ไม่รู้แปลว่าความจริงปรากฏกับอวิชชาของตนไปแล้วจริงๆ
https://youtu.be/ajMSKWE1FtA
:b13:
:b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2018, 15:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เคยบอกแล้วว่า ลืมตาก็ไม่รู้ กะพริบตาก็ไม่รู้ ต้องหลับตาจึงรู้

ภาคปฏิบัติ มิใช่ไปนั่งแจกแจงวิสยรูป ๗ กายใจ จิต ๘๙ เจตสิก ๕๒ เป็นต้น อย่างบ้านธัมมะและคุณโรสว่า ไม่ใช่แล้ว ไม่ใช่ขอรับ ถ้าใครก็แล้วแต๊ คิกๆ ไปนั่งคิดนั่งวาดภาพตามตำราแล้วกระพริบตาเอาอย่างนั้น อย่างเก่งก็ได้แต่ความฟุ้งซ่าน คือ ฟุ้งซ่านทำ :b12: จริงๆนะไม่ใช่พูดเล่น เรื่องอื่นๆเล่นพอเล่นๆได้ แต่เรื่องเอาจริงนะขอรรับ :b1:

Kiss
พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้แล้วก็ทรงแยกประเภทการศึกษาพระธรรมคำสอนเป็น2แบบแล้วเนี่ย
ดูพฤติกรรมสมัยนี้สิคะพระภิกษุและคณะสงฆ์เอาบ้านเข้าไปปนกับวัดสอนผิดๆให้ถวายเงิน
แล้วคนที่ศึกษาถูกต้องตรงตามต้นตำรับพยายามชี้ให้ดูว่าผิดยังไงตามคำตถาคตทุกคำเช่น
ภิกษุลามกเศรษฐีหัวโล้นอลัชชีไม่มีหิริโอตัปปะกล่าวคำตถาคตเพื่อรับเงินทองลาภยศวัตถุ
:b12:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2018, 19:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
cool
:b32:
เอ้ามาหาว่าคนที่พูดตามคำสอนของพระพุทธเจ้าแยกก็ถูกไงพระพุทธเจ้า
แยกวัดกับบ้านชัดเจนอยู่แล้วโรสแค่เขียนให้อ่านไงคะว่าแยกเข้าใจถูกยังงี้

กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
คุณโรสศิษย์บ้านธัมมะซึ่งนำโดยนางสุจินต์ บริหารสุวรรณภูมิ ต้องคิดให้กว้าง อย่าคิดแคบๆ

อ้างคำพูด:
ภิกษุคือสละกิจแบบคฤหัสถ์ไม่มีงานอื่นใดนอกจากศึกษาคำสอนอย่างเดียวคือคันถธุระและวิปัสสนาธุระ


ที่วัดในประเทศไทยชักชวนอุบาสกอุบาสิกา กุลบุตรกุลธิดา เข้าวัดบวชในรูปแบบต่างๆดังกล่าว ก็เพื่อไปฝึกไปศึกษาคันถธุระ วิปัสสนาธุระนั่นเองแล เขาไปได้เข้าไปนอนกันเฉยๆนะ คุณโรสแม่บริหารฯ เคยเข้าไปร่วมกิจกรรมกับเขาไหม

1. ไม่เคย
2. เคย

ตอบตรงๆ ข้อไหน 1 หรือ 2 :b32:

:b32: :b32: :b32:
ให้ทุกคนเลือกให้ถูกก่อนว่าตนเป็นเพศตามคำสอนเพศไหนมี2แบบ
:b16:
1บรรพชิตคือภิกษุกับภิกษุณีครองวัดกินอยู่หลับนอนที่วัดเพราะพระพุทธเจ้าอนุญาต
และมีหน้าที่คันถธุระและวิปัสสนาธุระไม่เร่ร่อนพเนจรไปนอนนอกวัดคือจำวัดนะจ๊ะ
แล้วก็สละสมบัติญาติพี่น้องเพื่อมามักน้อยสันโดษไม่เบียดเบียนทั้งคนและสัตว์ค่ะ
และทุกคนที่บรรพชาต้องบิณฑบาตเพื่ออาหารของตนเองไม่เผื่อใครเพราะมีมาก
ก็ต้องสละหมดก่อนเที่ยงเก็บสะสมแม้แต่เกลือก็เก็บไม่ได้เลยเพราะแสดงถึงโลภ
ไม่ต้องซื้อหาอะไรเลยแม้ชงกาแฟเองก็มิได้(จะตุนจะหาคนมานอนวัดเพื่อทำถวายรึ)
พระพุทธเจ้าให้วัดเป็นที่อยู่จำวัดของบรรพชิตเท่านั้นคิดให้ตรงว่าตนทำผิดอย่างไร
:b1:
2ฆราวาสหรือคฤหัสถ์ครองคฤหาสน์กินอยู่หลับนอนที่บ้านตัวเองมีหน้าที่
ศึกษาคำสอนทำมาหากินเลี้ยงชีพและครอบครัวสงเคราะห์บรรพชิตด้วย
สงเคราะห์ได้ทุกแบบโดยใช้เงินทองซื้อหามาแจกได้โดยไม่มีอาบัตินะจ๊ะ
แม่ชีคืออุบาสิกานะคะๆๆๆสมควรกลับไปอยู่เรือนตัวเองมีปัญญาคิดถูกตรงไหมคะ
:b12:
:b4: :b4:



นี่แหละถึงบอกว่า บ้านธัมมะ โดยแม่บริหารฯ คิดแยกวัดกับชาวบ้าน นี่ชัดเลย

:b32: :b32: :b32:
ความจริงมันแยกกันเป็นแต่ละ1ละเอียดยิบไม่มีอะไรรวมกันเลยไงคะ
การอ่านน่ะแค่อ่านเงาของสภาพธรรมไงคะมันมีตัวจริงอยู่จริงๆไม่งั้นก็ไม่มีเงา
กำลังเห็นไม่รู้เลยว่าเห็นที่เป็นตัวจริงของธัมมะเห็นดับแล้วหลงพอใจว่าเราเห็นตาไม่บอดอิอิ
นั่นแหละคือสะสมกิเลสแล้วเพราะไม่เข้าใจเห็นที่กำลังเห็นยังเป็นตาหูจมูกลิ้นกายใจเราไม่รู้ทั้งหมดที่มีแล้ว
เพราะความจริงที่กำลังปรากฏดับจากไปทุกขณะก็ไม่รู้แปลว่าความจริงปรากฏกับอวิชชาของตนไปแล้วจริงๆ
https://youtu.be/ajMSKWE1FtA


แยกแบบแม่บริหารฯ แยกแบบไม่ให้คนเข้าวัดนีซิมันประหลาด แล้วชาวบ้านที่เขามาทำบุญรักษาอุโบสถศีลกันแล้วทำไง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2018, 19:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
cool
:b32:
เอ้ามาหาว่าคนที่พูดตามคำสอนของพระพุทธเจ้าแยกก็ถูกไงพระพุทธเจ้า
แยกวัดกับบ้านชัดเจนอยู่แล้วโรสแค่เขียนให้อ่านไงคะว่าแยกเข้าใจถูกยังงี้

กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
คุณโรสศิษย์บ้านธัมมะซึ่งนำโดยนางสุจินต์ บริหารสุวรรณภูมิ ต้องคิดให้กว้าง อย่าคิดแคบๆ

อ้างคำพูด:
ภิกษุคือสละกิจแบบคฤหัสถ์ไม่มีงานอื่นใดนอกจากศึกษาคำสอนอย่างเดียวคือคันถธุระและวิปัสสนาธุระ


ที่วัดในประเทศไทยชักชวนอุบาสกอุบาสิกา กุลบุตรกุลธิดา เข้าวัดบวชในรูปแบบต่างๆดังกล่าว ก็เพื่อไปฝึกไปศึกษาคันถธุระ วิปัสสนาธุระนั่นเองแล เขาไปได้เข้าไปนอนกันเฉยๆนะ คุณโรสแม่บริหารฯ เคยเข้าไปร่วมกิจกรรมกับเขาไหม

1. ไม่เคย
2. เคย

ตอบตรงๆ ข้อไหน 1 หรือ 2 :b32:

:b32: :b32: :b32:
ให้ทุกคนเลือกให้ถูกก่อนว่าตนเป็นเพศตามคำสอนเพศไหนมี2แบบ
:b16:
1บรรพชิตคือภิกษุกับภิกษุณีครองวัดกินอยู่หลับนอนที่วัดเพราะพระพุทธเจ้าอนุญาต
และมีหน้าที่คันถธุระและวิปัสสนาธุระไม่เร่ร่อนพเนจรไปนอนนอกวัดคือจำวัดนะจ๊ะ
แล้วก็สละสมบัติญาติพี่น้องเพื่อมามักน้อยสันโดษไม่เบียดเบียนทั้งคนและสัตว์ค่ะ
และทุกคนที่บรรพชาต้องบิณฑบาตเพื่ออาหารของตนเองไม่เผื่อใครเพราะมีมาก
ก็ต้องสละหมดก่อนเที่ยงเก็บสะสมแม้แต่เกลือก็เก็บไม่ได้เลยเพราะแสดงถึงโลภ
ไม่ต้องซื้อหาอะไรเลยแม้ชงกาแฟเองก็มิได้(จะตุนจะหาคนมานอนวัดเพื่อทำถวายรึ)
พระพุทธเจ้าให้วัดเป็นที่อยู่จำวัดของบรรพชิตเท่านั้นคิดให้ตรงว่าตนทำผิดอย่างไร
:b1:
2ฆราวาสหรือคฤหัสถ์ครองคฤหาสน์กินอยู่หลับนอนที่บ้านตัวเองมีหน้าที่
ศึกษาคำสอนทำมาหากินเลี้ยงชีพและครอบครัวสงเคราะห์บรรพชิตด้วย
สงเคราะห์ได้ทุกแบบโดยใช้เงินทองซื้อหามาแจกได้โดยไม่มีอาบัตินะจ๊ะ
แม่ชีคืออุบาสิกานะคะๆๆๆสมควรกลับไปอยู่เรือนตัวเองมีปัญญาคิดถูกตรงไหมคะ
:b12:
:b4: :b4:



นี่แหละถึงบอกว่า บ้านธัมมะ โดยแม่บริหารฯ คิดแยกวัดกับชาวบ้าน นี่ชัดเลย

:b32: :b32: :b32:
ความจริงมันแยกกันเป็นแต่ละ1ละเอียดยิบไม่มีอะไรรวมกันเลยไงคะ
การอ่านน่ะแค่อ่านเงาของสภาพธรรมไงคะมันมีตัวจริงอยู่จริงๆไม่งั้นก็ไม่มีเงา
กำลังเห็นไม่รู้เลยว่าเห็นที่เป็นตัวจริงของธัมมะเห็นดับแล้วหลงพอใจว่าเราเห็นตาไม่บอดอิอิ
นั่นแหละคือสะสมกิเลสแล้วเพราะไม่เข้าใจเห็นที่กำลังเห็นยังเป็นตาหูจมูกลิ้นกายใจเราไม่รู้ทั้งหมดที่มีแล้ว
เพราะความจริงที่กำลังปรากฏดับจากไปทุกขณะก็ไม่รู้แปลว่าความจริงปรากฏกับอวิชชาของตนไปแล้วจริงๆ
https://youtu.be/ajMSKWE1FtA


แยกแบบแม่บริหารฯ แยกแบบไม่ให้คนเข้าวัดนีซิมันประหลาด แล้วชาวบ้านที่เขามาทำบุญรักษาอุโบสถศีลกันแล้วทำไง

Kiss
คุยกะคนไม่เข้าใจตรรกะตามนัยยะอนัตตา
จะเอาอะไรมารู้เพราะไม่สะสมเหตุเกิดปัญญา
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2018, 19:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
cool
:b32:
เอ้ามาหาว่าคนที่พูดตามคำสอนของพระพุทธเจ้าแยกก็ถูกไงพระพุทธเจ้า
แยกวัดกับบ้านชัดเจนอยู่แล้วโรสแค่เขียนให้อ่านไงคะว่าแยกเข้าใจถูกยังงี้

กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
คุณโรสศิษย์บ้านธัมมะซึ่งนำโดยนางสุจินต์ บริหารสุวรรณภูมิ ต้องคิดให้กว้าง อย่าคิดแคบๆ

อ้างคำพูด:
ภิกษุคือสละกิจแบบคฤหัสถ์ไม่มีงานอื่นใดนอกจากศึกษาคำสอนอย่างเดียวคือคันถธุระและวิปัสสนาธุระ


ที่วัดในประเทศไทยชักชวนอุบาสกอุบาสิกา กุลบุตรกุลธิดา เข้าวัดบวชในรูปแบบต่างๆดังกล่าว ก็เพื่อไปฝึกไปศึกษาคันถธุระ วิปัสสนาธุระนั่นเองแล เขาไปได้เข้าไปนอนกันเฉยๆนะ คุณโรสแม่บริหารฯ เคยเข้าไปร่วมกิจกรรมกับเขาไหม

1. ไม่เคย
2. เคย

ตอบตรงๆ ข้อไหน 1 หรือ 2 :b32:

:b32: :b32: :b32:
ให้ทุกคนเลือกให้ถูกก่อนว่าตนเป็นเพศตามคำสอนเพศไหนมี2แบบ
:b16:
1บรรพชิตคือภิกษุกับภิกษุณีครองวัดกินอยู่หลับนอนที่วัดเพราะพระพุทธเจ้าอนุญาต
และมีหน้าที่คันถธุระและวิปัสสนาธุระไม่เร่ร่อนพเนจรไปนอนนอกวัดคือจำวัดนะจ๊ะ
แล้วก็สละสมบัติญาติพี่น้องเพื่อมามักน้อยสันโดษไม่เบียดเบียนทั้งคนและสัตว์ค่ะ
และทุกคนที่บรรพชาต้องบิณฑบาตเพื่ออาหารของตนเองไม่เผื่อใครเพราะมีมาก
ก็ต้องสละหมดก่อนเที่ยงเก็บสะสมแม้แต่เกลือก็เก็บไม่ได้เลยเพราะแสดงถึงโลภ
ไม่ต้องซื้อหาอะไรเลยแม้ชงกาแฟเองก็มิได้(จะตุนจะหาคนมานอนวัดเพื่อทำถวายรึ)
พระพุทธเจ้าให้วัดเป็นที่อยู่จำวัดของบรรพชิตเท่านั้นคิดให้ตรงว่าตนทำผิดอย่างไร
:b1:
2ฆราวาสหรือคฤหัสถ์ครองคฤหาสน์กินอยู่หลับนอนที่บ้านตัวเองมีหน้าที่
ศึกษาคำสอนทำมาหากินเลี้ยงชีพและครอบครัวสงเคราะห์บรรพชิตด้วย
สงเคราะห์ได้ทุกแบบโดยใช้เงินทองซื้อหามาแจกได้โดยไม่มีอาบัตินะจ๊ะ
แม่ชีคืออุบาสิกานะคะๆๆๆสมควรกลับไปอยู่เรือนตัวเองมีปัญญาคิดถูกตรงไหมคะ
:b12:
:b4: :b4:



นี่แหละถึงบอกว่า บ้านธัมมะ โดยแม่บริหารฯ คิดแยกวัดกับชาวบ้าน นี่ชัดเลย

:b32: :b32: :b32:
ความจริงมันแยกกันเป็นแต่ละ1ละเอียดยิบไม่มีอะไรรวมกันเลยไงคะ
การอ่านน่ะแค่อ่านเงาของสภาพธรรมไงคะมันมีตัวจริงอยู่จริงๆไม่งั้นก็ไม่มีเงา
กำลังเห็นไม่รู้เลยว่าเห็นที่เป็นตัวจริงของธัมมะเห็นดับแล้วหลงพอใจว่าเราเห็นตาไม่บอดอิอิ
นั่นแหละคือสะสมกิเลสแล้วเพราะไม่เข้าใจเห็นที่กำลังเห็นยังเป็นตาหูจมูกลิ้นกายใจเราไม่รู้ทั้งหมดที่มีแล้ว
เพราะความจริงที่กำลังปรากฏดับจากไปทุกขณะก็ไม่รู้แปลว่าความจริงปรากฏกับอวิชชาของตนไปแล้วจริงๆ
https://youtu.be/ajMSKWE1FtA


แยกแบบแม่บริหารฯ แยกแบบไม่ให้คนเข้าวัดนีซิมันประหลาด แล้วชาวบ้านที่เขามาทำบุญรักษาอุโบสถศีลกันแล้วทำไง

Kiss
คุยกะคนไม่เข้าใจตรรกะตามนัยยะอนัตตา
จะเอาอะไรมารู้เพราะไม่สะสมเหตุเกิดปัญญา
:b32: :b32:



อ้าวอนัตตามาแระ อนัตตาหมายถึงอะไรขอรับ :b14:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2018, 20:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
cool
:b32:
เอ้ามาหาว่าคนที่พูดตามคำสอนของพระพุทธเจ้าแยกก็ถูกไงพระพุทธเจ้า
แยกวัดกับบ้านชัดเจนอยู่แล้วโรสแค่เขียนให้อ่านไงคะว่าแยกเข้าใจถูกยังงี้

กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
คุณโรสศิษย์บ้านธัมมะซึ่งนำโดยนางสุจินต์ บริหารสุวรรณภูมิ ต้องคิดให้กว้าง อย่าคิดแคบๆ

อ้างคำพูด:
ภิกษุคือสละกิจแบบคฤหัสถ์ไม่มีงานอื่นใดนอกจากศึกษาคำสอนอย่างเดียวคือคันถธุระและวิปัสสนาธุระ


ที่วัดในประเทศไทยชักชวนอุบาสกอุบาสิกา กุลบุตรกุลธิดา เข้าวัดบวชในรูปแบบต่างๆดังกล่าว ก็เพื่อไปฝึกไปศึกษาคันถธุระ วิปัสสนาธุระนั่นเองแล เขาไปได้เข้าไปนอนกันเฉยๆนะ คุณโรสแม่บริหารฯ เคยเข้าไปร่วมกิจกรรมกับเขาไหม

1. ไม่เคย
2. เคย

ตอบตรงๆ ข้อไหน 1 หรือ 2 :b32:

:b32: :b32: :b32:
ให้ทุกคนเลือกให้ถูกก่อนว่าตนเป็นเพศตามคำสอนเพศไหนมี2แบบ
:b16:
1บรรพชิตคือภิกษุกับภิกษุณีครองวัดกินอยู่หลับนอนที่วัดเพราะพระพุทธเจ้าอนุญาต
และมีหน้าที่คันถธุระและวิปัสสนาธุระไม่เร่ร่อนพเนจรไปนอนนอกวัดคือจำวัดนะจ๊ะ
แล้วก็สละสมบัติญาติพี่น้องเพื่อมามักน้อยสันโดษไม่เบียดเบียนทั้งคนและสัตว์ค่ะ
และทุกคนที่บรรพชาต้องบิณฑบาตเพื่ออาหารของตนเองไม่เผื่อใครเพราะมีมาก
ก็ต้องสละหมดก่อนเที่ยงเก็บสะสมแม้แต่เกลือก็เก็บไม่ได้เลยเพราะแสดงถึงโลภ
ไม่ต้องซื้อหาอะไรเลยแม้ชงกาแฟเองก็มิได้(จะตุนจะหาคนมานอนวัดเพื่อทำถวายรึ)
พระพุทธเจ้าให้วัดเป็นที่อยู่จำวัดของบรรพชิตเท่านั้นคิดให้ตรงว่าตนทำผิดอย่างไร
:b1:
2ฆราวาสหรือคฤหัสถ์ครองคฤหาสน์กินอยู่หลับนอนที่บ้านตัวเองมีหน้าที่
ศึกษาคำสอนทำมาหากินเลี้ยงชีพและครอบครัวสงเคราะห์บรรพชิตด้วย
สงเคราะห์ได้ทุกแบบโดยใช้เงินทองซื้อหามาแจกได้โดยไม่มีอาบัตินะจ๊ะ
แม่ชีคืออุบาสิกานะคะๆๆๆสมควรกลับไปอยู่เรือนตัวเองมีปัญญาคิดถูกตรงไหมคะ
:b12:
:b4: :b4:



นี่แหละถึงบอกว่า บ้านธัมมะ โดยแม่บริหารฯ คิดแยกวัดกับชาวบ้าน นี่ชัดเลย

:b32: :b32: :b32:
ความจริงมันแยกกันเป็นแต่ละ1ละเอียดยิบไม่มีอะไรรวมกันเลยไงคะ
การอ่านน่ะแค่อ่านเงาของสภาพธรรมไงคะมันมีตัวจริงอยู่จริงๆไม่งั้นก็ไม่มีเงา
กำลังเห็นไม่รู้เลยว่าเห็นที่เป็นตัวจริงของธัมมะเห็นดับแล้วหลงพอใจว่าเราเห็นตาไม่บอดอิอิ
นั่นแหละคือสะสมกิเลสแล้วเพราะไม่เข้าใจเห็นที่กำลังเห็นยังเป็นตาหูจมูกลิ้นกายใจเราไม่รู้ทั้งหมดที่มีแล้ว
เพราะความจริงที่กำลังปรากฏดับจากไปทุกขณะก็ไม่รู้แปลว่าความจริงปรากฏกับอวิชชาของตนไปแล้วจริงๆ
https://youtu.be/ajMSKWE1FtA


แยกแบบแม่บริหารฯ แยกแบบไม่ให้คนเข้าวัดนีซิมันประหลาด แล้วชาวบ้านที่เขามาทำบุญรักษาอุโบสถศีลกันแล้วทำไง

Kiss
คุยกะคนไม่เข้าใจตรรกะตามนัยยะอนัตตา
จะเอาอะไรมารู้เพราะไม่สะสมเหตุเกิดปัญญา
:b32: :b32:



อ้าวอนัตตามาแระ อนัตตาหมายถึงอะไรขอรับ :b14:

:b12:
เช่นปัญญาบังคับบัญชาให้เกิดตามใจต้องการไม่ได้
ต้องอาศัยเหตุปัจจัยคือทำปัญญาแรกคือสุตมยปัญญาก่อน
ปัญญาจากการฟังที่เพิ่มขึ้นเจริญไปปัญญาสูงขึ้นตามความเข้าใจจากฟังค่ะ
จะไปทำอะไรที่ไหนอย่างไรก็ตามถ้าไม่พึ่งคิดตามคำตถาคตตรงขณะแปลว่าสะสมแต่อกุศลค่ะ
:b13:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2018, 20:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
cool
:b32:
เอ้ามาหาว่าคนที่พูดตามคำสอนของพระพุทธเจ้าแยกก็ถูกไงพระพุทธเจ้า
แยกวัดกับบ้านชัดเจนอยู่แล้วโรสแค่เขียนให้อ่านไงคะว่าแยกเข้าใจถูกยังงี้

กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
คุณโรสศิษย์บ้านธัมมะซึ่งนำโดยนางสุจินต์ บริหารสุวรรณภูมิ ต้องคิดให้กว้าง อย่าคิดแคบๆ

อ้างคำพูด:
ภิกษุคือสละกิจแบบคฤหัสถ์ไม่มีงานอื่นใดนอกจากศึกษาคำสอนอย่างเดียวคือคันถธุระและวิปัสสนาธุระ


ที่วัดในประเทศไทยชักชวนอุบาสกอุบาสิกา กุลบุตรกุลธิดา เข้าวัดบวชในรูปแบบต่างๆดังกล่าว ก็เพื่อไปฝึกไปศึกษาคันถธุระ วิปัสสนาธุระนั่นเองแล เขาไปได้เข้าไปนอนกันเฉยๆนะ คุณโรสแม่บริหารฯ เคยเข้าไปร่วมกิจกรรมกับเขาไหม

1. ไม่เคย
2. เคย

ตอบตรงๆ ข้อไหน 1 หรือ 2 :b32:

:b32: :b32: :b32:
ให้ทุกคนเลือกให้ถูกก่อนว่าตนเป็นเพศตามคำสอนเพศไหนมี2แบบ
:b16:
1บรรพชิตคือภิกษุกับภิกษุณีครองวัดกินอยู่หลับนอนที่วัดเพราะพระพุทธเจ้าอนุญาต
และมีหน้าที่คันถธุระและวิปัสสนาธุระไม่เร่ร่อนพเนจรไปนอนนอกวัดคือจำวัดนะจ๊ะ
แล้วก็สละสมบัติญาติพี่น้องเพื่อมามักน้อยสันโดษไม่เบียดเบียนทั้งคนและสัตว์ค่ะ
และทุกคนที่บรรพชาต้องบิณฑบาตเพื่ออาหารของตนเองไม่เผื่อใครเพราะมีมาก
ก็ต้องสละหมดก่อนเที่ยงเก็บสะสมแม้แต่เกลือก็เก็บไม่ได้เลยเพราะแสดงถึงโลภ
ไม่ต้องซื้อหาอะไรเลยแม้ชงกาแฟเองก็มิได้(จะตุนจะหาคนมานอนวัดเพื่อทำถวายรึ)
พระพุทธเจ้าให้วัดเป็นที่อยู่จำวัดของบรรพชิตเท่านั้นคิดให้ตรงว่าตนทำผิดอย่างไร
:b1:
2ฆราวาสหรือคฤหัสถ์ครองคฤหาสน์กินอยู่หลับนอนที่บ้านตัวเองมีหน้าที่
ศึกษาคำสอนทำมาหากินเลี้ยงชีพและครอบครัวสงเคราะห์บรรพชิตด้วย
สงเคราะห์ได้ทุกแบบโดยใช้เงินทองซื้อหามาแจกได้โดยไม่มีอาบัตินะจ๊ะ
แม่ชีคืออุบาสิกานะคะๆๆๆสมควรกลับไปอยู่เรือนตัวเองมีปัญญาคิดถูกตรงไหมคะ
:b12:
:b4: :b4:



นี่แหละถึงบอกว่า บ้านธัมมะ โดยแม่บริหารฯ คิดแยกวัดกับชาวบ้าน นี่ชัดเลย

:b32: :b32: :b32:
ความจริงมันแยกกันเป็นแต่ละ1ละเอียดยิบไม่มีอะไรรวมกันเลยไงคะ
การอ่านน่ะแค่อ่านเงาของสภาพธรรมไงคะมันมีตัวจริงอยู่จริงๆไม่งั้นก็ไม่มีเงา
กำลังเห็นไม่รู้เลยว่าเห็นที่เป็นตัวจริงของธัมมะเห็นดับแล้วหลงพอใจว่าเราเห็นตาไม่บอดอิอิ
นั่นแหละคือสะสมกิเลสแล้วเพราะไม่เข้าใจเห็นที่กำลังเห็นยังเป็นตาหูจมูกลิ้นกายใจเราไม่รู้ทั้งหมดที่มีแล้ว
เพราะความจริงที่กำลังปรากฏดับจากไปทุกขณะก็ไม่รู้แปลว่าความจริงปรากฏกับอวิชชาของตนไปแล้วจริงๆ
https://youtu.be/ajMSKWE1FtA


แยกแบบแม่บริหารฯ แยกแบบไม่ให้คนเข้าวัดนีซิมันประหลาด แล้วชาวบ้านที่เขามาทำบุญรักษาอุโบสถศีลกันแล้วทำไง

Kiss
คุยกะคนไม่เข้าใจตรรกะตามนัยยะอนัตตา
จะเอาอะไรมารู้เพราะไม่สะสมเหตุเกิดปัญญา
:b32: :b32:



อ้าวอนัตตามาแระ อนัตตาหมายถึงอะไรขอรับ :b14:

:b12:
เช่นปัญญาบังคับบัญชาให้เกิดตามใจต้องการไม่ได้
ต้องอาศัยเหตุปัจจัยคือทำปัญญาแรกคือสุตมยปัญญาก่อน
ปัญญาจากการฟังที่เพิ่มขึ้นเจริญไปปัญญาสูงขึ้นตามความเข้าใจจากฟังค่ะ
จะไปทำอะไรที่ไหนอย่างไรก็ตามถ้าไม่พึ่งคิดตามคำตถาคตตรงขณะแปลว่าสะสมแต่อกุศลค่ะ
:b13:
:b32: :b32:



เพ้อเจ้อเลอะเทอะ คุณโรสขอรับ คุณไปนั่งหลับตาภาวนา พองหนอ ยุบหนอ คิดหนอ ฟุ้งซ่านเป็นต้นหนอ บ้างเถอะขอรับ หรือจะเอาหายเข้าใจเข้า ธัม หายใจออก โม ธัมโมๆๆๆๆ ก็ได้ เชื่อกรัชกายน้อยเถอะ :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2018, 20:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณโรสถอนแบบเจ้าสำนักเด๊ะๆเบย :b1:

รูปภาพ


เมื่อก่อนไม่ได้สนใจติดตามนัก แต่พอมาค้นคว้าดูแล้วเลอะเทอะตัวย่าเบย :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2018, 20:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
cool
:b32:
เอ้ามาหาว่าคนที่พูดตามคำสอนของพระพุทธเจ้าแยกก็ถูกไงพระพุทธเจ้า
แยกวัดกับบ้านชัดเจนอยู่แล้วโรสแค่เขียนให้อ่านไงคะว่าแยกเข้าใจถูกยังงี้

กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
คุณโรสศิษย์บ้านธัมมะซึ่งนำโดยนางสุจินต์ บริหารสุวรรณภูมิ ต้องคิดให้กว้าง อย่าคิดแคบๆ

อ้างคำพูด:
ภิกษุคือสละกิจแบบคฤหัสถ์ไม่มีงานอื่นใดนอกจากศึกษาคำสอนอย่างเดียวคือคันถธุระและวิปัสสนาธุระ


ที่วัดในประเทศไทยชักชวนอุบาสกอุบาสิกา กุลบุตรกุลธิดา เข้าวัดบวชในรูปแบบต่างๆดังกล่าว ก็เพื่อไปฝึกไปศึกษาคันถธุระ วิปัสสนาธุระนั่นเองแล เขาไปได้เข้าไปนอนกันเฉยๆนะ คุณโรสแม่บริหารฯ เคยเข้าไปร่วมกิจกรรมกับเขาไหม

1. ไม่เคย
2. เคย

ตอบตรงๆ ข้อไหน 1 หรือ 2 :b32:

:b32: :b32: :b32:
ให้ทุกคนเลือกให้ถูกก่อนว่าตนเป็นเพศตามคำสอนเพศไหนมี2แบบ
:b16:
1บรรพชิตคือภิกษุกับภิกษุณีครองวัดกินอยู่หลับนอนที่วัดเพราะพระพุทธเจ้าอนุญาต
และมีหน้าที่คันถธุระและวิปัสสนาธุระไม่เร่ร่อนพเนจรไปนอนนอกวัดคือจำวัดนะจ๊ะ
แล้วก็สละสมบัติญาติพี่น้องเพื่อมามักน้อยสันโดษไม่เบียดเบียนทั้งคนและสัตว์ค่ะ
และทุกคนที่บรรพชาต้องบิณฑบาตเพื่ออาหารของตนเองไม่เผื่อใครเพราะมีมาก
ก็ต้องสละหมดก่อนเที่ยงเก็บสะสมแม้แต่เกลือก็เก็บไม่ได้เลยเพราะแสดงถึงโลภ
ไม่ต้องซื้อหาอะไรเลยแม้ชงกาแฟเองก็มิได้(จะตุนจะหาคนมานอนวัดเพื่อทำถวายรึ)
พระพุทธเจ้าให้วัดเป็นที่อยู่จำวัดของบรรพชิตเท่านั้นคิดให้ตรงว่าตนทำผิดอย่างไร
:b1:
2ฆราวาสหรือคฤหัสถ์ครองคฤหาสน์กินอยู่หลับนอนที่บ้านตัวเองมีหน้าที่
ศึกษาคำสอนทำมาหากินเลี้ยงชีพและครอบครัวสงเคราะห์บรรพชิตด้วย
สงเคราะห์ได้ทุกแบบโดยใช้เงินทองซื้อหามาแจกได้โดยไม่มีอาบัตินะจ๊ะ
แม่ชีคืออุบาสิกานะคะๆๆๆสมควรกลับไปอยู่เรือนตัวเองมีปัญญาคิดถูกตรงไหมคะ
:b12:
:b4: :b4:



นี่แหละถึงบอกว่า บ้านธัมมะ โดยแม่บริหารฯ คิดแยกวัดกับชาวบ้าน นี่ชัดเลย

:b32: :b32: :b32:
ความจริงมันแยกกันเป็นแต่ละ1ละเอียดยิบไม่มีอะไรรวมกันเลยไงคะ
การอ่านน่ะแค่อ่านเงาของสภาพธรรมไงคะมันมีตัวจริงอยู่จริงๆไม่งั้นก็ไม่มีเงา
กำลังเห็นไม่รู้เลยว่าเห็นที่เป็นตัวจริงของธัมมะเห็นดับแล้วหลงพอใจว่าเราเห็นตาไม่บอดอิอิ
นั่นแหละคือสะสมกิเลสแล้วเพราะไม่เข้าใจเห็นที่กำลังเห็นยังเป็นตาหูจมูกลิ้นกายใจเราไม่รู้ทั้งหมดที่มีแล้ว
เพราะความจริงที่กำลังปรากฏดับจากไปทุกขณะก็ไม่รู้แปลว่าความจริงปรากฏกับอวิชชาของตนไปแล้วจริงๆ
https://youtu.be/ajMSKWE1FtA


แยกแบบแม่บริหารฯ แยกแบบไม่ให้คนเข้าวัดนีซิมันประหลาด แล้วชาวบ้านที่เขามาทำบุญรักษาอุโบสถศีลกันแล้วทำไง

Kiss
คุยกะคนไม่เข้าใจตรรกะตามนัยยะอนัตตา
จะเอาอะไรมารู้เพราะไม่สะสมเหตุเกิดปัญญา
:b32: :b32:



อ้าวอนัตตามาแระ อนัตตาหมายถึงอะไรขอรับ :b14:

:b12:
เช่นปัญญาบังคับบัญชาให้เกิดตามใจต้องการไม่ได้
ต้องอาศัยเหตุปัจจัยคือทำปัญญาแรกคือสุตมยปัญญาก่อน
ปัญญาจากการฟังที่เพิ่มขึ้นเจริญไปปัญญาสูงขึ้นตามความเข้าใจจากฟังค่ะ
จะไปทำอะไรที่ไหนอย่างไรก็ตามถ้าไม่พึ่งคิดตามคำตถาคตตรงขณะแปลว่าสะสมแต่อกุศลค่ะ
:b13:
:b32: :b32:



เพ้อเจ้อเลอะเทอะ คุณโรสขอรับ คุณไปนั่งหลับตาภาวนา พองหนอ ยุบหนอ คิดหนอ ฟุ้งซ่านเป็นต้นหนอ บ้างเถอะขอรับ หรือจะเอาหายเข้าใจเข้า ธัม หายใจออก โม ธัมโมๆๆๆๆ ก็ได้ เชื่อกรัชกายน้อยเถอะ :b13:

:b32:
วิธีทำฌานคือหลับตาหา
วิธีทำปัญญาคือลืมตาดูหูฟัง
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2018, 20:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:


วิธีทำฌานคือหลับตาหา
วิธีทำปัญญาคือลืมตาดูหูฟัง



ลืมตาดูแม่บริหาร ฯ หูฟังแม่บริหารฯกล่อมประสาท

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ส.ค. 2018, 06:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


บ้านเกื้อกูลวัด...วัดอบรมบ้าน..เป็นสังคมแห่งอุดมคติ..อุดมสุข..เกิดประโยชน์ทั้งโลกนี้..และโลกหน้า..จนกระทั้งนำพาพ้นจากโลกทั้งสอง..

มีตัวอย่าง...บ้านเกื้อกูลวัด...วัดอบรมบ้าน..เป็นสังคมแห่งอุดมคติ..อุดมสุข.
viewtopic.php?f=1&t=56299&p=423942#p423942
อ้างคำพูด:
พระหลวงตาให้อุบาย

เช้าวันหนึ่งพระหลวงตาไปรับบิณฑบาตในหมู่บ้าน ท่านได้ถาม “ภาวนา เป็นยังไง”

คุณแม่จันดีกราบเรียนว่า...“ฝันแปลกมาก ฝันว่าพระหลวงปู่มั่น ชวนให้ไปกับท่าน แต่ในฝันเป็นห่วงลูกคนเล็ก จึงขอไปดูลูกก่อน จะตามไปทีหลัง”

พระหลวงตาให้อุบาย “เอ้า ให้มึงคิดตัดสินใจเอา ถ้าห่วงลูก ก็ตามพระหลวงปู่มั่นไปไม่ได้”

คำพูดของพระหลวงตา ทำให้ต้องตั้งถามตัวเองว่า...“พระหลวงปู่มั่นมาโปรดแท้ๆ คนแปลความฝันก็เป็นพระหลวงตา เราติดคาอะไร ห่วงอะไร-อาลัยอะไร” นั่นทำให้ท่านคิดและตัดสินใจได้เร็วขึ้น

ท่านจึงขออนุญาตสามีและลูกๆทุกคน เพื่อออกมาปฏิบัติ ถือศีลภาวนา อยู่วัดป่าบ้านตาด เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๔ โดยอาศัยที่กระท่อมน้อยในป่าทึบ ท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ยืนต้นเป็นเงาร่มครึ้ม พื้นเบื้องล่างเต็มไปด้วยต้นข้าว สารหนาแน่น

ท่านได้ถือศีล ๘ อย่างเคร่งครัด ท่านกล่าวไว้ว่า...“ท่านบวชใจแทนศีล คือใจที่มีเจตนางดเว้นการทำความผิด เมื่อใจมีเจตนา งดเว้นการทำความผิด เมื่อใจมีเจตนาทำความถูกต้อง ศีลเป็นอันเดียวกับใจ ใจรักษาศีล ดูศีลดูใจตัวเอง ศีลเป็นใจที่มีเจตนางดเว้นการทำความชั่วทั้งปวง ดูศีลดูใจ สำรวจความผิดที่เกิดจากใจของตัวเองแล้วอบอุ่น หนักแน่น มั่นคง มั่นใจ ไม่มีที่ต้องติตัวเองเรื่องศีล”

คุณแม่จันดี ท่านบอกช่วงนั้นคุณยายแก้ว แห่งสำนักชีห้วยทรายได้มาพำนัก อยู่วัดป่าบ้านตาดท่านเมตตาถามคุณแม่จันดี ถึงการปฏิบัติภาวนาอยู่เสมอ มีอยู่ครั้งหนึ่งท่านถามว่า “จันดีจิตของลูกแยกส่วนแบ่งส่วนหรือยัง”

คุณแม่จันดี เรียนตอบว่า “แยกแล้วแบ่งแล้ว และกราบเรียนต่อว่า ขณะนี้เป็นอย่างนี้” คุณยายฟัง และบอกท่านว่า “เออดีแล้ว จิตถ้าแยกส่วนแบ่งส่วนแล้ว จิตก็มีแต่จะเจริญ”

ต่อมาอีกคุณยายแก้ว ถามท่านว่า จันดีลูกกราบเรียนการปฏิบัติกับญาท่าน (พระหลวงตามหาบัว) ว่าอย่างไรบ้าง เห็นพระในวัดท่านเข้ามาถามแม่ว่า (คือคุณยายแก้ว) ว่าคุณแม่รู้ไหมโยมใครกันที่อยู่ในหมู่บ้าน มีเทวดา พระอินทร์ พระพรหม มาอนุโมทนากับเขาพ่อแม่ครูอาจารย์

หลวงตาพูดในที่ประชุมสงฆ์ “ทำไหมเขาภาวนาทั้งที่มีลูกน้อย ทั้งทำนา ครองเรือนอยู่ เห็นเทพเทวดา”

คุณยายจึงเรียนพระไปว่า “จะเป็นใครนอกจากนางจันดี (น้องสาวของญาท่าน)”

พอได้โอกาสคุณแม่จันดี มาวัด ท่านจึงเล่าให้ฟัง และถามว่า “เป็นความจริงไหม” เพราะแม่ (คุณยาย) ตอบพระไปก่อนจะถามเจ้าแล้ว

ท่านจึงกราบเรียนคุณยายแก้วว่า “ลูกได้กราบเรียน การปฏิบัติของลูกให้พระหลวงตาทราบในทุกๆเรื่อง เพราะไม่พึ่งพระหลวงตาท่านช่วย ลูกคงติดในแต่ละจุด และช้าเวลาต้องให้ท่านช่วยตี ช่วยขนาบ เพราะท่านจะบอกลูกว่าเวลานี้ท่านมีชีวิตอยู่ติดขัดอะไรให้ถาม ถ้าเราพิจารณาเองอาจช้า เสียเวลา มีครูบาอาจารย์ช่วยแนะเรามีหน้าที่ทำตาม ปฏิบัติตามท่าน

...........

คุณแม่จันดี โลหิตดี


บ้านเกื้อกูลวัด...บำรุงวัดด้วยปัจจัย4 เป็นต้น
วัดอบรมบ้าน...นำพาชาวบ้านปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนให้เกิดผล


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ส.ค. 2018, 07:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:


วิธีทำฌานคือหลับตาหา
วิธีทำปัญญาคือลืมตาดูหูฟัง



ลืมตาดูแม่บริหาร ฯ หูฟังแม่บริหารฯกล่อมประสาท

:b12:
ใช้กาลามสูตร10โดยไม่ยึดถือว่าคนพูดเป็นใคร
ฟังธรรมสนทนาธรรมคบบัณฑิตคือคำวาจาสัจจะ
เป็นมงคลส่วนสวดมนต์ไม่มีในมงคล38ไปดูได้ค่ะ
เห็นอะไรคะไม่จำคำสอนเลยเห็นไม่มีคิดปนนะคะ
ที่ปรากฏเป็นคนสัตว์วัตถุแล้วนั่นน่ะคือจิตคิดนึกนะ
การอ่านคือจิตคิดนึกหลังเห็นดับไปแล้วหลายขณะ
จึงไม่รู้ความจริงที่กำลังปรากฏแต่เป็นการจำตัวอักษร
แล้วคิดนึกตามความหมายที่ไม่ตรงสภาพธรรมที่กำลังมี
การใช้ตาดูตามปกติและฟังเสียงที่ส่องถึงความจริงตรงขณะ
เพราะไม่มีใครรู้อนาคตคือขณะต่อไปจะเข้าใจความจริงอะไรที่ตนมี
การฟังจึงเป็นการพิสูจน์ความจริงตาม...เข้าใจคำว่าตามไหมคะ...ตามฟังทีละคำ
เพื่อดับกิเลสคือดับไม่รู้ทันทีเป็นกำลังเข้าใจถูกตามได้ทันทีเพื่อดับไม่รู้เกิดสัมมาตามได้ทันที
เริ่มฟังจึงเริ่มรู้ตามไม่ฟังก็ไม่รู้ชาติไหนไม่ฟังชาตินั้นไม่ทำเหตุปัจจัยให้เกิดสัมมาทิฏฐิคือปัญญาเข้าใจถูกไง
:b12:
:b32: :b32:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 01 ส.ค. 2018, 07:29, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ส.ค. 2018, 07:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
บ้านเกื้อกูลวัด...วัดอบรมบ้าน..เป็นสังคมแห่งอุดมคติ..อุดมสุข..เกิดประโยชน์ทั้งโลกนี้..และโลกหน้า..จนกระทั้งนำพาพ้นจากโลกทั้งสอง..

มีตัวอย่าง...บ้านเกื้อกูลวัด...วัดอบรมบ้าน..เป็นสังคมแห่งอุดมคติ..อุดมสุข.
viewtopic.php?f=1&t=56299&p=423942#p423942
อ้างคำพูด:
พระหลวงตาให้อุบาย

เช้าวันหนึ่งพระหลวงตาไปรับบิณฑบาตในหมู่บ้าน ท่านได้ถาม “ภาวนา เป็นยังไง”

คุณแม่จันดีกราบเรียนว่า...“ฝันแปลกมาก ฝันว่าพระหลวงปู่มั่น ชวนให้ไปกับท่าน แต่ในฝันเป็นห่วงลูกคนเล็ก จึงขอไปดูลูกก่อน จะตามไปทีหลัง”

พระหลวงตาให้อุบาย “เอ้า ให้มึงคิดตัดสินใจเอา ถ้าห่วงลูก ก็ตามพระหลวงปู่มั่นไปไม่ได้”

คำพูดของพระหลวงตา ทำให้ต้องตั้งถามตัวเองว่า...“พระหลวงปู่มั่นมาโปรดแท้ๆ คนแปลความฝันก็เป็นพระหลวงตา เราติดคาอะไร ห่วงอะไร-อาลัยอะไร” นั่นทำให้ท่านคิดและตัดสินใจได้เร็วขึ้น

ท่านจึงขออนุญาตสามีและลูกๆทุกคน เพื่อออกมาปฏิบัติ ถือศีลภาวนา อยู่วัดป่าบ้านตาด เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๔ โดยอาศัยที่กระท่อมน้อยในป่าทึบ ท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ยืนต้นเป็นเงาร่มครึ้ม พื้นเบื้องล่างเต็มไปด้วยต้นข้าว สารหนาแน่น

ท่านได้ถือศีล ๘ อย่างเคร่งครัด ท่านกล่าวไว้ว่า...“ท่านบวชใจแทนศีล คือใจที่มีเจตนางดเว้นการทำความผิด เมื่อใจมีเจตนา งดเว้นการทำความผิด เมื่อใจมีเจตนาทำความถูกต้อง ศีลเป็นอันเดียวกับใจ ใจรักษาศีล ดูศีลดูใจตัวเอง ศีลเป็นใจที่มีเจตนางดเว้นการทำความชั่วทั้งปวง ดูศีลดูใจ สำรวจความผิดที่เกิดจากใจของตัวเองแล้วอบอุ่น หนักแน่น มั่นคง มั่นใจ ไม่มีที่ต้องติตัวเองเรื่องศีล”

คุณแม่จันดี ท่านบอกช่วงนั้นคุณยายแก้ว แห่งสำนักชีห้วยทรายได้มาพำนัก อยู่วัดป่าบ้านตาดท่านเมตตาถามคุณแม่จันดี ถึงการปฏิบัติภาวนาอยู่เสมอ มีอยู่ครั้งหนึ่งท่านถามว่า “จันดีจิตของลูกแยกส่วนแบ่งส่วนหรือยัง”

คุณแม่จันดี เรียนตอบว่า “แยกแล้วแบ่งแล้ว และกราบเรียนต่อว่า ขณะนี้เป็นอย่างนี้” คุณยายฟัง และบอกท่านว่า “เออดีแล้ว จิตถ้าแยกส่วนแบ่งส่วนแล้ว จิตก็มีแต่จะเจริญ”

ต่อมาอีกคุณยายแก้ว ถามท่านว่า จันดีลูกกราบเรียนการปฏิบัติกับญาท่าน (พระหลวงตามหาบัว) ว่าอย่างไรบ้าง เห็นพระในวัดท่านเข้ามาถามแม่ว่า (คือคุณยายแก้ว) ว่าคุณแม่รู้ไหมโยมใครกันที่อยู่ในหมู่บ้าน มีเทวดา พระอินทร์ พระพรหม มาอนุโมทนากับเขาพ่อแม่ครูอาจารย์

หลวงตาพูดในที่ประชุมสงฆ์ “ทำไหมเขาภาวนาทั้งที่มีลูกน้อย ทั้งทำนา ครองเรือนอยู่ เห็นเทพเทวดา”

คุณยายจึงเรียนพระไปว่า “จะเป็นใครนอกจากนางจันดี (น้องสาวของญาท่าน)”

พอได้โอกาสคุณแม่จันดี มาวัด ท่านจึงเล่าให้ฟัง และถามว่า “เป็นความจริงไหม” เพราะแม่ (คุณยาย) ตอบพระไปก่อนจะถามเจ้าแล้ว

ท่านจึงกราบเรียนคุณยายแก้วว่า “ลูกได้กราบเรียน การปฏิบัติของลูกให้พระหลวงตาทราบในทุกๆเรื่อง เพราะไม่พึ่งพระหลวงตาท่านช่วย ลูกคงติดในแต่ละจุด และช้าเวลาต้องให้ท่านช่วยตี ช่วยขนาบ เพราะท่านจะบอกลูกว่าเวลานี้ท่านมีชีวิตอยู่ติดขัดอะไรให้ถาม ถ้าเราพิจารณาเองอาจช้า เสียเวลา มีครูบาอาจารย์ช่วยแนะเรามีหน้าที่ทำตาม ปฏิบัติตามท่าน

...........

คุณแม่จันดี โลหิตดี


บ้านเกื้อกูลวัด...บำรุงวัดด้วยปัจจัย4 เป็นต้น
วัดอบรมบ้าน...นำพาชาวบ้านปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนให้เกิดผล

:b11:
วัดนั้นพระรับเงินไหมใส่บาตรพระทุศีลแล้วเขาสอนไหมว่าไม่ต้องถวายเงินมีแต่เรี่ยไรมีตู้รับบริจาคก็ผิดแล้ว
คริคริคริเก็บสะสมอะไรไม่ได้เลยหลังเที่ยงแม้แต่เกลือยังเก็บไม่ได555มีสะสมเงินและก็มีบัญชีรับเงินชื่อใคร
:b32: :b32:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 80 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร