วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ย. 2025, 06:15  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 39 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 21 ก.พ. 2019, 19:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
คริคริ

คุณลุงกรัชกายขา

หลักปฎิบัติธรรม

หลายๆคน เค้าก็ใช้หลัก อกุศลธรรมเป็นหลัก อยู่แล้วนี่คะ ไปว่าอะไรเค้าหล่ะ


นู๋เมลุงเห็นวิธีปฏิบัติ ซึ่งมีคนทำแล้ว บอกให้นะ คือ ทดลองฝึกหัดทำขันติบารมีเป็นขั้นๆไปนะอ่ะ

ขั้นที่หนึ่ง ไปตากยุงให้ยุงกัดนะ
ขั้นที่สอง ให้หมากัด
ขั้นที่สาม ให้แมลงป่องต่อย
ขั้นที่สี่ ให้ตะขาบกัด
ขั้นที่ห้าให้งูกัด
ขั้นที่หกให้เสือกัด
ขั้นที่เจ็ดให้จระเข้กัด
ขั้นที่แปด ขั้นสุดท้ายจบกิจพรหมจรรย์เบย คือ ให้ช้างกะทืบ คิกๆๆ


คริคริ
ถ้าหนูไปทำตามลุงบอก

สัตว์เหล่านั้นก็จะมีภัยโดนธรณีสูบ จะมีเวรกรรมติดตามสัตว์เหล่านั้นไป

เรยไม่ไปอ่ะค่ะ หนูเรยได้ทั้งขันติ โสรัจจะ แถมปัญญาบารมี เมตตาบารมี และอื่นๆครบ 10 มาประทับในใจเรย

555


ถ้าผ่านขั้นที่ 5-6 ไปได้ ก็เรียกกันว่าอนาคามี ไม่อยากเป็นพระอนาคาหรอ ลองหน่อยน่า :b32:

สองขั้นสุดท้ายก็อรหันต์ (อรหัตมรรค - อรหัตผล)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 21 ก.พ. 2019, 19:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
จับหญิงวัย 58 ตุ๋นลงทุนประกัน ล็อกตัวขณะปฏิบัติธรรม เหยื่อสูญเงินกว่า 20 ล้าน

รวบคาวัด!จับหญิงวัย 58 ตุ๋นลงทุนประกัน ชีวิต อ้างได้เงินปันผลตอบแทนอัตราสูง สุดท้ายไม่ยอมจ่ายปันผล ก่อนหนีคดีไปปฏิบัติธรรมวัดดังที่เชียงราย



เหตุที่ท่านให้ผู้ซึ่งจะปฏิบัติธรรมแบบเข้มข้น (ที่จริงก็ควรชำระศีลให้บริสุทธิ์ทั้งสองแบบ) ขั้นแรกท่านให้ชำระศีลตามภูมิของตน (อธิสีลสิกขา) ให้ผ่องแผ้ว จิตใจก็คลายกังวลได้ระดับหนึ่ง ภาวนาไปๆ จิตก็เป็นสมาธิได้เร็ว
ไม่อย่างนั้นแล้วภาวนา พุทโธๆๆไป พองหนอ ยุบหนอไป
ซ้าย ย่าง หนอ ขวา ย่างหนอไป ก็คิดหวาดระแวงฟุ้งซ่าน กำลัง ซ้าย ย่าง หนอ ขวา ย่าง หนอ เป็นต้นอยู่ เห็นจนท.เดินมา อยู่ไม่ได้แล้วหนอ เผ่นเถอะหนอ นี่ศีลไม่บริสุทธิ์ เพราะไปฆ่าเขามาฉกชิงวิ่งราวเขามาฉ่อโกงเขามา :b16: :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 21 ก.พ. 2019, 21:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดูความหมายศัพท์สำคัญที่ได้ยินบ่อยๆ

สำเหนียก กำหนด, จดจำ, คอยเอาใจใส่, ฟัง, ใส่ใจคิดที่จะนำไปปฏิบัติ, ใส่ใจสังเกตพิจารณาจับเอาสาระเพื่อจะนำไปปฏิบัติให้สำเร็จประโยชน์ (คำพระว่า สิกขา หรือศึกษา)


สิกขา การศึกษา, การสำเหนียก, การเรียน, การฝึกฝนปฏิบัติ, การเล่าเรียนให้รู้เข้าใจ และฝึกหัดปฏิบัติให้เป็นคุณสมบัติที่เกิดมีขึ้นในตนหรือให้ทำได้ทำเป็น ตลอดจนแก้ไขปรับปรุงหรือพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นไปจนถึงความสมบูรณ์, ข้อที่จะต้องศึกษา, ข้อปฏิบัติสำหรับฝึกอบรมพัฒนาบุคคล
สิกขา ๓ คือ


๑.อธิสีลสิกขา สิกขาคือศีลอันยิ่ง, อธิศีลอันเป็นข้อที่จะต้องศึกษา, ข้อปฏิบัติเพื่อการฝึกอบรมพัฒนาศีลอย่างสูง (ศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐ เป็นศีล ปฏิโมกข์สังวรศีล เป็นอธิศีล, แต่ศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐ ที่รักษาด้วยความเข้าใจ ให้เป็นเครื่องหนุนนำออกจากวัฏฏะ ก็เป็นอธิศีล)

๒. อธิจิตตสิกขา สิกขาคือจิตอันยิ่ง, อธิจิตอันเป็นข้อที่จะต้องศึกษา, ข้อปฏิบัติเพื่อการฝึกอบรมพัฒนาจิตใจให้มีสมาธิ เป็นต้นอย่างสูง (กุศลจิตทั้งหลายจนถึงสมาบัติ ๘ เป็นจิต, ฌานสมาบัติที่เป็นบาทแห่งวิปัสสนา เป็นอธิจิต แต่สมาบัติ ๘ นั้นแหละ ถ้าปฏิบัติด้วยความเข้าใจ มุ่งให้เป็นเครื่องหนุนนำออกจากวัฏฏะ ก็เป็นอธิจิต)

๓. อธิปัญญาสิกขา สิกขาคือปัญญาอันยิ่ง, อธิปัญญาอันเป็นข้อที่จะต้องศึกษา, ข้อปฏิบัติเพื่อการฝึกอบรมพัฒนาปัญญาอย่างสูง (ความรู้เข้าใจหลักเหตุผลถูกต้องอย่างสามัญ อันเป็นกัมมัสสกตาญาณ คือ ความรู้จักว่าทุกคนเป็นเจ้าของแห่งกรรมของตน เป็นปัญญา วิปัสสนาปัญญาที่กำหนดรู้ความจริงแห่งไตรลักษณ์ เป็นอธิปัญญา แต่ปัญญาโดยนัยอย่างเพลา กัมมัสสกตาปัญญาที่โยงไปให้มองเห็นทุกข์ที่เนื่องด้วยวัฏฏะหรือแม้กระทั่งความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในการระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้ก้าวไปในมรรค ก็เป็นอธิปัญญา)

สิกขา ๓ นี้ นิยมเรียกว่า ไตรสิกขา และเรียกข้อย่อยทั้งสามง่ายๆ สั้นๆ ว่า ศีล สมาธิ ปัญญา

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 21 ก.พ. 2019, 23:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2175

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
คริคริ

คุณลุงกรัชกายขา

หลักปฎิบัติธรรม

หลายๆคน เค้าก็ใช้หลัก อกุศลธรรมเป็นหลัก อยู่แล้วนี่คะ ไปว่าอะไรเค้าหล่ะ


นู๋เมลุงเห็นวิธีปฏิบัติ ซึ่งมีคนทำแล้ว บอกให้นะ คือ ทดลองฝึกหัดทำขันติบารมีเป็นขั้นๆไปนะอ่ะ

ขั้นที่หนึ่ง ไปตากยุงให้ยุงกัดนะ
ขั้นที่สอง ให้หมากัด
ขั้นที่สาม ให้แมลงป่องต่อย
ขั้นที่สี่ ให้ตะขาบกัด
ขั้นที่ห้าให้งูกัด
ขั้นที่หกให้เสือกัด
ขั้นที่เจ็ดให้จระเข้กัด
ขั้นที่แปด ขั้นสุดท้ายจบกิจพรหมจรรย์เบย คือ ให้ช้างกะทืบ คิกๆๆ


คริคริ
ถ้าหนูไปทำตามลุงบอก

สัตว์เหล่านั้นก็จะมีภัยโดนธรณีสูบ จะมีเวรกรรมติดตามสัตว์เหล่านั้นไป

เรยไม่ไปอ่ะค่ะ หนูเรยได้ทั้งขันติ โสรัจจะ แถมปัญญาบารมี เมตตาบารมี และอื่นๆครบ 10 มาประทับในใจเรย

555


ถ้าผ่านขั้นที่ 5-6 ไปได้ ก็เรียกกันว่าอนาคามี ไม่อยากเป็นพระอนาคาหรอ ลองหน่อยน่า :b32:

สองขั้นสุดท้ายก็อรหันต์ (อรหัตมรรค - อรหัตผล)


คริคริ

โม้แล้วค่ะ ลุงกรัชกาย

ปรมัตถ์ทศบารมี

ไม่ทำให้เป็นพระอนาคามี ไม่ได้ทำให้เป็นพระอรหันต์ได้

เพราะคุณลุงไม่เรียนพระปริยัติ ไม่อ่านพระชาดก

เรยตื้นเขิน ไม่รู้ว่า

พระพุทธองค์ ได้บำเพ็ญทศบารมีเต็ม
ชั้นบารมี อุปบารมี ปรมัตถ์บารมีมา แต่ไม่ได้สำเร้จอรหันต์ จากการบำเพ็ญปรมัตถ์บารมี

แต่

ได้เป็นเจ้าชายสิทธัตถะในพระชาติสุดท้าย

ทบทวนปฎิจจสมุบาทแล้วจึงตรัสรู้ ละกิเลส เป็นพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าค่ะ


โพสต์ เมื่อ: 22 ก.พ. 2019, 17:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
คริคริ

คุณลุงกรัชกายขา

หลักปฎิบัติธรรม

หลายๆคน เค้าก็ใช้หลัก อกุศลธรรมเป็นหลัก อยู่แล้วนี่คะ ไปว่าอะไรเค้าหล่ะ


นู๋เมลุงเห็นวิธีปฏิบัติ ซึ่งมีคนทำแล้ว บอกให้นะ คือ ทดลองฝึกหัดทำขันติบารมีเป็นขั้นๆไปนะอ่ะ

ขั้นที่หนึ่ง ไปตากยุงให้ยุงกัดนะ
ขั้นที่สอง ให้หมากัด
ขั้นที่สาม ให้แมลงป่องต่อย
ขั้นที่สี่ ให้ตะขาบกัด
ขั้นที่ห้าให้งูกัด
ขั้นที่หกให้เสือกัด
ขั้นที่เจ็ดให้จระเข้กัด
ขั้นที่แปด ขั้นสุดท้ายจบกิจพรหมจรรย์เบย คือ ให้ช้างกะทืบ คิกๆๆ


คริคริ
ถ้าหนูไปทำตามลุงบอก

สัตว์เหล่านั้นก็จะมีภัยโดนธรณีสูบ จะมีเวรกรรมติดตามสัตว์เหล่านั้นไป

เรยไม่ไปอ่ะค่ะ หนูเรยได้ทั้งขันติ โสรัจจะ แถมปัญญาบารมี เมตตาบารมี และอื่นๆครบ 10 มาประทับในใจเรย

555


ถ้าผ่านขั้นที่ 5-6 ไปได้ ก็เรียกกันว่าอนาคามี ไม่อยากเป็นพระอนาคาหรอ ลองหน่อยน่า :b32:

สองขั้นสุดท้ายก็อรหันต์ (อรหัตมรรค - อรหัตผล)


คริคริ

โม้แล้วค่ะ ลุงกรัชกาย

ปรมัตถ์ทศบารมี

ไม่ทำให้เป็นพระอนาคามี ไม่ได้ทำให้เป็นพระอรหันต์ได้

เพราะคุณลุงไม่เรียนพระปริยัติ ไม่อ่านพระชาดก

เรยตื้นเขิน ไม่รู้ว่า

พระพุทธองค์ ได้บำเพ็ญทศบารมีเต็ม
ชั้นบารมี อุปบารมี ปรมัตถ์บารมีมา แต่ไม่ได้สำเร้จอรหันต์ จากการบำเพ็ญปรมัตถ์บารมี

แต่

ได้เป็นเจ้าชายสิทธัตถะในพระชาติสุดท้าย

ทบทวนปฎิจจสมุบาทแล้วจึงตรัสรู้ ละกิเลส เป็นพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าค่ะ


จัดหลัก

ขั้นที่หนึ่ง ไปตากยุงให้ยุงกัดนะ
ขั้นที่สอง ให้หมากัด

ขั้นที่สาม ให้แมลงป่องต่อย
ขั้นที่สี่ ให้ตะขาบกัด

ขั้นที่ห้าให้งูกัด
ขั้นที่หกให้เสือกัด

ขั้นที่เจ็ดให้จระเข้กัด
ขั้นที่แปด ขั้นสุดท้ายจบกิจพรหมจรรย์เบย คือ ให้ช้างกะทืบ

เถียงหลักนั่นอีก คิกๆๆ

ให้ยุงกับหมากัด ผ่านเป็นโสดาบัน

ให้แมงป่องกับตะขาบกัด ผ่านเป็นสกทาคามี

ให้งูกับเสือกัด ผ่านเป็นอนาคามี

ให้จระเข้กัดกับช้างกะทืบ ผ่านเป็นอรหันต์

เห็นไหมอ่ะจัดไว้ลงตัวแล้ว :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 22 ก.พ. 2019, 17:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2175

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
คริคริ

คุณลุงกรัชกายขา

หลักปฎิบัติธรรม

หลายๆคน เค้าก็ใช้หลัก อกุศลธรรมเป็นหลัก อยู่แล้วนี่คะ ไปว่าอะไรเค้าหล่ะ


นู๋เมลุงเห็นวิธีปฏิบัติ ซึ่งมีคนทำแล้ว บอกให้นะ คือ ทดลองฝึกหัดทำขันติบารมีเป็นขั้นๆไปนะอ่ะ

ขั้นที่หนึ่ง ไปตากยุงให้ยุงกัดนะ
ขั้นที่สอง ให้หมากัด
ขั้นที่สาม ให้แมลงป่องต่อย
ขั้นที่สี่ ให้ตะขาบกัด
ขั้นที่ห้าให้งูกัด
ขั้นที่หกให้เสือกัด
ขั้นที่เจ็ดให้จระเข้กัด
ขั้นที่แปด ขั้นสุดท้ายจบกิจพรหมจรรย์เบย คือ ให้ช้างกะทืบ คิกๆๆ


คริคริ
ถ้าหนูไปทำตามลุงบอก

สัตว์เหล่านั้นก็จะมีภัยโดนธรณีสูบ จะมีเวรกรรมติดตามสัตว์เหล่านั้นไป

เรยไม่ไปอ่ะค่ะ หนูเรยได้ทั้งขันติ โสรัจจะ แถมปัญญาบารมี เมตตาบารมี และอื่นๆครบ 10 มาประทับในใจเรย

555


ถ้าผ่านขั้นที่ 5-6 ไปได้ ก็เรียกกันว่าอนาคามี ไม่อยากเป็นพระอนาคาหรอ ลองหน่อยน่า :b32:

สองขั้นสุดท้ายก็อรหันต์ (อรหัตมรรค - อรหัตผล)


คริคริ

โม้แล้วค่ะ ลุงกรัชกาย

ปรมัตถ์ทศบารมี

ไม่ทำให้เป็นพระอนาคามี ไม่ได้ทำให้เป็นพระอรหันต์ได้

เพราะคุณลุงไม่เรียนพระปริยัติ ไม่อ่านพระชาดก

เรยตื้นเขิน ไม่รู้ว่า

พระพุทธองค์ ได้บำเพ็ญทศบารมีเต็ม
ชั้นบารมี อุปบารมี ปรมัตถ์บารมีมา แต่ไม่ได้สำเร้จอรหันต์ จากการบำเพ็ญปรมัตถ์บารมี

แต่

ได้เป็นเจ้าชายสิทธัตถะในพระชาติสุดท้าย

ทบทวนปฎิจจสมุบาทแล้วจึงตรัสรู้ ละกิเลส เป็นพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าค่ะ


จัดหลัก

ขั้นที่หนึ่ง ไปตากยุงให้ยุงกัดนะ
ขั้นที่สอง ให้หมากัด

ขั้นที่สาม ให้แมลงป่องต่อย
ขั้นที่สี่ ให้ตะขาบกัด

ขั้นที่ห้าให้งูกัด
ขั้นที่หกให้เสือกัด

ขั้นที่เจ็ดให้จระเข้กัด
ขั้นที่แปด ขั้นสุดท้ายจบกิจพรหมจรรย์เบย คือ ให้ช้างกะทืบ

เถียงหลักนั่นอีก คิกๆๆ

ให้ยุงกับหมากัด ผ่านเป็นโสดาบัน

ให้แมงป่องกับตะขาบกัด ผ่านเป็นสกทาคามี

ให้งูกับเสือกัด ผ่านเป็นอนาคามี

ให้จระเข้กัดกับช้างกะทืบ ผ่านเป็นอรหันต์

เห็นไหมอ่ะจัดไว้ลงตัวแล้ว :b32:


เอ่? s006

พระอัครสาวกทุกพระองค์ แบบท่านโชติกะ ท่านสันติมหาอำมาตย์ สามณรรี
ไม่เห็นต้อง ทำอย่างนั้น ก็เป็นพระอรหันต์
เอ่? s006


โพสต์ เมื่อ: 22 ก.พ. 2019, 17:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
คริคริ

คุณลุงกรัชกายขา

หลักปฎิบัติธรรม

หลายๆคน เค้าก็ใช้หลัก อกุศลธรรมเป็นหลัก อยู่แล้วนี่คะ ไปว่าอะไรเค้าหล่ะ


นู๋เมลุงเห็นวิธีปฏิบัติ ซึ่งมีคนทำแล้ว บอกให้นะ คือ ทดลองฝึกหัดทำขันติบารมีเป็นขั้นๆไปนะอ่ะ

ขั้นที่หนึ่ง ไปตากยุงให้ยุงกัดนะ
ขั้นที่สอง ให้หมากัด
ขั้นที่สาม ให้แมลงป่องต่อย
ขั้นที่สี่ ให้ตะขาบกัด
ขั้นที่ห้าให้งูกัด
ขั้นที่หกให้เสือกัด
ขั้นที่เจ็ดให้จระเข้กัด
ขั้นที่แปด ขั้นสุดท้ายจบกิจพรหมจรรย์เบย คือ ให้ช้างกะทืบ คิกๆๆ


คริคริ
ถ้าหนูไปทำตามลุงบอก

สัตว์เหล่านั้นก็จะมีภัยโดนธรณีสูบ จะมีเวรกรรมติดตามสัตว์เหล่านั้นไป

เรยไม่ไปอ่ะค่ะ หนูเรยได้ทั้งขันติ โสรัจจะ แถมปัญญาบารมี เมตตาบารมี และอื่นๆครบ 10 มาประทับในใจเรย

555


ถ้าผ่านขั้นที่ 5-6 ไปได้ ก็เรียกกันว่าอนาคามี ไม่อยากเป็นพระอนาคาหรอ ลองหน่อยน่า :b32:

สองขั้นสุดท้ายก็อรหันต์ (อรหัตมรรค - อรหัตผล)


คริคริ

โม้แล้วค่ะ ลุงกรัชกาย

ปรมัตถ์ทศบารมี

ไม่ทำให้เป็นพระอนาคามี ไม่ได้ทำให้เป็นพระอรหันต์ได้

เพราะคุณลุงไม่เรียนพระปริยัติ ไม่อ่านพระชาดก

เรยตื้นเขิน ไม่รู้ว่า

พระพุทธองค์ ได้บำเพ็ญทศบารมีเต็ม
ชั้นบารมี อุปบารมี ปรมัตถ์บารมีมา แต่ไม่ได้สำเร้จอรหันต์ จากการบำเพ็ญปรมัตถ์บารมี

แต่

ได้เป็นเจ้าชายสิทธัตถะในพระชาติสุดท้าย

ทบทวนปฎิจจสมุบาทแล้วจึงตรัสรู้ ละกิเลส เป็นพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าค่ะ


จัดหลัก

ขั้นที่หนึ่ง ไปตากยุงให้ยุงกัดนะ
ขั้นที่สอง ให้หมากัด

ขั้นที่สาม ให้แมลงป่องต่อย
ขั้นที่สี่ ให้ตะขาบกัด

ขั้นที่ห้าให้งูกัด
ขั้นที่หกให้เสือกัด

ขั้นที่เจ็ดให้จระเข้กัด
ขั้นที่แปด ขั้นสุดท้ายจบกิจพรหมจรรย์เบย คือ ให้ช้างกะทืบ

เถียงหลักนั่นอีก คิกๆๆ

ให้ยุงกับหมากัด ผ่านเป็นโสดาบัน

ให้แมงป่องกับตะขาบกัด ผ่านเป็นสกทาคามี

ให้งูกับเสือกัด ผ่านเป็นอนาคามี

ให้จระเข้กัดกับช้างกะทืบ ผ่านเป็นอรหันต์

เห็นไหมอ่ะจัดไว้ลงตัวแล้ว :b32:


เอ่? s006

พระอัครสาวกทุกพระองค์ แบบท่านโชติกะ ท่านสันติมหาอำมาตย์ สามณรรี
ไม่เห็นต้อง ทำอย่างนั้น ก็เป็นพระอรหันต์
เอ่? s006



บ้านเราต้องทำ เพื่อทดสอบความอดทน :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 22 ก.พ. 2019, 17:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:


ให้ยุงกับหมากัด ผ่านเป็นโสดาบัน

ให้แมงป่องกับตะขาบกัด ผ่านเป็นสกทาคามี

ให้งูกับเสือกัด ผ่านเป็นอนาคามี

ให้จระเข้กัดกับช้างกะทืบ ผ่านเป็นอรหันต์

เห็นไหมอ่ะจัดไว้ลงตัวแล้ว


ถ้าใครผ่านงูกับเสือกัดได้ ไม่ตาย ก็ได้เป็นอนาคามี :b32:

หลังจากนั้น ก็เจอะด่านจระเข้ กับ ช้างสาร ช้างไปเขาใหญ่ทดสอบดู :b35: จระเข้ก็ไปสวนสามพราน :b13:

รอดตายได้ก็เป็นอรหันต์บ้านเรา

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 22 ก.พ. 2019, 17:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2175

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
คริคริ

คุณลุงกรัชกายขา

หลักปฎิบัติธรรม

หลายๆคน เค้าก็ใช้หลัก อกุศลธรรมเป็นหลัก อยู่แล้วนี่คะ ไปว่าอะไรเค้าหล่ะ


นู๋เมลุงเห็นวิธีปฏิบัติ ซึ่งมีคนทำแล้ว บอกให้นะ คือ ทดลองฝึกหัดทำขันติบารมีเป็นขั้นๆไปนะอ่ะ

ขั้นที่หนึ่ง ไปตากยุงให้ยุงกัดนะ
ขั้นที่สอง ให้หมากัด
ขั้นที่สาม ให้แมลงป่องต่อย
ขั้นที่สี่ ให้ตะขาบกัด
ขั้นที่ห้าให้งูกัด
ขั้นที่หกให้เสือกัด
ขั้นที่เจ็ดให้จระเข้กัด
ขั้นที่แปด ขั้นสุดท้ายจบกิจพรหมจรรย์เบย คือ ให้ช้างกะทืบ คิกๆๆ


คริคริ
ถ้าหนูไปทำตามลุงบอก

สัตว์เหล่านั้นก็จะมีภัยโดนธรณีสูบ จะมีเวรกรรมติดตามสัตว์เหล่านั้นไป

เรยไม่ไปอ่ะค่ะ หนูเรยได้ทั้งขันติ โสรัจจะ แถมปัญญาบารมี เมตตาบารมี และอื่นๆครบ 10 มาประทับในใจเรย

555


ถ้าผ่านขั้นที่ 5-6 ไปได้ ก็เรียกกันว่าอนาคามี ไม่อยากเป็นพระอนาคาหรอ ลองหน่อยน่า :b32:

สองขั้นสุดท้ายก็อรหันต์ (อรหัตมรรค - อรหัตผล)


คริคริ

โม้แล้วค่ะ ลุงกรัชกาย

ปรมัตถ์ทศบารมี

ไม่ทำให้เป็นพระอนาคามี ไม่ได้ทำให้เป็นพระอรหันต์ได้

เพราะคุณลุงไม่เรียนพระปริยัติ ไม่อ่านพระชาดก

เรยตื้นเขิน ไม่รู้ว่า

พระพุทธองค์ ได้บำเพ็ญทศบารมีเต็ม
ชั้นบารมี อุปบารมี ปรมัตถ์บารมีมา แต่ไม่ได้สำเร้จอรหันต์ จากการบำเพ็ญปรมัตถ์บารมี

แต่

ได้เป็นเจ้าชายสิทธัตถะในพระชาติสุดท้าย

ทบทวนปฎิจจสมุบาทแล้วจึงตรัสรู้ ละกิเลส เป็นพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าค่ะ


จัดหลัก

ขั้นที่หนึ่ง ไปตากยุงให้ยุงกัดนะ
ขั้นที่สอง ให้หมากัด

ขั้นที่สาม ให้แมลงป่องต่อย
ขั้นที่สี่ ให้ตะขาบกัด

ขั้นที่ห้าให้งูกัด
ขั้นที่หกให้เสือกัด

ขั้นที่เจ็ดให้จระเข้กัด
ขั้นที่แปด ขั้นสุดท้ายจบกิจพรหมจรรย์เบย คือ ให้ช้างกะทืบ

เถียงหลักนั่นอีก คิกๆๆ

ให้ยุงกับหมากัด ผ่านเป็นโสดาบัน

ให้แมงป่องกับตะขาบกัด ผ่านเป็นสกทาคามี

ให้งูกับเสือกัด ผ่านเป็นอนาคามี

ให้จระเข้กัดกับช้างกะทืบ ผ่านเป็นอรหันต์

เห็นไหมอ่ะจัดไว้ลงตัวแล้ว :b32:


เอ่? s006

พระอัครสาวกทุกพระองค์ แบบท่านโชติกะ ท่านสันติมหาอำมาตย์ สามณรรี
ไม่เห็นต้อง ทำอย่างนั้น ก็เป็นพระอรหันต์
เอ่? s006



บ้านเราต้องทำ เพื่อทดสอบความอดทน :b13:


เอ่? s006

บ้านใครบ้านมัน ค่ะ

บ้านเมไม่ใช่บ้านลุงซะหน่อย มั้วแระว่าบ้านเรา


โพสต์ เมื่อ: 22 ก.พ. 2019, 17:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
คริคริ

คุณลุงกรัชกายขา

หลักปฎิบัติธรรม

หลายๆคน เค้าก็ใช้หลัก อกุศลธรรมเป็นหลัก อยู่แล้วนี่คะ ไปว่าอะไรเค้าหล่ะ


นู๋เมลุงเห็นวิธีปฏิบัติ ซึ่งมีคนทำแล้ว บอกให้นะ คือ ทดลองฝึกหัดทำขันติบารมีเป็นขั้นๆไปนะอ่ะ

ขั้นที่หนึ่ง ไปตากยุงให้ยุงกัดนะ
ขั้นที่สอง ให้หมากัด
ขั้นที่สาม ให้แมลงป่องต่อย
ขั้นที่สี่ ให้ตะขาบกัด
ขั้นที่ห้าให้งูกัด
ขั้นที่หกให้เสือกัด
ขั้นที่เจ็ดให้จระเข้กัด
ขั้นที่แปด ขั้นสุดท้ายจบกิจพรหมจรรย์เบย คือ ให้ช้างกะทืบ คิกๆๆ


คริคริ
ถ้าหนูไปทำตามลุงบอก

สัตว์เหล่านั้นก็จะมีภัยโดนธรณีสูบ จะมีเวรกรรมติดตามสัตว์เหล่านั้นไป

เรยไม่ไปอ่ะค่ะ หนูเรยได้ทั้งขันติ โสรัจจะ แถมปัญญาบารมี เมตตาบารมี และอื่นๆครบ 10 มาประทับในใจเรย

555


ถ้าผ่านขั้นที่ 5-6 ไปได้ ก็เรียกกันว่าอนาคามี ไม่อยากเป็นพระอนาคาหรอ ลองหน่อยน่า :b32:

สองขั้นสุดท้ายก็อรหันต์ (อรหัตมรรค - อรหัตผล)


คริคริ

โม้แล้วค่ะ ลุงกรัชกาย

ปรมัตถ์ทศบารมี

ไม่ทำให้เป็นพระอนาคามี ไม่ได้ทำให้เป็นพระอรหันต์ได้

เพราะคุณลุงไม่เรียนพระปริยัติ ไม่อ่านพระชาดก

เรยตื้นเขิน ไม่รู้ว่า

พระพุทธองค์ ได้บำเพ็ญทศบารมีเต็ม
ชั้นบารมี อุปบารมี ปรมัตถ์บารมีมา แต่ไม่ได้สำเร้จอรหันต์ จากการบำเพ็ญปรมัตถ์บารมี

แต่

ได้เป็นเจ้าชายสิทธัตถะในพระชาติสุดท้าย

ทบทวนปฎิจจสมุบาทแล้วจึงตรัสรู้ ละกิเลส เป็นพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าค่ะ


จัดหลัก

ขั้นที่หนึ่ง ไปตากยุงให้ยุงกัดนะ
ขั้นที่สอง ให้หมากัด

ขั้นที่สาม ให้แมลงป่องต่อย
ขั้นที่สี่ ให้ตะขาบกัด

ขั้นที่ห้าให้งูกัด
ขั้นที่หกให้เสือกัด

ขั้นที่เจ็ดให้จระเข้กัด
ขั้นที่แปด ขั้นสุดท้ายจบกิจพรหมจรรย์เบย คือ ให้ช้างกะทืบ

เถียงหลักนั่นอีก คิกๆๆ

ให้ยุงกับหมากัด ผ่านเป็นโสดาบัน

ให้แมงป่องกับตะขาบกัด ผ่านเป็นสกทาคามี

ให้งูกับเสือกัด ผ่านเป็นอนาคามี

ให้จระเข้กัดกับช้างกะทืบ ผ่านเป็นอรหันต์

เห็นไหมอ่ะจัดไว้ลงตัวแล้ว :b32:


เอ่? s006

พระอัครสาวกทุกพระองค์ แบบท่านโชติกะ ท่านสันติมหาอำมาตย์ สามณรรี
ไม่เห็นต้อง ทำอย่างนั้น ก็เป็นพระอรหันต์
เอ่? s006



บ้านเราต้องทำ เพื่อทดสอบความอดทน :b13:


เอ่? s006

บ้านใครบ้านมัน ค่ะ

บ้านเมไม่ใช่บ้านลุงซะหน่อย มั้วแระว่าบ้านเรา


ไม่สงวนลิขสิทธิ์นะขอรับ แต่เชื่อว่านู๋เมไม่ผ่านด่านงูกับเสือ คิกๆๆ
เออน่า ถ้าเป็นงูสิงก็พอผ่านไปได้ แต่ถ้าได้งูเห่าหรืองูจงอาง ไม่รอด ไม่ผ่านอดเป็นอนาคา :b32:

นึกอนาจใจชาวพุทธบ้านเรา

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 23 ก.พ. 2019, 02:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2175

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
คริคริ

คุณลุงกรัชกายขา

หลักปฎิบัติธรรม

หลายๆคน เค้าก็ใช้หลัก อกุศลธรรมเป็นหลัก อยู่แล้วนี่คะ ไปว่าอะไรเค้าหล่ะ


นู๋เมลุงเห็นวิธีปฏิบัติ ซึ่งมีคนทำแล้ว บอกให้นะ คือ ทดลองฝึกหัดทำขันติบารมีเป็นขั้นๆไปนะอ่ะ

ขั้นที่หนึ่ง ไปตากยุงให้ยุงกัดนะ
ขั้นที่สอง ให้หมากัด
ขั้นที่สาม ให้แมลงป่องต่อย
ขั้นที่สี่ ให้ตะขาบกัด
ขั้นที่ห้าให้งูกัด
ขั้นที่หกให้เสือกัด
ขั้นที่เจ็ดให้จระเข้กัด
ขั้นที่แปด ขั้นสุดท้ายจบกิจพรหมจรรย์เบย คือ ให้ช้างกะทืบ คิกๆๆ


คริคริ
ถ้าหนูไปทำตามลุงบอก

สัตว์เหล่านั้นก็จะมีภัยโดนธรณีสูบ จะมีเวรกรรมติดตามสัตว์เหล่านั้นไป

เรยไม่ไปอ่ะค่ะ หนูเรยได้ทั้งขันติ โสรัจจะ แถมปัญญาบารมี เมตตาบารมี และอื่นๆครบ 10 มาประทับในใจเรย

555


ถ้าผ่านขั้นที่ 5-6 ไปได้ ก็เรียกกันว่าอนาคามี ไม่อยากเป็นพระอนาคาหรอ ลองหน่อยน่า :b32:

สองขั้นสุดท้ายก็อรหันต์ (อรหัตมรรค - อรหัตผล)


คริคริ

โม้แล้วค่ะ ลุงกรัชกาย

ปรมัตถ์ทศบารมี

ไม่ทำให้เป็นพระอนาคามี ไม่ได้ทำให้เป็นพระอรหันต์ได้

เพราะคุณลุงไม่เรียนพระปริยัติ ไม่อ่านพระชาดก

เรยตื้นเขิน ไม่รู้ว่า

พระพุทธองค์ ได้บำเพ็ญทศบารมีเต็ม
ชั้นบารมี อุปบารมี ปรมัตถ์บารมีมา แต่ไม่ได้สำเร้จอรหันต์ จากการบำเพ็ญปรมัตถ์บารมี

แต่

ได้เป็นเจ้าชายสิทธัตถะในพระชาติสุดท้าย

ทบทวนปฎิจจสมุบาทแล้วจึงตรัสรู้ ละกิเลส เป็นพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าค่ะ


จัดหลัก

ขั้นที่หนึ่ง ไปตากยุงให้ยุงกัดนะ
ขั้นที่สอง ให้หมากัด

ขั้นที่สาม ให้แมลงป่องต่อย
ขั้นที่สี่ ให้ตะขาบกัด

ขั้นที่ห้าให้งูกัด
ขั้นที่หกให้เสือกัด

ขั้นที่เจ็ดให้จระเข้กัด
ขั้นที่แปด ขั้นสุดท้ายจบกิจพรหมจรรย์เบย คือ ให้ช้างกะทืบ

เถียงหลักนั่นอีก คิกๆๆ

ให้ยุงกับหมากัด ผ่านเป็นโสดาบัน

ให้แมงป่องกับตะขาบกัด ผ่านเป็นสกทาคามี

ให้งูกับเสือกัด ผ่านเป็นอนาคามี

ให้จระเข้กัดกับช้างกะทืบ ผ่านเป็นอรหันต์

เห็นไหมอ่ะจัดไว้ลงตัวแล้ว :b32:


เอ่? s006

พระอัครสาวกทุกพระองค์ แบบท่านโชติกะ ท่านสันติมหาอำมาตย์ สามณรรี
ไม่เห็นต้อง ทำอย่างนั้น ก็เป็นพระอรหันต์
เอ่? s006



บ้านเราต้องทำ เพื่อทดสอบความอดทน :b13:


เอ่? s006

บ้านใครบ้านมัน ค่ะ

บ้านเมไม่ใช่บ้านลุงซะหน่อย มั้วแระว่าบ้านเรา


ไม่สงวนลิขสิทธิ์นะขอรับ แต่เชื่อว่านู๋เมไม่ผ่านด่านงูกับเสือ คิกๆๆ
เออน่า ถ้าเป็นงูสิงก็พอผ่านไปได้ แต่ถ้าได้งูเห่าหรืองูจงอาง ไม่รอด ไม่ผ่านอดเป็นอนาคา :b32:

นึกอนาจใจชาวพุทธบ้านเรา


s006 เอ่ๆ

เจอะ

งูเฒ่า เสือเฒ่า ฟันหักหมดปาก หมดเขี้ยวเล็บ เลื้อยไม่ไว เดินผ่านสะบายเรย


โพสต์ เมื่อ: 23 ก.พ. 2019, 18:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:


s006 เอ่ๆ

เจอะ

งูเฒ่า เสือเฒ่า ฟันหักหมดปาก หมดเขี้ยวเล็บ เลื้อยไม่ไว เดินผ่านสะบายเรย


พะน่ะ ถ้างั้น ก็

รูปภาพ

:b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 23 ก.พ. 2019, 20:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ต่อ

๒) การปฏิบัติธรรมแบบเข้มข้น (วิสามัญธรรมปฏิบัติ Intensive Dhamma Practice) หมายถึง การเน้นนำหลักธรรมที่เป็นข้อปฏิบัติโดยตรง หรือ หลักธรรมในระดับที่สูงกว่าขั้นศีลธรรม มาฝึกอบรมจิต และพัฒนาปัญญา ที่เรียกว่า ปฏิบัติธรรมด้วยวิธีภาวนา หรือ บำเพ็ญกัมมัฏฐาน โดยการหามุมสงบประคบประหงมจิต เช่น ไปปฏิบัติบำเพ็ญอยู่ที่วัด หรือ สำนักปฏิบัติธรรม หรือ ไปหาสถานที่ที่สงบอื่นๆ เพื่อลงมือปฏิบัติฝึกหัดทดลองควบคุมจิตใจ เมื่อประสบสิ่งที่ใจไม่ปรารถนา ซึ่งวิธีที่จะควบคุมจิตใจได้ดีที่สุด ก็คือ ความใส่ใจใฝ่ฝึกศึกษาหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา แล้วนำมาปฏิบัติโดยการฝึกสมาธิ เจริญวิปัสสนากัมมัฏฐาน ในวัด หรือ ในสำนักปฏิบัติต่างๆ ที่มีผู้รู้แนะนำ ดังนั้น การปฏิบัติธรรมด้วยการปลีกตัวไปฝึกสมาธิเจริญวิปัสสนา จึงจัดเป็นการปฏิบัติธรรมแบบเข้มข้นเน้น หรือ ลงลึกเฉพาะเรื่อง โดยมุ่งฝึกฝนพัฒนาจิตใจอย่างมีระบบกำหนดเป็นหลักสูตรเพื่อให้ได้รับปฏิเวธ คือ ผลจากการฝึกปฏิบัติได้อย่างแท้จริง


หลักฝึกอบรมจิตแบบเข้มข้น เรียกว่า กัมมัฏฐาน ดูความหมายนิดหน่อย

กรรมฐาน แปลว่า ที่ตั้งแห่งการทำงานของจิต หรือที่ให้จิตทำงาน มีความหมายเป็นทางการว่า สิ่งที่ใช้เป็นอารมณ์ในการเจริญภาวนา หรืออุปกรณ์ในการฝึกอบรมจิต หรืออุบายหรือกลวิธีเหนี่ยวนำสมาธิ

พูดง่ายๆ ว่า สิ่งที่เอามาให้จิตกำหนด (ด้วยสติ) จิตจะได้มีงานทำให้เป็นเรื่องเป็นราว สงบอยู่ที่ได้ ไม่เที่ยววิ่งเล่นเตลิดหรือเลื่อนลอยฟุ้งซ่านไปอย่างไร้จุดหมาย

พูดสั้นๆว่า กรรมฐาน คือ สิ่งที่ใช้เป็นอารมณ์ของจิต ที่จะชักนำให้เกิดสมาธิ หรืออะไรก็ได้ที่พอจิตเพ่งหรือจับแล้ว จะช่วยให้จิตแน่วแน่อยู่กับมัน เป็นสมาธิได้เร็ว และมั่นคงที่สุด

พูดให้สั้นที่สุดว่า สิ่งที่ใช้ฝึกสมาธิ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 23 ก.พ. 2019, 21:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขยายความให้กว้างอีกหน่อย

กัมมัฏฐาน : กระบวนการฝึกปฏิบัติ

กัมมัฏฐาน นับเป็นอุบายวิธีฝึกจิตพัฒนาปัญญาในพระพุทธศาสนา เพื่อให้จิตใจได้ทำงาน คือ ได้รับการฝึกจนสามารถอยู่กับอารมณ์เดียวได้
หากไม่มีอุบายวิธี จิตก็ไม่มีที่สำหรับทำงานฝึกรับอารมณ์เดียวก็จะวุ่นวาย คอยแต่จะคิดฟุ้งซ่านไปในอารมณ์ต่างๆ ตามที่ปรารถนา เนื่องจากสภาพ หรือ ธรรมชาติของจิตนั้น มีสภาพดิ้นรนกวัดแกว่ง ห้ามได้ยาก รักษาได้ยาก สามารถรับอารมณ์ได้ในที่ไกล เที่ยวไปตามลำพัง ไม่มีรูปร่าง เห็นได้ยาก ละเอียด มักตกไปในอารมณ์ที่ตนใคร่ปรารถนาอย่างใดอย่างหนึ่งอยู่เสมอ และจิตนั้น
จะมีเจตสิก คือ อาการ หรือ คุณสมบัติเฉพาะที่เกิดร่วมกันอยู่เสมอ ซึ่งทำให้จิตมีความสามารถพิเศษต่างๆ มากมหันต์ กล่าวคือ สามารถรู้สึกดี ไม่ดี หรือเฉยๆ ต่ออารมณ์ต่างๆ ที่ผ่านมาทางประสาทสัมผัสรับรู้ของคนเรา ที่เรียกว่า เสวยเวทนาก็ได้
สามารถสะสมอารมณ์ที่ประสบมาเก็บไว้ แปรสภาพเป็นความจำเมื่อเวลาผ่านไป ที่เรียกว่า สัญญา ก็ได้
สามารถปรุงแต่งอารมณ์ ให้เป็นความคิดนึกต่างๆ ทั้งที่ดี (กุศล) ไม่ดี (อกุศล) หรือ เป็นกลางๆ (อัพพยากฤต) ที่เรียกว่า สังขาร ก็ได้ และ
สามารถกำหนดรู้อารมณ์ต่างๆ ถึงขั้นพัฒนาความรู้นั้นขึ้นไปเป็นความรู้จัก รู้แจ้ง ที่เรียกว่า วิญญาณ และความรู้ทั่ว หรือ ความรู้ชัด ที่เรียกว่า ปัญญา ก็ได้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 23 ก.พ. 2019, 21:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อันร่างกายของคนเราจะแข็งแรง มีสุขภาพดีได้ ก็เพราะเจ้าของออกกำลังกาย รู้จักรักษาสุขภาพ เช่น รู้จักบริโภคอาหาร ที่ถูกสุขลักษณะ พักผ่อนให้เพียงพอ และได้อากาศบริสุทธิ์ ข้อนี้ ฉันใด

จิตใจของคนเรา ก็ฉันนั้น เหมือนกัน จะมีสุขภาพสมบูรณ์ได้ กล่าวคือ สงบเป็นสมาธิ บริสุทธิ์ ผ่องแผ้ว ไม่มีกิเลส อ่อนโยน ควรแก่การงาน ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหว ก็เพราะเจ้าของได้ฝึกฝนอบรมด้วยวิธีที่ถูกต้อง ด้วยเหตุนี้ จึงต้องมีอุบายวิธี ที่เรียกว่า กัมมัฏฐาน สำหรับนำมาใช้ในการสร้างความสงบให้แก่จิต หรือ ฝึกจิตให้สงบเป็นเบื้องต้น เมื่อจิตสงบ ก็จะพบความสุขที่ประณีตเยือกเย็น และเป็นบาทฐานสำหรับการฝึกจิตเพื่อให้เกิดปัญญา ที่เรียกว่า วิปัสสนา ต่อไป


การฝึกจิตให้สงบเป็นสมาธิ เป็นต้น นั้น ในพระพุทธศาสนาถือว่า เป็นความดี ที่สามารถทำให้หลุดพ้นทุกข์ได้ดังพระพุทธพจน์ที่ตรัสรับรองไว้ในพระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ธรรมบท (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๕ ขุ.ธ.๒๕/๓๕-๓๗) ความว่า

"การฝึกจิตที่ข่มได้ยาก รวดเร็ว มักตกไปในอารมณ์น่าใคร่เสมอ เป็นความดี เพราะว่า จิตที่ฝึกดีแล้วนำสุขมาให้

ผู้มีปัญญาพึงรักษาจิตที่เห็นได้ยาก ละเอียดอ่อนยิ่งนัก มักตกไปในอารมณ์น่าใคร่เสมอ เพราะว่าจิตที่คุ้มครองแล้วนำสุขมาให้

ชนเหล่าใด จักสำรวมจิตที่ไปได้ไกล เที่ยวไปตามลำพัง ไม่มีรูปร่าง มีถ้ำ คือ กายนี้เป็นที่อาศัย ชนเหล่านั้น จักพ้นจากบ่วงแห่งมาร"

(ร่างกายจะเข้มแข้งแข็งแรงต้องมีการเคลื่อนไหวออกกำลังกาย ส่วนจิตใจจะเข้มแข็งแข็งแรงมั่นคง ต้องสงบ)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 39 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร