วันเวลาปัจจุบัน 03 ส.ค. 2025, 03:27  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 85 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ต.ค. 2018, 20:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จะพลิกแผลงคำพูดให้คุณโรส พี่เมโลกสวยเถียง

นี่ก็ฝึกสติสัมปชัญญะ เป็นต้น เรียกตามศัพท์ว่า สติปัฏฐาน :b13:

รูปภาพ


จะใช้อะไร ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก ลมเข้าลมออก เรียกเป็นศัพท์ว่า อานาปานะ เติมสติเข้าไป ก็เป็นอานาปานสติ (สติกำหนดลมหายใจเข้าออก) อันนี้ก็เป็น กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน ด้วย

จะใช้ลมเข้า-ออกทางอ้อม คือ ท้องพอง ท้องยุบ ท้องพอง นี่ลมเข้า ท้องยุบนี่ลมออก (นึกเทียบสูบลมลูกโป่ง) เมื่อใช้อาการท้องพอง ท้องยุบ ท้องพองขณะหนึ่ง ท้องยุบขณะหนึ่ง มีสติตามทันทุกๆขณะ ท้องพอง ว่า พองหนอ ท้องยุบ ว่า ยุบหนอ

มันแว้บไปคิดออกจากลมเข้า ลมออก ว่า คิดหนอ ความคิดนั่นเป็นขณะหนึ่ง กำหนดให้ทัน แรกๆเริ่มฝึกไม่ทันมันหรอก คิดไปไกลแล้ว จึงนึกได้ นึกได้กำหนดด้วย กำหนดแล้วดึงกลับให้มาอยู่กับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น คือ ลมเข้าออกแต่ละขณะๆ ต่อไป ดังนี้เป็นตัวอย่าง

ใครๆช่วยเข้ามาเถียงช่วยมาโต้แย้งหน่อย :b35:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ต.ค. 2018, 21:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
จะพลิกแผลงคำพูดให้คุณโรส พี่เมโลกสวยเถียง

นี่ก็ฝึกสติสัมปชัญญะ เป็นต้น เรียกตามศัพท์ว่า สติปัฏฐาน :b13:

รูปภาพ


จะใช้อะไร ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก ลมเข้าลมออก เรียกเป็นศัพท์ว่า อานาปานะ เติมสติเข้าไป ก็เป็นอานาปานสติ (สติกำหนดลมหายใจเข้าออก) อันนี้ก็เป็น กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน ด้วย

จะใช้ลมเข้า-ออกทางอ้อม คือ ท้องพอง ท้องยุบ ท้องพอง นี่ลมเข้า ท้องยุบนี่ลมออก (นึกเทียบสูบลมลูกโป่ง) เมื่อใช้อาการท้องพอง ท้องยุบ ท้องพองขณะหนึ่ง ท้องยุบขณะหนึ่ง มีสติตามทันทุกๆขณะ ท้องพอง ว่า พองหนอ ท้องยุบ ว่า ยุบหนอ

มันแว้บไปคิดออกจากลมเข้า ลมออก ว่า คิดหนอ ความคิดนั่นเป็นขณะหนึ่ง กำหนดให้ทัน แรกๆเริ่มฝึกไม่ทันมันหรอก คิดไปไกลแล้ว จึงนึกได้ นึกได้กำหนดด้วย กำหนดแล้วดึงกลับให้มาอยู่กับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น คือ ลมเข้าออกแต่ละขณะๆ ต่อไป ดังนี้เป็นตัวอย่าง

ใครๆช่วยเข้ามาเถียงช่วยมาโต้แย้งหน่อย :b35:



พี่เม ไม่อยากแย้งให้หนูๆ เด็กๆเสียกำลังใจเรยหล่ะค่ะ

ดีกว่าไม่ทำนะ

แต่

ยังไม่ถึงสัมมาสติในสติปัฎฐานหล่ะค่ะ

สัมมาสตินั้น ไม่ได้เกิดจากอารมณ์ที่กำลังระลึก หรือ ความคิดที่มุ่ง และพุ่งไประลึกหล่ะค่ะ

เพราะยังเป็นแต่เพียง กุศลเจตสิก สติเจตสิกที่กำลังระลึกในอารมณ์เท่านั้น
สติเจตสิก ยังไม่เกิดพร้อมเจตสิก สัทธา อหิริกะ...เจตสิกอื่นๆ
และยุคลธรรมเจตสิก รวมทั้งหมด เป็นโสภณเจตสิก18ดวง เป็นอัญญมัญยปัจจัย ค่ะ

ถ้าไม่มีโสภณเจตสิก 18 ดวง ยังไม่เป็นสัมมาสติ ค่ะ

ผู้ปฎิบัติจะพึงรู้ได้ ว่าสัมมาสติเกิดขึ้นแล้วหรือไม่ จากเจตสิก 18ดวงนี้ ว่า
สงบจากความคิด จากการดึง หรือไม่ ควรค่าแก่การงาน ความตรงของจิต และเจตสิก มีประการใดบ้าง แบบนี้แหละค่ะ




โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ต.ค. 2018, 21:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
จงกรม เดินไปมาโดยมีสติกำกับ


รูปภาพ


นี่คือการฝึกสติปัฏฐาน (กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน) ก้าวเท้าซ้ายขณะหนึ่ง ก้าวเท้าขวาขณะหนึ่ง โยคีต้องตามดูรู้ทันทุกขณะที่ก้าวเดินไปแต่ละขณะๆ (แต่ละก้าวๆ) ช้าเร็วไม่ใช่ปัญหา ถ้ารู้เท่ารู้ทัน (ความคิดขณะที่เดินก็รู้ทัน กำหนดความคิดด้วย วิบ คิดหนอ อิอิ พูดให้คนเถียงหน่อย)

เลิกจากตรงนี้แล้ว ไปทำงานทำการอื่นๆก็ทำนองนั้น คือ คุมจิตให้รับรู้อยู่กับสิ่งที่กำลังทำในขณะนั้นๆ


แค่นี้ก็คิดเข้าใจผิดๆไปแล้วหละค่ะ
หนูๆลุงกรัชกาย คิดด้วยความเข้าใจผิดๆ ว่าเม เถียง

เพราะไม่รู้หรอก ว่าเมสอน ให้นะคะๆๆ
เพราะคุณลุงไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้เรียนปริยัติ ไม่ได้ปฎิบัติเป็นเรื่องเป็นราว

นี่น๊า พี่เมมาสอนให้ดีๆ หาว่าเถียง แค่นี้ก็คิดผิดจากหลักความจริงไปแล้วนะคะ

ตัวอย่างที่ยกมา อันนั้น เป็นการรู้สองเท้า ไม่ทั่วพร้อม ยังไม่เลยมาถึงตาตุ่มเรยค่ะ

เดินมาเกิอบทั้งชีวิต ยังไม่รู้ว่าเดินอยู่ ต้องร้องเดินหนอ เดินหนอ
คิดมาทั้งชีวิตแล้ว ยังไม่รู้ ว่าคิดอยู่ ยังจะร้อง คิดหนอ คิดหนอ ๆๆๆ

โอ๊ย เมื่อไรจะโตจ๊ะหนูกรัชกาย

กำหนดลงเมื่อไร ทั้งความคิด ก็รู้ตามหลังไปไม่เห็นฝุ่นแล้วหละค่ะ ไม่ได้รู้ทันสักหน่อย

หัดเดินเงียบๆ ไม่ต้องร้องให้ได้ก่อนนะจ๊ะหนู

ต่อไปหนูแก่ลง เดินไม่ไหว ใช้ไม้เท้า ก็ไม่ต้อง ร้องงอแง เดินหนอ ไม้เท้าหนอหรอกค่ะ


คริคริ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ต.ค. 2018, 01:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


หนูลุงกรัชกายคะ หนูไม่ได้เรียนพระปริยัติ ไม่ได้ศึกษาพระอภิธรรม ไม่ได้ปฎิบัติเป็นชิ้นเป็นอัน
หนูเรยไม่รู้ เข้าใจผิดๆๆ ร้องแต่หนอๆๆ ทั้งๆที่เดินอยู่ กลับไม่รู้ว่าเดิน

พี่เมจะสอนหนูลุงกรัชกายให้นะคะ

ว่า เดินจงกรมน่ะ
เดินเงียบๆนะคะ อย่าเดินเสียงดัง อย่าเที่ยวตะโกนหนอๆๆ

ควรจะกำหนดรู้ยังไง ไม่ใช่ร้องหนอๆๆ
เดินในโลก ก็ร้องโลกหนอๆๆ เดินในรูปโลก ก็ร้องรูปโลกหนอๆๆ
ติดแหง๊กอยู่ในอรูปโลกก็ร้องหนักเรย อรูปโลกหนอๆๆๆ

ม่ายใช่ๆๆ หรอกค่ะ

ง่ายๆๆเรยนะคะ ว่ากำหนดรู้ยังไง ระหว่างก้าวเดิน

ขนะที่จะก้าวเดินนะ ให้รู้ว่า แต่ละก้าวซ้าย ขวา ซ้าย...
นี่เดินตามอริยะมรรคหรือเปล่า หรือเดินไปไหน
เดินไปนรก ไปสวรรค์ ไปรูปพรหม หรือ อรูปพรหม
หรือจะเดินไปหนอๆๆๆๆ แต่ไม่รู้เดินไปไหน


ขนะที่ก้าวเดินนะคะ สิ่งที่กระทบ ที่เกิด ในขณะเฉพาะหน้า
รู้ว่า เสื่อมสลายลงได้หรือเปล่า เวทนาลักษณะ ไปเสวยอารมณ์ป่าว

ขนะที่ก้าวเดินนะคะ อยู่ในไตรลักษณะ และ สามัญลักษณะหรือเปล่า

ขนะที่ก้าวเดินนะคะ ละความหมายรู้ไปตลอด หรือเปล่า


เดินแบบนี้นะหนู จะได้ปริญญา คือ

ญาตปริญญา
ตีรณปริญญา
และปหานปริญญา

นะคะๆๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ต.ค. 2018, 05:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ดูทางสายเอก

สติปัฏฐานในฐานะสัมมาสติ


สติปัฏฐาน (สติ+ปัฏฐาน) แปลว่า ที่ตั้งของสติบ้าง การที่สติเข้าไปตั้งอยู่ คือมีสติกำกับอยู่บ้าง ฯลฯ ว่าโดยหลักการก็ คือ การใช้สติ หรือวิธีปฏิบัติเพื่อใช้สติให้บังเกิดผลดีที่สุด ดังความแห่งพุทธพจน์ในมหาสติปัฏฐานสูตรว่า

"ภิกษุทั้งหลาย ทางนี้เป็นมรรคาเอก เพื่อความบริสุทธิ์ของสัตว์ทั้งหลาย เพื่อข้ามพ้นโสกะ และปริเทวะ เพื่อความอัสดงแห่งทุกข์และโทมนัส เพื่อบรรลุโลกุตรมรรค เพื่อกระทำให้แจ้ง ซึ่งนิพพาน นี้คือสติปัฏฐาน ๔" (ที.ม.10/273/245 ฯลฯ)


จับมาเรียงต่อกันสะ

การเจริญสติปัฏฐาน ๔ นี้ เป็นวิธีปฏิบัติธรรมที่นิยมกันมาก และยกย่องนับถือกันอย่างสูง ถือว่ามีพร้อมทั้งสมถะและวิปัสสนาในตัว ผู้ปฏิบัติอาจเจริญสมถะจนได้ฌาน อย่างที่จะกล่าวถึงในเรื่องสัมมาสมาธิอันเป็นองค์มรรคข้อที่ ๘ ก่อนแล้ว จึงเจริญวิปัสสนาตามแนวสติปัฏฐานไปจนถึงที่สุดก็ได้ หรือจะอาศัยสมาธิเพียงขั้นต้นๆ เท่าที่จำเป็นมาประกอบ เจริญวิปัสสนาเป็นตัวนำตามแนวสติปัฏฐานนี้ ไปจนถึงที่สุดก็ได้


เอามาต่อกันอีก

วิปัสสนาเป็นหลักปฏิบัติในพระพุทธศาสนา ที่ได้ยินได้ฟังกันมาก พร้อมกับที่มีความเข้าใจไขว้เขวอยู่มากเช่นเดียวกัน จึงเป็นเรื่องที่ควรทำความเข้าใจตามสมควร

จากการศึกษาคร่าวๆ ในเรื่องสติปัฏฐานต่อไปนี้ จะช่วยให้เกิดความเข้าใจในความหมายของวิปัสสนาดีขึ้น ทั้งในแง่สาระสำคัญ ขอบเขตความกว้างขวาง และความยืดหยุ่นในการปฏิบัติ ตลอดจนโอกาสที่จะฝึกฝนปฏิบัติ โดยสัมพันธ์กับการดำเนินชีวิตของคนทั่วไป ว่าเป็นไปได้ และมีประโยชน์เพียงใด เป็นต้น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ต.ค. 2018, 06:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
หนูลุงกรัชกายคะ หนูไม่ได้เรียนพระปริยัติ ไม่ได้ศึกษาพระอภิธรรม ไม่ได้ปฎิบัติเป็นชิ้นเป็นอัน
หนูเรยไม่รู้ เข้าใจผิดๆๆ ร้องแต่หนอๆๆ ทั้งๆที่เดินอยู่ กลับไม่รู้ว่าเดิน

พี่เมจะสอนหนูลุงกรัชกายให้นะคะ

ว่า เดินจงกรมน่ะ
เดินเงียบๆนะคะ อย่าเดินเสียงดัง อย่าเที่ยวตะโกนหนอๆๆ

ควรจะกำหนดรู้ยังไง ไม่ใช่ร้องหนอๆๆ
เดินในโลก ก็ร้องโลกหนอๆๆ เดินในรูปโลก ก็ร้องรูปโลกหนอๆๆ
ติดแหง๊กอยู่ในอรูปโลกก็ร้องหนักเรย อรูปโลกหนอๆๆๆ

ม่ายใช่ๆๆ หรอกค่ะ

ง่ายๆๆเรยนะคะ ว่ากำหนดรู้ยังไง ระหว่างก้าวเดิน

ขนะที่จะก้าวเดินนะ ให้รู้ว่า แต่ละก้าวซ้าย ขวา ซ้าย...
นี่เดินตามอริยะมรรคหรือเปล่า หรือเดินไปไหน
เดินไปนรก ไปสวรรค์ ไปรูปพรหม หรือ อรูปพรหม
หรือจะเดินไปหนอๆๆๆๆ แต่ไม่รู้เดินไปไหน


ขนะที่ก้าวเดินนะคะ สิ่งที่กระทบ ที่เกิด ในขณะเฉพาะหน้า
รู้ว่า เสื่อมสลายลงได้หรือเปล่า เวทนาลักษณะ ไปเสวยอารมณ์ป่าว

ขนะที่ก้าวเดินนะคะ อยู่ในไตรลักษณะ และ สามัญลักษณะหรือเปล่า

ขนะที่ก้าวเดินนะคะ ละความหมายรู้ไปตลอด หรือเปล่า


เดินแบบนี้นะหนู จะได้ปริญญา คือ

ญาตปริญญา
ตีรณปริญญา
และปหานปริญญา

นะคะๆๆ


อ่ะนะ โยคาวจร เดินจงกรม,นั่งกำหนดอารมณ์เพื่อให้รู้จักตัวเองหมดทั้งเนื้อทั้งตัว ซึ่งว่าโดยความหมายสูงสุดซึ่งมันเป็นธรรมชาตินะ ไม่ใช่นั่งเดิน,นั่งเพื่อรับปริญญาเพื่อละความรู้อย่างที่ว่านะขอรับ ถ้าทำเพื่อละความรู้แล้วละก็ จะทำไปทำแมวอะไร คิกๆๆ ไปเดินศูนย์การค้า นั่งกินอาหารอร่อยๆมิดีกว่ารึ จริงปะ อิอิ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ต.ค. 2018, 06:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณโรสหายไปไหน บอกไม่เชื่อว่าให้กินแกงส้มดอกแค :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ต.ค. 2018, 06:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หากจะมีผู้ซึ่งลงไม้ลงมือลงเท้าปฏิบัติกรรมฐานแล้วล่ะก็ (ส่วนตัวไม่แนะนำให้ทำเอง ถ้ายังไม่ได้ผู้รู้แนะนำ) ก็จงวางความรู้จากหนังสือทั้งหมด วางให้หมด วางหนังสือไว้ที่หน้าประตู มีแต่ตัวเข้าไป ไปฝึกหัดทำฝึกควบคุมจิตใจให้อยู่กับการกระทำ เมื่อทำไปฝึกควบคุมจิตใจไป ภาวนาไป (จะใช้คำพุทโธ ธัมโม, พองหนอ ยุบหนอ เป็นต้นไม่เป็นปัญหา) เมื่อทำไปภาวนาไป จิตใจจะค่อยๆเชื่องความฟุ้งซ่านลดลง เมื่อจิตใจอยู่กับสิ่งที่ทำพอสมควรแล้ว ทีนี้ ก็จะถึงตัวอย่างที่นำมาให้ดูบ่อยๆ ไปอีกไปเรื่อยๆ ให้กำหนดรู้สภาวะนั้นๆเรื่อยไป (ไม่ใช่คิดพึ่งสิ่งอื่น) จนกระทั่งจิตใจรู้สภาวะถ้วนทั่วแล้วทั้งกายทั้งใจ สติชัดความรู้สึกตัวชัด ก็จึงลงตัว ที่ลงตัวเพราะรู้เข้าใจความจริง รู้ต้นสายปลายเหตุของสิ่งที่เกิดขึ้น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ต.ค. 2018, 08:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
หนูลุงกรัชกายคะ หนูไม่ได้เรียนพระปริยัติ ไม่ได้ศึกษาพระอภิธรรม ไม่ได้ปฎิบัติเป็นชิ้นเป็นอัน
หนูเรยไม่รู้ เข้าใจผิดๆๆ ร้องแต่หนอๆๆ ทั้งๆที่เดินอยู่ กลับไม่รู้ว่าเดิน

พี่เมจะสอนหนูลุงกรัชกายให้นะคะ

ว่า เดินจงกรมน่ะ
เดินเงียบๆนะคะ อย่าเดินเสียงดัง อย่าเที่ยวตะโกนหนอๆๆ

ควรจะกำหนดรู้ยังไง ไม่ใช่ร้องหนอๆๆ
เดินในโลก ก็ร้องโลกหนอๆๆ เดินในรูปโลก ก็ร้องรูปโลกหนอๆๆ
ติดแหง๊กอยู่ในอรูปโลกก็ร้องหนักเรย อรูปโลกหนอๆๆๆ

ม่ายใช่ๆๆ หรอกค่ะ

ง่ายๆๆเรยนะคะ ว่ากำหนดรู้ยังไง ระหว่างก้าวเดิน

ขนะที่จะก้าวเดินนะ ให้รู้ว่า แต่ละก้าวซ้าย ขวา ซ้าย...
นี่เดินตามอริยะมรรคหรือเปล่า หรือเดินไปไหน
เดินไปนรก ไปสวรรค์ ไปรูปพรหม หรือ อรูปพรหม
หรือจะเดินไปหนอๆๆๆๆ แต่ไม่รู้เดินไปไหน


ขนะที่ก้าวเดินนะคะ สิ่งที่กระทบ ที่เกิด ในขณะเฉพาะหน้า
รู้ว่า เสื่อมสลายลงได้หรือเปล่า เวทนาลักษณะ ไปเสวยอารมณ์ป่าว

ขนะที่ก้าวเดินนะคะ อยู่ในไตรลักษณะ และ สามัญลักษณะหรือเปล่า

ขนะที่ก้าวเดินนะคะ ละความหมายรู้ไปตลอด หรือเปล่า


เดินแบบนี้นะหนู จะได้ปริญญา คือ

ญาตปริญญา
ตีรณปริญญา
และปหานปริญญา

นะคะๆๆ



พูดกับพี่เมโลกสวย และคุณโรสแล้ว พูดคุยแล้วเมื่อยมือ คิกๆๆ

เอาปริญญา ๓ ก่อง

ปหานะ ละ, กำจัด, การละ, การกำจัด, เช่น ละตัณหา, กำจัดกิเลส, กำจัดบาปอกุศล

ญาตปริญญา กำหนดรู้ขั้นรู้จัก คือ กำหนดรู้สิ่งนั้นๆ ตามลักษณะที่เป็นสภาวะของมันเอง พอให้แยกออกจากสิ่งอื่นๆได้ เช่น รู้ว่า นี้คือเวทนา เวทนามีลักษณะเสยอารมณ์ ดังนี้เป็นต้น

ตีรณปริญญา กำหนดรู้ขั้นพิจารณา คือ กำหนดรู้สังขารด้วยการพิจารณาเห็นไตรลักษณ์ ว่าสิ่งนั้นๆ มีลักษณะไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา

ปหานปริญญา กำหนดรู้ถึงขั้นละได้ คือ กำหนดรู้สังขารว่าเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา จนถึงขั้นละนิจจสัญญา เป็นต้น ในสังขารนั้นได้


ดูความหมายชัดๆ (คำแปล) ก็จะเห็นว่า อยู่ที่กำหนดอารมณ์แต่ละขณะแต่ละครั้งๆ กำหนดทีปริญญา ๓ เข้ารวมอยู่หมดเลย อิอิ

เห็นไหมถึงได้บอกว่า หากจะปฏิบัติแล้วให้วางหนังสือไว้หน้าประตู อย่าเอาหนังสือไปนั่งอ่านขณะปฏิบัติ ถ้าจะอ่านเลิกก่อนค่อยมาอ่านเอา บอกไม่เชื่อ

ปฏิบัติ ประพฤติ, กระทำ, บำรุง, เลี้ยงดู

ปริญญา การกำหนดรู้, การทำความเข้าใจโดยครบถ้วน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ต.ค. 2018, 08:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
หนูลุงกรัชกายคะ หนูไม่ได้เรียนพระปริยัติ ไม่ได้ศึกษาพระอภิธรรม ไม่ได้ปฎิบัติเป็นชิ้นเป็นอัน
หนูเรยไม่รู้ เข้าใจผิดๆๆ ร้องแต่หนอๆๆ ทั้งๆที่เดินอยู่ กลับไม่รู้ว่าเดิน

พี่เมจะสอนหนูลุงกรัชกายให้นะคะ

ว่า เดินจงกรมน่ะ
เดินเงียบๆนะคะ อย่าเดินเสียงดัง อย่าเที่ยวตะโกนหนอๆๆ

ควรจะกำหนดรู้ยังไง ไม่ใช่ร้องหนอๆๆ
เดินในโลก ก็ร้องโลกหนอๆๆ เดินในรูปโลก ก็ร้องรูปโลกหนอๆๆ
ติดแหง๊กอยู่ในอรูปโลกก็ร้องหนักเรย อรูปโลกหนอๆๆๆ

ม่ายใช่ๆๆ หรอกค่ะ

ง่ายๆๆเรยนะคะ ว่ากำหนดรู้ยังไง ระหว่างก้าวเดิน

ขนะที่จะก้าวเดินนะ ให้รู้ว่า แต่ละก้าวซ้าย ขวา ซ้าย...
นี่เดินตามอริยะมรรคหรือเปล่า หรือเดินไปไหน
เดินไปนรก ไปสวรรค์ ไปรูปพรหม หรือ อรูปพรหม
หรือจะเดินไปหนอๆๆๆๆ แต่ไม่รู้เดินไปไหน


ขนะที่ก้าวเดินนะคะ สิ่งที่กระทบ ที่เกิด ในขณะเฉพาะหน้า
รู้ว่า เสื่อมสลายลงได้หรือเปล่า เวทนาลักษณะ ไปเสวยอารมณ์ป่าว

ขนะที่ก้าวเดินนะคะ อยู่ในไตรลักษณะ และ สามัญลักษณะหรือเปล่า

ขนะที่ก้าวเดินนะคะ ละความหมายรู้ไปตลอด หรือเปล่า


เดินแบบนี้นะหนู จะได้ปริญญา คือ

ญาตปริญญา
ตีรณปริญญา
และปหานปริญญา

นะคะๆๆ



อ้างคำพูด:
พี่เมจะสอนหนูลุงกรัชกายให้นะคะ

ว่า เดินจงกรมน่ะ
เดินเงียบๆนะคะ อย่าเดินเสียงดัง อย่าเที่ยวตะโกนหนอๆๆ

ควรจะกำหนดรู้ยังไง ไม่ใช่ร้องหนอๆๆ
เดินในโลก ก็ร้องโลกหนอๆๆ เดินในรูปโลก ก็ร้องรูปโลกหนอๆๆ
ติดแหง๊กอยู่ในอรูปโลกก็ร้องหนักเรย อรูปโลกหนอๆๆๆ

ม่ายใช่ๆๆ หรอกค่ะ



บอกไม่จำว่าอย่ายึดติดหนอ ติดพุทโธ ธัมมโม ติดสังโฆ ม่ายอาวไม่ใช่

และแล้วก็ไม่ได้บอกให้กะโกนโวกเวก หนอเจ้าข้าเอ้ยๆๆๆ ม่ายช่ายๆ ไม่ใช่เลย ให้นึกว่าในใจพร้อมไปกับการก้าวไป คิกๆๆๆ

ไม่ให้ติดหนอ แต่ให้โฟกัสที่สิ่งที่กำลังกระทำ สมมติกำลังเดินใช่ปะ การเดินนั่นแหละคือสิ่งที่กำลังทำ ก้าวเท้าซ้ายออกไป ว่าในใจ ซ้าย ย่าง หนอ ก้าวเท้าขวาไป ขวา ย่าง หนอ (หนอถึงพื้น) อิอิ เดินไปซี่ 30 นาที 40 นาที ก็ว่าไปตามระยะที่เดิน อ้อ ไม่ต้องตะโกนบอกใครนะ ว่าในใจ :b32: เดินไปซื้อโอเลี้ยงหน้าปากซอยก็ปฏิบัติได้ทำได้ :b13: :b13: นี่บทเดิน

บททำงานอย่างอื่น เช่น ล้างหน้า แปรงฟัน อาบน้ำ ถูตัว ซักผ้า รีดผ้า กวาดบ้าน ถูบ้าน ล้างถ้วยล้างจาน เขียนหนังสือ อ่านหนังสือ จิปาถะ ปฏิบัติได้ทำได้หมด

ทำบนโลกมนุษย์ ซึ่งกิน ถ่าย อิอิ นอน กันอยู่บนผืนปฐพีนี้แหละ ไม่ต้องเหาะไปยังดาวอังคาร (ไม่ใช่ไปขายยาง) พรหมโลก เป็นต้นอะไรเลย เข้าใจไหมขอรับ :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ต.ค. 2018, 09:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อพูดถึงบทเดิน เดินจงกรมแล้ว เอาตัวอย่างประกอบสะหน่อย เด๋วจะคิดว่ากรัชกายตัวปลอม

อ้างคำพูด:
เดินจงกรมเห็นเท้าไม่ใช่ตัวเอง

เดินจงกรมซักพัก แว้บนึงก้มไปมองที่เท้า เห็นว่าเท้าที่เดินอยู่ไม่ใช่ตัวเรา ความรู้สึกเหมือนเรามองศพคนอื่น แต่ว่าพอเห็นเช่นนั้นความกลัวผุดขึ้น จิตมันก็เลยถอยออกมาจากความรู้สึกนั้น

ที่เห็นเช่นนี้ ปฏิบัติถูกต้องไหมครับ?
ถ้าผิด/ถูก ควรทำอย่างไรต่อไป?


นี่ทำถูก ไม่ผิดอะไรเลย แต่อย่างที่ว่าแล้วว่า เมื่อภาวนามัยจนจิตเริ่มเชื่องความฟุ้งซ่านลดลงแล้ว ก็ถึงตอนนี้แหละ ให้กำหนดต่อไปอีก ไปอีก

นี่สติยังไม่ชัด คือ มีลักษณะเบลอๆ เหมือนคนเห็นตอไม้ตอนกลางคืนเป็นผี ฉะนั้น เดี๋ยวได้วิ่งกันป่าราบ สติมันต้องชัด แต่เป็นธรรมดาของผู้ฝึกใหม่ๆนะ เมื่อเห็นยังงั้นแล้ว ให้กำหนดเห็นหนอๆๆ สะ อิอิ วิธีนี้แหละทำสติสัมปชัญญะค่อยๆชัดขึ้่นตามลำดับ แค่นี้เอ ง โฟกัสที่ความรู้สึก ไม่ใช่ไปจ้องที่หนอ

เห็นไหมพอรู้สึกกลัวเท่านั้น จิตมันหลุดจากความรู้สึกนั้นเลย นี่แหละจิตมันเกิด แล้วมันดับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ต.ค. 2018, 10:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
หนูลุงกรัชกายคะ หนูไม่ได้เรียนพระปริยัติ ไม่ได้ศึกษาพระอภิธรรม ไม่ได้ปฎิบัติเป็นชิ้นเป็นอัน
หนูเรยไม่รู้ เข้าใจผิดๆๆ ร้องแต่หนอๆๆ ทั้งๆที่เดินอยู่ กลับไม่รู้ว่าเดิน

พี่เมจะสอนหนูลุงกรัชกายให้นะคะ

ว่า เดินจงกรมน่ะ
เดินเงียบๆนะคะ อย่าเดินเสียงดัง อย่าเที่ยวตะโกนหนอๆๆ

ควรจะกำหนดรู้ยังไง ไม่ใช่ร้องหนอๆๆ
เดินในโลก ก็ร้องโลกหนอๆๆ เดินในรูปโลก ก็ร้องรูปโลกหนอๆๆ
ติดแหง๊กอยู่ในอรูปโลกก็ร้องหนักเรย อรูปโลกหนอๆๆๆ

ม่ายใช่ๆๆ หรอกค่ะ

ง่ายๆๆเรยนะคะ ว่ากำหนดรู้ยังไง ระหว่างก้าวเดิน

ขนะที่จะก้าวเดินนะ ให้รู้ว่า แต่ละก้าวซ้าย ขวา ซ้าย...
นี่เดินตามอริยะมรรคหรือเปล่า หรือเดินไปไหน
เดินไปนรก ไปสวรรค์ ไปรูปพรหม หรือ อรูปพรหม
หรือจะเดินไปหนอๆๆๆๆ แต่ไม่รู้เดินไปไหน


ขนะที่ก้าวเดินนะคะ สิ่งที่กระทบ ที่เกิด ในขณะเฉพาะหน้า
รู้ว่า เสื่อมสลายลงได้หรือเปล่า เวทนาลักษณะ ไปเสวยอารมณ์ป่าว

ขนะที่ก้าวเดินนะคะ อยู่ในไตรลักษณะ และ สามัญลักษณะหรือเปล่า

ขนะที่ก้าวเดินนะคะ ละความหมายรู้ไปตลอด หรือเปล่า


เดินแบบนี้นะหนู จะได้ปริญญา คือ

ญาตปริญญา
ตีรณปริญญา
และปหานปริญญา

นะคะๆๆ


อ่ะนะ โยคาวจร เดินจงกรม,นั่งกำหนดอารมณ์เพื่อให้รู้จักตัวเองหมดทั้งเนื้อทั้งตัว ซึ่งว่าโดยความหมายสูงสุดซึ่งมันเป็นธรรมชาตินะ ไม่ใช่นั่งเดิน,นั่งเพื่อรับปริญญาเพื่อละความรู้อย่างที่ว่านะขอรับ ถ้าทำเพื่อละความรู้แล้วละก็ จะทำไปทำแมวอะไร คิกๆๆ ไปเดินศูนย์การค้า นั่งกินอาหารอร่อยๆมิดีกว่ารึ จริงปะ อิอิ


นี่แหละน๊า เพราะลุงกรัชกายไม่ได้ผ่านการศึกษาพระปริยัติ พระไตรปิฎกมาเรย

เรยไม่รู้ว่า ไม่รู้ว่า กายานุสติน่ะ มี หมวดอิริยาบท ด้วย
ยืน เดิน นั่ง นอน

ที่ศูนย์การค้าเป็นบัญญัติ และเค้าก็ เค้าไม่ได้มีป้ายบอกบัญญัติ ว่า ห้ามทำกายานุสติ

มีแต่ป้ายบัญัติ ห้ามสูบบุหรี่ค่ะ คริคริ





โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ต.ค. 2018, 10:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
หนูลุงกรัชกายคะ หนูไม่ได้เรียนพระปริยัติ ไม่ได้ศึกษาพระอภิธรรม ไม่ได้ปฎิบัติเป็นชิ้นเป็นอัน
หนูเรยไม่รู้ เข้าใจผิดๆๆ ร้องแต่หนอๆๆ ทั้งๆที่เดินอยู่ กลับไม่รู้ว่าเดิน

พี่เมจะสอนหนูลุงกรัชกายให้นะคะ

ว่า เดินจงกรมน่ะ
เดินเงียบๆนะคะ อย่าเดินเสียงดัง อย่าเที่ยวตะโกนหนอๆๆ

ควรจะกำหนดรู้ยังไง ไม่ใช่ร้องหนอๆๆ
เดินในโลก ก็ร้องโลกหนอๆๆ เดินในรูปโลก ก็ร้องรูปโลกหนอๆๆ
ติดแหง๊กอยู่ในอรูปโลกก็ร้องหนักเรย อรูปโลกหนอๆๆๆ

ม่ายใช่ๆๆ หรอกค่ะ

ง่ายๆๆเรยนะคะ ว่ากำหนดรู้ยังไง ระหว่างก้าวเดิน

ขนะที่จะก้าวเดินนะ ให้รู้ว่า แต่ละก้าวซ้าย ขวา ซ้าย...
นี่เดินตามอริยะมรรคหรือเปล่า หรือเดินไปไหน
เดินไปนรก ไปสวรรค์ ไปรูปพรหม หรือ อรูปพรหม
หรือจะเดินไปหนอๆๆๆๆ แต่ไม่รู้เดินไปไหน


ขนะที่ก้าวเดินนะคะ สิ่งที่กระทบ ที่เกิด ในขณะเฉพาะหน้า
รู้ว่า เสื่อมสลายลงได้หรือเปล่า เวทนาลักษณะ ไปเสวยอารมณ์ป่าว

ขนะที่ก้าวเดินนะคะ อยู่ในไตรลักษณะ และ สามัญลักษณะหรือเปล่า

ขนะที่ก้าวเดินนะคะ ละความหมายรู้ไปตลอด หรือเปล่า


เดินแบบนี้นะหนู จะได้ปริญญา คือ

ญาตปริญญา
ตีรณปริญญา
และปหานปริญญา

นะคะๆๆ



อ้างคำพูด:
พี่เมจะสอนหนูลุงกรัชกายให้นะคะ

ว่า เดินจงกรมน่ะ
เดินเงียบๆนะคะ อย่าเดินเสียงดัง อย่าเที่ยวตะโกนหนอๆๆ

ควรจะกำหนดรู้ยังไง ไม่ใช่ร้องหนอๆๆ
เดินในโลก ก็ร้องโลกหนอๆๆ เดินในรูปโลก ก็ร้องรูปโลกหนอๆๆ
ติดแหง๊กอยู่ในอรูปโลกก็ร้องหนักเรย อรูปโลกหนอๆๆๆ

ม่ายใช่ๆๆ หรอกค่ะ



บอกไม่จำว่าอย่ายึดติดหนอ ติดพุทโธ ธัมมโม ติดสังโฆ ม่ายอาวไม่ใช่

และแล้วก็ไม่ได้บอกให้กะโกนโวกเวก หนอเจ้าข้าเอ้ยๆๆๆ ม่ายช่ายๆ ไม่ใช่เลย ให้นึกว่าในใจพร้อมไปกับการก้าวไป คิกๆๆๆ

ไม่ให้ติดหนอ แต่ให้โฟกัสที่สิ่งที่กำลังกระทำ สมมติกำลังเดินใช่ปะ การเดินนั่นแหละคือสิ่งที่กำลังทำ ก้าวเท้าซ้ายออกไป ว่าในใจ ซ้าย ย่าง หนอ ก้าวเท้าขวาไป ขวา ย่าง หนอ (หนอถึงพื้น) อิอิ เดินไปซี่ 30 นาที 40 นาที ก็ว่าไปตามระยะที่เดิน อ้อ ไม่ต้องตะโกนบอกใครนะ ว่าในใจ :b32: เดินไปซื้อโอเลี้ยงหน้าปากซอยก็ปฏิบัติได้ทำได้ :b13: :b13: นี่บทเดิน

บททำงานอย่างอื่น เช่น ล้างหน้า แปรงฟัน อาบน้ำ ถูตัว ซักผ้า รีดผ้า กวาดบ้าน ถูบ้าน ล้างถ้วยล้างจาน เขียนหนังสือ อ่านหนังสือ จิปาถะ ปฏิบัติได้ทำได้หมด

ทำบนโลกมนุษย์ ซึ่งกิน ถ่าย อิอิ นอน กันอยู่บนผืนปฐพีนี้แหละ ไม่ต้องเหาะไปยังดาวอังคาร (ไม่ใช่ไปขายยาง) พรหมโลก เป็นต้นอะไรเลย เข้าใจไหมขอรับ :b13:


ลุงกรัชกายมั่วอีกแล้วหล่ะค่ะ

ทำส่งเดชไป
เพราะไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้ศึกษาพระปริยัติ เรยปฎิบัตมั่ว ส่งเดชไป
จำเป็นต้องแยกสภาวะให้ได้

เพราะไม่รู้ว่า อันไหนเป็นสภาวะ ไม่สามารถแยกสภาวะ 72
โดย นาม โดย รูปได้ ค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ต.ค. 2018, 10:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เมื่อพูดถึงบทเดิน เดินจงกรมแล้ว เอาตัวอย่างประกอบสะหน่อย เด๋วจะคิดว่ากรัชกายตัวปลอม

อ้างคำพูด:
เดินจงกรมเห็นเท้าไม่ใช่ตัวเอง

เดินจงกรมซักพัก แว้บนึงก้มไปมองที่เท้า เห็นว่าเท้าที่เดินอยู่ไม่ใช่ตัวเรา ความรู้สึกเหมือนเรามองศพคนอื่น แต่ว่าพอเห็นเช่นนั้นความกลัวผุดขึ้น จิตมันก็เลยถอยออกมาจากความรู้สึกนั้น

ที่เห็นเช่นนี้ ปฏิบัติถูกต้องไหมครับ?
ถ้าผิด/ถูก ควรทำอย่างไรต่อไป?


นี่ทำถูก ไม่ผิดอะไรเลย แต่อย่างที่ว่าแล้วว่า เมื่อภาวนามัยจนจิตเริ่มเชื่องความฟุ้งซ่านลดลงแล้ว ก็ถึงตอนนี้แหละ ให้กำหนดต่อไปอีก ไปอีก

นี่สติยังไม่ชัด คือ มีลักษณะเบลอๆ เหมือนคนเห็นตอไม้ตอนกลางคืนเป็นผี ฉะนั้น เดี๋ยวได้วิ่งกันป่าราบ สติมันต้องชัด แต่เป็นธรรมดาของผู้ฝึกใหม่ๆนะ เมื่อเห็นยังงั้นแล้ว ให้กำหนดเห็นหนอๆๆ สะ อิอิ วิธีนี้แหละทำสติสัมปชัญญะค่อยๆชัดขึ้่นตามลำดับ แค่นี้เอ ง โฟกัสที่ความรู้สึก ไม่ใช่ไปจ้องที่หนอ

เห็นไหมพอรู้สึกกลัวเท่านั้น จิตมันหลุดจากความรู้สึกนั้นเลย นี่แหละจิตมันเกิด แล้วมันดับ


โอ๊ยๆๆ เดินจงกรม ฟุ้งซ่านไปแระหล่ะค่ะ ไปเห็นแต่บัญญัติ เห็นเท้า

ไปฟุ้งซ่านอีก ว่าเท้าไม่ใช่เท้าตัวเอง เป็นเท้าศพ

เพราะไม่ได้เรียนพระอภิธรรม เรยไม่รู้ว่า มีแต่จิต เจต สิก รูป ที่ดำเนินไป



โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ต.ค. 2018, 12:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


เฮ้อ หนูคุณลุงกรัชกาย อธิบายมั่วไปหมด
เพราะไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้เรียนปริยัติให้ตรงตามที่พระพุทธเจ้าสอน

รู้มาผิด เดาไปผิดๆ ปฎิบัติไปผิดๆ อีกแระหล่ะค่ะ

การไปจดจำเอาภาพเท้า ภาพศพ ของสัณฐานร่างกาย น่ะ มันเป็นสันฐานบัญญัติ ไม่ใข่ปรมัตถสภาวะค่ะ

ถ้าจะปฎิบัติ ให้เป็นสติปัฎฐาน ตรงตามที่พระพุทธองค์สอน

ต้องอาศัยสติ คือความระลึกได้ ระลึกไปที่ความรู้สึก ที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า ในส่วนของร่างกาย
ในขณะที่กระทบ ในขณะที่กำลังเคลื่อนไหว

โดยไม่ต้องไปมีภาพการกระทบ ว่า กระทบตรงไหนของร่างกาย มือ เท้า แขน ขา หรือมั่วไปจนศพ

ให้เป็นสัมปชัญญะ คือความรู้สึก ล้วนๆๆๆๆ

ว่า เย็น ร้อน อ่อน แข็ง ตึง ไหว

ให้ รู้ตรง เข้าไปใน สิ่งที่เกิดเฉพาะหน้าเวลานั้น ให้รู้ โดยไม่มีเท้า หรือ สัณฐานบัญญัติเข้าไป
ไปปนกะความรู้สึก

และอีกอย่าง ความคิดต่างๆ ทุกความคิด ที่ออกมาปนมั่ว จะไปซื้อโอเลี้ยง หรือหนอๆๆ
ก็รีบถอยออกมา

อยู่แต่ ที่ความรู้สึกตัว


สติ และสัมปชัญญะต้องควบคู่ไป ในตลอดเวลา
ไม่ใช่แค่เดิน 30นาที 40 นาที แล้วว่าแจ๋ว

เพราะวันนึงมี ตั้ง 1440 นาที

ทำได้แค่นี้ สอบตกยกชั้นเรยจ๊ะหนูๆ
เวลาลงเรียนไม่พอนะจ๊ะ







แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 85 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร