วันเวลาปัจจุบัน 23 ก.ย. 2025, 20:42  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ย. 2025, 10:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5375


 ข้อมูลส่วนตัว


ประโยคที่หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล อมตะเถระ 5 แผ่นดิน ได้พูดกับพระอาจารย์ตั้วบุตรบุญธรรมและเป็นศิษย์โปรดของหลวงพ่อกวย ถึงเหตุการณ์ในวันข้างหน้าเกี่ยวกับวัตถุมงคลที่ท่านสร้างไว้ว่า....

"หากต่อไปฉันได้ตายไป คนจะแห่กันมานับถือฉันภายหลังเพราะเขาจะมารู้ทีหลังว่าศักดิ์สิทธิ์ คนเขาจะเอาฉันไปเล่นหากัน วัตถุมงคนของฉันต่อไปคนธรรมดาจะเอื้อมไม่ถึงแล้ว ราคาจะแพงมากแม้ว่าเขาจะศรัทธาฉันปานใดก็ตาม เพราะราคามันจะแพงมาก เชื่อไหมเหรียญๆหนึ่งของฉันราคาเป็นหมื่นเป็นแสน ไปที่ไหนๆ ก็มีแต่คนเรียกหาหลวงปู่หมุน หลวงปู่หมุน"

#หลวงปู่หมุน_ฐิตสีโล วัดบ้านจาน จ.ศรีสะเกษ





“ผู้มีปัญญาเห็นค่าของตนที่ฝึกแล้วย่อมยินดี
ที่จะเผชิญความยาก ความยากแม้มากมาย
เพียงไรก็ตาม ย่อมให้ผลเป็นความมีค่าแห่ง
จิตใจตน เป็นความมีค่าแห่งตนเอง เป็นผล
ที่คุ้มกับความยากลำบากที่ต้องต่อสู้ เพื่อ
ให้การฝึกตนเป็นไปด้วยดี มีผลสำเร็จสมดัง
ความมุ่งมาดปรารถนา บัณฑิตหรือคนดี
มีปัญญา ย่อมกล้า ย่อมพร้อม ที่จะรับ
ความยากทั้งหลายเพียงเพื่อได้มีโอกาสฝึกตน” ..
...
พระคติธรรม สมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก





"จงพยายามหาที่พึ่งให้ตนเอง คนที่หาพึ่งแต่คนอื่นจะพบแต่ความหลอกลวง การฝึกจิตให้เป็นที่พึ่งแก่ตนเองได้ คือ การฝึกสติ

การปฏิบัติธรรมตามแนวของพระพุทธเจ้าที่ถูกต้อง อยู่ที่การสร้างจิตของตัวเองให้มีพลังเข้มแข็ง มีสติสัมปชัญญะรู้รอบอยู่ที่ตัวเอง"

- หลวงพ่อพุธ ฐานิโย





#เจอคำๆหนึ่งที่หลวงพ่อ #พูดผมชอบมาก

เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณมีธรรมะอย่างแท้จริง​ คุณจะไม่เห็นคนชั่ว​ คุณเห็นแต่คนที่ไม่รู้​ คุณไม่เห็นคนไม่ดี​ คุณเห็นแต่คนที่ไม่รู้​ แต่คนที่เห็นที่ไม่ดีคนเดียว​ คุณจะเห็นว่าเป็นตัวเอง

คำสอนพระราช​พรหมยาน​ วัด​ท่า​ซุง





#ขอบคุณเครดิต บูชาธรรม พ่อแม่ครูอาจารย์

..ขณะมีชีวิตอยู่ให้ทำบุญไว้หลายๆตายแล้วบ่มีโอกาสได้ทำบุญตายแล้วกะได้เสวยบุญเสวยบาปที่ตนเองได้ทำเอาไว้ตอนสมัยมีชีวิตอยู่ คนทำดีได้เสวยบุญมีสุขติเป็นที่ตั้งมีสวรรค์พรหมโลกเป็นที่อยู่สูงสุดมีพระนิพพานเป็นที่หมาย ถ้ายังเวียนว่ายอย่างน้อยกะได้เกิดเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนาคนทำชั่วเสวยบาปมีทุคติเป็นที่ตั้ง มีอบายภูมิ นรก เปรต อสูรกาย เดรัจฉาน เป็นที่อยู่หนักเบาอยู่กับกรรมกระทำมา..
..#โอวาทธรรมหลวงปู่ชอบ ฐานสโม..






โลกนี้อยู่ยากขึ้นทุกวัน
ต้องอาศัยการควบคุมตนให้ได้

ใจที่สงบระงับ มั่นคง บริสุทธิ์อยู่
ไม่เบียดเบียนใครผู้ใด เช่นนี้
ก็พอจะอยู่ได้บ้าง อย่างมีสุข

ทุกอย่างเริ่มที่ใจ…
“แก้ที่ใจ” ก็สุข สงบได้ ...

หลวงปู่จาม มหาปุญโญ





#ทาน ศีล ภาวนา
โดย หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต

ทานเป็นเครื่องแสดงน้ำใจของมนุษย์ผู้มีจิตใจสูง และช่วยหนุนโลกให้ชุ่มเย็น
ทาน คือ เครื่องแสดงน้ำใจของมนุษย์ผู้มีจิตใจสูง
มีเมตตาจิตต่อเพื่อนมนุษย์และสัตว์ด้วยการให้
การเสียสละแบ่งปัน มากน้อยตามกำลังของวัตถุเครื่องสงเคราะห์ที่มีอยู่
จะเป็นวัตถุทาน ธรรมทาน หรือวิทยาทาน
เพื่อสงเคราะห์ผู้อื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใด ๆ นอกจากกุศล
คือความดีที่ได้จากทานนั้น เป็นสิ่งตอบแทนที่เจ้าของทานได้รับอยู่โดยดีเท่านั้น

อภัยทานควรให้แก่กัน เมื่ออีกฝ่ายหนึ่งผิดพลาดหรือล่วงเกิน

คนมีทานย่อมเป็นผู้สง่าผ่าเผยและเด่นในปวงชน เป็นที่เคารพรักในหมู่ชน
จะตกอยู่ทิศใดย่อมไม่อดอยากขาดแคลน
จะมีสิ่งหรือผู้อุปถัมภ์จนได้ ไม่อับจนทนทุกข์

ผู้มีทานประดับตนย่อมไม่เป็นคนล้าสมัย บุคคลทุกชั้นไม่รังเกียจ
ผู้มีทานย่อมเป็นผู้อบอุ่นหนุนโลกให้ชุ่มเย็น
การเสียสละจึงเป็นเครื่องค้ำจุนหนุนโลก
การสงเคราะห์กันทำให้โลกมีความหมายตลอดไป
ไม่เป็นโลกที่ไร้ชาติขาดกระเจิง
เหลือแต่ซากแผ่นดิน ไม่แห้งแล้งแข่งกับทุกข์ตลอดไป

----------------

ศีลเป็นพืชแห่งความดีอันยอดเยี่ยมที่ควรมีประจำชาติมนุษย์
ศีล คือ รั้วกั้นความเบียดเบียน
และทำลายสมบัติร่างกายและจิตใจของกันและกัน
ศีล คือ พืชแห่งความดีอันยอดเยี่ยม ที่ควรมีประจำชาติมนุษย์
ไม่ปล่อยให้สูญหายไป เพราะมนุษย์ไม่มีศีลเป็นรั้วกั้น
เป็นเครื่องประดับตัว จะไม่มีที่ให้ซุกหัวนอนหลับสนิทได้โดยปลอดภัย
แม้โลกเจริญด้วยวัตถุจนกองสูงกว่าพระอาทิตย์
แต่ความรุ่มร้อนแผดเผาจะทวีคูณยิ่งกว่าพระอาทิตย์
ถ้ามัวคิดว่าวัตถุมีค่ามากกว่าศีลธรรม

ศีลธรรมเป็นเพียงสมบัติของมนุษย์
พระพุทธเจ้าผู้ค้นพบและนำมาประดับโลก
ที่กำลังมืดมิดให้สว่างไสวร่มเย็น ด้วยอำนาจศีลธรรม
เป็นเครื่องปัดเป่าความคิดของมนุษย์ผู้มีกิเลส
ที่ผลิตอะไรออกมาทำให้โลกร้อนจะบรรลัยอยู่แล้ว
ยิ่งปล่อยให้ความคิดตามอำนาจโดยไม่มีศีลธรรมช่วยเป็นยาชโลมไว้บ้าง
จะผลิตยักษ์ใหญ่ทรงพิษขึ้นมากว้านกินมนุษย์จนไม่มีอะไรเหลืออยู่บ้างเลย



ความคิดของคนสิ้นกิเลสที่ทรงคุณอย่างสูงคือ พระพุทธเจ้า
มีผลให้โลกได้รับความร่มเย็น ซาบซึ้ง
ความคิดที่เป็นกิเลส มีผลให้ตนเองและผู้อื่นได้รับความเดือดร้อนจนคาดไม่ถึง
ผิดกันอยู่มาก ควรหาทางแก้ไข ผ่อนหนักให้เบาลงบ้าง ก่อนจะหมดทางแก้ไข
ศีลจึงเป็นเหมือนยาปราบโรค ทั้งโรคระบาดและเรื้อรัง

-------------------

ภาวนาอบรมใจให้ฉลาดเที่ยงตรง
หักล้างความไม่มีเหตุผลของตนได้ดี
ภาวนา คือ การอบรมใจให้ฉลาดเที่ยงตรงต่อเหตุผลอรรถธรรม
รู้จักวิธีปฏิบัติต่อตนเองและสิ่งทั้งหลาย
ยึดการภาวนาเป็นรั้วกั้นความคิดฟุ้งของใจให้อยู่ในเหตุผล
อันจะเป็นทางแห่งความสงบสุข
ใจที่ยังมิได้รับการอบรมจากภาวนา
จึงเปรียบเหมือนสัตว์ที่ยังมิได้รับการฝึกหัด
ยังมิได้รับประโยชน์จากมันเท่าที่ควร
จำต้องฝึกหัดให้ทำประโยชน์ถึงจะได้รับประโยชน์ตามควร
ใจจึงควรได้รับการอบรมให้รู้เรื่องของตัว
จะเป็นผู้ควรแก่การงานทั้งหลาย ทั้งส่วนเล็กส่วนใหญ่ ภายนอกภายใน

ผู้มีภาวนาเป็นหลักใจ จะทำอะไรชอบใช้ความคิดอ่านเสมอ
ไม่เสี่ยงและไม่เกิดความเสียหายแก่ตนและผู้เกี่ยวข้อง
การภาวนาจึงเป็นงานเพื่อผลในปัจจุบันและอนาคต
การงานทุกชนิดที่ทำด้วยใจของผู้มีภาวนา จะสำเร็จลงด้วยความเรียบร้อย
ทำด้วยความใคร่ครวญ เล็งถึงประโยชน์ที่จะได้รับ เป็นผู้มีหลักมีเหตุผล
ถือหลักความถูกต้องเป็นเข็มทิศทางเดินของกาย วาจา ใจ
ไม่เปิดช่องให้ความอยากอันไม่มีขอบเขตเข้ามาเกี่ยวข้อง
เพราะความอยากดั้งเดิมเป็นไปตามอำนาจของกิเลสตัณหา
ซึ่งไม่เคยสนใจต่อความผิด ถูก ดี ชั่ว
พาเราเสียไปจนนับไม่ถ้วน ประมาณไม่ถูก จะเอาโทษมันก็ไม่ได้
ยอมให้เสียไปอย่างน่าเสียดายถ้าไม่มีสติระลึกบ้างเลยแล้วของเก่าก็เสียไป
ของใหม่ก็พลอยจมไปด้วย ไม่มีวันฟื้นคืนตัวได้
ฉะนั้น การภาวนาจึงเป็นเครื่องหักล้างความไม่มีเหตุผลของตนได้ดี

วิธีภาวนาคือการสังเกตจิตที่อยู่ไม่เป็นสุข
ด้วยสติตามรู้การเคลื่อนไหวของจิต โดยบริกรรมธรรมบทที่ให้ผลดี
วิธีภาวนานั้นลำบากอยู่บ้าง เพราะเป็นวิธีบังคับใจ
วิธีภาวนาก็คือวิธีสังเกตตัวเอง สังเกตจิตที่มีนิสัยหลุกหลิก ไม่อยู่เป็นปกติสุข
ด้วยมีสติตามระลึกรู้ความเคลื่อนไหวของจิต
โดยมีธรรมบทใดธรรมบทหนึ่งเป็นคำบริกรรม
เพื่อเป็นยารักษาจิตให้ทรงตัวอยู่ได้ด้วยความสงบสุขในขณะภาวนา

ที่ให้ผลดีก็มี อาณาปานสติ คือ
กำหนดจิตตามลมหายใจเข้าออกด้วยคำภาวนา พุทโธ
พยายามบังคับใจให้อยู่กับอารมณ์แห่งธรรมบทที่นำมาบริกรรมขณะภาวนา
พยายามทำอย่างนี้เสมอด้วยความไม่ลดละความเพียร
จิตที่เคยทำบาปหาบทุกข์อยู่เสมอจะค่อยรู้สึกตัวและปล่อยวางไปเป็นลำดับ
มีความสนใจหนักแน่นในหน้าที่ของตนเป็นประจำ
จิตที่สงบตัวลงเป็นสมาธิเป็นจิตที่มีความสุขเย็นใจมากและจำไม่ลืม
ปลุกใจให้ตื่นตัวและตื่นใจได้อย่างน่าประหลาด

การภาวนาแก้ไขปัญหาใจทุกประการ
ผู้เป็นหัวหน้างานหรือมีภารกิจมากควรหันมาฝึกใจอย่างยิ่ง

เมื่อพูดถึงการภาวนา บางท่านรู้สึกเหงาหงอยน้อยใจว่า
ตนมีวาสนาน้อยทำไม่ไหว เพราะกิจการยุ่งยากทั้งภายในบ้านและนอกบ้าน
ตลอดงานสังคมต่างๆ ที่ต้องเป็นธุระ
จะมานั่งหลับตาภาวนาอยู่เห็นจะไม่ทันอยู่ทันกินกับโลกเขา
ทำให้ไม่อยากทำ ประโยชน์ที่ควรได้จึงเลยผ่านไป ควรพยายามแก้ไขเสียบัดนี้

แท้จริง การภาวนาคือวิธีแก้ความยุ่งยากลำบากใจทุกประเภท
ที่เป็นภาระหนักให้เบาและหมดสิ้นไป ได้อุบายมาแก้ไขไล่ทุกข์ออกจากตัว
การอบรมใจด้วยการภาวนาก็เป็นวิธีหนึ่งแห่งการรักษาตัว
เป็นวิธีที่เกี่ยวกับจิตใจผู้เป็นหัวหน้างานทุกด้าน

ใจ คือ นักต่อสู้จนไม่รู้จักตาย
หากปล่อยไปโดยไม่มีธรรมเป็นเครื่องยับยั้ง
คงไม่ได้รับความสุขแม้จะมีสมบัติก่ายกอง

จิต จำต้องเป็นตัวการรับภาระแบกหาม
โดยไม่คำนึงถึงความหนักเบา ว่าชนิดใดพอยกไหวไหม
จิตต้องรับภาระทันที ดี ชั่ว ผิด ถูก หนัก เบา เศร้าโศกเพียงใด
บางเรื่องแทบเอาชีวิตไปด้วย
ขณะนั้นจิตใจยังกล้าเอาตัวเข้าเสี่ยงแบกหามจนได้
มิหนำซ้ำยังหอบเอามาคิดเป็นการบ้านอีก

จนนอนไม่หลับ รับประทานไม่ได้ก็มี
คำว่าหนักเกินไป ยกไม่ไหว เกินกำลังใจจะคิดและต้านทานนั้นไม่มี

งานทางกาย ยังมีเวลาพักผ่อนนอนหลับ
และยังรู้ประมาณว่าควรหรือไม่ควรแก่กำลังของตนเพียงใด
ส่วนงานทางใจไม่มีเวลาได้พักผ่อนเอาเลย
พักได้เล็กน้อยขณะนอนหลับเท่านั้น
แม้เช่นนั้น จิตยังอุตส่าห์ทำงานด้วยการละเมอเพ้อฝันต่อไปอีก
ไม่รู้จักประมาณว่าเรื่องต่างๆ นั้นควรแก่กำลังของใจเพียงใด
เมื่อเกิดอะไรขึ้น ทราบแต่ว่าทุกข์เหลือทน
ไม่ทราบว่าทุกข์เพราะงานหนักและเรื่องเผ็ดร้อนเหลือกำลังใจจะสู้ไหว

ใจคือนักต่อสู้ ดีก็สู้ ชั่วก็สู้ สู้จนไม่รู้จักหยุดยั้งไตร่ตรอง
สู้จนไม่รู้จักตาย หากปล่อยไปโดยไม่มีธรรมเป็นเครื่องยับยั้ง
คงไม่ได้รับความสุข แม้จะมีสมบัติก่ายกอง

ธรรม เป็นเครื่องปกครองสมบัติและปกครองใจ
ถ้าขาดธรรมเพียงอย่างเดียว ความอยากของใจ
จะพยายามหาทรัพย์ได้กองเท่าภูเขา ก็ยังหาความสุขไม่เจอ
ไม่มีธรรมในใจเพียงอย่างเดียว จะอยู่ในโลกใด กองสมบัติใด
ก็เป็นเพียงโลกเศษเดนและกองสมบัติเดนเท่านั้น
ไม่มีประโยชน์อะไรแก่จิตใจแม้แต่นิด
ความทุกข์ทรมาน ความอดทน ทนทานต่อสิ่งกระทบกระทั่งต่างๆ
ไม่มีอะไรจะแข็งแกร่งเท่าใจ ถ้าได้รับความช่วยเหลือที่ถูกทาง
ใจจะกลายเป็นของประเสริฐให้เจ้าของได้ชมอย่างภูมิใจต่อเรื่องทั้งหลายทันที

จิต เป็นสมบัติสำคัญมากในตัวเราที่ควรได้รับการเหลียวแล
ด้วยวิธีเก็บรักษาให้ดี ควรสนใจรับผิดชอบต่อจิตอันเป็นสมบัติที่มีค่ายิ่งของตน
วิธีที่ควรกับจิตโดยเฉพาะก็คือ ภาวนา ฝึกหัดภาวนาในโอกาสอันควร
ตรวจดูจิตว่ามีอะไรบกพร่องและเสียไป จะได้ซ่อมสุขภาพจิต
คือนั่งพินิจพิจารณาดูสังขารภายใน คือความคิดปรุงแต่งของจิตว่าคิดอะไรบ้าง
ในวันและเวลาที่นั่ง นั่งมีสารประโยชน์ไหม
คิดแส่หาเรื่องหาโทษขนทุกข์มาเผาตนอยู่นั้น พอรู้ผิดถูกของตัวบ้างไหม

พิจารณาสังขารภายนอกว่ามีความเจริญขึ้นหรือเจริญลง
สังขารร่างกายมีอะไรใหม่หรือมีความเก่าแก่ชราหลุดลงไป
พยายามเตรียมตัวเตรียมใจเสียแต่เวลาที่พอจะทำได้
ตายแล้วจะเสียการ ให้ท่องอยู่ในใจเสมอว่า
เรามีความแก่ เจ็บ ตาย อยู่ประจำตัวทั่วหน้ากัน
ป่าช้าอันเป็นที่เผาศพภายนอก และป่าช้าที่ฝังศพภายในคือตัวเราเอง
เป็นป่าช้าร้อยแปดพันเก้าแห่งศพที่นำมาฝังหรือบรรจุ
จะอยู่ในตัวเราตลอดเวลา ทั้งศพเก่าศพใหม่ทุกวัน

พิจารณาธรรมสังเวช พิจารณาความตายเป็นอารมณ์
ย่อมมีทางถอดถอนความเผลอเย่อหยิ่งในวัน ในชีวิต
และวิทยฐานะต่างๆ ออกได้
จะเห็นโทษแห่งความบกพร่องของตัวและพยายามแก้ไขได้เป็นลำดับ
มากกว่าจะไปเห็นโทษของคนอื่นแล้วมานินทาเขา ซึ่งเป็นความไม่ดีใส่ตน

นี่คือการภาวนา คือ วิธีเตือนตน สั่งสอนตน
ตรวจตราดูความบกพร่องของตนว่าควรแก้ไขจุดใด ตรงไหนบ้าง
ใช้ความพิจารณาอยู่ทำนองนี้เรื่อยๆ ด้วยวิธีสมาธิภาวนาบ้าง
ด้วยการรำพึงในอิริยาบถต่างๆ บ้าง
ใจจะสงบเย็น ไม่ลำพองผยองตัวและความทุกข์มาเผาลนตัวเอง
เป็นผู้รู้จักประมาณในหน้าที่การงานที่พอเหมาะพอดีแก่ตัว
ทั้งทางกายและทางใจ ไม่ลืมตัวมั่วสุมในสิ่งที่เป็นหายนะต่างๆ

คุณสมบัติของผู้ภาวนานี้มีมากมาย ไม่อาจพรรณนาให้จบสิ้นได้

ทาน ศีล ภาวนา ธรรมทั้ง ๓ นี้ เป็นรากแก้วของความเป็นมนุษย์
และเป็นรากเหง้าของพระศาสนา
ผู้เกิดมาเป็นมนุษย์ต้องเป็นผู้เคยสั่งสมธรรมเหล่านี้
มาอยู่ในนิสัยของผู้จะมาสวมร่างเป็นมนุษย์
ที่สมบูรณ์ด้วยมนุษยสมบัติอย่างแท้จริง

-----------------------

จากหนังสือภูริทตฺตมหาเถรานุสรณ์
หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต






"ผียักษ์กลับใจ"

" .. "เจริญสมณธรรมอยู่ที่ถ้ำเป็ด ไตรมาส ๓ เดือน ไม่นอนทั้งวันคืนนะ" เร่งรัดพัฒนาทำความเพียร เดิน ยืน นั่ง อยู่อย่างนั้นก็ได้รับผลเป็นที่น่าพอใจ เมื่อจิตสงบลงไปแต่ละครั้งแล้วมันลืม มันหมดความแสบ ความร้อน ความหิวกระหายก็ไม่มี หิวข้าวก็หายหมด หิวนอนก็หายหมด

"มีแต่ความสุข ร่าเริงบันเทิงใจ" นี่ข้อสำคัญนะ สำหรับผู้ประพฤติปฏิบัติธรรม "กินธรรมเป็นอาหารก็ดีอย่างนั้น "เป็นของดีเลิศประเสริฐแท้"

ไม่นาน อยู่มาวันหนึ่ง "จิตสงบลงได้แล้ว กลางคืนนะ ราวเที่ยงคืน มีผียักษ์ตนหนึ่ง เขี้ยวยาว ถือตะบองเหล็กเข้ามาหา" แล้วว่า ..

“ท่านมาทำอะไรอยู่ที่นี่ อวดดีหรืออย่างไร ?”

“อ๋อ .. มาเจริญสมณธรรมดอกท่าน”

“อะไรคือ สมณธรรม ?”

“พุทโธ ธัมโม สังโฆ สมณธรรม ศีล สมาธิ ปัญญา สมณธรรม มรรค ๘ โพชฌงค์ ๗ สมถวิปัสสนา นี่คือ สมณธรรม”

"สมณธรรมอย่างนี้ ดีอย่างไร ?"

"ดี ! ...ล้างบาปได้ ถอนกิเลสออกจากดวงใจได้" ไม่มีสิ่งใดที่จะชนะได้ ดีเลิศประเสริฐแท้ ฉะนั้น พระพุทธเจ้าซึ่งเป็นเจ้าของ ของสมณธรรมนั้น พระองค์ว่า "จงไปเจริญสมณธรรมในสถานที่ต่าง ๆ อยู่เป็นนิจ จิตใจจะสว่างผ่องใส นั่นแหละจึงได้มาทำอย่างนี้"

“ไม่กลัวตายหรือ ?”

“ไม่ ! .. เรื่องตายเป็นของเล็กน้อย เรื่องความตายอยู่เบื้องหลัง ไม่เอามาขวางหน้า" ไม่หวั่นไหว จะเป็นจะตายอย่างไร ไม่กลัวทั้งนั้น

“ไม่กลัวหรือ ! .. เอ้า .. จะทำอย่างไรก็ทำเถิด" ไม่กลัวทั้งนั้น "ท่านเป็นผียักษ์ใหญ่" เป็นเปรตครึ่งหนึ่ง เป็นผียักษ์ครึ่งหนึ่ง เป็นสัตว์โลกครึ่งหนึ่ง เป็นสัตว์เดรัจฉานครึ่งหนึ่ง เป็นสัตว์พเนจรมีแต่ไปอยู่ทางนั้น "ทำแต่บาปหยาบช้าลามกใส่ตน หาความดีไม่ได้" ถึงจะมีอาคมกล้าอย่างไรก็ตามเถอะ "เมื่อทำบาปหยาบช้าลงไปแล้ว ทุศีล ทุธรรม ก็ฉิบหายวายป่วง จะได้ประสบแต่เหตุเภทร้าย" นั่นแหละ อยากดีไหมเล่า ?

“อยากดี !”

“อยากดี จะสอนให้เอาไหม ?”

“เอา”

เอา...ก็ตั้งใจนะ "พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สรณัง คัจฉามิ" ว่าตาม เขาก็ว่าตาม ถึง ทุติฯ ตติฯ แล้วก็มอบศีล ๕ ให้อีกนั่นแหละ

"ตั้งใจนะ ธรรมทั้งหลายเหล่านี้จะพาท่านพ้นจากความเป็นผียักษ์" เป็นสัตว์โลก (สัตวะ แปลว่า เป็นผู้ข้องอยู่ด้วยความอยากและความหลง) เป็นเปรตในวัฏสงสาร (เปโต แปลว่า เปรต) "นั่นแหละ อดอยาก ทุกข์ยากลำบาก"

ไม่มีอะไรเป็นที่พึ่งอาศัย "มีแต่ทุกข์กับทุกข์ มีแต่ยากกับยาก" มีแต่ร้อนกับร้อน มีแต่หนาวกับหนาว มีแต่หิวโหยกระหายอยู่อย่างนั้น นั่นแหละเพราะไม่ได้ประพฤติปฏิบัติธรรม ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า จะอวดอ้างว่าดีก็ตามเถอะว้า ..

นั่นแหละ "เทศน์ให้ฟัง จนใจของผียักษ์มันอ่อนโยน อ่อนลง สบาย"

“โอ๋...ไม่เคยได้ยินได้เห็นอย่างนี้ ต่อไปจะขอประพฤติปฏิบัติตามอย่างที่ท่านสอน”

"เออ ดีมาก จะได้ชื่อว่า ตโม โชติปรายโน" เบื้องต้นประพฤติธรรมอันมืดดำมา เป็นเปรต เป็นผี "เบื้องปลายมาพบปราชญ์ชาติเมธี ใจดี มีศีลธรรมให้โอวาท จิตใจอ่อนน้อมอ่อนโยน มาประพฤติปฏิบัติธรรม ก็จะมีสุคติเป็นที่ไปเบื้องหน้านะ" ไม่ต้องสงสัย

เมื่อได้ยินได้ฟังอย่างนั้น "ผียักษ์มันก็ยอมเลย ต่อแต่นั้น มันก็ตั้งตนเป็นอุบาสก" เป็นผีที่ดี ละชั่ว ไม่ยอมประพฤติชั่วช้าด้วยกาย วาจา ใจแล้ว "พอใจประพฤติปฏิบัติธรรมตลอดไป" .. "

"หลวงปู่จันทา ถาวโร"








#จิตเรามันยังไม่ได้มั่นคง
#ถ้าอะไรที่กำลังแรงมันก็จะรั้งไปทางนั้น
#ธรรมะกับอธรรมอันไหนมีกำลังมากกว่ากัน
#ถ้าอันไหนมีกำลังมากมันก็ดึงรั้งไปทางนั้น

#ในเมื่อจิตเรายังไม่ได้แข็งแรงเต็มที่ ยังอ่อนไหวได้
#มันขึ้นอยู่กับอันไหนมีกำลังมากกว่ากัน
#ถ้ากำลังของอธรรม #ของทางโลก #ของโลกียะมันแรง #มันก็รั้งไปหมด
#ถ้ากำลังของฝ่ายธรรมะแรงก็รั้งมาทางธรรมหมด

เราต้องการให้ชีวิตเราไปทางอธรรมหรือมาทางธรรม

ถ้าต้องการอธรรม เราก็สะสมเหตุปัจจัยของอธรรม
มันจะไปตามสบายเลย ไหลไปหมด
เราดูว่าอะไรบ้างที่มันเป็นเหตุเป็นปัจจัยของอธรรมของโลกียะ
ในชีวิตประจำวันเรามีอะไรบ้าง
เรามีทีวี เรามีอินเตอร์เน็ต เรามีโทรศัพท์
เราก็ดูว่าสิ่งเหล่านี้พาเราไหลไปไหม
ถ้าเราเสพสิ่งที่จะชวนให้ไปอย่างนั้นมาก มันก็ไป
จิตเราจะไปหมด
ดูหนังดูละคร ดูอะไรต่ออะไร
ดูสิ่งยั่วยวนชวนให้รัก ชักให้ใคร่ พาใจให้กำหนัด มันก็ไปหมด
จิตเรามันยังไม่เข้มแข็ง
ถ้าอะไรมาแรง มันก็รั้งไปอย่างนั้น

ถ้าเรารู้อย่างนั้นเราก็ต้องแก้ไข
ลดกำลังของอธรรมลง ของโลกียะลง
สิ่งต่าง ๆ เทคโนโลยีต่าง ๆ ที่เราต้องใช้
เราก็ต้องเลือกใช้ที่มันเป็นประโยชน์
ในอินเตอร์เน็ตในนั้นมีทั้งพิษทั้งดี
สิ่งที่จะพาให้ดีมันก็มี สิ่งที่พาให้ร้ายก็มี

เรารู้ว่าถ้าเรามีกำลังพลฝ่ายธรรมะ
มันก็จะพารั้งเราไปทางธรรมะ
เราก็ต้องสั่งสมกำลังพลฝ่ายธรรม

ถ้าเราใช้เทคโนโลยีสื่อสารต่าง ๆ
เขามีธรรมะไหมในนั้น มีใช่ไหม
ในยูทูปก็มีธรรมะเปิด
อย่างครูบาอาจารย์ต่าง ๆ มีเยอะแยะ
ถ้าเราเสพธรรมะ ฟังธรรมะ
กำลังของกองพลแห่งธรรมมาก ก็รั้งมาทางธรรม
จิตใจเราก็จะคล้อยมาทางธรรมะ
การได้ฟังธรรมอยู่เนืองนิตย์

กัลยาณมิตร
ตัวบุคคลนี่เป็นส่วนแรงมาก
ตัวบุคคลนี่เป็นตัวที่จะเป็นแรง
แรงดี แรงไม่ดี ตัวบุคคลนี่มีส่วนแรงมาก

ถ้าเราได้ปาปมิตร มิตรชั่ว เราก็ไปด้วยกัน
ชวนไปเล่นการพนัน
ชวนไปเสพยาเสพติด
ชวนไปประพฤติผิด
เราก็ไม่แข็งแรง พอได้มิตรไม่ดีก็ไปเลย

แต่ถึงเราไม่แข็งแรง
แต่เราได้กัลยาณมิตร ได้มิตรที่ดี
ยังพยุงเราได้ ยังพาเราไปทางที่ดีได้

ฉะนั้นกัลยาณมิตรจึงสำคัญ
เป็นสิ่งแวดล้อมที่สำคัญ
เรารู้อย่างนั้นเราก็ต้องเลือกคบมิตรที่ดีไว้
ถ้าอันไหนที่เป็นปาปมิตรเราก็ห่างไว้
อย่าไปคลุกคลีสนิทสนม

#เราต้องสั่งสมเหตุปัจจัยในส่วนที่ดี
#เหตุปัจจัยในส่วนไม่ดีเราก็ต้องเว้น
#มันจึงจะทำให้เราเจริญในธรรม
#มันเป็นส่วนประกอบ
#การปฏิบัติธรรมของเราก็จะได้ง่าย
#เพราะจิตใจเรามันดีงามอยู่ #อยู่ในศีลในธรรม #มันก็ไปได้
#ถ้าเราผิดศีลผิดธรรมอยู่มันไปไม่ได้

ประทีปทอง นาทีธรรม เลือกสิ่งดี ๆให้ชีวิต

ธัมโมวาท โดยหลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี
เจ้าอาวาสวัดมเหยงคณ์ พระนครศรีอยุธยา







...ความเป็นจริงนั้นธรรมะทุกอย่างพระพุทธเจ้าท่านไม่ได้เอาหนีไปไหน ยังสมบูรณ์อยู่อย่างเก่า และที่ว่าท่านปรินิพพานไปแล้วนั้น ความเป็นจริงนั้นท่านยังไม่ปรินิพพาน ท่านยังอยู่ พระพุทธเจ้ายังอยู่

...ถ้าใครไม่รู้จักก็เสียใจ ตกใจว่าเกิดไม่ทันพระพุทธเจ้า ความเป็นจริงนั้น #พระพุทธเจ้าจะได้เป็นพระพุทธเจ้าก็เพราะธรรม ท่านบรรลุธรรมจึงให้นามท่านว่า พระพุทธเจ้า ส่วนธรรมที่ท่านบรรลุเปลี่ยนเป็นพระพุทธเจ้านั้นยังอยู่ คือสัจธรรมยังอยู่

...พระพุทธเจ้าหลายๆ องค์จะเกิดขึ้นมา ก็ตาม ไม่เกิดก็ตาม จะมีพระพุทธเจ้าก็ตาม ไม่มีพระพุทธเจ้าก็ตาม ธรรมะนี้ยัง อยู่ ธรรมเครื่องตรัสรู้ยังอยู่ ไม่ได้สูญหายไปไหน ใครทำเมื่อไร ก็ยังได้ยังเป็นอยู่
เพราะเป็นสัจธรรม

...ดังนั้น #พระพุทธองค์จึงตรัสสอนให้เป็นผู้ทำให้มาก เจริญให้มากด้วยศรัทธาของเรา เมื่อปัญญาเกิดก็จะเห็นธรรมะ ผู้ใดเห็นธรรมะก็จะได้เห็นพระพุทธเจ้า เพราะความเป็นจริงแล้วมันเป็นอันเดียวกัน พระพุทธเจ้าองค์ที่ว่านี้ไม่มีรูป แต่คือหลักการวิชาการ หลักการวิชาการที่จะให้เป็นพระพุทธเจ้านี้ไม่ได้เสียหายไปที่ไหน

...ส่วนพระพุทธเจ้าโดยสรุปก็คือ เป็นคนธรรมดาที่ไปเรียนวิชาอันนั้น ไปรู้วิชาอันนั้น จนกว่าที่ท่านรู้จักทุกข์ ท่านรู้จักเหตุเกิดแห่งทุกข์ ท่านรู้จักความดับทุกข์ ท่านรู้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ ท่านรู้ ๔ อย่างนี้เท่านั้น ไม่ต้องรู้อะไรมาก รู้ตามความเป็นจริงแล้ว ทุกข์ก็หาที่เกาะไม่ได้ ตัวทุกข์นี้มันไม่มี เพราะเหตุมันไม่มีแล้ว รู้จักเหตุมันแล้ว ดับเหตุมันแล้ว ผลก็คือตัวทุกข์มันดับไป วิชาความรู้อันนี้ยังอยู่ตลอดกาลตลอดเวลา โลกนี้มันจะเป็นอย่างไรก็ช่างมัน สัจธรรมนี้ยังมีอยู่

...เปรียบให้ฟังว่า คนที่เป็นครูนั้นคือใคร ก็คือคนที่ไปเรียนวิชาครูจนสอบได้ตามหลักการของเขา แล้วก็ให้ไปสอนนักเรียน ได้ชื่อว่าเป็น "ครู"

...ถ้าว่าครูนี้ตายไป แต่วิชาของครูไม่ได้ตาย ยังอยู่ ใครยังเรียนต่อไปก็ยังเป็นครูได้อีก วิชามันไม่หาย วิชามันไม่ตาย ครูคนที่ตายนั้น ไม่ได้เอาไปด้วย มันยังอยู่ ธรรมที่ตรัสรู้ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เหมือนกันอย่างนั้น

พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภทฺโท)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร