วันเวลาปัจจุบัน 20 ต.ค. 2025, 13:25  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: เมื่อวานนี้, 05:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5399


 ข้อมูลส่วนตัว


คนไม่มีเงิน หรือ ไม่มีเวลาจะไปวัด แต่อยากทำบุญ ก็เพียงเจริญเมตตาจิต ไม่ให้โกรธเกลียดใคร มีแต่ความรักให้แก่เขา วิธีนี้ถือเป็นการทำบุญที่ได้อานิสงส์มากทีเดียว..

#พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
วัดป่าสุคะโต







สิกินแต่บุญเก่า คุณงามความดีคันบ่อสร้าง บุญบ่อเฮ็ด มันก่าเบิดไปๆคือเดือนข้างแรม

คันเฮ็ดความดีไปเรื่อย สร้างบุญกุศลอยู่เรื่อย จักหน่อยมันก่าเต็มคือเดือนหงาย เดือนข้างขึ้นฮั้นแหล่ว...

จะกินแต่บุญเก่า คุณงามความดีถ้าไม่สร้าง บุญไม่ทำ มันก็หมดไปๆเหมือนเดือนข้างเเรม

ถ้าทำความดีไปเรื่อย สร้างบุญกุศลอยู่เรื่อย สักหน่อยมันก็เต็มเหมือนเดือนหงาย เดือนข้างขึ้นนั่นละ...

โอวาทธรรม

#หลวงพ่อสมศรี อตฺตสิริ

วัดป่าเวฬุวนาราม ต.ผาน้อย อ.วังสะพุง จ.เลย







...... “ ถ้าเราตระหนักชัดในความไม่แน่นอนของชีวิตนี้แล้ว ไม่มีทางที่เราจะไปทะเลาะกับใคร หรือจะไปอิจฉาใคร หรือเบียดเบียนใคร เพราะอะไร เพราะเวลาไม่พอ ......
...... วันนี้อาจจะเป็นวันสุดท้ายของชีวิตเราหรือของเขา เราควรใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ รักษาใจให้เป็นบุญ ชีวิตเรา...มีค่าเพราะมันมีจำกัด ยิ่งสำนึกในความไม่เที่ยงของชีวิตก็ยิ่งสำนึกในค่าของมัน ทำให้เราระมัดระวังในสิ่งที่เราทำและถ้อยคำที่เราพูดมากขึ้น เพราะต้องการให้มันเหมาะสม ให้มันสมค่ากับชีวิตของตน .......

......- พระอาจารย์ชยสาโร แห่งสถานพำนัก สงฆ์บ้านไร่ทอสี จังหวัดนครราชสีมา - …..







"..วันเวลาที่หมดสิ้นไป โดยไม่ได้ทำอะไรที่เป็นคุณค่า
เป็นประโยขน์แก่ตนเองบ้างในชีวิตที่เกิดมาในโลกและ
ได้พบพุทธศาสนานี้ ช่างเป็นชีวิตที่น่าเสียดายยิ่งนัก
เวลาแม้นเพียงหนึ่งนาทีที่ผ่านเลยไปนั้น แม้ว่าจะทุ่มเงินจำนวนมหาศาลสักสิบล้าน ร้อยล้าน ก็ไม่สามารถซื้อคืนกลับมาได้

ฉะนั้น สิ่งที่น่าเสียดายในโลกนี้จะมีอะไรน่าเสียดายเท่ากับ ปล่อยให้วันเวลาผ่านเลยไปโดยเปล่าประโยชน์
แม้นว่าจะเพียงแค่นาทีเดียว.."

โอวาทธรรมคำสอน
หลวงปู่สิม พุทธาจาโร
วัดถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่








#สูเจ้าเกิดมาแล้ววันนี้
๑.ไหว้พระสวดมนต์ค่ำเช้า

๒.ดูแล บำรุงพ่อแม่ปู่ย่าตายาย

๓.พิจารณาเกิดแก่เจ็บตาย

๔.รักษาศีล วันศีลละ วันพระเว้น

๕.สดับตรับฟังธรรมะ อ่านหนังสือหนังหาธรรมะ

***กิจของผู้สะสมนิสสัยอุปนิสสัยทำได้ไหม ในตนของตน ติดอ่านให้ดีเน้อ

.... หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ








"..วันเวลาที่หมดสิ้นไป โดยไม่ได้ทำอะไรที่เป็นคุณค่า
เป็นประโยขน์แก่ตนเองบ้างในชีวิตที่เกิดมาในโลกและ
ได้พบพุทธศาสนานี้ ช่างเป็นชีวิตที่น่าเสียดายยิ่งนัก
เวลาแม้นเพียงหนึ่งนาทีที่ผ่านเลยไปนั้น แม้ว่าจะทุ่มเงินจำนวนมหาศาลสักสิบล้าน ร้อยล้าน ก็ไม่สามารถซื้อคืนกลับมาได้

ฉะนั้น สิ่งที่น่าเสียดายในโลกนี้จะมีอะไรน่าเสียดายเท่ากับ ปล่อยให้วันเวลาผ่านเลยไปโดยเปล่าประโยชน์
แม้นว่าจะเพียงแค่นาทีเดียว.."

โอวาทธรรมคำสอน
หลวงปู่สิม พุทธาจาโร
วัดถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่







การแก้ความวุ่นวายทั้งหลายนั้น
ที่ถูกแท้จะให้ผลจริง ต้องต่างคน
ต่างพร้อมใจกัน แก้ที่ตัวเองเท่านั้น
...
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า
กรมหลวงวชิรญาณสังวร






#ต่อไปนี้โรคภัยจะเกิดจากดินน้ำ

เดี๋ยวนี้น้ำท่วมเยอะ น้ำลดลงนี้ก็มีโรคทางดินน้ำอีกว่ะ เพราะเป็นกรรมของสัตว์โลกทั้งหลายเนี้ย ไม่รู้จักบาปบุญคุณโทษ หลงลืม คุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ บิดา มารดา ครูบาอาจารย์ คนก็จะฆ่ากันยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานอีกว่ะ ผู้ใดฉลาดให้สร้างบุญสุนทานกองการกุศลไว้ รักษาศีล ภาวนาไว้ ภัยจะเกิดจากธาตุทั้ง ๔ ดิน น้ำ ลม ไฟ นี้ล่ะ เพราะธาตุเป็นของแตกดับมันถึงเวลาคนเยียบย่ำชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เพราะเป็นมนุษย์แต่ลมปาก ใจมันชั่วช้าลามก ใจเปตร ใจผี ใจเดรัจฉาน ไม่เกรงกลัวบาปกรรม นรกสวรรค์ไม่เชื่อ ฆ่ากันยิ่งกว่าสัตว์ ต่อไปอยู่ยากคนขาดศีลธรรม ...

หลวงปู่แผ่นทอง จาครโต

วัดสะพานดำ อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์
ท่านได้กล่าวไว้เมื่อวันที่ ๕ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๕









"..มนุษย์เราเกิดมาก็ต้องทำบาป เมื่อทำแล้ว ก็ต้องได้รับผลกรรมที่เราทำไว้ นี่เป็นสัจจะความจริงอย่างเด็ดขาด พ่อแม่ของเราทำกรรมมา เราเกิดมาก็ทำกรรมไป ทำไปทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว คนทำบาปจึงมีตัวอย่างให้เห็นมากมาย ทำบาปย่อมได้บาป ทำบุญย่อมได้บุญ

มีบางคนชอบพูดคะนองปากว่า ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป พูดอย่างนี้ผิด พูดไม่รู้จริง เรื่องทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วนี้ เราต้องใจเย็นคอยดูผลตลอดชีวิต อย่าดูในระยะสั้นๆ ต้องดูไปเรื่อยๆ ในระยะยาว อย่าใจร้อนอยากจะเห็นผลดี ในเวลาอันรวดเร็วนัก

ทำดียังไม่ได้ดี เราต้องรอคอยผลดีได้ การทำดีเพื่อจะให้ดีนั้น เราต้องทำให้ถูกหลักคือ ทำให้ถูกดี ทำให้ถึงดี ทำให้พอดี อย่าทำเกินพอดี ทำให้ถูกบุคคล ทำให้ถูกกาลเทศะ การต้องการผลดีตอบแทนนั้น อย่าหวังผลแต่ด้านวัตถุท่าเดียว ต้องหวังผลทางใจคือ ความสบายใจ ความสุขใจด้วย.."

พระธรรมคำสอน
หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม
วัดอรัญญวิเวก ต.บ้านข่า อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม
(พ.ศ.๒๔๓๑-๒๕๑๗)








"..ที่น่ากลัวที่สุดสำหรับผู้ละโลกนี้ไปแล้วก็คือชีวิตในโลกหน้า ในโลกใหม่ของแต่ละคน หัดนึกถึงความจริงที่จะต้องหนีไม่ได้ คือการเกิดใหม่ในทันทีที่การเกิดเก่าจบสิ้นลง ที่ว่าชีวิตในภพชาติใหม่น่ากลัวที่สุด ก็เพราะไม่มีใครรู้ว่าชาติหน้าของเราแต่ละคนจะเป็นเช่นไร ดีหรือร้ายเพียงไหน

จะขึ้นสวรรค์หรือจะลงนรก ต่างก็น่าจะไม่รู้กัน และเพราะน่าจะพากันไม่เคยสนใจแม้เพียงจะคิด ว่าทันทีที่ขาดใจตาย เราจะเป็นอย่างไร เราจะไปไหน ไปเป็นอะไร เราพากันไม่สนใจ ไม่นึกถึง

สิ่งที่ควรสนใจ ควรนึกถึง อย่างที่สุดนี้ เพื่อจะได้ให้เวลาตัวเองในการจัดที่ใหม่ให้ชีวิตตนชาติหน้า ที่ทุกคนต้องไปถึงแน่ทันทีที่ออกจากร่างในชาตินี้ จะเป็นการช่วยตนเอง ให้มีโอกาสหาที่ทางเตรียมไว้สำหรับชีวิตใหม่ ที่ต้องพบแน่ในวันหนึ่งข้างหน้า เพียงแต่อาจจะช้า หรืออาจจะเร็วเท่านั้น

ใครจะไม่มีภพชาติใหม่ไม่มี นอกจากพระอรหันต์ ผู้ไกลกิเลสแล้วสิ้นเชิงเท่านั้น ที่ท่านจะไม่เกิดอีกต่อไปแล้ว.."

พระคติธรรม สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร







การจบของทำบุญ (สิ่งของ-ปัจจัย) ที่ถูกควรทำอย่างไร
ควรจบ (อธิษฐาน) ทุกครั้งหรือไม่ อย่างไรครับ เห็นบางครั้งจบตั้งนาน ส่วนผม บางทีก็จบว่า ขอถวายเพื่อบูชาคุณพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์สาวก หรือขอให้พบแต่สิ่งที่ดีงามและขอให้พ้นทุกข์ บางทีเผื่อบิดา-มารดา ผู้มีพระคุณ บางทีก็ขอให้มีปัญญาสติ

#หลวงปู่
การทำบุญ ต้องให้รู้จักเจตนาของตน ว่าทำเพื่ออะไรเป็นเจ้าหัวใจ

ทำเพื่อพ้นทุกข์ในวัฏสงสาร คือพระนิพพาน อันนี้เป็นคิวสำคัญมาก

คิวก็ดี ความประสงค์ก็ดี เจตนาก็ดี ความสัจที่ตั้งไว้ก็ดี ความอธิษฐานที่ตั้งไว้ก็ดี ก็มีความหมายอันเดียวกัน

ส่วนสิ่งของที่เราจะเอาไปบริจาคทานนั้น
ถ้าหากว่าทำกับพระปฏิบัติเคร่งครัดในธุดงควัตร
หากว่าเกี่ยวกับจีวร เราก็ต้องบังสุกุล

การบังสุกุลมีหลายอย่าง
แบบหนึ่งบังสุกุลไว้ที่ทางจงกรมของท่าน หรือที่บริเวณกุฏิท่าน หรือที่บันไดท่าน แล้วเอาใบไม้เป็น พาดไว้ เพื่อให้เป็นเครื่องหมายว่า "บังสุกุล"

อีกแบบหนึ่ง เอาไปบังฯ ไว้ในศาลาประชุมสงฆ์ และหนทางบิณฑบาต หรือประตูเข้าวัด

ส่วนอาหารนั้น
ท่านผู้ถือธุดงค์เคร่ง ท่านก็ยินดี อันตกลงในบาตร

ส่วนโรงครัวนั้น ถ้าวัดใหญ่โตรโหฐาน มีพระมาก ก็เว้นในการทำอาหารไม่ได้ แต่ท่านก็มีขอบเขตอยู่ ฉันหนเดียวด้วย ที่เรียกว่านั่งอาสนะเดียว ฉันในบาตรด้วย

ผู้ที่ฉันในบาตรเคร่ง เอารวมลงทั้งหวานและคาวด้วย ไม่ได้ใส่ฝาบาตร

ทีนี้ การอธิษฐาน มันก็ต้องเอาเจตนาของเราเป็นประมาณ
เป็นภาษาไทย ภาษาใจเราก็ได้

เพราะสิ่งเหล่านี้มันอยู่กับต้นมือ ที่เราจะมุ่งบริจาคแล้ว

ส่วนปัจจัยนั้น ถ้าจะให้สะดวกกับองค์ท่านแท้ เราก็ต้องเอาธนาณัติ ตั๋ว หรือเช็ค ส่วนจะน้อยหรือมาก มันก็ขึ้นอยู่เท่าที่เราศรัทธา อันเป็นเจตนาของเรา

ส่วนมีเจตนาเพื่อพ้นทุกข์ในวัฏสงสารไม่มาเกิดอีกนั้น
คำว่าไม่มาเกิด คือไม่มาเกิดในวัฏสงสาร

คำว่า "วัฏสงสาร" หมายเอาพรหมโลกลงมาจนถึงสัตว์เดรัจฉาน เปรต อสุรกาย สัตว์ในนรก

และเพื่ออุทิศให้บิดา-มารดา ตลอดทั้งผู้มีพระคุณ หรือทั่วทั้งไตรโลกธาตุ อันนั้นเป็นเจตนาดีแล้ว

ถึงแม้ของบริจาคทานเราเล็กน้อย ก็ไม่ขัดข้องต่อธรรมะ
ยิ่งได้บุญทวีคูณเหมือนเดิม ถ้าทำมากก็ยิ่งได้มาก

#การอุทิศบุญให้แต่ท่านผู้อื่น #บุญไม่ได้หมดไป
#มีแต่ได้ทวีมาก
แม้ข้าวเมล็ดเดียวจะอุทิศถึงไตรโลกธาตุก็ได้

ไม่ว่าทำบุญประเภทไหน
ชั่วลัดนิ้วมือเดียวก็ตาม ขณะจิตเดียวก็ตาม
อุทิศให้ไตรโลกธาตุได้ทั้งนั้น

ท่านเหล่านั้นจะได้รับหรือไม่ได้รับ
แต่ผู้อุทิศให้ ท่วมไม่เสีย แล้งไม่เสีย

และการทำบุญส่วนตัวก็ดี
หรือบุญอุทิศก็ดี
ทำเพื่อรู้แจ้งพระนิพพานโดยด่วนนั้น
มีอานิสงส์มากหาประมาณไม่ได้ และก็เป็นปัญญาไปทางลัดด้วย
แต่ผู้สร้างบารมีแก่กล้ามาแล้ว จึงพอใจต้องการอย่างนั้น...

หลวงปู่หล้า เขมปัตโต







ทำกรรมดีแล้วใจจักไม่ร้อน เพราะไม่ต้อง
วิตกกังวลว่าจะได้รับผลไม่ดีต่างๆ
ความไม่ต้องหวาดวิตกหรือกังวลไปต่างๆ นั้น
นั่นแหละเป็นความเย็น เป็นความสงบของใจ
เรียกได้ว่าเป็นผลดีที่เกิดจากกรรมดี
ซึ่งจะเกิดขึ้นทันตาทันใจทุกครั้งไป
เป็นการทำดีที่ได้ดีอย่างบริสุทธิ์แท้จริง

ส่วนผลปรากฏภายนอกเป็นลาภยศสรรเสริญ
ต่างๆ นั้น มีช้ามีเร็ว มีทันตาทันใจ
และไม่ทันตาทันใจ จนเป็นเหตุให้เกิดความ
เข้าใจผิดกันมากมายว่าทำดีไม่ได้ดีบ้าง
ทำชั่วได้ดีบ้าง ...

สมเด็จพระสังฆราชเจ้า
กรมหลวงวชิรญาณสังวร







ท่านพ่อลี สอนว่า .....

"ถึงเรื่องที่เรารู้จริง ก็อย่าไปยึดถือเอา เรื่องไม่จริง เราก็ไม่ยึดไม่ถือเอา

ยึดในความเห็นก็มีโทษ ยึดในความรู้ที่ไม่จริงก็มีโทษ ยึดในความรู้ที่จริงก็มีโทษ

ความรู้จริงนั่นแหละ มีโทษมาก ตัวอย่างเช่น...ตัวรู้จริงแล้ว กล่าวไปก็เป็น อุตตริมนุสสธรรม รู้ไม่จริง กล่าวไปก็มีโทษ เพราะฉะนั้น นักปราชญ์ท่านจึงเห็นว่า ความรู้ความเห็นก็เป็นทุกข์

ทุกข์เพราะอะไร? เพราะมันมีโทษ

รู้ตัวนี้ เป็น ทิฏฐิโอฆะ ถ้าเข้าไปยึดก็ผิด รู้ก็ต้องสักแต่ว่ารู้ เห็นก็สักแต่ว่าเห็นเท่านั้น ไม่ต้องไปตื่นเต้น ชื่มชม ยินดีหรือโอ้อวดใคร"









คนเรามักจะรู้สึกเสมอว่า ที่อื่นมักจะดีกว่า
ที่ที่อยู่ในปัจจุบัน วัดน่าจะดีกว่าบ้าน
ที่ทำงานใหม่น่าจะดีกว่าที่เดิม แต่เมื่อเรา
ไปจริงๆ กลับพบว่าไม่ใช่ ก็ยังมีความทุกข์
เหมือนเดิม แล้วเราก็ดิ้นไปที่อื่นต่อ แต่ไม่ว่า
จะดิ้นไปที่ไหน ก็ไม่มีทางพบความสุข
มันไม่ได้อยู่ที่คนอื่นหรือสิ่งอื่น แต่มัน
อยู่ที่ตัวเรา ถ้าเราพอใจสิ่งที่มี ยินดีสิ่งที่ได้
เราก็จะมีความสุข แต่คนเราส่วนใหญ่มักจะ
ไม่ค่อยพอใจในสิ่งที่ตนมี เพราะชอบนำตัวเอง
ไปเปรียบเทียบกับคนอื่น ตราบใดที่เรายัง
เปรียบเทียบไม่รู้จักจบสิ้น ไม่ว่าได้อะไรมา
เราก็ไม่มีความสุข ฉะนั้น คนเราไม่ว่าจะมีอะไร
หรือเป็นอะไร ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ก็มีความสุขได้
ถ้าหากว่าเรารู้จักทำใจ อยู่กับปัจจุบัน
พอใจสิ่งที่มี ยินดีสิ่งที่ได้ ถ้าวางใจได้เช่นนี้
เราก็สามารถมีความสุขได้ทุกสถานการณ์ ...
...
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล








ข อ ง ป ล อ ม ข อ ง จ ริ ง

"...เราเกิดมากับสิ่งจอมปลอมด้วยกันทั้งนั้น รวมทั้งสัตว์ ทั้งบุคคลเข้าด้วยกัน ยังไม่มีความจริงเข้าแทรกสิงจิตใจได้ ใจจึงปลอมทั้งดวง สิ่งที่เป็นเครื่องใช้ของใจจึงปลอมไปตาม ๆ กัน ความคิดความเห็นในแง่ต่าง ๆ ทั้งอดีต ปัจจุบัน อนาคต ทั้งความรับทราบ ทางหู ทางตา ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย และอารมณ์ซึ่งเกิดขึ้นทางใจ ล้วนแต่ปลอมทั้งนั้น เพราะไม่มีของจริงออกมาแสดง มีแต่ของปลอมออกแสดงอย่างออกหน้าออกตา ถ้าเป็นร้านค้าก็มีแต่ของปลอมเต็มไปทั้งหน้าร้าน

ส่วนของจริงอยู่โน้นอยู่หลังร้านโน้น หน้าร้านถูกของปลอมปิดไว้อย่างมิดชิดมองไม่เห็น จึงไม่สามารถแสดงตัวออกได้ เพราะฉะนั้นเวลาท่านประกาศสอนธรรมว่า..

“สัจธรรมเป็นของจริง” ทั้งๆ ที่ได้ยินว่า “สัจธรรมเป็นของจริง” ส่วนใจที่ระลึกตามในขณะที่ฟังว่า “สัจธรรมเป็นของจริง” นั้น มันยังปลอมอยู่ ปลอมอยู่โดยดี เพราะจิตยังไม่จริง อะไรจะจริงก็ตาม เมื่อเข้ามาสู่ใจที่ยังปลอมอยู่แล้ว มันก็ปลอมไปตามกันหมด เพราะของปลอมมีอำนาจมากกว่า อะไรมาสัมผัสก็ตาม ความรู้สึกนั้นจะปลอมไปด้วยทุกระยะ จนกว่าธรรมของจริงจะแทรกเข้าได้..."

"...อดีตก็รู้เท่า อนาคตก็รู้ทัน ปัจจุบันก็ไม่ยึดติด ในสิ่งที่เราได้ สิ่งที่เรามี สิ่งที่เราเป็นนั้น ซึ่งเป็นผลงานของจิตสร้างสรรค์ปั้นแต่งขึ้นด้วยอำนาจของกรรมดี หรือกรรมชั่ว บุญหรือบาป จึงมีผลเป็นสุขบ้าง เป็นทุกข์บ้าง

ความยินดีในธรรมชนะความยินดีทั้งปวง รสแห่งธรรมชนะรสทั้งปวง เมื่อมีฐานแห่งธรรมเป็นเครื่องรองรับภายในใจอยู่แล้ว..."

"...ทุกอย่างเกิดที่จิต และดับที่จิต ไม่มีอะไรจริงเท่ากับจิต ไม่มีอะไรปลอมยิ่งกว่าจิต ไม่มีอะไรดีเท่ากับจิต ไม่มีอะไรเลวยิ่งกว่าจิต ไม่มีอะไรละเอียดเท่ากับจิต ไม่มีอะไรร้อนเท่ากับจิต และไม่มีอะไรเย็นยิ่งกว่าจิต และไม่มีอะไรวิจิตรพิสดารเท่ากับจิต..."

112 ปี ชาตกาล
หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๘







"..ร้อยคนรู้จัก..ไม่เท่าหนึ่งคนรู้ใจ หนึ่งคนรู้ใจ..ไม่เท่ารู้ใจตน เรารู้ใจตน..ไม่เท่ารู้ธรรมที่หลุดพ้น รู้ธรรมที่หลุดพ้น..ไม่เท่ารู้ปฏิบัติตน รู้แจ้งด้วยปัญญา.."

โอวาทธรรม
หลวงปู่แหวน สุจิณโณ






#สูเจ้าเกิดมาแล้ววันนี้
๑.ไหว้พระสวดมนต์ค่ำเช้า

๒.ดูแล บำรุงพ่อแม่ปู่ย่าตายาย

๓.พิจารณาเกิดแก่เจ็บตาย

๔.รักษาศีล วันศีลละ วันพระเว้น

๕.สดับตรับฟังธรรมะ อ่านหนังสือหนังหาธรรมะ

***กิจของผู้สะสมนิสสัยอุปนิสสัยทำได้ไหม ในตนของตน ติดอ่านให้ดีเน้อ

.... หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ








"..วันเวลาที่หมดสิ้นไป โดยไม่ได้ทำอะไรที่เป็นคุณค่า
เป็นประโยขน์แก่ตนเองบ้างในชีวิตที่เกิดมาในโลกและ
ได้พบพุทธศาสนานี้ ช่างเป็นชีวิตที่น่าเสียดายยิ่งนัก
เวลาแม้นเพียงหนึ่งนาทีที่ผ่านเลยไปนั้น แม้ว่าจะทุ่มเงินจำนวนมหาศาลสักสิบล้าน ร้อยล้าน ก็ไม่สามารถซื้อคืนกลับมาได้

ฉะนั้น สิ่งที่น่าเสียดายในโลกนี้จะมีอะไรน่าเสียดายเท่ากับ ปล่อยให้วันเวลาผ่านเลยไปโดยเปล่าประโยชน์
แม้นว่าจะเพียงแค่นาทีเดียว.."

โอวาทธรรมคำสอน
หลวงปู่สิม พุทธาจาโร
วัดถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่








"..ร้อยคนรู้จัก..ไม่เท่าหนึ่งคนรู้ใจ หนึ่งคนรู้ใจ..ไม่เท่ารู้ใจตน เรารู้ใจตน..ไม่เท่ารู้ธรรมที่หลุดพ้น รู้ธรรมที่หลุดพ้น..ไม่เท่ารู้ปฏิบัติตน รู้แจ้งด้วยปัญญา.."

โอวาทธรรม
หลวงปู่แหวน สุจิณโณ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร