วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 05:34  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 239 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 12, 13, 14, 15, 16  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2018, 00:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

หายต่อมตกน้ำตกท่าไม่เป็นท่าไปแล้วคริคริคริ
คิดได้หรือยังหนอว่าคนคิดตามปกติได้ทีละ1พยางค์ตรงคำ


บ้านธัมมะโดยบริหารฯ เป็นมิจฉาทิฏฐิหนามากตกนรกลูกเดียว


ประมาทว่าตนรู้น่ะกล่าวหาตถาคตน๊า
เพราะผู้กล่าวตามคำตถาคตไม่เปลี่ยน
จะกล่าวทุกอย่างตรงไปตรงมาไม่มีอ้อม
เป็นการกล่าวความจริงที่กำลังมีเดี๋ยวนี้
ตรงปัจจุบันขณะใครที่ไหนจะรู้ทั่วหมด
อย่างพระพุทธเจ้านั้นเป็นไปไม่ได้นะคะ
เพราะไม่มีพระพุทธเจ้าองค์ที่2เกิดมีได้
มีแต่ดวงจิตต้องตามรู้สิ่งที่กำลังปรากฏ
ซึ่งหน้าคือประจักษ์ชัดถึงสิ่งที่มีเดี๋ยวนี้
รู้ไม่ทันนั่นแหละเรียกว่ามีกิเลสอวิชชา
:b12:
:b4: :b4:



พูดชัดๆถึงขนาดนั้นยังไม่เข้าใจ ว่าบ้านธัมมะ ไม่ใช่กล่าวหาตถาคต :b32: คนอารัย เข้าใจอะไรยากจินๆ

:b12:
ไม่ชัดใช่เปล่าอ้าวงั้นคิดใหม่เอาให้ตรงนะดูความจริงตามสมมุติสัจจะของคนทั่วโลกที่บวชในเถรวาทค่ะ
ภิกษุที่รับเงินทำผิดคือการทุศีลเป็นมิจฉาอาชีโวปิดกั้นมรรคผลนิพพานคือทุกขณะเดี๋ยวนี้มีไหมทั่วโลก
:b16: :b16:



ตีปัญหาไม่แตก

กรัชกายว่าบ้านธัมมะ ไม่ใช่ว่ากล่าวตถาคต เออ :b35:

:b12:
พิจารณาพฤติกรรมผู้คนทั้งหลายกับพฤติกรรมตนเองดูก็ได้ค่ะแล้วไตร่ตรองค่ะ
บูชาผู้ที่ไม่ควรบูชายกย่องผู้ที่ไม่ควรยกย่องเช่นกราบไหว้ภิกษุรับเงินว่าดีวิเศษ
ใครมาตำหนิว่าพระรับเงินบาปทุศีลพากันมารุมตำหนิรู้เปล่าเขาบอกด้วยจริงใจ
บูชาผู้ที่ควรบูชายกย่องผู้ที่ควรยกย่องเช่นการเคารพกราบไหว้สูงสุดคือเคารพ
คำสอนของพระพุทธเจ้าด้วยการฟังให้เข้าใจเพราะผู้ที่เข้าใจยกย่องคำตถาคต
ตำหนิผู้ที่ทำผิดจากคำสอนเป็นการประกาศยกย่องตถาคตตำหนิผู้ที่ลบหลู่ไงคะ


ประเด็นนี้เคยถามทั้งคุณโรสเองกับปฤษฎีนะว่าปัจจุบันจะให้พระเณรทำยังไง เพราะวัดก็ดี สำนักสงฆ์ก็ดี มีค่าใช้จ่ายภายในวัด เช่น ค่าน้ำค่าไฟเป็นต้นใครที่ไหนจะเป็นคนจ่าย ไหนลองตอบสิ



เงียบ นี่คือสำนักบ้านธัมมะพูดเพื่อทำลายสังฆมณฑลในเมืองไทย


cool
ศึกษาคำสอนผิดเข้าใจผิดทำไปผิดพาคนอื่นๆทำผิด
วัดเป็นที่อยู่ของบรรพชิตที่สงบและสะดวกสบาย
สำหรับภิกษุเพื่อขัดเกลากิเลสไม่สมควรมี
ชาวบ้านเข้ามาวุ่นวายชาวบ้านสร้างวัด
ให้พระภิกษุสงฆ์พำนักอาศัยจำวัด
ไม่ใช่ให้เป็นที่กินนอนขับถ่าย
ของชาวบ้านทั้งชายและหญิง
เพราะวัดสำหรับเพศบรรพชิต
บรรพชิตไม่มีภิกษุณีแล้วมีแต่ภิกษุ
แม่ชีคือเพศคฤหัสถ์ไม่ใช่บรรพชิต
ไม่ต้องทำดีแบบแอบแฝงไปนอนในวัด
เพราะคฤหัสถ์ก็นอนบ้านใครก็บ้านตัวเอง
การนั่งสมาธิหลับตามีมาก่อนพระพุทธเจ้าตรัสรู้
ไม่เข้าใจว่าพระพุทธเจ้าสอนความจริงเดี๋ยวนี้ที่มีแล้ว
ไม่ต้องไปไหนไม่ต้องไปทำอะไรก็มีแล้วแต่ไม่รู้ว่ามีแล้ว
มีแต่ทำตามเคยชินตามประเพณีทำตามๆกันด้วยความไม่รู้
ไม่เคยศึกษาคำสอนที่แท้จริงมัวแต่เชื่อและทำตามๆกันบวชชีงี้
ชีพราหมณ์งี้ครั้งพุทธกาลลัทธิต่างๆนุ่งห่มแบบชีพราหมณ์เยอะเลย
:b32:
ทำไมถึงสอนชาวบ้านทำตามๆกันแบบผิดๆเข้าใจว่าตถาคตสอนทำสมาธิแบบหลับตางั้นหรือ
ตถาคตตรัสรู้ความจริงที่ทุกคนมีแล้วไม่ต้องทำเข้าใจไหมหลงผิดทำตามๆกันไม่ฟังเลยขาดปัญญา
คำสอนต้องศึกษาจากการฟังเพื่อไตร่ตรองให้ตรงกับสิ่งที่กำลังมีกำลังปรากฏว่ามีแล้วที่กายใจเดี๋ยวนี้เลยค่ะ
ไม่ใช่อ่านแล้วคิดว่าต้องแยกออกไปจากปกติไปทำสิ่งที่ยังไม่มีเพิ่มการฟังคำสอนเป็นการรู้ความจริงที่กำลังมี
ตามเสียงที่ตรงกับคำสัจจะของพระพุทธเจ้าจากใครก็ได้ที่กล่าวตามความเป็นจริงให้เข้าใจถูกในสิ่งที่กำลังมี
:b12:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2018, 05:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

หายต่อมตกน้ำตกท่าไม่เป็นท่าไปแล้วคริคริคริ
คิดได้หรือยังหนอว่าคนคิดตามปกติได้ทีละ1พยางค์ตรงคำ


บ้านธัมมะโดยบริหารฯ เป็นมิจฉาทิฏฐิหนามากตกนรกลูกเดียว


ประมาทว่าตนรู้น่ะกล่าวหาตถาคตน๊า
เพราะผู้กล่าวตามคำตถาคตไม่เปลี่ยน
จะกล่าวทุกอย่างตรงไปตรงมาไม่มีอ้อม
เป็นการกล่าวความจริงที่กำลังมีเดี๋ยวนี้
ตรงปัจจุบันขณะใครที่ไหนจะรู้ทั่วหมด
อย่างพระพุทธเจ้านั้นเป็นไปไม่ได้นะคะ
เพราะไม่มีพระพุทธเจ้าองค์ที่2เกิดมีได้
มีแต่ดวงจิตต้องตามรู้สิ่งที่กำลังปรากฏ
ซึ่งหน้าคือประจักษ์ชัดถึงสิ่งที่มีเดี๋ยวนี้
รู้ไม่ทันนั่นแหละเรียกว่ามีกิเลสอวิชชา
:b12:
:b4: :b4:



พูดชัดๆถึงขนาดนั้นยังไม่เข้าใจ ว่าบ้านธัมมะ ไม่ใช่กล่าวหาตถาคต :b32: คนอารัย เข้าใจอะไรยากจินๆ

:b12:
ไม่ชัดใช่เปล่าอ้าวงั้นคิดใหม่เอาให้ตรงนะดูความจริงตามสมมุติสัจจะของคนทั่วโลกที่บวชในเถรวาทค่ะ
ภิกษุที่รับเงินทำผิดคือการทุศีลเป็นมิจฉาอาชีโวปิดกั้นมรรคผลนิพพานคือทุกขณะเดี๋ยวนี้มีไหมทั่วโลก
:b16: :b16:



ตีปัญหาไม่แตก

กรัชกายว่าบ้านธัมมะ ไม่ใช่ว่ากล่าวตถาคต เออ :b35:

:b12:
พิจารณาพฤติกรรมผู้คนทั้งหลายกับพฤติกรรมตนเองดูก็ได้ค่ะแล้วไตร่ตรองค่ะ
บูชาผู้ที่ไม่ควรบูชายกย่องผู้ที่ไม่ควรยกย่องเช่นกราบไหว้ภิกษุรับเงินว่าดีวิเศษ
ใครมาตำหนิว่าพระรับเงินบาปทุศีลพากันมารุมตำหนิรู้เปล่าเขาบอกด้วยจริงใจ
บูชาผู้ที่ควรบูชายกย่องผู้ที่ควรยกย่องเช่นการเคารพกราบไหว้สูงสุดคือเคารพ
คำสอนของพระพุทธเจ้าด้วยการฟังให้เข้าใจเพราะผู้ที่เข้าใจยกย่องคำตถาคต
ตำหนิผู้ที่ทำผิดจากคำสอนเป็นการประกาศยกย่องตถาคตตำหนิผู้ที่ลบหลู่ไงคะ


ประเด็นนี้เคยถามทั้งคุณโรสเองกับปฤษฎีนะว่าปัจจุบันจะให้พระเณรทำยังไง เพราะวัดก็ดี สำนักสงฆ์ก็ดี มีค่าใช้จ่ายภายในวัด เช่น ค่าน้ำค่าไฟเป็นต้นใครที่ไหนจะเป็นคนจ่าย ไหนลองตอบสิ



เงียบ นี่คือสำนักบ้านธัมมะพูดเพื่อทำลายสังฆมณฑลในเมืองไทย


cool
ศึกษาคำสอนผิดเข้าใจผิดทำไปผิดพาคนอื่นๆทำผิด
วัดเป็นที่อยู่ของบรรพชิตที่สงบและสะดวกสบาย
สำหรับภิกษุเพื่อขัดเกลากิเลสไม่สมควรมี
ชาวบ้านเข้ามาวุ่นวายชาวบ้านสร้างวัด
ให้พระภิกษุสงฆ์พำนักอาศัยจำวัด
ไม่ใช่ให้เป็นที่กินนอนขับถ่าย
ของชาวบ้านทั้งชายและหญิง
เพราะวัดสำหรับเพศบรรพชิต
บรรพชิตไม่มีภิกษุณีแล้วมีแต่ภิกษุ
แม่ชีคือเพศคฤหัสถ์ไม่ใช่บรรพชิต
ไม่ต้องทำดีแบบแอบแฝงไปนอนในวัด
เพราะคฤหัสถ์ก็นอนบ้านใครก็บ้านตัวเอง
การนั่งสมาธิหลับตามีมาก่อนพระพุทธเจ้าตรัสรู้
ไม่เข้าใจว่าพระพุทธเจ้าสอนความจริงเดี๋ยวนี้ที่มีแล้ว
ไม่ต้องไปไหนไม่ต้องไปทำอะไรก็มีแล้วแต่ไม่รู้ว่ามีแล้ว
มีแต่ทำตามเคยชินตามประเพณีทำตามๆกันด้วยความไม่รู้
ไม่เคยศึกษาคำสอนที่แท้จริงมัวแต่เชื่อและทำตามๆกันบวชชีงี้
ชีพราหมณ์งี้ครั้งพุทธกาลลัทธิต่างๆนุ่งห่มแบบชีพราหมณ์เยอะเลย
:b32:
ทำไมถึงสอนชาวบ้านทำตามๆกันแบบผิดๆเข้าใจว่าตถาคตสอนทำสมาธิแบบหลับตางั้นหรือ
ตถาคตตรัสรู้ความจริงที่ทุกคนมีแล้วไม่ต้องทำเข้าใจไหมหลงผิดทำตามๆกันไม่ฟังเลยขาดปัญญา
คำสอนต้องศึกษาจากการฟังเพื่อไตร่ตรองให้ตรงกับสิ่งที่กำลังมีกำลังปรากฏว่ามีแล้วที่กายใจเดี๋ยวนี้เลยค่ะ
ไม่ใช่อ่านแล้วคิดว่าต้องแยกออกไปจากปกติไปทำสิ่งที่ยังไม่มีเพิ่มการฟังคำสอนเป็นการรู้ความจริงที่กำลังมี
ตามเสียงที่ตรงกับคำสัจจะของพระพุทธเจ้าจากใครก็ได้ที่กล่าวตามความเป็นจริงให้เข้าใจถูกในสิ่งที่กำลังมี


ศีล เพื่อสมาธิ สมาธิเพื่อปัญญา ปัญญาเพื่อวิมุตติ

ก็อย่างที่บอกว่า คุณโรสศิษย์สำนักธัมมะ เป็นธรรมะเลียนแบบหนังสือ ว่ากันทื่อๆ แล้วก็ชัดอีกว่าเรียนอภิธรรมมาจากสำนัก อ.แนบ อ้อมน้อย ซึ่งที่นี่ไม่ให้ทำสมาธิ แล้วก็ไม่รู้จักสมาธิแต่ประการใด :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2018, 09:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:

ศึกษาคำสอนผิดเข้าใจผิดทำไปผิดพาคนอื่นๆทำผิด
วัดเป็นที่อยู่ของบรรพชิตที่สงบและสะดวกสบาย
สำหรับภิกษุเพื่อขัดเกลากิเลสไม่สมควรมี
ชาวบ้านเข้ามาวุ่นวายชาวบ้านสร้างวัด
ให้พระภิกษุสงฆ์พำนักอาศัยจำวัด
ไม่ใช่ให้เป็นที่กินนอนขับถ่าย
ของชาวบ้านทั้งชายและหญิง
เพราะวัดสำหรับเพศบรรพชิต
บรรพชิตไม่มีภิกษุณีแล้วมีแต่ภิกษุ
แม่ชีคือเพศคฤหัสถ์ไม่ใช่บรรพชิต
ไม่ต้องทำดีแบบแอบแฝงไปนอนในวัด
เพราะคฤหัสถ์ก็นอนบ้านใครก็บ้านตัวเอง

การนั่งสมาธิหลับตามีมาก่อนพระพุทธเจ้าตรัสรู้
ไม่เข้าใจว่าพระพุทธเจ้าสอนความจริงเดี๋ยวนี้ที่มีแล้ว
ไม่ต้องไปไหนไม่ต้องไปทำอะไรก็มีแล้วแต่ไม่รู้ว่ามีแล้ว
มีแต่ทำตามเคยชินตามประเพณีทำตามๆกันด้วยความไม่รู้
ไม่เคยศึกษาคำสอนที่แท้จริงมัวแต่เชื่อและทำตามๆกันบวชชีงี้
ชีพราหมณ์งี้ครั้งพุทธกาลลัทธิต่างๆนุ่งห่มแบบชีพราหมณ์เยอะเลย
:b32:
ทำไมถึงสอนชาวบ้านทำตามๆกันแบบผิดๆเข้าใจว่าตถาคตสอนทำสมาธิแบบหลับตางั้นหรือ
ตถาคตตรัสรู้ความจริงที่ทุกคนมีแล้วไม่ต้องทำเข้าใจไหมหลงผิดทำตามๆกันไม่ฟังเลยขาดปัญญา
คำสอนต้องศึกษาจากการฟังเพื่อไตร่ตรองให้ตรงกับสิ่งที่กำลังมีกำลังปรากฏว่ามีแล้วที่กายใจเดี๋ยวนี้เลยค่ะ
ไม่ใช่อ่านแล้วคิดว่าต้องแยกออกไปจากปกติไปทำสิ่งที่ยังไม่มีเพิ่มการฟังคำสอนเป็นการรู้ความจริงที่กำลังมี
ตามเสียงที่ตรงกับคำสัจจะของพระพุทธเจ้าจากใครก็ได้ที่กล่าวตามความเป็นจริงให้เข้าใจถูกในสิ่งที่กำลังมี


ให้คุณโรสศิษย์บ้านธัมมะโดยแม่สุจินดู การหลับตาทำสมาธิ กับ ลืมตาฟุ้งซ่านแบบบ้านธัมมะ จากตัวอย่างนี้ อ้าวดู

อ้างคำพูด:
ผมก็นั่งตามลมหายใจพุทโธไป

วันแรกๆก็ไม่เป็นอะไร พอวันที่สาม นั่งไปซักพักประมาณสิบนาที เริ่มมีอาการเหวี่ยง แบบเหวี่ยงหมุนจน เวียนหัวจึงนั่งต่อไม่ได้ ลืมตา ขึ้นมา นั่งดูพระรูปอื่น


เป็นอย่างนี้อยู่เกือบตลอด กลับมาที่กุฏิก่อนจะจำวัดก็นั่งก็เป็นอีก

จนมาถามพระพี่เลี้ยงท่านบอกเหมือนจิตกำลังจะได้เข้าสู่ความสงบให้ผ่านจุดนี้ไปให้ได้ แต่มันก็ได้แบบแปปๆแล้วก็หมุนอีกหมุนอีก

จนลาสิกขามาก็เริ่มมาหาอ่านเองจนได้อ่านบันทึกกรรมฐานของเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช ให้พิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรม

คราวนี้ก็ทำตามหนังสือ หายใจตอนแรกก็ยาว ก็ตามไปซักพัก เริ่มพิจารณาตามสติปัฐฐาน คราวนี้หมุนเร็วเลยหมุนแรงมากจนรู้สึกจะอาเจียนเลย

ผมก็พิจารณาว่าเป็นทุกขเวทนา ก็ดีขึ้นแปปก็หมุนอีกเรื่อยๆ จนตอนนี้ยังแก้ไม่ได้เลยครับ ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ล่าสุดเมื่อคืนหมุนจนจะอ้วกจนถอนสมาธิออกมา ยังมีอาการเวียนหัวจะอ้วกมาอีกซักสิบห้านาทีค่อยดีขึ้น

คำถามครับ

1. ผมควรแก้ปัญหานี้ยังไงดี ฝืนนั่งไปเรื่อยๆจนหายหรือต้องกำหนดอะไรยังไง

2. จุดมุ่งหมายจริงๆ คือวิปัสสนากรรมฐานคืออะไรครับ ไม่ได้โอ้อวดว่าตัวเองเก่งนะครับ พอดีผมเรียนแพทย์เลยเข้าใจพวกสรีระร่างกายมนุษย์อยู่แล้ว เมื่อมาเรียนรู้ทางธรรมพิจารณาตามขันธ์ 5 ก็เข้าใจว่ามันไม่ได้มีตัวตนจริงๆของเรา เหมือนเท่าที่อ่านการฝึกวิปัสสนาทำให้เราเข้าใจว่าทุกอย่างมีเกิดดับของมัน เป็นธรรมดา ไม่ให้เรายึดติด แต่ถ้าผมอ่านแล้วเข้าใจแล้วจะทำไปเพื่ออะไร หรือว่าให้จิตเราแข็งแกร่ง จะได้มีสติรู้เท่าทันทุกการกระทำ หลังสึกออกมาทุกวันนี้ เวลาจะโกรธใครก็เหมือนมีสติมาห้ามทัน แต่ก็ยังมีหลุดบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้จะตอบโต้แทบจะทันทีเพราะเป็นคนใจร้อน




คุณโรสศิษย์บ้านธัมมะเห็นความต่างกันไหม เขาหลับตาภาวนาพุทโธ (อะไรก็ได้) ว่าไปๆๆๆๆ จิตเป็นสมาธิเห็นภาวะหลากหลายปรากฏ ตนเองทนไม่ได้ ต้องลืมตา (ลืมตาหายเลย) นั่งดูเขา

ไปทำอีกก็มีก็เป็นอีก เห็นไหมอ่ะนะ

สรุปแบบแน่ใจล้าน % บ้านธัมมะนำโดยแม่สุจิน ฟุ้งซ่านธัมม์ เพ้อเจ้อธรรม ไม่ผิดหรอก :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2018, 09:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่ได้ว่าว่าขณะปฏิบัติว่าลืมตาไม่ได้ ลืมได้ เหมือนสภาวะเกิดแรง เบื้องต้น ทนกำหนดไม่ไหวใจจะขาด ก็ลืมตาเพื่อผ่อนมันกำหนดแบบลืมตาได้ พอสภาวะผ่อนเบาลง หลับตากำหนดดูมันอีก ฯลฯ ไม่ได้ตายตัวตามหนังสือเปะแข็งทื่อแบบบ้านธัมมะ :b13: บ้านธัมมะนี่ต้องฟัง ฟังทีละพยางค์ทีละคำ ตัวอย่าง เช่น สติ ต้อง ส คำหนึ่ง ติ คำหนึ่ง แล้วก็มโนคติว่า คำตถาคต คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2018, 09:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

ศึกษาคำสอนผิดเข้าใจผิดทำไปผิดพาคนอื่นๆทำผิด
วัดเป็นที่อยู่ของบรรพชิตที่สงบและสะดวกสบาย
สำหรับภิกษุเพื่อขัดเกลากิเลสไม่สมควรมี
ชาวบ้านเข้ามาวุ่นวายชาวบ้านสร้างวัด
ให้พระภิกษุสงฆ์พำนักอาศัยจำวัด
ไม่ใช่ให้เป็นที่กินนอนขับถ่าย
ของชาวบ้านทั้งชายและหญิง
เพราะวัดสำหรับเพศบรรพชิต
บรรพชิตไม่มีภิกษุณีแล้วมีแต่ภิกษุ
แม่ชีคือเพศคฤหัสถ์ไม่ใช่บรรพชิต
ไม่ต้องทำดีแบบแอบแฝงไปนอนในวัด
เพราะคฤหัสถ์ก็นอนบ้านใครก็บ้านตัวเอง

การนั่งสมาธิหลับตามีมาก่อนพระพุทธเจ้าตรัสรู้
ไม่เข้าใจว่าพระพุทธเจ้าสอนความจริงเดี๋ยวนี้ที่มีแล้ว
ไม่ต้องไปไหนไม่ต้องไปทำอะไรก็มีแล้วแต่ไม่รู้ว่ามีแล้ว
มีแต่ทำตามเคยชินตามประเพณีทำตามๆกันด้วยความไม่รู้
ไม่เคยศึกษาคำสอนที่แท้จริงมัวแต่เชื่อและทำตามๆกันบวชชีงี้
ชีพราหมณ์งี้ครั้งพุทธกาลลัทธิต่างๆนุ่งห่มแบบชีพราหมณ์เยอะเลย
:b32:
ทำไมถึงสอนชาวบ้านทำตามๆกันแบบผิดๆเข้าใจว่าตถาคตสอนทำสมาธิแบบหลับตางั้นหรือ
ตถาคตตรัสรู้ความจริงที่ทุกคนมีแล้วไม่ต้องทำเข้าใจไหมหลงผิดทำตามๆกันไม่ฟังเลยขาดปัญญา
คำสอนต้องศึกษาจากการฟังเพื่อไตร่ตรองให้ตรงกับสิ่งที่กำลังมีกำลังปรากฏว่ามีแล้วที่กายใจเดี๋ยวนี้เลยค่ะ
ไม่ใช่อ่านแล้วคิดว่าต้องแยกออกไปจากปกติไปทำสิ่งที่ยังไม่มีเพิ่มการฟังคำสอนเป็นการรู้ความจริงที่กำลังมี
ตามเสียงที่ตรงกับคำสัจจะของพระพุทธเจ้าจากใครก็ได้ที่กล่าวตามความเป็นจริงให้เข้าใจถูกในสิ่งที่กำลังมี


ให้คุณโรสศิษย์บ้านธัมมะโดยแม่สุจินดู การหลับตาทำสมาธิ กับ ลืมตาฟุ้งซ่านแบบบ้านธัมมะ จากตัวอย่างนี้ อ้าวดู

อ้างคำพูด:
ผมก็นั่งตามลมหายใจพุทโธไป

วันแรกๆก็ไม่เป็นอะไร พอวันที่สาม นั่งไปซักพักประมาณสิบนาที เริ่มมีอาการเหวี่ยง แบบเหวี่ยงหมุนจน เวียนหัวจึงนั่งต่อไม่ได้ ลืมตา ขึ้นมา นั่งดูพระรูปอื่น


เป็นอย่างนี้อยู่เกือบตลอด กลับมาที่กุฏิก่อนจะจำวัดก็นั่งก็เป็นอีก

จนมาถามพระพี่เลี้ยงท่านบอกเหมือนจิตกำลังจะได้เข้าสู่ความสงบให้ผ่านจุดนี้ไปให้ได้ แต่มันก็ได้แบบแปปๆแล้วก็หมุนอีกหมุนอีก

จนลาสิกขามาก็เริ่มมาหาอ่านเองจนได้อ่านบันทึกกรรมฐานของเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช ให้พิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรม

คราวนี้ก็ทำตามหนังสือ หายใจตอนแรกก็ยาว ก็ตามไปซักพัก เริ่มพิจารณาตามสติปัฐฐาน คราวนี้หมุนเร็วเลยหมุนแรงมากจนรู้สึกจะอาเจียนเลย

ผมก็พิจารณาว่าเป็นทุกขเวทนา ก็ดีขึ้นแปปก็หมุนอีกเรื่อยๆ จนตอนนี้ยังแก้ไม่ได้เลยครับ ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ล่าสุดเมื่อคืนหมุนจนจะอ้วกจนถอนสมาธิออกมา ยังมีอาการเวียนหัวจะอ้วกมาอีกซักสิบห้านาทีค่อยดีขึ้น

คำถามครับ

1. ผมควรแก้ปัญหานี้ยังไงดี ฝืนนั่งไปเรื่อยๆจนหายหรือต้องกำหนดอะไรยังไง

2. จุดมุ่งหมายจริงๆ คือวิปัสสนากรรมฐานคืออะไรครับ ไม่ได้โอ้อวดว่าตัวเองเก่งนะครับ พอดีผมเรียนแพทย์เลยเข้าใจพวกสรีระร่างกายมนุษย์อยู่แล้ว เมื่อมาเรียนรู้ทางธรรมพิจารณาตามขันธ์ 5 ก็เข้าใจว่ามันไม่ได้มีตัวตนจริงๆของเรา เหมือนเท่าที่อ่านการฝึกวิปัสสนาทำให้เราเข้าใจว่าทุกอย่างมีเกิดดับของมัน เป็นธรรมดา ไม่ให้เรายึดติด แต่ถ้าผมอ่านแล้วเข้าใจแล้วจะทำไปเพื่ออะไร หรือว่าให้จิตเราแข็งแกร่ง จะได้มีสติรู้เท่าทันทุกการกระทำ หลังสึกออกมาทุกวันนี้ เวลาจะโกรธใครก็เหมือนมีสติมาห้ามทัน แต่ก็ยังมีหลุดบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้จะตอบโต้แทบจะทันทีเพราะเป็นคนใจร้อน




คุณโรสศิษย์บ้านธัมมะเห็นความต่างกันไหม เขาหลับตาภาวนาพุทโธ (อะไรก็ได้) ว่าไปๆๆๆๆ จิตเป็นสมาธิเห็นภาวะหลากหลายปรากฏ ตนเองทนไม่ได้ ต้องลืมตา (ลืมตาหายเลย) นั่งดูเขา

ไปทำอีกก็มีก็เป็นอีก เห็นไหมอ่ะนะ

สรุปแบบแน่ใจล้าน % บ้านธัมมะนำโดยแม่สุจิน ฟุ้งซ่านธัมม์ เพ้อเจ้อธรรม ไม่ผิดหรอก :b32:

cool
อะไรจะปรากฏให้รู้เป็นนิมิตต่างๆล้วนเป็นผลของกรรมเก่า
เข้าใจไหมคะว่าจิตเกิดดับเร็วกว่าความคิดหลงยึดถือตัวตน
พาตัวตนไปนั่งทำอะไรแค่กะพริบตาไม่รู้ทุกอย่างที่มีแล้วด้วย
เพราะไม่ได้กำลังคิดถูกตามคำสอนตรงความจริงที่กำลังมีก่อนดับ
เอาอะไรมาเป็นปัญญาเพราะปัญญาเริ่มเกิดเมื่อเริ่มฟังส่วนสัญญามีตลอด
เดี๋ยวนี้เลยกำลังมีอวิชชาเพราะไม่รู้จักว่าจิตที่กำลังเกิดดับน่ะมีแล้วที่กายใจตนเอง
แต่ไม่เคยคิดตามคำสอนตรงๆตามเสียงทีละ1คำในภาษาที่เข้าใจความหมายตรงๆคร่าาา
เช่นเห็นก็คิดคำว่าเห็นตรงกับที่กำลังลืมตาเห็นแปลว่ากำลังมีจิตเห็นและจิตอื่นครบแล้ว6ทาง
แต่เป็นมิจฉาตลอดเพราะขาดการฟังลืมคำสอนเสมอไม่เคยจำว่าจิตกำลังเห็นอะไรจำแต่ชื่อคนสัตว์วัตถุ
จำแต่อดีตสีคือนิมิตที่ปรากฏไม่รู้เลยว่าตนเองไม่รู้ความจริงของสิ่งที่กำลังมีว่ากำลังเกิดดับมีอุปาทานขันธ์
:b12:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2018, 09:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

ศึกษาคำสอนผิดเข้าใจผิดทำไปผิดพาคนอื่นๆทำผิด
วัดเป็นที่อยู่ของบรรพชิตที่สงบและสะดวกสบาย
สำหรับภิกษุเพื่อขัดเกลากิเลสไม่สมควรมี
ชาวบ้านเข้ามาวุ่นวายชาวบ้านสร้างวัด
ให้พระภิกษุสงฆ์พำนักอาศัยจำวัด
ไม่ใช่ให้เป็นที่กินนอนขับถ่าย
ของชาวบ้านทั้งชายและหญิง
เพราะวัดสำหรับเพศบรรพชิต
บรรพชิตไม่มีภิกษุณีแล้วมีแต่ภิกษุ
แม่ชีคือเพศคฤหัสถ์ไม่ใช่บรรพชิต
ไม่ต้องทำดีแบบแอบแฝงไปนอนในวัด
เพราะคฤหัสถ์ก็นอนบ้านใครก็บ้านตัวเอง

การนั่งสมาธิหลับตามีมาก่อนพระพุทธเจ้าตรัสรู้
ไม่เข้าใจว่าพระพุทธเจ้าสอนความจริงเดี๋ยวนี้ที่มีแล้ว
ไม่ต้องไปไหนไม่ต้องไปทำอะไรก็มีแล้วแต่ไม่รู้ว่ามีแล้ว
มีแต่ทำตามเคยชินตามประเพณีทำตามๆกันด้วยความไม่รู้
ไม่เคยศึกษาคำสอนที่แท้จริงมัวแต่เชื่อและทำตามๆกันบวชชีงี้
ชีพราหมณ์งี้ครั้งพุทธกาลลัทธิต่างๆนุ่งห่มแบบชีพราหมณ์เยอะเลย
:b32:
ทำไมถึงสอนชาวบ้านทำตามๆกันแบบผิดๆเข้าใจว่าตถาคตสอนทำสมาธิแบบหลับตางั้นหรือ
ตถาคตตรัสรู้ความจริงที่ทุกคนมีแล้วไม่ต้องทำเข้าใจไหมหลงผิดทำตามๆกันไม่ฟังเลยขาดปัญญา
คำสอนต้องศึกษาจากการฟังเพื่อไตร่ตรองให้ตรงกับสิ่งที่กำลังมีกำลังปรากฏว่ามีแล้วที่กายใจเดี๋ยวนี้เลยค่ะ
ไม่ใช่อ่านแล้วคิดว่าต้องแยกออกไปจากปกติไปทำสิ่งที่ยังไม่มีเพิ่มการฟังคำสอนเป็นการรู้ความจริงที่กำลังมี
ตามเสียงที่ตรงกับคำสัจจะของพระพุทธเจ้าจากใครก็ได้ที่กล่าวตามความเป็นจริงให้เข้าใจถูกในสิ่งที่กำลังมี


ให้คุณโรสศิษย์บ้านธัมมะโดยแม่สุจินดู การหลับตาทำสมาธิ กับ ลืมตาฟุ้งซ่านแบบบ้านธัมมะ จากตัวอย่างนี้ อ้าวดู

อ้างคำพูด:
ผมก็นั่งตามลมหายใจพุทโธไป

วันแรกๆก็ไม่เป็นอะไร พอวันที่สาม นั่งไปซักพักประมาณสิบนาที เริ่มมีอาการเหวี่ยง แบบเหวี่ยงหมุนจน เวียนหัวจึงนั่งต่อไม่ได้ ลืมตา ขึ้นมา นั่งดูพระรูปอื่น


เป็นอย่างนี้อยู่เกือบตลอด กลับมาที่กุฏิก่อนจะจำวัดก็นั่งก็เป็นอีก

จนมาถามพระพี่เลี้ยงท่านบอกเหมือนจิตกำลังจะได้เข้าสู่ความสงบให้ผ่านจุดนี้ไปให้ได้ แต่มันก็ได้แบบแปปๆแล้วก็หมุนอีกหมุนอีก

จนลาสิกขามาก็เริ่มมาหาอ่านเองจนได้อ่านบันทึกกรรมฐานของเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช ให้พิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรม

คราวนี้ก็ทำตามหนังสือ หายใจตอนแรกก็ยาว ก็ตามไปซักพัก เริ่มพิจารณาตามสติปัฐฐาน คราวนี้หมุนเร็วเลยหมุนแรงมากจนรู้สึกจะอาเจียนเลย

ผมก็พิจารณาว่าเป็นทุกขเวทนา ก็ดีขึ้นแปปก็หมุนอีกเรื่อยๆ จนตอนนี้ยังแก้ไม่ได้เลยครับ ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ล่าสุดเมื่อคืนหมุนจนจะอ้วกจนถอนสมาธิออกมา ยังมีอาการเวียนหัวจะอ้วกมาอีกซักสิบห้านาทีค่อยดีขึ้น

คำถามครับ

1. ผมควรแก้ปัญหานี้ยังไงดี ฝืนนั่งไปเรื่อยๆจนหายหรือต้องกำหนดอะไรยังไง

2. จุดมุ่งหมายจริงๆ คือวิปัสสนากรรมฐานคืออะไรครับ ไม่ได้โอ้อวดว่าตัวเองเก่งนะครับ พอดีผมเรียนแพทย์เลยเข้าใจพวกสรีระร่างกายมนุษย์อยู่แล้ว เมื่อมาเรียนรู้ทางธรรมพิจารณาตามขันธ์ 5 ก็เข้าใจว่ามันไม่ได้มีตัวตนจริงๆของเรา เหมือนเท่าที่อ่านการฝึกวิปัสสนาทำให้เราเข้าใจว่าทุกอย่างมีเกิดดับของมัน เป็นธรรมดา ไม่ให้เรายึดติด แต่ถ้าผมอ่านแล้วเข้าใจแล้วจะทำไปเพื่ออะไร หรือว่าให้จิตเราแข็งแกร่ง จะได้มีสติรู้เท่าทันทุกการกระทำ หลังสึกออกมาทุกวันนี้ เวลาจะโกรธใครก็เหมือนมีสติมาห้ามทัน แต่ก็ยังมีหลุดบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้จะตอบโต้แทบจะทันทีเพราะเป็นคนใจร้อน




คุณโรสศิษย์บ้านธัมมะเห็นความต่างกันไหม เขาหลับตาภาวนาพุทโธ (อะไรก็ได้) ว่าไปๆๆๆๆ จิตเป็นสมาธิเห็นภาวะหลากหลายปรากฏ ตนเองทนไม่ได้ ต้องลืมตา (ลืมตาหายเลย) นั่งดูเขา

ไปทำอีกก็มีก็เป็นอีก เห็นไหมอ่ะนะ

สรุปแบบแน่ใจล้าน % บ้านธัมมะนำโดยแม่สุจิน ฟุ้งซ่านธัมม์ เพ้อเจ้อธรรม ไม่ผิดหรอก :b32:

cool
อะไรจะแรากฏให้รู้เป็นนิมิตต่างๆล้วนเป็นผลของกรรมเก่า
เข้าใจไหมคะว่าจิตเกิดดับเร็วกว่าความคิดหลงยึดถือตัวตน
พาตัวตนไปนั่งทำอะไรแค่กะพริบตาไม่รู้ทุกอย่างที่มีแล้วด้วย
เพราะไม่ได้กำลังคิดถูกตามคำสอนตรงความจริงที่กำลังมีก่อนดับ
เอาอะไรมาเป็นปัญญาเพราะปัญญาเริ่มเกิดเมื่อเริ่มฟังส่วนสัญญามีตลอด
เดี๋ยวนี้เลยกำลังมีอวิชชาเพราะไม่รู้จักว่าจิตที่กำลังเกิดดับน่ะมีแล้วที่กายใจตนเอง
แต่ไม่เคยคิดตามคำสอนตรงๆตามเสียงทีละ1คำในภาษาที่เข้าใจความหมายตรงๆคร่าาา
เช่นเห็นก็คิดคำว่าเห็นตรงกับที่กำลังลืมตาเห็นแปลว่ากำลังมีจิตเห็นและจิตอื่นครบแล้ว6ทาง
แต่เป็นมิจฉาตลอดเพราะขาดการฟังลืมคำสอนเสมอไม่เคยจำว่าจิตกำลังเห็นอะไรจำแต่ชื่อคนสัตว์วัตถุ
จำแต่อดีตสีคือนิมิตที่แรากฏไม่รู้เลยว่าตนเองไม่รู้ความจริงของสิ่งที่กำลังมีว่ากำลังเกิดดับมีอุปาทานขันธ์



มาอีกแว้วขอรับโผม ลัทธินิครนถ์ คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2018, 09:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

ศึกษาคำสอนผิดเข้าใจผิดทำไปผิดพาคนอื่นๆทำผิด
วัดเป็นที่อยู่ของบรรพชิตที่สงบและสะดวกสบาย
สำหรับภิกษุเพื่อขัดเกลากิเลสไม่สมควรมี
ชาวบ้านเข้ามาวุ่นวายชาวบ้านสร้างวัด
ให้พระภิกษุสงฆ์พำนักอาศัยจำวัด
ไม่ใช่ให้เป็นที่กินนอนขับถ่าย
ของชาวบ้านทั้งชายและหญิง
เพราะวัดสำหรับเพศบรรพชิต
บรรพชิตไม่มีภิกษุณีแล้วมีแต่ภิกษุ
แม่ชีคือเพศคฤหัสถ์ไม่ใช่บรรพชิต
ไม่ต้องทำดีแบบแอบแฝงไปนอนในวัด
เพราะคฤหัสถ์ก็นอนบ้านใครก็บ้านตัวเอง

การนั่งสมาธิหลับตามีมาก่อนพระพุทธเจ้าตรัสรู้
ไม่เข้าใจว่าพระพุทธเจ้าสอนความจริงเดี๋ยวนี้ที่มีแล้ว
ไม่ต้องไปไหนไม่ต้องไปทำอะไรก็มีแล้วแต่ไม่รู้ว่ามีแล้ว
มีแต่ทำตามเคยชินตามประเพณีทำตามๆกันด้วยความไม่รู้
ไม่เคยศึกษาคำสอนที่แท้จริงมัวแต่เชื่อและทำตามๆกันบวชชีงี้
ชีพราหมณ์งี้ครั้งพุทธกาลลัทธิต่างๆนุ่งห่มแบบชีพราหมณ์เยอะเลย
:b32:
ทำไมถึงสอนชาวบ้านทำตามๆกันแบบผิดๆเข้าใจว่าตถาคตสอนทำสมาธิแบบหลับตางั้นหรือ
ตถาคตตรัสรู้ความจริงที่ทุกคนมีแล้วไม่ต้องทำเข้าใจไหมหลงผิดทำตามๆกันไม่ฟังเลยขาดปัญญา
คำสอนต้องศึกษาจากการฟังเพื่อไตร่ตรองให้ตรงกับสิ่งที่กำลังมีกำลังปรากฏว่ามีแล้วที่กายใจเดี๋ยวนี้เลยค่ะ
ไม่ใช่อ่านแล้วคิดว่าต้องแยกออกไปจากปกติไปทำสิ่งที่ยังไม่มีเพิ่มการฟังคำสอนเป็นการรู้ความจริงที่กำลังมี
ตามเสียงที่ตรงกับคำสัจจะของพระพุทธเจ้าจากใครก็ได้ที่กล่าวตามความเป็นจริงให้เข้าใจถูกในสิ่งที่กำลังมี


ให้คุณโรสศิษย์บ้านธัมมะโดยแม่สุจินดู การหลับตาทำสมาธิ กับ ลืมตาฟุ้งซ่านแบบบ้านธัมมะ จากตัวอย่างนี้ อ้าวดู

อ้างคำพูด:
ผมก็นั่งตามลมหายใจพุทโธไป

วันแรกๆก็ไม่เป็นอะไร พอวันที่สาม นั่งไปซักพักประมาณสิบนาที เริ่มมีอาการเหวี่ยง แบบเหวี่ยงหมุนจน เวียนหัวจึงนั่งต่อไม่ได้ ลืมตา ขึ้นมา นั่งดูพระรูปอื่น


เป็นอย่างนี้อยู่เกือบตลอด กลับมาที่กุฏิก่อนจะจำวัดก็นั่งก็เป็นอีก

จนมาถามพระพี่เลี้ยงท่านบอกเหมือนจิตกำลังจะได้เข้าสู่ความสงบให้ผ่านจุดนี้ไปให้ได้ แต่มันก็ได้แบบแปปๆแล้วก็หมุนอีกหมุนอีก

จนลาสิกขามาก็เริ่มมาหาอ่านเองจนได้อ่านบันทึกกรรมฐานของเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช ให้พิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรม

คราวนี้ก็ทำตามหนังสือ หายใจตอนแรกก็ยาว ก็ตามไปซักพัก เริ่มพิจารณาตามสติปัฐฐาน คราวนี้หมุนเร็วเลยหมุนแรงมากจนรู้สึกจะอาเจียนเลย

ผมก็พิจารณาว่าเป็นทุกขเวทนา ก็ดีขึ้นแปปก็หมุนอีกเรื่อยๆ จนตอนนี้ยังแก้ไม่ได้เลยครับ ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ล่าสุดเมื่อคืนหมุนจนจะอ้วกจนถอนสมาธิออกมา ยังมีอาการเวียนหัวจะอ้วกมาอีกซักสิบห้านาทีค่อยดีขึ้น

คำถามครับ

1. ผมควรแก้ปัญหานี้ยังไงดี ฝืนนั่งไปเรื่อยๆจนหายหรือต้องกำหนดอะไรยังไง

2. จุดมุ่งหมายจริงๆ คือวิปัสสนากรรมฐานคืออะไรครับ ไม่ได้โอ้อวดว่าตัวเองเก่งนะครับ พอดีผมเรียนแพทย์เลยเข้าใจพวกสรีระร่างกายมนุษย์อยู่แล้ว เมื่อมาเรียนรู้ทางธรรมพิจารณาตามขันธ์ 5 ก็เข้าใจว่ามันไม่ได้มีตัวตนจริงๆของเรา เหมือนเท่าที่อ่านการฝึกวิปัสสนาทำให้เราเข้าใจว่าทุกอย่างมีเกิดดับของมัน เป็นธรรมดา ไม่ให้เรายึดติด แต่ถ้าผมอ่านแล้วเข้าใจแล้วจะทำไปเพื่ออะไร หรือว่าให้จิตเราแข็งแกร่ง จะได้มีสติรู้เท่าทันทุกการกระทำ หลังสึกออกมาทุกวันนี้ เวลาจะโกรธใครก็เหมือนมีสติมาห้ามทัน แต่ก็ยังมีหลุดบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้จะตอบโต้แทบจะทันทีเพราะเป็นคนใจร้อน




คุณโรสศิษย์บ้านธัมมะเห็นความต่างกันไหม เขาหลับตาภาวนาพุทโธ (อะไรก็ได้) ว่าไปๆๆๆๆ จิตเป็นสมาธิเห็นภาวะหลากหลายปรากฏ ตนเองทนไม่ได้ ต้องลืมตา (ลืมตาหายเลย) นั่งดูเขา

ไปทำอีกก็มีก็เป็นอีก เห็นไหมอ่ะนะ

สรุปแบบแน่ใจล้าน % บ้านธัมมะนำโดยแม่สุจิน ฟุ้งซ่านธัมม์ เพ้อเจ้อธรรม ไม่ผิดหรอก :b32:

cool
อะไรจะปรากฏให้รู้เป็นนิมิตต่างๆล้วนเป็นผลของกรรมเก่า
เข้าใจไหมคะว่าจิตเกิดดับเร็วกว่าความคิดหลงยึดถือตัวตน
พาตัวตนไปนั่งทำอะไรแค่กะพริบตาไม่รู้ทุกอย่างที่มีแล้วด้วย
เพราะไม่ได้กำลังคิดถูกตามคำสอนตรงความจริงที่กำลังมีก่อนดับ
เอาอะไรมาเป็นปัญญาเพราะปัญญาเริ่มเกิดเมื่อเริ่มฟังส่วนสัญญามีตลอด
เดี๋ยวนี้เลยกำลังมีอวิชชาเพราะไม่รู้จักว่าจิตที่กำลังเกิดดับน่ะมีแล้วที่กายใจตนเอง
แต่ไม่เคยคิดตามคำสอนตรงๆตามเสียงทีละ1คำในภาษาที่เข้าใจความหมายตรงๆคร่าาา
เช่นเห็นก็คิดคำว่าเห็นตรงกับที่กำลังลืมตาเห็นแปลว่ากำลังมีจิตเห็นและจิตอื่นครบแล้ว6ทาง
แต่เป็นมิจฉาตลอดเพราะขาดการฟังลืมคำสอนเสมอไม่เคยจำว่าจิตกำลังเห็นอะไรจำแต่ชื่อคนสัตว์วัตถุ
จำแต่อดีตสีคือนิมิตที่ปรากฏไม่รู้เลยว่าตนเองไม่รู้ความจริงของสิ่งที่กำลังมีว่ากำลังเกิดดับมีอุปาทานขันธ์



มาอีกแว้วขอรับโผม ลัทธินิครนถ์ คิกๆๆ

:b12:
ลืมตาดูอยู่และกะพริบตาแล้วคริคริคริดับหมดครบ6ทางแล้วหลังกะพริบตาคือจิตเห็นอันใหม่วิปลาสแล้ว
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2018, 10:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
คำว่ามีกิเลสคือเดี๋ยวนี้มีแล้ว
ไม่รู้ความจริงที่กำลังมี
แปลว่ามีอวิชชา
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2018, 10:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
คำว่ามีกิเลสคือเดี๋ยวนี้มีแล้ว
ไม่รู้ความจริงที่กำลังมี
แปลว่ามีอวิชชา
:b32: :b32:

:b12:
ที่ไม่มีคือปัญญา
โรสทำได้แค่บอก
หน้าที่ฟังท่านต้องทำเอง
สุตมยปัญญาต้องกำลังทำจึงดับกิเลส
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2018, 10:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

ศึกษาคำสอนผิดเข้าใจผิดทำไปผิดพาคนอื่นๆทำผิด
วัดเป็นที่อยู่ของบรรพชิตที่สงบและสะดวกสบาย
สำหรับภิกษุเพื่อขัดเกลากิเลสไม่สมควรมี
ชาวบ้านเข้ามาวุ่นวายชาวบ้านสร้างวัด
ให้พระภิกษุสงฆ์พำนักอาศัยจำวัด
ไม่ใช่ให้เป็นที่กินนอนขับถ่าย
ของชาวบ้านทั้งชายและหญิง
เพราะวัดสำหรับเพศบรรพชิต
บรรพชิตไม่มีภิกษุณีแล้วมีแต่ภิกษุ
แม่ชีคือเพศคฤหัสถ์ไม่ใช่บรรพชิต
ไม่ต้องทำดีแบบแอบแฝงไปนอนในวัด
เพราะคฤหัสถ์ก็นอนบ้านใครก็บ้านตัวเอง

การนั่งสมาธิหลับตามีมาก่อนพระพุทธเจ้าตรัสรู้
ไม่เข้าใจว่าพระพุทธเจ้าสอนความจริงเดี๋ยวนี้ที่มีแล้ว
ไม่ต้องไปไหนไม่ต้องไปทำอะไรก็มีแล้วแต่ไม่รู้ว่ามีแล้ว
มีแต่ทำตามเคยชินตามประเพณีทำตามๆกันด้วยความไม่รู้
ไม่เคยศึกษาคำสอนที่แท้จริงมัวแต่เชื่อและทำตามๆกันบวชชีงี้
ชีพราหมณ์งี้ครั้งพุทธกาลลัทธิต่างๆนุ่งห่มแบบชีพราหมณ์เยอะเลย
:b32:
ทำไมถึงสอนชาวบ้านทำตามๆกันแบบผิดๆเข้าใจว่าตถาคตสอนทำสมาธิแบบหลับตางั้นหรือ
ตถาคตตรัสรู้ความจริงที่ทุกคนมีแล้วไม่ต้องทำเข้าใจไหมหลงผิดทำตามๆกันไม่ฟังเลยขาดปัญญา
คำสอนต้องศึกษาจากการฟังเพื่อไตร่ตรองให้ตรงกับสิ่งที่กำลังมีกำลังปรากฏว่ามีแล้วที่กายใจเดี๋ยวนี้เลยค่ะ
ไม่ใช่อ่านแล้วคิดว่าต้องแยกออกไปจากปกติไปทำสิ่งที่ยังไม่มีเพิ่มการฟังคำสอนเป็นการรู้ความจริงที่กำลังมี
ตามเสียงที่ตรงกับคำสัจจะของพระพุทธเจ้าจากใครก็ได้ที่กล่าวตามความเป็นจริงให้เข้าใจถูกในสิ่งที่กำลังมี


ให้คุณโรสศิษย์บ้านธัมมะโดยแม่สุจินดู การหลับตาทำสมาธิ กับ ลืมตาฟุ้งซ่านแบบบ้านธัมมะ จากตัวอย่างนี้ อ้าวดู

อ้างคำพูด:
ผมก็นั่งตามลมหายใจพุทโธไป

วันแรกๆก็ไม่เป็นอะไร พอวันที่สาม นั่งไปซักพักประมาณสิบนาที เริ่มมีอาการเหวี่ยง แบบเหวี่ยงหมุนจน เวียนหัวจึงนั่งต่อไม่ได้ ลืมตา ขึ้นมา นั่งดูพระรูปอื่น


เป็นอย่างนี้อยู่เกือบตลอด กลับมาที่กุฏิก่อนจะจำวัดก็นั่งก็เป็นอีก

จนมาถามพระพี่เลี้ยงท่านบอกเหมือนจิตกำลังจะได้เข้าสู่ความสงบให้ผ่านจุดนี้ไปให้ได้ แต่มันก็ได้แบบแปปๆแล้วก็หมุนอีกหมุนอีก

จนลาสิกขามาก็เริ่มมาหาอ่านเองจนได้อ่านบันทึกกรรมฐานของเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช ให้พิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรม

คราวนี้ก็ทำตามหนังสือ หายใจตอนแรกก็ยาว ก็ตามไปซักพัก เริ่มพิจารณาตามสติปัฐฐาน คราวนี้หมุนเร็วเลยหมุนแรงมากจนรู้สึกจะอาเจียนเลย

ผมก็พิจารณาว่าเป็นทุกขเวทนา ก็ดีขึ้นแปปก็หมุนอีกเรื่อยๆ จนตอนนี้ยังแก้ไม่ได้เลยครับ ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ล่าสุดเมื่อคืนหมุนจนจะอ้วกจนถอนสมาธิออกมา ยังมีอาการเวียนหัวจะอ้วกมาอีกซักสิบห้านาทีค่อยดีขึ้น

คำถามครับ

1. ผมควรแก้ปัญหานี้ยังไงดี ฝืนนั่งไปเรื่อยๆจนหายหรือต้องกำหนดอะไรยังไง

2. จุดมุ่งหมายจริงๆ คือวิปัสสนากรรมฐานคืออะไรครับ ไม่ได้โอ้อวดว่าตัวเองเก่งนะครับ พอดีผมเรียนแพทย์เลยเข้าใจพวกสรีระร่างกายมนุษย์อยู่แล้ว เมื่อมาเรียนรู้ทางธรรมพิจารณาตามขันธ์ 5 ก็เข้าใจว่ามันไม่ได้มีตัวตนจริงๆของเรา เหมือนเท่าที่อ่านการฝึกวิปัสสนาทำให้เราเข้าใจว่าทุกอย่างมีเกิดดับของมัน เป็นธรรมดา ไม่ให้เรายึดติด แต่ถ้าผมอ่านแล้วเข้าใจแล้วจะทำไปเพื่ออะไร หรือว่าให้จิตเราแข็งแกร่ง จะได้มีสติรู้เท่าทันทุกการกระทำ หลังสึกออกมาทุกวันนี้ เวลาจะโกรธใครก็เหมือนมีสติมาห้ามทัน แต่ก็ยังมีหลุดบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้จะตอบโต้แทบจะทันทีเพราะเป็นคนใจร้อน




คุณโรสศิษย์บ้านธัมมะเห็นความต่างกันไหม เขาหลับตาภาวนาพุทโธ (อะไรก็ได้) ว่าไปๆๆๆๆ จิตเป็นสมาธิเห็นภาวะหลากหลายปรากฏ ตนเองทนไม่ได้ ต้องลืมตา (ลืมตาหายเลย) นั่งดูเขา

ไปทำอีกก็มีก็เป็นอีก เห็นไหมอ่ะนะ

สรุปแบบแน่ใจล้าน % บ้านธัมมะนำโดยแม่สุจิน ฟุ้งซ่านธัมม์ เพ้อเจ้อธรรม ไม่ผิดหรอก :b32:

cool
อะไรจะปรากฏให้รู้เป็นนิมิตต่างๆล้วนเป็นผลของกรรมเก่า
เข้าใจไหมคะว่าจิตเกิดดับเร็วกว่าความคิดหลงยึดถือตัวตน
พาตัวตนไปนั่งทำอะไรแค่กะพริบตาไม่รู้ทุกอย่างที่มีแล้วด้วย
เพราะไม่ได้กำลังคิดถูกตามคำสอนตรงความจริงที่กำลังมีก่อนดับ
เอาอะไรมาเป็นปัญญาเพราะปัญญาเริ่มเกิดเมื่อเริ่มฟังส่วนสัญญามีตลอด
เดี๋ยวนี้เลยกำลังมีอวิชชาเพราะไม่รู้จักว่าจิตที่กำลังเกิดดับน่ะมีแล้วที่กายใจตนเอง
แต่ไม่เคยคิดตามคำสอนตรงๆตามเสียงทีละ1คำในภาษาที่เข้าใจความหมายตรงๆคร่าาา
เช่นเห็นก็คิดคำว่าเห็นตรงกับที่กำลังลืมตาเห็นแปลว่ากำลังมีจิตเห็นและจิตอื่นครบแล้ว6ทาง
แต่เป็นมิจฉาตลอดเพราะขาดการฟังลืมคำสอนเสมอไม่เคยจำว่าจิตกำลังเห็นอะไรจำแต่ชื่อคนสัตว์วัตถุ
จำแต่อดีตสีคือนิมิตที่ปรากฏไม่รู้เลยว่าตนเองไม่รู้ความจริงของสิ่งที่กำลังมีว่ากำลังเกิดดับมีอุปาทานขันธ์



มาอีกแว้วขอรับโผม ลัทธินิครนถ์ คิกๆๆ

:b12:
ลืมตาดูอยู่และกะพริบตาแล้วคริคริคริดับหมดครบ6ทางแล้วหลังกะพริบตาคือจิตเห็นอันใหม่วิปลาสแล้ว
:b32: :b32:



สำนักมิจฉาทิฏฐิบุคคลล้าน%

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2018, 10:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
คำว่ามีกิเลสคือเดี๋ยวนี้มีแล้ว
ไม่รู้ความจริงที่กำลังมี
แปลว่ามีอวิชชา
:b32: :b32:

:b12:
ที่ไม่มีคือปัญญา
โรสทำได้แค่บอก
หน้าที่ฟังท่านต้องทำเอง
สุตมยปัญญาต้องกำลังทำจึงดับกิเลส
:b4: :b4:


อีกแว้วสุตมยปัญญา

ปัญญามีอย่างเดียว แต่แบ่งออกเป็นสามได้ เช่น สุตมยปัญญา จินตามยปัญญา และภาวนามยปัญญา

แต่คุณโรสศิษย์แม่สุจินเอาแต่สุตะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2018, 10:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

ศึกษาคำสอนผิดเข้าใจผิดทำไปผิดพาคนอื่นๆทำผิด
วัดเป็นที่อยู่ของบรรพชิตที่สงบและสะดวกสบาย
สำหรับภิกษุเพื่อขัดเกลากิเลสไม่สมควรมี
ชาวบ้านเข้ามาวุ่นวายชาวบ้านสร้างวัด
ให้พระภิกษุสงฆ์พำนักอาศัยจำวัด
ไม่ใช่ให้เป็นที่กินนอนขับถ่าย
ของชาวบ้านทั้งชายและหญิง
เพราะวัดสำหรับเพศบรรพชิต
บรรพชิตไม่มีภิกษุณีแล้วมีแต่ภิกษุ
แม่ชีคือเพศคฤหัสถ์ไม่ใช่บรรพชิต
ไม่ต้องทำดีแบบแอบแฝงไปนอนในวัด
เพราะคฤหัสถ์ก็นอนบ้านใครก็บ้านตัวเอง

การนั่งสมาธิหลับตามีมาก่อนพระพุทธเจ้าตรัสรู้
ไม่เข้าใจว่าพระพุทธเจ้าสอนความจริงเดี๋ยวนี้ที่มีแล้ว
ไม่ต้องไปไหนไม่ต้องไปทำอะไรก็มีแล้วแต่ไม่รู้ว่ามีแล้ว
มีแต่ทำตามเคยชินตามประเพณีทำตามๆกันด้วยความไม่รู้
ไม่เคยศึกษาคำสอนที่แท้จริงมัวแต่เชื่อและทำตามๆกันบวชชีงี้
ชีพราหมณ์งี้ครั้งพุทธกาลลัทธิต่างๆนุ่งห่มแบบชีพราหมณ์เยอะเลย
:b32:
ทำไมถึงสอนชาวบ้านทำตามๆกันแบบผิดๆเข้าใจว่าตถาคตสอนทำสมาธิแบบหลับตางั้นหรือ
ตถาคตตรัสรู้ความจริงที่ทุกคนมีแล้วไม่ต้องทำเข้าใจไหมหลงผิดทำตามๆกันไม่ฟังเลยขาดปัญญา
คำสอนต้องศึกษาจากการฟังเพื่อไตร่ตรองให้ตรงกับสิ่งที่กำลังมีกำลังปรากฏว่ามีแล้วที่กายใจเดี๋ยวนี้เลยค่ะ
ไม่ใช่อ่านแล้วคิดว่าต้องแยกออกไปจากปกติไปทำสิ่งที่ยังไม่มีเพิ่มการฟังคำสอนเป็นการรู้ความจริงที่กำลังมี
ตามเสียงที่ตรงกับคำสัจจะของพระพุทธเจ้าจากใครก็ได้ที่กล่าวตามความเป็นจริงให้เข้าใจถูกในสิ่งที่กำลังมี


ให้คุณโรสศิษย์บ้านธัมมะโดยแม่สุจินดู การหลับตาทำสมาธิ กับ ลืมตาฟุ้งซ่านแบบบ้านธัมมะ จากตัวอย่างนี้ อ้าวดู

อ้างคำพูด:
ผมก็นั่งตามลมหายใจพุทโธไป

วันแรกๆก็ไม่เป็นอะไร พอวันที่สาม นั่งไปซักพักประมาณสิบนาที เริ่มมีอาการเหวี่ยง แบบเหวี่ยงหมุนจน เวียนหัวจึงนั่งต่อไม่ได้ ลืมตา ขึ้นมา นั่งดูพระรูปอื่น


เป็นอย่างนี้อยู่เกือบตลอด กลับมาที่กุฏิก่อนจะจำวัดก็นั่งก็เป็นอีก

จนมาถามพระพี่เลี้ยงท่านบอกเหมือนจิตกำลังจะได้เข้าสู่ความสงบให้ผ่านจุดนี้ไปให้ได้ แต่มันก็ได้แบบแปปๆแล้วก็หมุนอีกหมุนอีก

จนลาสิกขามาก็เริ่มมาหาอ่านเองจนได้อ่านบันทึกกรรมฐานของเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช ให้พิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรม

คราวนี้ก็ทำตามหนังสือ หายใจตอนแรกก็ยาว ก็ตามไปซักพัก เริ่มพิจารณาตามสติปัฐฐาน คราวนี้หมุนเร็วเลยหมุนแรงมากจนรู้สึกจะอาเจียนเลย

ผมก็พิจารณาว่าเป็นทุกขเวทนา ก็ดีขึ้นแปปก็หมุนอีกเรื่อยๆ จนตอนนี้ยังแก้ไม่ได้เลยครับ ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ล่าสุดเมื่อคืนหมุนจนจะอ้วกจนถอนสมาธิออกมา ยังมีอาการเวียนหัวจะอ้วกมาอีกซักสิบห้านาทีค่อยดีขึ้น

คำถามครับ

1. ผมควรแก้ปัญหานี้ยังไงดี ฝืนนั่งไปเรื่อยๆจนหายหรือต้องกำหนดอะไรยังไง

2. จุดมุ่งหมายจริงๆ คือวิปัสสนากรรมฐานคืออะไรครับ ไม่ได้โอ้อวดว่าตัวเองเก่งนะครับ พอดีผมเรียนแพทย์เลยเข้าใจพวกสรีระร่างกายมนุษย์อยู่แล้ว เมื่อมาเรียนรู้ทางธรรมพิจารณาตามขันธ์ 5 ก็เข้าใจว่ามันไม่ได้มีตัวตนจริงๆของเรา เหมือนเท่าที่อ่านการฝึกวิปัสสนาทำให้เราเข้าใจว่าทุกอย่างมีเกิดดับของมัน เป็นธรรมดา ไม่ให้เรายึดติด แต่ถ้าผมอ่านแล้วเข้าใจแล้วจะทำไปเพื่ออะไร หรือว่าให้จิตเราแข็งแกร่ง จะได้มีสติรู้เท่าทันทุกการกระทำ หลังสึกออกมาทุกวันนี้ เวลาจะโกรธใครก็เหมือนมีสติมาห้ามทัน แต่ก็ยังมีหลุดบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้จะตอบโต้แทบจะทันทีเพราะเป็นคนใจร้อน




คุณโรสศิษย์บ้านธัมมะเห็นความต่างกันไหม เขาหลับตาภาวนาพุทโธ (อะไรก็ได้) ว่าไปๆๆๆๆ จิตเป็นสมาธิเห็นภาวะหลากหลายปรากฏ ตนเองทนไม่ได้ ต้องลืมตา (ลืมตาหายเลย) นั่งดูเขา

ไปทำอีกก็มีก็เป็นอีก เห็นไหมอ่ะนะ

สรุปแบบแน่ใจล้าน % บ้านธัมมะนำโดยแม่สุจิน ฟุ้งซ่านธัมม์ เพ้อเจ้อธรรม ไม่ผิดหรอก :b32:

cool
อะไรจะปรากฏให้รู้เป็นนิมิตต่างๆล้วนเป็นผลของกรรมเก่า
เข้าใจไหมคะว่าจิตเกิดดับเร็วกว่าความคิดหลงยึดถือตัวตน
พาตัวตนไปนั่งทำอะไรแค่กะพริบตาไม่รู้ทุกอย่างที่มีแล้วด้วย
เพราะไม่ได้กำลังคิดถูกตามคำสอนตรงความจริงที่กำลังมีก่อนดับ
เอาอะไรมาเป็นปัญญาเพราะปัญญาเริ่มเกิดเมื่อเริ่มฟังส่วนสัญญามีตลอด
เดี๋ยวนี้เลยกำลังมีอวิชชาเพราะไม่รู้จักว่าจิตที่กำลังเกิดดับน่ะมีแล้วที่กายใจตนเอง
แต่ไม่เคยคิดตามคำสอนตรงๆตามเสียงทีละ1คำในภาษาที่เข้าใจความหมายตรงๆคร่าาา
เช่นเห็นก็คิดคำว่าเห็นตรงกับที่กำลังลืมตาเห็นแปลว่ากำลังมีจิตเห็นและจิตอื่นครบแล้ว6ทาง
แต่เป็นมิจฉาตลอดเพราะขาดการฟังลืมคำสอนเสมอไม่เคยจำว่าจิตกำลังเห็นอะไรจำแต่ชื่อคนสัตว์วัตถุ
จำแต่อดีตสีคือนิมิตที่ปรากฏไม่รู้เลยว่าตนเองไม่รู้ความจริงของสิ่งที่กำลังมีว่ากำลังเกิดดับมีอุปาทานขันธ์



มาอีกแว้วขอรับโผม ลัทธินิครนถ์ คิกๆๆ

:b12:
ลืมตาดูอยู่และกะพริบตาแล้วคริคริคริดับหมดครบ6ทางแล้วหลังกะพริบตาคือจิตเห็นอันใหม่วิปลาสแล้ว
:b32: :b32:



สำนักมิจฉาทิฏฐิบุคคลล้าน%

:b1:
ดูเห็นที่กำลังเห็นสิมีแค่1สีรึยังคือความจริงตามที่ตถาคตตรัสรู้คริคริคริ
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2018, 10:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ได้ต้นฉบับมาแว้ว :b12:

รูปภาพ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2018, 10:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
คำว่ามีกิเลสคือเดี๋ยวนี้มีแล้ว
ไม่รู้ความจริงที่กำลังมี
แปลว่ามีอวิชชา
:b32: :b32:

:b12:
ที่ไม่มีคือปัญญา
โรสทำได้แค่บอก
หน้าที่ฟังท่านต้องทำเอง
สุตมยปัญญาต้องกำลังทำจึงดับกิเลส
:b4: :b4:


อีกแว้วสุตมยปัญญา

ปัญญามีอย่างเดียว แต่แบ่งออกเป็นสามได้ เช่น สุตมยปัญญา จินตามยปัญญา และภาวนามยปัญญา

แต่คุณโรสศิษย์แม่สุจินเอาแต่สุตะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ คิกๆๆ

:b32:
อย่าหลงตัวเองนักเลย
ลืมตาเห็นและกำลังเห็นอยู่นะเนี่ย
เห็นแต่นิมิตอดีตสียอมรับความจริงไหมคะ
จำสิ่งตรงหน้าหมดแล้วด้วยมีเห็นสีอะไรบ้างลองพิจารณาสิคะ
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2018, 10:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

ศึกษาคำสอนผิดเข้าใจผิดทำไปผิดพาคนอื่นๆทำผิด
วัดเป็นที่อยู่ของบรรพชิตที่สงบและสะดวกสบาย
สำหรับภิกษุเพื่อขัดเกลากิเลสไม่สมควรมี
ชาวบ้านเข้ามาวุ่นวายชาวบ้านสร้างวัด
ให้พระภิกษุสงฆ์พำนักอาศัยจำวัด
ไม่ใช่ให้เป็นที่กินนอนขับถ่าย
ของชาวบ้านทั้งชายและหญิง
เพราะวัดสำหรับเพศบรรพชิต
บรรพชิตไม่มีภิกษุณีแล้วมีแต่ภิกษุ
แม่ชีคือเพศคฤหัสถ์ไม่ใช่บรรพชิต
ไม่ต้องทำดีแบบแอบแฝงไปนอนในวัด
เพราะคฤหัสถ์ก็นอนบ้านใครก็บ้านตัวเอง

การนั่งสมาธิหลับตามีมาก่อนพระพุทธเจ้าตรัสรู้
ไม่เข้าใจว่าพระพุทธเจ้าสอนความจริงเดี๋ยวนี้ที่มีแล้ว
ไม่ต้องไปไหนไม่ต้องไปทำอะไรก็มีแล้วแต่ไม่รู้ว่ามีแล้ว
มีแต่ทำตามเคยชินตามประเพณีทำตามๆกันด้วยความไม่รู้
ไม่เคยศึกษาคำสอนที่แท้จริงมัวแต่เชื่อและทำตามๆกันบวชชีงี้
ชีพราหมณ์งี้ครั้งพุทธกาลลัทธิต่างๆนุ่งห่มแบบชีพราหมณ์เยอะเลย
:b32:
ทำไมถึงสอนชาวบ้านทำตามๆกันแบบผิดๆเข้าใจว่าตถาคตสอนทำสมาธิแบบหลับตางั้นหรือ
ตถาคตตรัสรู้ความจริงที่ทุกคนมีแล้วไม่ต้องทำเข้าใจไหมหลงผิดทำตามๆกันไม่ฟังเลยขาดปัญญา
คำสอนต้องศึกษาจากการฟังเพื่อไตร่ตรองให้ตรงกับสิ่งที่กำลังมีกำลังปรากฏว่ามีแล้วที่กายใจเดี๋ยวนี้เลยค่ะ
ไม่ใช่อ่านแล้วคิดว่าต้องแยกออกไปจากปกติไปทำสิ่งที่ยังไม่มีเพิ่มการฟังคำสอนเป็นการรู้ความจริงที่กำลังมี
ตามเสียงที่ตรงกับคำสัจจะของพระพุทธเจ้าจากใครก็ได้ที่กล่าวตามความเป็นจริงให้เข้าใจถูกในสิ่งที่กำลังมี


ให้คุณโรสศิษย์บ้านธัมมะโดยแม่สุจินดู การหลับตาทำสมาธิ กับ ลืมตาฟุ้งซ่านแบบบ้านธัมมะ จากตัวอย่างนี้ อ้าวดู

อ้างคำพูด:
ผมก็นั่งตามลมหายใจพุทโธไป

วันแรกๆก็ไม่เป็นอะไร พอวันที่สาม นั่งไปซักพักประมาณสิบนาที เริ่มมีอาการเหวี่ยง แบบเหวี่ยงหมุนจน เวียนหัวจึงนั่งต่อไม่ได้ ลืมตา ขึ้นมา นั่งดูพระรูปอื่น


เป็นอย่างนี้อยู่เกือบตลอด กลับมาที่กุฏิก่อนจะจำวัดก็นั่งก็เป็นอีก

จนมาถามพระพี่เลี้ยงท่านบอกเหมือนจิตกำลังจะได้เข้าสู่ความสงบให้ผ่านจุดนี้ไปให้ได้ แต่มันก็ได้แบบแปปๆแล้วก็หมุนอีกหมุนอีก

จนลาสิกขามาก็เริ่มมาหาอ่านเองจนได้อ่านบันทึกกรรมฐานของเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช ให้พิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรม

คราวนี้ก็ทำตามหนังสือ หายใจตอนแรกก็ยาว ก็ตามไปซักพัก เริ่มพิจารณาตามสติปัฐฐาน คราวนี้หมุนเร็วเลยหมุนแรงมากจนรู้สึกจะอาเจียนเลย

ผมก็พิจารณาว่าเป็นทุกขเวทนา ก็ดีขึ้นแปปก็หมุนอีกเรื่อยๆ จนตอนนี้ยังแก้ไม่ได้เลยครับ ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ล่าสุดเมื่อคืนหมุนจนจะอ้วกจนถอนสมาธิออกมา ยังมีอาการเวียนหัวจะอ้วกมาอีกซักสิบห้านาทีค่อยดีขึ้น

คำถามครับ

1. ผมควรแก้ปัญหานี้ยังไงดี ฝืนนั่งไปเรื่อยๆจนหายหรือต้องกำหนดอะไรยังไง

2. จุดมุ่งหมายจริงๆ คือวิปัสสนากรรมฐานคืออะไรครับ ไม่ได้โอ้อวดว่าตัวเองเก่งนะครับ พอดีผมเรียนแพทย์เลยเข้าใจพวกสรีระร่างกายมนุษย์อยู่แล้ว เมื่อมาเรียนรู้ทางธรรมพิจารณาตามขันธ์ 5 ก็เข้าใจว่ามันไม่ได้มีตัวตนจริงๆของเรา เหมือนเท่าที่อ่านการฝึกวิปัสสนาทำให้เราเข้าใจว่าทุกอย่างมีเกิดดับของมัน เป็นธรรมดา ไม่ให้เรายึดติด แต่ถ้าผมอ่านแล้วเข้าใจแล้วจะทำไปเพื่ออะไร หรือว่าให้จิตเราแข็งแกร่ง จะได้มีสติรู้เท่าทันทุกการกระทำ หลังสึกออกมาทุกวันนี้ เวลาจะโกรธใครก็เหมือนมีสติมาห้ามทัน แต่ก็ยังมีหลุดบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้จะตอบโต้แทบจะทันทีเพราะเป็นคนใจร้อน




คุณโรสศิษย์บ้านธัมมะเห็นความต่างกันไหม เขาหลับตาภาวนาพุทโธ (อะไรก็ได้) ว่าไปๆๆๆๆ จิตเป็นสมาธิเห็นภาวะหลากหลายปรากฏ ตนเองทนไม่ได้ ต้องลืมตา (ลืมตาหายเลย) นั่งดูเขา

ไปทำอีกก็มีก็เป็นอีก เห็นไหมอ่ะนะ

สรุปแบบแน่ใจล้าน % บ้านธัมมะนำโดยแม่สุจิน ฟุ้งซ่านธัมม์ เพ้อเจ้อธรรม ไม่ผิดหรอก :b32:

cool
อะไรจะปรากฏให้รู้เป็นนิมิตต่างๆล้วนเป็นผลของกรรมเก่า
เข้าใจไหมคะว่าจิตเกิดดับเร็วกว่าความคิดหลงยึดถือตัวตน
พาตัวตนไปนั่งทำอะไรแค่กะพริบตาไม่รู้ทุกอย่างที่มีแล้วด้วย
เพราะไม่ได้กำลังคิดถูกตามคำสอนตรงความจริงที่กำลังมีก่อนดับ
เอาอะไรมาเป็นปัญญาเพราะปัญญาเริ่มเกิดเมื่อเริ่มฟังส่วนสัญญามีตลอด
เดี๋ยวนี้เลยกำลังมีอวิชชาเพราะไม่รู้จักว่าจิตที่กำลังเกิดดับน่ะมีแล้วที่กายใจตนเอง
แต่ไม่เคยคิดตามคำสอนตรงๆตามเสียงทีละ1คำในภาษาที่เข้าใจความหมายตรงๆคร่าาา
เช่นเห็นก็คิดคำว่าเห็นตรงกับที่กำลังลืมตาเห็นแปลว่ากำลังมีจิตเห็นและจิตอื่นครบแล้ว6ทาง
แต่เป็นมิจฉาตลอดเพราะขาดการฟังลืมคำสอนเสมอไม่เคยจำว่าจิตกำลังเห็นอะไรจำแต่ชื่อคนสัตว์วัตถุ
จำแต่อดีตสีคือนิมิตที่ปรากฏไม่รู้เลยว่าตนเองไม่รู้ความจริงของสิ่งที่กำลังมีว่ากำลังเกิดดับมีอุปาทานขันธ์



มาอีกแว้วขอรับโผม ลัทธินิครนถ์ คิกๆๆ

:b12:
ลืมตาดูอยู่และกะพริบตาแล้วคริคริคริดับหมดครบ6ทางแล้วหลังกะพริบตาคือจิตเห็นอันใหม่วิปลาสแล้ว
:b32: :b32:



สำนักมิจฉาทิฏฐิบุคคลล้าน%

:b1:
ดูเห็นที่กำลังเห็นสิมีแค่1สีรึยังคือความจริงตามที่ตถาคตตรัสรู้คริคริคริ


คุณโรสเอ้ยขอรับ

ที่คุณโรสพูดมานั่นเข้าใจ ไม่ใช่ไม่เข้าใจ อิอิ แบบเขาว่า ตา เห็น รูป (สี) นี่พระสูตรว่าไว้ ในวงเล็บ (สี) ว่าแนวอภิธรรม มันก็เท่านี้เอง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 239 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 12, 13, 14, 15, 16  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron