หนูไม่ใช่จิ๊กโก๋นี่นา
และไม่ได้จะให้ดอกไม้ เพื่อจะทอดสะพานให้
ไม่ใช่เข้ามาเพื่อทำร้าย ไม่ใช่เข้ามาเพื่อกดขี่ข่มเหง ไม่ได้เข้ามากระทืบๆ เหยียบให้จมดิน ให้ตายกันไปข้าง ไม่ใช่เข้ามาไล่ยิง แล้วบอกพ่อกูใหญ่
พระพุทธองค์ พระอรหันต์ เคยทำแบบจิ๊กโก๋ ยกพวกเอาไม้ไปไล่ตี ไปตีสำนักสำนักโน้นหรือเปล่าคะ ?
แต่หนูเข้ามาให้ธรรมค่ะ
อ้อ...งั้นสรุปว่า...มาโปรดไอ...ให้รู้แจ้งเห็นธรรมเนาะ...งั้นก็ขอบใจหลายๆเน้อ

และอีกอย่าง การพิจารณาของคุณ ก็ไม่ได้ดีเลิศประเสริฐศรี อย่างที่เผยไว้
สติ สัมปชัญญะ และ ปัญญา ไม่ได้แสดงออก
ไม่ได้แสดงสภาวะว่า สามารถเอานิพพานเป็นอารมณ์มาวิปัสสนาได้
ยังพื้นๆในการพิจารณา และ ยังผิดเพี้ยนไป ไม่ตรงตามที่พระพุทธองค์ทรงแสดง
หนูแนะนำ ให้ศึกษาพื้นฐาน เพื่มเติมเรื่องปริยัติ ให้มากๆหน่อยนะคะ อย่าคิดเองเออเอง
จะได้สอบทาน ตรงตามปริยัติ และจะปฎิบัติได้ตรง จนถึงปฎิเวธได้ตรงตามพระพุทธองค์สอนค่ะ

การพิจารณา..จะดีเลิศไม่ดีเลิศ..ให้ดูที่ว่า...เราพิจารณาไปแล้ว...
เราเห็นโทษในสิ่งเหล่านั้นในวัตถุกามเหล่านั้นบ้างไหม??
ถ้าการพิจารณาของเราดีแล้ว...จะทำให้เราตื่นตัวเห็นภัยในวัฎฎะสงสาร...
แล้วรีบฝึกตัวเองด้วย..สติสมาธิปัญญา..ให้ละสิ่งที่ติดข้องเหล่านั้นให้ได้...

แล้วเห็นผลด้วยปฏิเวธที่เห็นจะจะกับตา..คือทำให้เรา...สามารถรักษาศีลระดับสูงได้หรือเปล่านั่นแหละ...

ถ้าคุณโลกฯอ่านอภิธรรมที่คุณโลกฯศึกษาแล้ว..ทำให้คุณโลก...เห็นภัย...ในการเกิดแก่เจ็บตาย
แล้วรีบฝึกตัวเองให้ถือศีลระดับสูงให้ได้เช่นศีลแปด..เลิกดูหนังฟังเพลง..เลิกสำเร็จความใคร่ความหื่นให้ได้...
นั่นแหละเรียกว่า...การพิจารณาในธรรมของคุณโลกฯ...ดีเลิศประเสริฐศรีแล้ว...
เพราะทำให้คุณโลกฯตื่นตัวเห็นภัยในการเกิดในวัฎฎะ
..แล้วรีบฝึกตัวเอง..ให้ละกิเลสต่างๆได้จริงด้วยการถือศีลระดับสูงได้แบบเห็นจะจะกับตาตัวเอง...
ไม่ใช่ดีแต่ปากพูดเฉยๆ...แต่ยังเพลินกับการดูหนังฟังเพลงเล่นเกม..หรือไม่ไปพยายามฝึกตัวเองให้รักษาศีลพรหมจรรย์ข้อสามให้ได้

ให้ไปใช้ความรู้ในอภิธรรมที่คุณโลกศึกษามา...ให้เชื่อมโยงความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกัน
ระหว่าง...ศีล..สมาธิ..ปัญญา...เอาก็แล้วกันล่ะนะ
จะได้รู้ว่า....การละได้จริง...ตะหาก...ที่เป็นตัววัดผลเป็น..ปฏิเวธ...
ไม่ใช่การ...พูดอ้างคัมภีร์เฉยๆ...แต่ยังดูหนังฟังเพลง...ยังรักษาศีลพรหมจรรย์ข้อสาม(ไม่สำเร็จความหื่น)ก็ยังทำไม่ได้เลย[/quote]

นี่แหละค่ะ

คุณตะวันนับเป็นตัวอย่าง คนที่ไม่ได้เรียนพระอภิธรรมมาเรย

เรยตื้นเขิน แสดงออกมาได้แต่ความตื้นเขิน ไม่ตรงตามพระธรรม ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง


ตื้นเขิน ไม่รู้ว่า ทาน เป็นความดีขั้นต้น
ตื้นเขิน ไม่รู้ว่า ศีล เป็นความดีขั้นกลาง
และตื้นเขินหนักทับถมกันขึ้นไปอีก
เมื่อไม่รู้ว่า
ความดีขั้นที่มากกว่านั้น ไม่ใช่ศีลมากข้อๆๆขึ้น แปด หรือ ศีล 227

แต่ตื้นเขินซ้ำอีก ที่ไม่รู้ว่า ความดีที่จัดว่า สูงกว่าศีล นั้น คือ ภาวนามัยค่ะ

รวมเป้น ทาน ศีล ภาวนาไงคะ

และภาวนามัยนั้น เป็นความดีอย่างสูง และสามารถไปได้สูงที่สุดจนถึงอรหัตตผลได้
ตามที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้

และตื้นเขินซ้ำซาก อีก ไม่รู้ว่า ภาวนามัย ความดีสูงสุด นั้น เป็นเกราะ เป็นเครื่องป้องกัน
ความลามก ความหื่น ไม่ว่าจากตนเอง
หรือว่า จากคนอื่น หรือจากคุณตะวัน ที่แสดงความหื่นในกามออกมา

ตื้นเขินซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เพราะไม่รู้ว่า อำนาจของอารัมมณปัจจัย และ ปกตูปปนิสสยปัจจัย
คืออะไร เพราะไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้เรียนปริยัติมาเรย


นี่แหละ ตุณตะวัน จึงเป็นตัวอย่างของคน ที่ไม่ได้เรียนพระอภิธรรมมาเรย
เรยได้แต่แสดงตื้นเขินออกมา ตื้นเขินแล้วตื้นเขินอีก ตื้นเขินซ้ำซาก ค่ะ

และยิ่งตื้นเขินหนัก หนักหนาสาหัส อย่างเกินเยียวยา
เพราะไม่ได้เรียนพระอภิธรรม เรยตื้นเขิน ไม่เข้าใจในคำสอนของพระพุทธองค์

ที่ คุณตะวัน ตื้นเขินจน ไม่รู้ว่า พระพุทธองค์ ได้จัด

อกุศลใด ที่นำไปสู่อบาย
และอกุศลใด ที่ไม่นำไปสู่อบาย

จึงมีฆารวาส หลายคนที่บรรลุธรรมได้ ไม่ต้องไปถือศีลเพิ่มแปดข้อ ร้อยข้อ สองร้อยข้อ ...
อย่างท่าน สันนติมหาอำมาตย์
และอย่างท่านพาหิยะ ค่ะ

นี่แหละความตื้นเขิน สุดพรรณา ของคุณตะวัน
ที่ไม่เคยเรียนปริยัติ ไม่ไดเรียนพระอภิธรรมมมาค่ะ



จากไอ ก็ เรยกลายเป็นไอกรน ไอหืดไอหอบ ไอจนหลอดลมอักเสบ ไอจนติดคอตนเอง ค่ะ






แบบ.....นี้..เป็น....อา...การ....ทุ...รน...ทุ...ราย....แถ...อยู่...หรอ...คะ....
ที่....พระ....ธรรม....ไม่....อาจ....ไหล....ออก...เป็น...สาย...ได้

อ่านดูเอาเน้อ..คุงโลกฯเอ๊ย...เท่านี้..พระธรรม...ไหลเป็นสาย...พอได้ไหม
แล้วยู...สามารถพิจารณาอะไร...ที่เหมือนพระธรรมไหลเป็นสายแบบนี้...ได้เหมือนไอบ้างหรือเปล่า???
หรือได้แค่...แผ่นเสียงตกร่อง..พูดไหลเป็นสายซ้ำๆๆเป็นแผ่นเสียงตกร่องได้แค่.....ตื้นเขินๆๆๆๆๆๆๆๆ.....................ให้คุงโลกฯนับคำว่า...ตื้นเขิน...ที่คุณโลกฯพูดซ้ำๆๆๆซากๆๆนั่นดูหน่อยสิ่...ว่าพูดคำว่า...ตื้นเขิน...เป็นแผ่นเสียงตกร่องไปตั้งกี่ครั้งแล้วนั่น...อะไรจะฝังใจกับคำว่า...ตื้นเขิน...ซะขนาดนั้น
อ้อ...อีกคำหนึ่งที่ยกมาซ้ำบ่อยเกิน...พระอภิธรรม...นี่ก็ซ้ำเยอะนะ...ให้ธรรมะไหลออกมาเป็นคำอื่นบ้างสิ่

และตื้นเขินซ้ำซาก อีก ไม่รู้ว่า ภาวนามัย ความดีสูงสุด นั้น เป็นเกราะ เป็นเครื่องป้องกัน
ความลามก ความหื่น ไม่ว่าจากตนเอง
หรือว่า จากคนอื่น หรือจากคุณตะวัน ที่แสดงความหื่นในกามออกมา

ใครกันแน่...ที่แสดงความเสียดายในกามออกมาอย่างนอกหน้านั่น
ถ้าคุณโลกฯไม่ได้เสียดายรสกามอยู่ จะกล้าโพสอันนี้ออกมาเหรอ อ่านเอาเถอะใช่โพสของคุณโลกหรือเปล่า???---->>>
จึงมีฆารวาส หลายคนที่บรรลุธรรมได้ ไม่ต้องไปถือศีลเพิ่มแปดข้อ ร้อยข้อ สองร้อยข้อ ...
อย่างท่าน สันนติมหาอำมาตย์
และอย่างท่านพาหิยะ ค่ะ

ที่โพสแบบนี้หมายความว่าคุณโลกฯ...อยากจะเสพกาม..ต่อไปเรื่อยๆไม่ยอมเลิกดูหนังฟังเพลงไม่ยอมพยายามเลิกสำเร็จความใคร่

จะรอจนให้ได้สำเร็จพระอรหันต์ก่อนใช่ไหมถึงจะยอมเลิกนั่น...
คุณโลกฯจะไปเสียดายรสกามถึงขนาดนั้นเลยเหรอ...
จะเล่นขี้โกงเสพกามไปเรื่อยๆให้นานที่สุดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เหรอ...แล้วถึงจะไปสำเร็จนิพพานแบบสันตติมหาอำมาตย์กับพระพาหิยะท่าน

(แต่เรื่องพระพาหิยะนี่รู้สึกว่า...ความด้อยทางธรรมของคุณโลกจะยกตัวอย่างมาผิดนะ
...คือมันไม่ชัวร์งัย...พระพาหิยะท่านมีเมียอยู่เหรอ...ไปรู้ได้ยังงัยว่า...พระพาหิยะ...ก่อนท่านจะบรรลุพระอรหันต์..ท่านรักษาศีลพรหมจรรย์ไม่ได้....แล้วท่านไปสำเร็จความใคร่ความหื่นอยู่ล่ะนี่....)
แทนที่จะยกตัวอย่างพระเจ้าสุทโธทนะก็ไม่ยก....

พวกนี้เป็นพวก...ส่วนน้อยงัย...และส่วนน้อยมากๆด้วย....เข้าใจเรื่องส่วนใหญ่หรือเปล่า...
แบบพวกนางวิสาขา อนาถบิณฑิกะเศรษฐี อะไรพวกนี้...
พวกนี้เป็นส่วนน้อยมากๆที่ได้บรรลุธรรมในขณะที่ยังมีผัวมีเมียกันอยู่....

พวกนี้เขาบำเพ็ญบารมีกันมาไม่รู้นานขนาดไหนแล้ว...แต่ละคนเป็น..แสนๆกัป

ถ้าจะให้ได้แบบพวกนี้ท่าน...ยูต้องบำเพ็ญบารมีนานแสนนานงัย...
เอาแบบให้ได้สำเร็จเร็วๆแบบในชาตินี้ให้ได้นั่นไม่ดีกว่าเหรอ????......
หรือว่าถ้ายูอยากสำเร็จแบบในกรณีท่านนี่...ไอว่า...ชาตินี้ยูทำไม่ได้หรอก..
ถ้าบารมีเก่ายูไม่ได้ทำมามากเหมือนพวกท่านทั้งหลายเหล่านี้

กรณีที่ไอพูดกับยูไปนั่น..คือแบบให้ได้สำเร็จธรรมพ้นทุกข์เร็วๆกันให้ได้ในชาตินี้
แบบให้เห็นจะจะกับตากันไปเลยก่อนตาย...ตะหาก...
ถ้ายูอยากทำให้ได้...ก็ให้ฝึกตัวเอง..ให้รักษาศีลระดับสูงให้ได้

...ให้ยู..มั่นใจว่า...ยูสามารถรักษาศีลพรหมจรรย์ได้อย่างมั่นคงแล้ว
จะไม่ไปยอมเป็นเมียใครอีกแล้วให้ได้สิ่...ทำได้เปล่าล่ะ...

ถ้าทำได้ตลอดไป...ก็ใกล้ระดับพระอนาคามีเข้าไปแล้ว...
แต่ยูต้องเลิกดูหนังฟังเพลงให้ได้ด้วยนะ
...ศีลแปด..นั่นแหละสามารถ...นำยู...ให้ได้สำเร็จมรรคผลนิพพานให้ได้ในชาตินี้ได้เลย...

ไม่ใช่แค่อ่านพระอภิธรรม...แต่กลับไม่สนใจจะ...รักษาศีลระดับสูงให้ได้...
หรือไม่สนใจว่าจะยกระดับจิตของตัวเอง...ให้รักษาศีลระดับสูงให้ได้...ด้วยการใช้...สติ..สมาธิ..ปัญญา..มาช่วย

...ยูคิดว่า...ถ้ายูไม่ใช้...สติ...สมาธิ..ปัญญา..มาช่วยนี่...
ยูจะสามารถรักษาศีลข้อ 1 แบบละเอียดคือรักษาใจ..ไม่ให้โกรธได้เลยหรือเปล่าล่ะ....

ถ้ายูโง่...ยูก็จะรักษาศีลข้อ 1 ได้เพียงแบบหยาบๆ..คือแค่..ไม่ไปฆ่าไปตี..เท่านั้น...
แต่ถ้ายูฉลาดมีสติสมาธิมีปัญญา..จากการศึกษาพระอภิธรรมหรือเทศนาของพระอรหันต์ท่าน...
จะทำให้ยูรักษาศีลข้อ 1 แบบละเอียดคือ..รักษาใจไม่ให้โกรธได้..แม้จะมีใครมาทำไม่ดียังงัยกับยูก็ตาม...

ถ้าเป็นศีลข้อ 2 ถ้ายูมีสติสมาธิปัญญาไม่มากพอยูก็จะรักษาได้แค่
...ห้ามใจตัวเองไม่ให้ไปลักขโมยของเขาได้แค่นั้น...

แต่ถ้ายูมีสติสมาธิปัญญามากยูก็จะ...ไม่ไปอยากได้อะไรของใครเลยในโลกนี้...
เพราะที่ยูอยากจะไปขโมยของเขาก็เพราะอยากจะไปหาความสุขจากสิ่งของอันนั้นใช่ไหม??..

แต่ถ้ายูนำสติสมาธิปัญญามาฝึกใจยู..จะทำให้ยู...พึ่งความสุขจากใจของยูเองได้หาความสุขจากใจตัวเองได้..ไม่ต้องการไปหาความสุขจากวัตถุสิ่งของภายนอกอะไรอีก

....ถ้ายู..ยังหวังจะหาความสุขจากวัตถุสิ่งของอะไรในโลกนี้อยู่...ยูจะไปนิพพานได้ยังงัย???
เพราะยูยังติดข้องในโลกนี้อยู่....

ที่ไอบอกไปว่าศีลข้อสองระดับสูงนั่น..ต้องไม่ไปเอาอะไรเลยในโลกนี้...ไม่ไปติดข้องอะไรในโลกนี้นั่น...ผิดจากหลักธรรมชั้นสูงที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ตรงไหน...ไม่เห็นยูบอก...

มีแต่ว่า...ผิดๆๆๆๆๆๆๆๆ...แต่ไม่เห็นบอกว่าผิดยังงัย????

ให้ยอมรับความจริงบ้างเน้อคุณโลก...เลิกแถข้างๆคูๆได้แล้ว
ถ้ายังไม่ยอมเลิกแถ..ก็ให้เอาพระอภิธรรม...มาแย้งเรื่องธรรมะข้อที่ว่า....ไม่ให้ไปติดข้องในวัตถุสิ่งของอะไรๆในโลกนี้..ไม่ให้ไปหาความสุขจากวัตถุสิ่งของอะไรในโลกนี้เช่น...ไม่ไปหาความสุขจากการดูหนังฟังเพลงในโน้ตบุ้คในมือถือเป็นต้น....มาให้ฟังหน่อยสิ่

ไม่ตรงยังงัย??????
ให้ดูที่เป้าหมายงัยล่ะ...เป้าหมายท่านให้พิจารณาให้ปล่อยวางละวางให้ได้....
แล้วที่ไอ..บอกว่าศีลข้อสองระดับสูงสุดนั่น...ใครก็ทำกันได้เหรอ???
ถ้าปัญญาไม่ถึงจริง...ละวางปล่อยวางไม่ได้หรอก...ก่อนจะไปละวางปล่อยวางที่ว่าเห็นเป็นอนัตตา
แล้วไม่ยึดมั่นถือมั่นจนปล่อยวางแล้วได้ระดับศีลข้อสองสูงสุดได้นั่น
ก็ต้องไปพิจารณาเห็น..อนิจจัง...ความไม่เที่ยง
พิจารณาเห็น...ทุกขัง...ความทุกข์จากการไปยึดมั่นถือมั่นในวัตถุสิ่งของต่างๆในโลก
ให้เข้าใจเต็มที่ให้ได้ก่อน...พิจารณาจนเห็นวัตถุกามทั้งหลายเป็นเหมือนก้อนเหล็กแดงหรือเป็นอสรพิษ
หรือเหมือนก้อนระเบิดที่เราพกไว้ติดตัว..ที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่มันจะระเบิดแตกใส่เราให้เราได้รับความทุกข์สาหัส
ต้องพิจารณาอนิจจัง..ทุกขัง..ได้ระดับนี้ถึงจะ...ไปยังขั้นอนัตตา...กล้าที่จะสละทิ้งวัตถุกามทั้งหลายโดยไม่เสียดาย
เหมือนสละลูกระเบิดทิ้งออกไปจากตัวนั่นแหละ...แต่ทำไม่ได้ง่ายๆหรอก...ถ้าทำได้ง่ายๆ..ก็สละผัวสละเมีย..
สละเงินทองข้าวของกันได้หมดทุกคนแล้ว(ไม่ไปเอาเงินทองข้าวของไปหาซื้อรูปเสียงอะไรต่างๆมาเสพเพื่อความเพลิน)

เพียงเล็กน้อยๆ เท่านี้ แสดงว่า คุณตะวัน ไม่มีพื้นฐานความรู้ทางปริยัติเรย ไม่ได้เรียนพระอภิธรรมมาเรย
จึงเข้าใจผิดๆๆๆๆ เห็นผิดๆๆๆค่ะ ปฎิบัติผิดๆ มากมาย
หนูแนะนำว่า
ให้คุณหัดเรียนปริยัติไปด้วยนะคะ
จะได้สอบทาน ปริยัติ ได้ตรง
ปฎิบัติ จะได้ตรง และจะได้ถึงปฎิเวธ ตามที่พระพุทธองค์ทรงสอนค่ะ

ถ้าปฏิบัติผิด...เราก็จะถือศีลระดับสูงไม่ได้...
ให้เอา..ผลจริง...การละได้จริง....มาวัดกันดีกว่า...
อย่าเอาแค่...ตัวหนังสือ...มาวัดกันเลยนะ
อยากถามว่า...คุณโลก...ละการดูหนังฟังเพลง(ศีลข้อ7)...ได้หรือยัง????....
เคยพยายามรักษาศีลพรหมจรรย์ข้อสามฯไม่ไปสำเร็จความใคร่ความหื่นบ้างไหม????
นี่ล่ะ...ถ้าคนที่เขาพิจารณาด้วยปัญญาเห็นจริงแล้วว่าวัตถุกามมันมีโทษ...
เขาจะพยายามทำให้ได้ผลจริงคือละให้ได้จริงให้ได้...ด้วยการรักษาศีลระดับสูงเหล่านี้กันให้ได้....

ถ้าเรามี..สัมมาทิฎฐิ...มีความเห็นที่ถูกต้อง....
เราจะมีเป้าหมายที่ชัดเจน...ในการที่จะละสิ่งติดข้องทั้งหลายในโลกนี้ได้
ตอนนี้ที่ติดแบบหนาแน่นมากๆ...ก็คือติดข้องการหาความสุขจาก...ร่างกาย....
ถึงได้มาเกิดแก่เจ็บตายกันอยู่

ให้ดูผลจริง...จากปฏิเวธ...ถ้าเราปฏิบัติถูก...เราก็จะสามารถยกระดับจิตของเรา..ให้ขึ้นสู่ศีลระดับสูงได้
อย่างศีลข้อ 1 ก็คือ...ไม่โกรธ...
ศีลข้อ2 ก็ไม่เอาอะไรทั้งนั้นในโลกนี้อีก
ศีลข้อ3พรหมจรรย์..ก็จะละสมมุติหญิงชายได้...เห็นเป็นก้อนดินน้ำลมไฟเหมือนกัน...ไม่เห็นเป็นหญิงเป็นชาย...ตามคนโง่ที่สร้างรูปหญิงรูปชายมาหลอกกันอีกต่อไป....ก็ให้ไปพิจารณาเอาเองแล้วกันเรื่องศีลข้อ4-8ระดับสูงนั่น..ว่ามีความหมายยังงัย

แก้ไขล่าสุดโดย < ตะวัน > เมื่อ 26 ส.ค. 2018, 18:23, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง



ระหว่างรอ คุณตะวันมาให้ความบันเทิง

หนูก็ขอคั่นเวลา จัดแสดง ความตื้นเขิน และความเขลา เบาปัญญาอย่างซ้ำซาก
ของคุณตะวัน ในข้อความที่คุณตะวัน ไปแก้ไขข้อความ


ที่ยังมาแสดงการวิปัสสนา ที่เขลา ผิดเพี้ยน ตื้นเขิน ซ้ำอีก ค่ะ

วิปัสสนา ที่ไปมั่ว เอา กาย เวทนา จิต ธรรม หญิง ชาย ความหื่น และอื่นๆ มาเป็นอารมณ์ นั้น มั่วแหลกค่ะ

ไม่ตรงตามพระธรรม วิปัสสนาธรรม ที่พระพุทธองค์ทรงแสดง

ปริยัติ และปฎิบัติ จึงไม่สอดคล้อง ไม่ตรงตามที่พระพุทธองค์ทรงแสดง

เพราะบาทฐาน ของวิปัสสนา นั้น
ไม่ได้มีกาย เวทนา จิต ธรรม เป็นอารมณ์

แต่ว่ามี อนิจจะลักษณะ ทุกขะลักษณะ และ อนัตตะ ลักษณะ
ของกาย เวทนา จิต ธรรม เป็นอารมณ์

ที่คุณตะวัน พยายามอธิบายการวิปัสสนา แบบคุณตะวัน
นี่แหละค่ะ แสดงความเขลา ความตื้นเขินซ้ำซาก อย่างเกินพรรณา ขัดกะพระพุทธองค์


และอีกอย่าง โมเมเอาเองว่า เป็นสัมมาทิฎฐิ
นั่นไม่ใช่ สัมมาทิฎฐิค่ะ

ไม่ได้เรียกว่า สัมมาทิฎฐิค่ะ เพราะเห็นผิด ไม่ตรงกะที่พระพุทธองค์ทรงแสดง
ไม่สอดคล้องทั้งปริยัติ ไม่สอดคล้องกะการปฎิบัติ ตามที่พระพุทธองค์สอนค่ะ


เรียกว่า เป็นมิจฉาปฎิบัติ มิจฉาทิฎฐิค่ะ

พอเห็นความเขลา ตื้นเขินซ้ำซากๆๆๆ ของคุณได้ชัดยังคะคุณตะวัน ?

นี่แหละค่ะ

คุณตะวันนับเป็นตัวอย่าง คนที่ไม่ได้เรียนพระอภิธรรมมาเรย

เรยตื้นเขิน แสดงออกมาได้แต่ความตื้นเขิน ไม่ตรงตามพระธรรม ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง


ตื้นเขิน ไม่รู้ว่า ทาน เป็นความดีขั้นต้น
ตื้นเขิน ไม่รู้ว่า ศีล เป็นความดีขั้นกลาง
และตื้นเขินหนักทับถมกันขึ้นไปอีก
เมื่อไม่รู้ว่า
ความดีขั้นที่มากกว่านั้น ไม่ใช่ศีลมากข้อๆๆขึ้น แปด หรือ ศีล 227

แต่ตื้นเขินซ้ำอีก ที่ไม่รู้ว่า ความดีที่จัดว่า สูงกว่าศีล นั้น คือ ภาวนามัยค่ะ

รวมเป้น ทาน ศีล ภาวนาไงคะ

และภาวนามัยนั้น เป็นความดีอย่างสูง และสามารถไปได้สูงที่สุดจนถึงอรหัตตผลได้
ตามที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้

และตื้นเขินซ้ำซาก อีก ไม่รู้ว่า ภาวนามัย ความดีสูงสุด นั้น เป็นเกราะ เป็นเครื่องป้องกัน
ความลามก ความหื่น ไม่ว่าจากตนเอง
หรือว่า จากคนอื่น หรือจากคุณตะวัน ที่แสดงความหื่นในกามออกมา

ตื้นเขินซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เพราะไม่รู้ว่า อำนาจของอารัมมณปัจจัย และ ปกตูปปนิสสยปัจจัย
คืออะไร เพราะไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้เรียนปริยัติมาเรย


นี่แหละ ตุณตะวัน จึงเป็นตัวอย่างของคน ที่ไม่ได้เรียนพระอภิธรรมมาเรย
เรยได้แต่แสดงตื้นเขินออกมา ตื้นเขินแล้วตื้นเขินอีก ตื้นเขินซ้ำซาก ค่ะ

และยิ่งตื้นเขินหนัก หนักหนาสาหัส อย่างเกินเยียวยา
เพราะไม่ได้เรียนพระอภิธรรม เรยตื้นเขิน ไม่เข้าใจในคำสอนของพระพุทธองค์

ที่ คุณตะวัน ตื้นเขินจน ไม่รู้ว่า พระพุทธองค์ ได้จัด

อกุศลใด ที่นำไปสู่อบาย
และอกุศลใด ที่ไม่นำไปสู่อบาย

จึงมีฆารวาส หลายคนที่บรรลุธรรมได้ ไม่ต้องไปถือศีลเพิ่มแปดข้อ ร้อยข้อ สองร้อยข้อ ...
อย่างท่าน สันนติมหาอำมาตย์
และอย่างท่านพาหิยะ ค่ะ

นี่แหละความตื้นเขิน สุดพรรณา ของคุณตะวัน
ที่ไม่เคยเรียนปริยัติ ไม่ไดเรียนพระอภิธรรมมมาค่ะ



จากไอ ก็ เรยกลายเป็นไอกรน ไอหืดไอหอบ ไอจนหลอดลมอักเสบ ไอจนติดคอตนเอง ค่ะ






แบบ.....นี้..เป็น....อา...การ....ทุ...รน...ทุ...ราย....แถ...อยู่...หรอ...คะ....
ที่....พระ....ธรรม....ไม่....อาจ....ไหล....ออก...เป็น...สาย...ได้

อ่านดูเอาเน้อ..คุงโลกฯเอ๊ย...เท่านี้..พระธรรม...ไหลเป็นสาย...พอได้ไหม
แล้วยู...สามารถพิจารณาอะไร...ที่เหมือนพระธรรมไหลเป็นสายแบบนี้...ได้เหมือนไอบ้างหรือเปล่า???
หรือได้แค่...แผ่นเสียงตกร่อง..พูดไหลเป็นสายซ้ำๆๆเป็นแผ่นเสียงตกร่องได้แค่.....ตื้นเขินๆๆๆๆๆๆๆๆ.....................ให้คุงโลกฯนับคำว่า...ตื้นเขิน...ที่คุณโลกฯพูดซ้ำๆๆๆซากๆๆนั่นดูหน่อยสิ่...ว่าพูดคำว่า...ตื้นเขิน...เป็นแผ่นเสียงตกร่องไปตั้งกี่ครั้งแล้วนั่น...อะไรจะฝังใจกับคำว่า...ตื้นเขิน...ซะขนาดนั้น
อ้อ...อีกคำหนึ่งที่ยกมาซ้ำบ่อยเกิน...พระอภิธรรม...นี่ก็ซ้ำเยอะนะ...ให้ธรรมะไหลออกมาเป็นคำอื่นบ้างสิ่

และตื้นเขินซ้ำซาก อีก ไม่รู้ว่า ภาวนามัย ความดีสูงสุด นั้น เป็นเกราะ เป็นเครื่องป้องกัน
ความลามก ความหื่น ไม่ว่าจากตนเอง
หรือว่า จากคนอื่น หรือจากคุณตะวัน ที่แสดงความหื่นในกามออกมา

ใครกันแน่...ที่แสดงความเสียดายในกามออกมาอย่างนอกหน้านั่น
ถ้าคุณโลกฯไม่ได้เสียดายรสกามอยู่ จะกล้าโพสอันนี้ออกมาเหรอ อ่านเอาเถอะใช่โพสของคุณโลกหรือเปล่า???---->>>
จึงมีฆารวาส หลายคนที่บรรลุธรรมได้ ไม่ต้องไปถือศีลเพิ่มแปดข้อ ร้อยข้อ สองร้อยข้อ ...
อย่างท่าน สันนติมหาอำมาตย์
และอย่างท่านพาหิยะ ค่ะ

ที่โพสแบบนี้หมายความว่าคุณโลกฯ...อยากจะเสพกาม..ต่อไปเรื่อยๆไม่ยอมเลิกดูหนังฟังเพลงไม่ยอมพยายามเลิกสำเร็จความใคร่

จะรอจนให้ได้สำเร็จพระอรหันต์ก่อนใช่ไหมถึงจะยอมเลิกนั่น...
คุณโลกฯจะไปเสียดายรสกามถึงขนาดนั้นเลยเหรอ...
จะเล่นขี้โกงเสพกามไปเรื่อยๆให้นานที่สุดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เหรอ...แล้วถึงจะไปสำเร็จนิพพานแบบสันตติมหาอำมาตย์กับพระพาหิยะท่าน

(แต่เรื่องพระพาหิยะนี่รู้สึกว่า...ความด้อยทางธรรมของคุณโลกจะยกตัวอย่างมาผิดนะ
...คือมันไม่ชัวร์งัย...พระพาหิยะท่านมีเมียอยู่เหรอ...ไปรู้ได้ยังงัยว่า...พระพาหิยะ...ก่อนท่านจะบรรลุพระอรหันต์..ท่านรักษาศีลพรหมจรรย์ไม่ได้....แล้วท่านไปสำเร็จความใคร่ความหื่นอยู่ล่ะนี่....)
แทนที่จะยกตัวอย่างพระเจ้าสุทโธทนะก็ไม่ยก....

พวกนี้เป็นพวก...ส่วนน้อยงัย...และส่วนน้อยมากๆด้วย....เข้าใจเรื่องส่วนใหญ่หรือเปล่า...
แบบพวกนางวิสาขา อนาถบิณฑิกะเศรษฐี อะไรพวกนี้...
พวกนี้เป็นส่วนน้อยมากๆที่ได้บรรลุธรรมในขณะที่ยังมีผัวมีเมียกันอยู่....

พวกนี้เขาบำเพ็ญบารมีกันมาไม่รู้นานขนาดไหนแล้ว...แต่ละคนเป็น..แสนๆกัป

ถ้าจะให้ได้แบบพวกนี้ท่าน...ยูต้องบำเพ็ญบารมีนานแสนนานงัย...
เอาแบบให้ได้สำเร็จเร็วๆแบบในชาตินี้ให้ได้นั่นไม่ดีกว่าเหรอ????......
หรือว่าถ้ายูอยากสำเร็จแบบในกรณีท่านนี่...ไอว่า...ชาตินี้ยูทำไม่ได้หรอก..
ถ้าบารมีเก่ายูไม่ได้ทำมามากเหมือนพวกท่านทั้งหลายเหล่านี้

กรณีที่ไอพูดกับยูไปนั่น..คือแบบให้ได้สำเร็จธรรมพ้นทุกข์เร็วๆกันให้ได้ในชาตินี้
แบบให้เห็นจะจะกับตากันไปเลยก่อนตาย...ตะหาก...
ถ้ายูอยากทำให้ได้...ก็ให้ฝึกตัวเอง..ให้รักษาศีลระดับสูงให้ได้

...ให้ยู..มั่นใจว่า...ยูสามารถรักษาศีลพรหมจรรย์ได้อย่างมั่นคงแล้ว
จะไม่ไปยอมเป็นเมียใครอีกแล้วให้ได้สิ่...ทำได้เปล่าล่ะ...

ถ้าทำได้ตลอดไป...ก็ใกล้ระดับพระอนาคามีเข้าไปแล้ว...
แต่ยูต้องเลิกดูหนังฟังเพลงให้ได้ด้วยนะ
...ศีลแปด..นั่นแหละสามารถ...นำยู...ให้ได้สำเร็จมรรคผลนิพพานให้ได้ในชาตินี้ได้เลย...

ไม่ใช่แค่อ่านพระอภิธรรม...แต่กลับไม่สนใจจะ...รักษาศีลระดับสูงให้ได้...
หรือไม่สนใจว่าจะยกระดับจิตของตัวเอง...ให้รักษาศีลระดับสูงให้ได้...ด้วยการใช้...สติ..สมาธิ..ปัญญา..มาช่วย

...ยูคิดว่า...ถ้ายูไม่ใช้...สติ...สมาธิ..ปัญญา..มาช่วยนี่...
ยูจะสามารถรักษาศีลข้อ 1 แบบละเอียดคือรักษาใจ..ไม่ให้โกรธได้เลยหรือเปล่าล่ะ....

ถ้ายูโง่...ยูก็จะรักษาศีลข้อ 1 ได้เพียงแบบหยาบๆ..คือแค่..ไม่ไปฆ่าไปตี..เท่านั้น...
แต่ถ้ายูฉลาดมีสติสมาธิมีปัญญา..จากการศึกษาพระอภิธรรมหรือเทศนาของพระอรหันต์ท่าน...
จะทำให้ยูรักษาศีลข้อ 1 แบบละเอียดคือ..รักษาใจไม่ให้โกรธได้..แม้จะมีใครมาทำไม่ดียังงัยกับยูก็ตาม...

ถ้าเป็นศีลข้อ 2 ถ้ายูมีสติสมาธิปัญญาไม่มากพอยูก็จะรักษาได้แค่
...ห้ามใจตัวเองไม่ให้ไปลักขโมยของเขาได้แค่นั้น...

แต่ถ้ายูมีสติสมาธิปัญญามากยูก็จะ...ไม่ไปอยากได้อะไรของใครเลยในโลกนี้...
เพราะที่ยูอยากจะไปขโมยของเขาก็เพราะอยากจะไปหาความสุขจากสิ่งของอันนั้นใช่ไหม??..

แต่ถ้ายูนำสติสมาธิปัญญามาฝึกใจยู..จะทำให้ยู...พึ่งความสุขจากใจของยูเองได้หาความสุขจากใจตัวเองได้..ไม่ต้องการไปหาความสุขจากวัตถุสิ่งของภายนอกอะไรอีก

....ถ้ายู..ยังหวังจะหาความสุขจากวัตถุสิ่งของอะไรในโลกนี้อยู่...ยูจะไปนิพพานได้ยังงัย???
เพราะยูยังติดข้องในโลกนี้อยู่....

ที่ไอบอกไปว่าศีลข้อสองระดับสูงนั่น..ต้องไม่ไปเอาอะไรเลยในโลกนี้...ไม่ไปติดข้องอะไรในโลกนี้นั่น...ผิดจากหลักธรรมชั้นสูงที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ตรงไหน...ไม่เห็นยูบอก...

มีแต่ว่า...ผิดๆๆๆๆๆๆๆๆ...แต่ไม่เห็นบอกว่าผิดยังงัย????

ให้ยอมรับความจริงบ้างเน้อคุณโลก...เลิกแถข้างๆคูๆได้แล้ว
ถ้ายังไม่ยอมเลิกแถ..ก็ให้เอาพระอภิธรรม...มาแย้งเรื่องธรรมะข้อที่ว่า....ไม่ให้ไปติดข้องในวัตถุสิ่งของอะไรๆในโลกนี้..ไม่ให้ไปหาความสุขจากวัตถุสิ่งของอะไรในโลกนี้เช่น...ไม่ไปหาความสุขจากการดูหนังฟังเพลงในโน้ตบุ้คในมือถือเป็นต้น....มาให้ฟังหน่อยสิ่[/quote]


แน้ คุณตะวันคะ คุณกลับไปอ่านตั้งแต่ต้นสิคะ

จะได้รู้ว่า คุณตะวันน่ะ เขลา ตื้นเขิน เบาปัญญา ขนาดไหน
ที่กล่าวอะไรๆ มา ก็ขัดต่อ พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงตลอด

ตัวอย่างนะคะ

ปากพูดพล่อยๆ ว่า ไม่ยึดมั่นถือมั่น

แต่ไม่มีสภาวะรองรับ และไม่รู้ว่า นั่นคือ องค์ธรรมในมหากริยาจิต เป็นตัตตรมัชฌัตตาเจตสิก ในมหากริยาจิตของพระอรหันต์

ไม่ใช่จากปากพล่อยๆ พูดโดยไม่รุ้สภาวะธรรมที่รองรับด้วยความเขลา ตื้นเขิน เบาปัญญา

ไม่ใช่ปากพล่อยๆ พูดมั่ว เรื่องวิปัสสนา
ที่ขัดแย้ง ปริยัติ ไม่ตรงตาม วิปัสสนา ที่พระพุทธองค์ได้ทรงแสดง

ที่ต้องมี อนิจจะ ทุกขะ อนัตตะ ตามไตรลักษณ์

ไม่ใช่ปากพล่อยๆๆ พูดแต่ศีล แต่ไม่รูู้ว่า ทานเป็นความดีขั้นต้น ความดีขั้นกลาง ความดี ขั้นสูงกว่านั้น คือภาวนามัย



นี่ไงคะ ตัวอย่างความปากพล่อย พูดพล่อยๆ ความเขลา ความตื้นเขิน ที่คุณตะวัน แสดงออกมา
โดยขัดแย้งต่อพระธรรม และ ขัดแย้งต่อพระอภิธรรม ขัดแย้งต่อปริยัต

จึงเอาดีทางพระศาสนาไม่ได้ไงคะ

อ้างอิง คุณตะวัน


มีแต่ว่า...ผิดๆๆๆๆๆๆๆๆ...แต่ไม่เห็นบอกว่าผิดยังงัย????


จนป่านนี้ ยังไม่รู้หรอคะ ว่าผิดยังไง


ผิด ที่ไม่ตรงตามปร้ยัต ไม่ตรงตามที่พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ ไม่สอดคล้องในปริยัติ และปฎิบัติเพี้ยนไงคะ


ซ้ำอีกมั๊ยคะ

ว่าพูดพล่อยๆ ว่า ไม่ยึดมั่นถือมั่น
แต่ไม่มีสภาวะรองรับ และไม่รู้ว่า การไม่ยึดมั่นถือมั่น นั้นเป็นองค์ธรรม เจตสิก ในมหากริยาจิต พระอรหันต์

ซ้ำอีกมั๊ยคะ

ว่าวิปัสสนา ผิดเพียน ไม่ตรงตามพระพุทธองค์ทรงแสดง

ไม่มีอนิจจลักษณะ ไม่มีทุกขะลักษณะ ไม่มีอนัตตะลักษณะ ตรงตามไตรลักษณ์ ที่พระพุทธองค์ทรงแสดง

จะซ้ำ อีกมัียคะ ในความเขลา ตื้นเขิน ของคุณ

หนูจะได้ยกมา อีก จากที่คุณแสดงที่ผ่านมา
ว่าตื้นเขิน เขลา เบาปัญญา ไม่ตรงตามพระธรรมที่ทรงแสดงอีกกี่ข้อ

ปริยัติ ปฎิบัติ ไม่สอดคล้อง ขัดแย้งกะพระธรรมที่ทรงแสดงไว้มากมายไม่รู้กี่ข้อๆ ต่อกี่ข้อ

นั่นเรียกว่า ถูกหรอคะ ถามหน่อย ?

หรือเขลาเบาปัญญา จนไม่รู้ว่า นั่นแหละ ผิดๆๆๆๆๆๆๆ คะ

อ้างอิง คุณตะวัน


มีแต่ว่า...ผิดๆๆๆๆๆๆๆๆ...แต่ไม่เห็นบอกว่าผิดยังงัย????



พอทราบแล้วยังคะ ว่าผิดยังไง

หรือคุณตะวัน เขลา เบาปัญญา จนหนูบอกแล้วบอกอีก หลายรอบ
ก็ยังไม่อาจทำให้ความเขลาเบาปัญญาหมดไปได้

จึงไม่รู้ว่าผิดอะไรบ้าง

ซ้ำให้อีก นะคะ

ว่า กายเวทนาจิตธรรม หญิงชาย ความหื่น ไม่ใช่อารมณ์วิปัสสนา

ไม่ใช่บาทฐาน ไม่ใช่อารมณ์ ของวิปัสสนา
ย้ำให้อีกนะคะ ว่า วิปัสสนา ต้องมี อนิจจลักษณะ ทุกขะลักษณะ และ อนัตตะลักษณะ
เป็นอารมณ์

จึงไม่สามารถเป็นสัมมาปฎิปทาได้ ปฎิบัติผิดเพี้ยน ไม่สอดคล้อง ไม่ตรงพระธรรมที่แสดง

คุณตะวัน จึงแสดงได้แต่ ความเขลา เบาปัญญา เพราะตื้นเขิน
ไม่ได้เรียนพระปริยัติ พระอภิธรรม

จึงไม่สามารถรู้ว่า ผิด น่ะ ผิดไปขนาดไหน

เมจะ บอกให้นะคะ ผิดสุดกู่เรยหละค่ะ

ปริยัติ ทำให้เกิดปริยัติญานที่ถูกต้อง
เมื่อปริยัติยังเพี้ยน ไม่เข้าท่า ไม่เอาไหน ไม่ตรงตามพระธรรมที่ทรงแสดงไว้
ก็ปฎิบัติ ผิดเพี้ยน และก็ ปฎิเวธ ไม่เกิดหรอกค่ะ

ชัดขึ้นมั๊ย กะความเขลาเบาปัญยาของคุณ ที่เม บอกไป ว่า ผิดๆๆ

คนดีชอบแก้ไข ในสิ่งผิด

แต่คุณตะไร เอ๊ยคุณตะ ตะวัน ชอบแก้ตัว คริคริ

แน้ คุณตะวันคะ คุณกลับไปอ่านตั้งแต่ต้นสิคะ

จะได้รู้ว่า คุณตะวันน่ะ เขลา ตื้นเขิน เบาปัญญา ขนาดไหน
ที่กล่าวอะไรๆ มา ก็ขัดต่อ พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงตลอด

ตัวอย่างนะคะ

ปากพูดพล่อยๆ ว่า ไม่ยึดมั่นถือมั่น

แต่ไม่มีสภาวะรองรับ และไม่รู้ว่า นั่นคือ องค์ธรรมในมหากริยาจิต เป็นตัตตรมัชฌัตตาเจตสิก ในมหากริยาจิตของพระอรหันต์

ไม่ใช่จากปากพล่อยๆ พูดโดยไม่รุ้สภาวะธรรมที่รองรับด้วยความเขลา ตื้นเขิน เบาปัญญา

ไม่ใช่ปากพล่อยๆ พูดมั่ว เรื่องวิปัสสนา
ที่ขัดแย้ง ปริยัติ ไม่ตรงตาม วิปัสสนา ที่พระพุทธองค์ได้ทรงแสดง

ที่ต้องมี อนิจจะ ทุกขะ อนัตตะ ตามไตรลักษณ์

ไม่ใช่ปากพล่อยๆๆ พูดแต่ศีล แต่ไม่รูู้ว่า ทานเป็นความดีขั้นต้น ความดีขั้นกลาง ความดี ขั้นสูงกว่านั้น คือภาวนามัย



นี่ไงคะ ตัวอย่างความปากพล่อย พูดพล่อยๆ ความเขลา ความตื้นเขิน ที่คุณตะวัน แสดงออกมา
โดยขัดแย้งต่อพระธรรม และ ขัดแย้งต่อพระอภิธรรม ขัดแย้งต่อปริยัต

จึงเอาดีทางพระศาสนาไม่ได้ไงคะ



[/quote]



ระหว่างรอ คุณตะวันมาให้ความบันเทิง (ไปแก้ลบออกทำไมกันล่ะนี่)
ไม่ต้องรอแล้ว...หนูน้อยอนุบาลโลกสวยเอ๊ย....
ขี้เกียจพูดให้เด็กอนุบาลฟังแล้ว...
พูดไปเท่าไหร่เด็กอนุบาลทางธรรมแบบคุณโลกฯก็ไม่รู้เรื่องอยู่ดี

อุส่าห์บรรยายธรรมะไปซะเยอะ...
ที่แท้ก็ไปพูดให้เด็กอนุบาลแบบหนูโลกสวยฟัง....
หนูจะมาฟังเรื่องระดับ..ลึกซึ้ง...ซึ่งเปรียบเหมือนกับคุณตะวัน
เขาบรรยายเรื่อง...ทฤษฎีควอนตัม...นี่เข้าใจได้งัยกัน
เพราะหนูยังอยู่แค่ชั้น...อนุบาล...เอง

...ไปอัพเกรดตัวเอง...ให้ขึ้นชั้นประถม...ชั้นมัธยม...ให้มันได้ซะก่อน...ถึงจะพูดกันรู้เรื่องได้

แค่ปัญญาคิดจะพยายาม..ฝึกอดใจตัวเอง..ฝืนความอยากตัวเอง..
ให้เลิกดูหนังฟังเพลงเลิกเล่นเกมเลิกสำเร็จความใคร่ความหื่นรักษาศีลพรหมจรรย์ข้อสามให้ได้...
ก็ยังไม่กล้าทำไม่กล้าฝึกละ....แล้วจะไปเข้าใจในธรรมะละเอียดลึกซึ้ง
แบบที่...คุณตะวัน..มาพูดให้ฟังได้ยังงัย

แล้วรู้หรือเปล่ากันล่ะนี่...ว่าอัพเกรดตัวเองให้ไปอยู่ในชั้นประถมหรือมัธยมนั่น
...เขาต้องทำยังงัยกันนี่...

ปล่อยให้โง่ต่อไปแล้วกัน....อวดดีแบบนี้...
ก็ปล่อยให้....เด็กอนุบาล...แบกคัมภีร์อภิธรรม...ไปด้วย...ดูหนังฟังเพลงไปด้วย
(ก็ไม่รู้ว่าจะสำเร็จความใคร่ความหื่นไปด้วยหรือเปล่าล่ะนะ)
แต่แค่ดูหนังฟังเพลงนี่ก็แย่มากๆแล้วสำหรับนักปฏิบัติที่อยากจะปฏิบัติให้พ้นทุกข์ให้ได้ในชาตินี้นั่น

แต่ถ้าคิดแค่...อยากจะทำบุญรักษาศีลภาวนา...เพื่ออยากจะให้ได้ผัวได้เมียหล่อๆสวยๆกัน
ก็ไม่สมกับ...แบกคัมภีร์อภิธรรมมาอวดกันเลยเน้อ...

ทำให้ได้แบบ..อ.สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ให้ได้หน่อยสิ่...
ถึงจะสมกับผู้ศึกษา..พระอภิธรรม..
ไม่ใช่มีเป้าหมายต่ำๆปฏิบัติภาวนาแค่เพื่อจะได้มีผัวหล่อๆรวยๆแค่นั้น

ไอ..เชื่อว่า..อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์...ท่านรักษาศีลพรหมจรรย์...ได้เน้อ
ถ้าหนูโลกฯเก่งพระอภิธรรมจริง...ก็ทำให้ได้แบบ อ.สุจินต์ ท่านนะ

ทำได้เปล่าล่ะ???? ถ้าทำได้...เราก็ขออนุโมทนาด้วย....
แต่ถ้ายังไม่พยายามจะฝึกทำให้ได้แบบอ.สุจินต์ ท่าน
(รักษาศีลพรหมจรรย์ และไม่ไปดูหนังฟังเพลงให้ได้แบบท่าน)

...หนูโลกฯก็ยังจะ...อยู่ในชั้นอนุบาล...ต่อไปเรื่อยๆล่ะนะ

http://www.dharma-gateway.com/ubasika/s ... istory.htm
ประวัติ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

ระหว่างรอ คุณตะวันมาให้ความบันเทิง (ไปแก้ลบออกทำไมกันล่ะนี่)
ไม่ต้องรอแล้ว...หนูน้อยอนุบาลโลกสวยเอ๊ย....
ขี้เกียจพูดให้เด็กอนุบาลฟังแล้ว...
พูดไปเท่าไหร่เด็กอนุบาลทางธรรมแบบคุณโลกฯก็ไม่รู้เรื่องอยู่ดี

อุส่าห์บรรยายธรรมะไปซะเยอะ...
ที่แท้ก็ไปพูดให้เด็กอนุบาลแบบหนูโลกสวยฟัง....
หนูจะมาฟังเรื่องระดับ..ลึกซึ้ง...ซึ่งเปรียบเหมือนกับคุณตะวัน
เขาบรรยายเรื่อง...ทฤษฎีควอนตัม...นี่เข้าใจได้งัยกัน
เพราะหนูยังอยู่แค่ชั้น...อนุบาล...เอง

...ไปอัพเกรดตัวเอง...ให้ขึ้นชั้นประถม...ชั้นมัธยม...ให้มันได้ซะก่อน...ถึงจะพูดกันรู้เรื่องได้

แค่ปัญญาคิดจะพยายาม..ฝึกอดใจตัวเอง..ฝืนความอยากตัวเอง..
ให้เลิกดูหนังฟังเพลงเลิกเล่นเกมเลิกสำเร็จความใคร่ความหื่นรักษาศีลพรหมจรรย์ข้อสามให้ได้...
ก็ยังไม่กล้าทำไม่กล้าฝึกละ....แล้วจะไปเข้าใจในธรรมะละเอียดลึกซึ้ง
แบบที่...คุณตะวัน..มาพูดให้ฟังได้ยังงัย

แล้วรู้หรือเปล่ากันล่ะนี่...ว่าอัพเกรดตัวเองให้ไปอยู่ในชั้นประถมหรือมัธยมนั่น
...เขาต้องทำยังงัยกันนี่...

ปล่อยให้โง่ต่อไปแล้วกัน....อวดดีแบบนี้...
ก็ปล่อยให้....เด็กอนุบาล...แบกคัมภีร์อภิธรรม...ไปด้วย...ดูหนังฟังเพลงไปด้วย
(ก็ไม่รู้ว่าจะสำเร็จความใคร่ความหื่นไปด้วยหรือเปล่าล่ะนะ)
แต่แค่ดูหนังฟังเพลงนี่ก็แย่มากๆแล้วสำหรับนักปฏิบัติที่อยากจะปฏิบัติให้พ้นทุกข์ให้ได้ในชาตินี้นั่น

แต่ถ้าคิดแค่...อยากจะทำบุญรักษาศีลภาวนา...เพื่ออยากจะให้ได้ผัวได้เมียหล่อๆสวยๆกัน
ก็ไม่สมกับ...แบกคัมภีร์อภิธรรมมาอวดกันเลยเน้อ...

ทำให้ได้แบบ..อ.สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ให้ได้หน่อยสิ่...
ถึงจะสมกับผู้ศึกษา..พระอภิธรรม..
ไม่ใช่มีเป้าหมายต่ำๆปฏิบัติภาวนาแค่เพื่อจะได้มีผัวหล่อๆรวยๆแค่นั้น

ไอ..เชื่อว่า..อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์...ท่านรักษาศีลพรหมจรรย์...ได้เน้อ
ถ้าหนูโลกฯเก่งพระอภิธรรมจริง...ก็ทำให้ได้แบบ อ.สุจินต์ ท่านนะ

ทำได้เปล่าล่ะ???? ถ้าทำได้...เราก็ขออนุโมทนาด้วย....
แต่ถ้ายังไม่พยายามจะฝึกทำให้ได้แบบอ.สุจินต์ ท่าน
(รักษาศีลพรหมจรรย์ และไม่ไปดูหนังฟังเพลงให้ได้แบบท่าน)

...หนูโลกฯก็ยังจะ...อยู่ในชั้นอนุบาล...ต่อไปเรื่อยๆล่ะนะ

http://www.dharma-gateway.com/ubasika/s ... istory.htm
ประวัติ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์[/quote]


แน้ จะให้หนูไปทำตามอ. สุจิน
หนูไม่ทำหรอก มาจ้างเท่าไร จ้างก็ไม่ทำหรอกค่ะ
แม้จะให้ไปเกิดชาติหน้าชาติไหนๆ ไปเป็นแบบอ.สุจิน ก็ไม่เอาหรอกค่ะ

จะให้ทำให้สูงกว่าอนุบาล ก็คงไม่ทำหรอก
และหนูก็ไม่ได้ถึงอนุบาลด้วย

ถ้าจะอนุโมทนาหนูซะก่อน ซะตอนนี้ ยังไม่สายไปหรอกค่ะ






หนูก็ขอรดน้ำพระธรรม เป็นสายธาร ให้คุณตะวัน
ไม่ดิ้น ไม่แถ จนเหงือกแห้งตาย อยู่บนที่ตื้นเขิน ขอให้หายเขลา หายเบาปัญญา นะคะ
ขอให้ศึกษาเสียให้ถูกต้อง ให้สอดคล้องทั้งปริยัติ และปฎิบัติ ตามที่พระพุทธองค์ ได้ทรงแสดง
และจะถึงปฎิเวธที่ถูกต้องค่ะ

อันนี้คือส่วนทีแก้ไขเพิ่มเติมค่ะ

[f2][f2][f2][f2][f2]
ก่อนจะพูดอะไรขอชมหนูโลกฯก่อนแล้วกัน
ว่าหนูโลกฯ...นี่....อึด..ถึก...และทน...ในการแถ...จริงๆ
ไอ..เมื่อยแล้วเน้อ...เมื่อไหร่จะหยุด...แถ...สักทีล่ะนี่


ปริยัติ ทำให้เกิดปริยัติญานที่ถูกต้อง
เมื่อปริยัติยังเพี้ยน ไม่เข้าท่า ไม่เอาไหน ไม่ตรงตามพระธรรมที่ทรงแสดงไว้
ก็ปฎิบัติ ผิดเพี้ยน และก็ ปฎิเวธ ไม่เกิดหรอกค่ะ
อย่ามาถามถึงปฏิเวธของไอเลย...ให้ถามปฏิเวธ...ของหนูโลกฯจะดีกว่า

เพราะปฏิเวธ..ของไอตอนนี้..อย่างน้อยๆก็เห็นได้แบบจะจะ...
ว่ายังพยายามฝึกตัวเองให้ละการดูหนังฟังเพลงเล่นเกม...
ฝึกรักษาศีลพรหมจรรย์ข้อ3ไม่ไปสำเร็จความหื่นบ้างอยู่

แต่ปฏิเวธ...ของหนูโลกฯ..นี่ไม่เห็นบอกเลยว่า..ตัวเองที่ได้อ่านได้ศึกษาพระอภิธรรมแบบถูกต้องไปตั้งมากมายนั่น

...ได้เกิดปฏิเวธ..อยากจะตั้งใจฝึกตัวเองรักษาศีลพรหมจรรย์ระดับสูงให้ได้เหมือนคุณตะวันบ้างไหม...

หรือยังอยากจะดูหนังฟังเพลง...สำเร็จความใคร่ต่อไปเรือ่ยๆ..อยู่
(รอให้ได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์แบบพระพาหิยะหรือแบบสันตติมหาอำมาตย์ก่อนเน๊าะ..ถึงจะเลิกเสพกามซะทีแบบนั้นเหรอ..หนูโลกฯ)

เอาปฏิเวธ...ที่เห็นได้แบบจะจะกับหูกับตา..อย่าเอาปฏิเวธแบบมโนฯเอาเองนะหนูโลกฯเอ๊ย

ปฏิเวธ...ที่แท้จริง...คือการละได้...ปล่อยวางได้ใช่ไหมล่ะ...
หรือปฏิเวธ...แบบของหนูโลกนี่..คือการเหาะได้..หายตัวได้..แบบนั้นเหรอ????

ปฏิเวธ..ของใครกันแน่ระหว่าง..ปฏิเวธจากการศึกษาธรรมะของคุณตะวัน..
ที่ทำให้ส่งผลให้คุณตะวัน..เกิดความพยายามจะฝึกตัวเองให้รักษาศีลระดับสูงให้ได้

ส่วนปฏิเวธ..ของหนูโลกฯนั่น..แม้เพียงจะคิดรักษาศีลระดับสูงเลิกดูหนังฟังเพลงเล่นเกม..
เลิกสำเร็จความใคร่ความหื่น..ก็เคยมีในความคิดบ้างหรือยัง?????


จึงไม่รู้ว่าผิดอะไรบ้าง
ซ้ำให้อีก นะคะ
ว่า กายเวทนาจิตธรรม หญิงชาย ความหื่น ไม่ใช่อารมณ์วิปัสสนา
ไม่ใช่บาทฐาน ไม่ใช่อารมณ์ ของวิปัสสนา
ย้ำให้อีกนะคะ ว่า วิปัสสนา ต้องมี อนิจจลักษณะ ทุกขะลักษณะ และ อนัตตะลักษณะ
เป็นอารมณ์
ถ้าไม่วิปัสสนา..ให้หายบ้ากาม...ให้หายติดข้องในกาม...จะวิปัสสนาไปทำไม?????

แล้วหนูโลกฯรู้ได้งัยว่าคุณตะวัน..ไม่นำ..อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา..มาพิจารณาด้วยล่ะนี่???

ไอบอกตอนไหน...ว่าไอไม่ได้เอาอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มาร่วมพิจารณาช่วยด้วย
ให้ไปยกประโยคนั้นมาให้ดูหน่อย

ซ้ำอีกมั๊ยคะ

ว่าพูดพล่อยๆ ว่า ไม่ยึดมั่นถือมั่น
แต่ไม่มีสภาวะรองรับ และไม่รู้ว่า การไม่ยึดมั่นถือมั่น นั้นเป็นองค์ธรรม เจตสิก ในมหากริยาจิต พระอรหันต์


สภาวะรองรับ....ว่าเราไม่ยึดมั่นถือมั่น...แบบเห็นจะจะกับตาเลย...
ก็คือ...ไม่ไปดูหนังฟังเพลงเล่นเกม..ไม่ไปสำเร็จความใคร่ความหื่นงัยล่ะ....

หรือจะเอาสภาวะแบบ..มโน..คิดเอาเอง...ว่าฉันละเสพกาม..ได้แล้ว...
แต่ยังไปดูหนังฟังเพลง...ยังไปสำเร็จความหื่นอยู่แบบนั้นเหรอ????

จะเอา...สภาวะรองรับ...ขนาดไหนอีก
เอาตาตัวเอง...เอาใจตัวเองดูก็รู้แล้วไม่ใช่เหรอ...
ว่าเรายังเสพกาม..ยังไปดูหนังฟังเพลงอะไรอยู่หรือเปล่านั่น
หรือจะเอาสภาวะไหนมารองรับอีก???????นอกจาก..เอาตา..เอาใจ..ตัวเองมารองรับนั่น

ตัวเองพิจารณาจนเราหายติดข้องในกามได้แล้ว...เราจะไม่รู้ตัวเหรอ...
ถ้ายังละแบบเต็มร้อยเลยยังไม่ได้...ละได้แบบคุมกาย..ไม่ให้มันไปแตะต้องวัตถุกาม...ให้มันได้ก่อนสิ่

จากนั้นก็ให้ฝึกขั้นละเอียดต่อไปเรื่อยๆ...ด้วยการนำสติ...สมาธิ..ปัญญา..มาช่วย
ปัญญาก็คือการนำหลักธรรมเรื่อง..อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา...นั่นล่ะมาช่วยพิจารณา
ให้เราเห็นโทษของกามทั้งหลาย..
จนใจเราสามารถถอดถอนความยินดีในกามออกจากใจได้แบบหมดสิ้นเลย

พิสูจน์ยังงัยกันล่ะ...ว่าเราสามารถถอนความยินดีในกามได้หมดสิ้นเชิงหรือยัง..
หนูโลกฯคุยว่าศึกษาอภิธรรมมามาก...พอจะบอกวิธีตรวจสอบจิตใจเรา...
ว่าสามารถละกิเลสกามออกจากใจได้แบบ...หมดสิ้นทั้งหมดแล้ว...ให้ฟังได้หรือเปล่า?????

นี่แหละ ตัวอย่างคนที่ไม่ได้เรียนพระประยัติ พระสูตร พระอภิธรรมมาเรย
เรยตื้นเขินซ้าซาก ไม่รู้จะตรวจสอบยังไง


ง่ายๆนะคะ
ปรมัตถ์อารมณ์ ที่เกิด กะกายเวทนา จิต และธรรม
ตรวจสอบได้กะสังโยชน์ สิบ ค่ะ

รู้ได้งัย...ว่าไอ..ไม่รู้...ถามลองภูมิยู...ดูเฉยๆตะหาก


แล้วยูมีปัญญา..จะตอบได้แค่นี้เหรอ?????
ตอบให้ละเอียดให้ดีกว่านี้ไม่ได้เหรอ???

มันไม่กว้างไปเหรอตอบแบบนี้...เหมือนมีคนทำ...สิ่งของ...หล่นไปในสระน้ำ....
แล้วไอถามว่า..สิ่งของนั้นหล่นอยู่ตรงไหน...
ยูก็ตอบไปว่า...หล่นอยู่ในสระนั่นแหละ...(สังโยชน์ 10)
แทนที่จะบอกแบบว่าอยู่ตรงจุดไหนเป๊ะๆๆๆเลย

ลองใช้ความสามารถอีกทีหน่อยสิ่
ตอบแบบนี้..ไม่สมกับคุยว่า..ศึกษาพระอภิธรรม..มาเลยนะนี่

เอาตอบแบบให้เห็นภาพกันจะจะตาไปเลย...ว่า
...สามารถละกามราคะ...ได้แบบเด็ดขาดแล้ว...
ได้สำเร็จขั้นพระอนาคามีเรียบร้อยแล้ว...
ว่าท่านพิสูจน์กันยังงัย..วิธีไหน..ทำยังงัย??

บอกไว้ก่อนนะ..ในพระไตรปิฎก..ก็มีเรื่องนี้
แต่ถ้ายู..ไม่มีพื้นฐานดีในการศึกษาเทศน์ของครูบาอาจารย์ที่ท่านเป็นพระอรหันต์แล้ว
ยูก็จะมีปัญญาตอบได้แค่ระดับ...บอกว่า..สิ่งของอยู่ในสระน้ำกว้างๆนั่นแหละ..ให้ไปงมหาเอาเองเถอะ...

แต่ถ้า..ยู..แน่จริงแล้ว...ยูจะชี้จุดได้แบบเป๊ะๆเลย...ว่านี่งัย..อยู่ตรงจุดนี้

ในชีวิตการทำงาน เอกอนอยู่ท่ามกลางที่ซึ่งผู้ที่หนาแน่นด้วยกิเลศมาปะทะกัน

ถ้า...คุงเอกอน...ติดตามอ่านกระทู้นี้แล้ว...
ก็จะเห็น....ผู้ที่มีใจโน้มเอียงในทางธรรม...
ก็...มาปะทะกัน...ได้เหมือนกันเน้อ....555555555555