วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 16:18  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 61 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ย. 2008, 08:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณฌานครับ


คุณ natdanai เข้าใจเรื่องจิตแล้ว

จิตที่มีดวงเดียวคือ จิตพุทธะ ( จิตเดิม หรือจิตประภัสสร บางท่านเรียกว่า จิตแท้ )
ส่วนที่มีหลายดวง คือ จิตสังขารไงครับ ท่านฌาน


ผมขอเสริมนิดนึง จิตดวงเดียวคือ จิตพุทธะ หรือจิตเดิมแท้ หรือจิตประภัสสร เป็นอสังขตธาตุ ส่วนจิตสังขารก็คือ
สังขตธาตุ ในจิตตานุปัสสนา เอาจิตดูจิต คือเราเอา จิตพุทธะ ตามดูจิตสังขารว่ามันมีอารมณ์อย่างไร เมื่อเกิด
อารมณ์วูบวาบจาก โทสะ หดหู่ใจ ฟุ้งซ่าน รำคาญใจ และถ้าเป็นอารมณ์ปกติ ราบเรียบ เฉยๆ มันจะเป็นอย่างไร เมื่อ
เราตามดูอย่างนี้ เราจะเห็นการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปของอารมณ์จิตสังขาร ไปสู่ความสงบในจิต

จิตพุทธะบางทีก็เรียกว่า สติ จิตสังขารนี้ก็คือ จิตคิดปรุงแต่ง หรือ จิตในพระอภิธรรม หรือ
จิตในปฏิจจสมุปบาท สิ่งที่ผมบอกทั้งหมด เป็นความลับสุดยอดของพระพุทธศาสนา ปถุชนทั่วไปยากจะเข้าใจ
เพราะอวิชชา หรือพระยามาร จะปิดกั้นความรู้จริงเรื่องนี้เอาไว้ อย่านึกว่าเรื่องนี้ง่ายนะครับ ข้างบนเขาสู้กันเพื่อไม่
ให้คนในโลกเข้าถึงความจริงเรื่องนี้

คนที่เริ่มเข้าใจคือ คนที่กระแสพระนิพพานรออยู่เบื้องหน้า ทุกข์คือ จิตสังขาร ดับทุกข์คือ ดับจิตสังขาร ไปสู่จิตสติ
หรือจิตพุทธะ หัวใจของพระพุทธศาสนาก็คือเรื่องนี้เท่านั้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ย. 2008, 08:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.ค. 2008, 14:47
โพสต์: 1562

อายุ: 0
ที่อยู่: หิมพานต์

 ข้อมูลส่วนตัว www


อาจารย์พลศักดิ์ครับ จิตเดิมคือ กายธรรมหรือไม่ครับ

เรื่องจิต มีข้อสงสัยอีกมากเดี๋ยวถ้ามีปัญหาอีก หวังว่าอาจารย์คงเมตตาผมนะครับ :b8: :b8: :b8:

.....................................................
อิมาหัง ภะคะวา อัตตะภาวัง ตุมหากัง ปะริจจะชามิฯ
ข้าแต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระพุทธเจ้าขอมอบกายถวายชีวิต แด่พระพุทธเจ้า แด่พระธรรม แด่พระสงฆ์ นับแต่บัดนี้ตราบจนเข้าสู่พระนิพพาน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ย. 2008, 09:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


ฌาณ เขียน:
อาจารย์พลศักดิ์ครับ จิตเดิมคือ กายธรรมหรือไม่ครับ

เรื่องจิต มีข้อสงสัยอีกมากเดี๋ยวถ้ามีปัญหาอีก หวังว่าอาจารย์คงเมตตาผมนะครับ :b8: :b8: :b8:


ผมต้องขออธิบายให้ชัดเจน จิตเดิมเป็นประภัสสร จิตประภัสสรมันก็มีอายตนะหรือขันธ์เหมือนกัน อายตนะหรือ
ขันธ์นี้ พระพุทธเจ้าเรียกว่า อายตนะนิพพาน หรือ ธรรมกาย หรือธรรมขันธ์ หรือธรรมธาตุ

- อายตนะนิพพาน มี ธรรมขันธ์(ธรรมกาย)เป็นรูป และมีนิพพานจิตเป็นนาม
- อายตนะของคนและสัตว์ มีเบญจขันธ์เป็นรูป และมีจิตวิญญาณเป็นนาม

คำกล่าวในศาสนาคริสต์กล่าวไว้ชัด "พระเจ้าสร้างมนุษย์ตามพระฉายของพระองค์" มนุษย์จะมีร่างกาย และ
วิญญาณ พระฉายของพระเจ้าก็มีร่างกาย(ธรรมกาย) และวิญญาณบริสุทธิ์(จิตพุทธะหรือนิพพานจิต)

ในศาสนาคริสต์ พระบุตร(พระเยซู)ทรงเป็นแสงสะท้อนพระสิริของพระเจ้า และทรงมีสภาวะเป็นพิมพ์เดียวกันกับพระเจ้า
(โคโลสี 1 15) พระองค์(พระเยซู)ทรงเป็นพระฉายของพระเจ้า นั่นก็คือ พระเยซูมีธรรมกาย(กายธรรม)เป็นร่าง(รูป)
และมีวิญญาณบริสุทธิ์(จิตพุทธะหรือนิพพานจิต)เป็นนาม

สิ่งที่ผมเขียนบอกคุณและคนในเว็บนี้ ธรรมดาผมจะเขียนไม่ได้ เพราะพระยามารและพวกมารซึ่งส่วนใหญ่สิงอยู่ใน
ใจผู้ดูแลเว็บธรรมะต่างๆ จะต้องไล่ผมออกไป คุณและเว็บนี้มีบุญบารมีสูง ผมจึงเขียนเรื่องนี้บอกได้ในเว็บนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ย. 2008, 10:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ เขียน:
อายตนะนิพพาน มี ธรรมขันธ์(ธรรมกาย)เป็นรูป


ที่ว่า ธรรมขันธ์ เป็น รูป นั้น
มันมีลักษณะ รูปร่าง อะไรยังไงครับ

.....................................................
อาทิ สีลํ ปติฏฺฐา จ กลฺยาณานญฺจ มาตุกํ
ปมุขํ สพฺพธมฺมานํ ตสฺมา สีลํ วิโสธเย
ศีลเป็นที่พึ่งเบื้องต้น เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย
เป็นประมุขของธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้นควรชำระศีลให้บริสุทธิ์
....................................

"หากเป็นคนฉลาดก็มีแต่จะทำให้คนอื่นรักตนเท่านั้น-วาทะคุณกุหลาบสีชา"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ย. 2008, 13:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


คามินธรรม เขียน:
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ เขียน:
อายตนะนิพพาน มี ธรรมขันธ์(ธรรมกาย)เป็นรูป


ที่ว่า ธรรมขันธ์ เป็น รูป นั้น
มันมีลักษณะ รูปร่าง อะไรยังไงครับ



ในอนัตตลักขณสูตร พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนไว้อย่างชัดเจนว่า สิ่งที่จะเป็นอัตตาได้ต้องมีลักษณะดังนี้ :

" สิ่งใดเที่ยง, ไม่มีทุกข์, ไม่ปรวนแปรเป็นธรรมดา สามารถบังคับบัญชาให้เป็นอย่างใจหวังได้ สิ่งนั้นก็ย่อมเป็น
อัตตา "


ด้วยเหตุนี้ ธรรมกายย่อมสามารถเป็นรูปอะไรก็ได้ ตามแต่ความประสงค์ของผู้อยู่ในนิพพาน ถ้าผู้อยู่ในนิพพานจะ
ปรากฏเป็นรูปปลาหมึก รูปแมงมุม ฯลฯ ให้คุณเห็น คุณจะรู้ไหมว่าท่านเป็นพระอรหันต์(พระเจ้า) คุณก็อาจจะไม่รู้
พระพุทธเจ้าจึงมักปรากฏรูปให้เห็น ตามที่คนผู้นั้นนึกออกว่าเป็นพระองค์ อาจจะปรากฏเป็นรูปพระพุทธชินสี ฯลฯ
ถ้าอยู่ในศาสนาพราหมณ์ก็อาจปรากฏเป็นรูป พระพิฒเนศ พระอีศวร เป็นต้น

บางครั้ง พระพุทธเจ้าจะปรากฏเป็นรูปสมมุติเป็นกายแก้ว เพราะแสดงให้เห็นว่า พระองค์เป็นพรหมภูต ไม่สามารถ
มองเห็นได้ถ้าพระองค์ไม่ให้เห็น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ย. 2008, 13:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณคามินธรรมครับ



ผมเคยพบพระพุทธองค์ในนิมิตฝันของผมเป็นเป็นคนแจวเรือ และเป็นเจ้านายของผม ฯลฯ ถ้าตอนที่มีสติอยู่ใน
ภวังค์ พระองค์ปรากฏเป็นแสงที่พูดได้ชัดเจน และมีความสุขบริสุทธิ์อยู่ในแสงนั้น ส่วนใหญ่พระพุทธองค์จะมาเป็น
พระธรรมในจิต สอนธรรมอยู่ในจิต


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ย. 2008, 19:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ เขียน:

ในอนัตตลักขณสูตร พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนไว้อย่างชัดเจนว่า สิ่งที่จะเป็นอัตตาได้ต้องมีลักษณะดังนี้ :

" สิ่งใดเที่ยง, ไม่มีทุกข์, ไม่ปรวนแปรเป็นธรรมดา สามารถบังคับบัญชาให้เป็นอย่างใจหวังได้ สิ่งนั้นก็ย่อมเป็นอัตตา "


ผิดแล้วล่ะครับ โปรดกลับไปอ่านใหม่ ท่านไม่ได้พูดอย่างนั้น
คุณไปเอาพุทธพจน์มาตัดคำว่าไม่ออกไปบางแห่ง
เติมคำว่าไม่เข้าไปในบางแห่ง
เป็นการแปรรูปพระพุทธพจน์

ผมจะเทียบให้ดู
พระพุทธเจ้า ... "ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา"
คุณพลศักดิ์เป็น ... "สิ่งใดเที่ยง, ไม่มีทุกข์, ไม่ปรวนแปรเป็นธรรมดา "

คุณไปเอาคำพูดพระพุทธเจ้ามากลับข้าง แล้วก็เออออไปเอง
การพูดกลับกันในทางตรงกันข้าม ไม่ใช่ว่าสิ่งที่ตรงกันข้ามจะเป้นความจริงเสมอ
มันไม่ใช่คณิตศาสตร์

เช่น .......... ผมกล่าวว่า ..."กล้วยเป้นผลไม้"
เมื่อพูดกลับกันแล้วเป็น........ " ผลไม้เป้นกล้วย" ซึ่งไม่จริง ผลไม้ไม่ได้มีแต่กล้วย

น่าแปลกที่สมมุติสงฆ์ที่คุณเหยียดหยามนักหนา ไม่พยามพูดในสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่พูด
ศาสดาไม่พูด เขาก็ไม่พูด ท่านตรัสว่าอย่างไร ก้ตามนั้น

แต่คุณพลศักดิ์พยามพูดในสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่พูดเสมอๆ
มักพบคำสอนที่คนอื่นไม่พบเสมอ
มักได้พบพระพุทธเจ้าเสมอๆ
มาร มาร มาร


อนัตตลักขณสูตร
http://www.nkgen.com/33.htm

[color=#008040]
.."[๒๐] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งกะพระปัญจวัคคีย์ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย
รูปเป็นอนัตตา ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้ารูปนี้จักได้เป็นอัตตาแล้ว
รูปนี้ไม่พึงเป็นเพื่ออาพาธ และบุคคลพึงได้ ในรูปว่า รูปของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด รูปของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย.
"


[/color]

.....................................................
อาทิ สีลํ ปติฏฺฐา จ กลฺยาณานญฺจ มาตุกํ
ปมุขํ สพฺพธมฺมานํ ตสฺมา สีลํ วิโสธเย
ศีลเป็นที่พึ่งเบื้องต้น เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย
เป็นประมุขของธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้นควรชำระศีลให้บริสุทธิ์
....................................

"หากเป็นคนฉลาดก็มีแต่จะทำให้คนอื่นรักตนเท่านั้น-วาทะคุณกุหลาบสีชา"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ย. 2008, 20:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ก.ค. 2008, 23:37
โพสต์: 449

ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


พูดถึงเรื่องมาร อยากทราบว่าเทวบุตรมาร หน้าตาเป็นยังไง

เกิดมาเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร ต้องอยู่ในกฎแห่งกรรมหรือไม่

ได้ยินว่า ท่านพญามาร เป็นพระโพธิสัตว์องค์หนึ่ง อยู่ในสวรรค์ชั้นปรนิม ฯ

.....................................................
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ย. 2008, 23:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณ"คามินธรรม"ครับ


อวิชชาเขาปิดบังความรู้จริงของคุณ ปถุชน และสมมุติสงฆ์ต่างๆเอาไว้ อวิชชาเขาให้คุณสามารถตีความออก
เฉพาะเรื่องขันธ์ 5 และสังขารเท่านั้น ขันธ์ 5 และสังขารเป็นอนัตตาแน่นอน ไม่มีใครปฏิเสทความจริงข้อนี้ แต่
ตอนที่พระพุทธเจ้าพูดถึงความหมายของอัตตา ก็มีในอนัตตลักขณสูตรไม่ใช่หรือครับ


.."[๒๐] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งกะพระปัญจวัคคีย์ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย
รูปเป็นอนัตตา ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้ารูปนี้จักได้เป็นอัตตาแล้ว
รูปนี้ไม่พึงเป็นเพื่ออาพาธ และบุคคลพึงได้ ในรูปว่า รูปของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด รูปของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย.
"

ในกรณีของเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ก็อย่างเดียวกัน อ่านให้ละเอียดซิครับ จะสรุปได้ทันทีว่า ทั้งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ จักได้เป็นอัตตาแล้ว รูป เวทนา สัญญา
สังขาร วิญญาณ นั้นจะต้องไม่พึงเป็นเพื่ออาพาธ และบุคคลพึงได้ ในรูป เวทนา
สัญญา สังขาร วิญญาณ ว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ของเราจงเป็น
อย่างนี้เถิด รูป ฯลฯ ของเรา อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย.


นี่คือสุดยอดแห่งยอดความลับของฟ้า อัตตานั้นมีอยู่ในพระนิพพานเท่านั้น
สิ่งที่เป็นอัตตาคือ ธรรรมกาย หรืออายตนนิพพาน ส่วนใน 3 ภพ ไม่มีอัตตาอยู่เลย มีแต่อนัตตา หรืออัตตาทิฏฐิ หรือ
อัตตาอุปทานอยู่เท่านั้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ย. 2008, 23:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณ"คามินธรรม"ครับ



ผมขอเปิดเผยสุดยอดแห่งสุยอดความลับของฟ้าต่อนะครับ

อ่านข้อความสุดท้ายในอนัตตลักขณะสูตรสิครับ

ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือจะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวตน(อัตตา)ของเรา?
ป. ข้อนั้นไม่ควรเลย พระพุทธเจ้าข้า



ตอนนี้ ผมจะลองถามใหม่ว่า

ก็สิ่งใดเที่ยง ไม่เป็นทุกข์ ไม่มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือจะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา
นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวตน(อัตตา)ของเรา?


คุณจะตอบว่าอะไรครับ

ข้อนั้นควรเลย พระพุทธเจ้าข้า.....ใช่ไหมครับ


สรุป "อัตตา"ที่พระพุทธเจ้าพูดถึงนั้น ไม่ใช่อัตตาทางโลก อัตตาทางโลกไม่มี อัตตาทางโลก
เป็นอุปทาน หรือมายา มันจึงเป็นอนัตตา แต่มีอัตตาแท้ๆอีกตัวหนึ่งที่พระพุทธเจ้าให้ความหมายไว้ว่า
สิ่งที่จะเป็นอัตตาได้ต้องเที่ยง ไม่มีอาพาธ ไม่แปรปรวน บังคับให้เป็นไปได้ดังใจหวัง


นอกจากนี้ ผมขอนำคำเทศน์ของ สมเด็จพระสังฆราช
อริยวงศาคตญาณ (แพติสูรเทโว) มาลงด้วย เพื่อให้ทุกท่านได้ศึกษากัน



"สัตว์โลกยังมีอวิชชาจะเข้าใจว่าขันธ์ ๕ เป็นอัตตา เว้นเมื่อเข้าถึง
อสังขตธาตุ ได้ความบริสุทธิ์เป็นนิพพานจะเข้าใจว่าขันธ์ ๕
เป็นอนัตตาทันที
แล้วจะเห็นว่าพระนิพพานเป็นอัตตา"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ย. 2008, 07:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ก.ย. 2005, 15:24
โพสต์: 179


 ข้อมูลส่วนตัว


มีโอกาสเรียนพระอภิธรรม เรื่องวีถีจิต คงพอเข้าใจ ได้ จะได้ตีประเด็นถูกนะครับ

.....................................................
คำพูดเพียงน้อยนิดอาจเปลี่ยนชีวิตของคนได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ย. 2008, 11:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


ผ้าขี้ริ้ว เขียน:
มีโอกาสเรียนพระอภิธรรม เรื่องวีถีจิต คงพอเข้าใจ ได้ จะได้ตีประเด็นถูกนะครับ


เรียนพระอภิธรรมหาเป็นประโยชน์ไม่ ถ้าไม่นำมาปฏิบัติให้ถึงแก่นสาร ย่อมไม่ทางเข้าใจพระธรรม ไม่มีทางได้
ปัญญาในพระพุทธศาสนา

"ธรรมใดๆ ก็ไร้ค่า ถ้าไม่ทำ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ย. 2008, 20:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 เม.ย. 2008, 07:43
โพสต์: 567

ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8: :b8:

.....................................................
!!@ ธรรมะไม่กลับมา โลกาจะวินาศ มวลมนุยษ์จะลำบาก คนบาปจะครองเมื่อง @!! คำของท่านพุทธทาส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ย. 2008, 21:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.ค. 2008, 14:47
โพสต์: 1562

อายุ: 0
ที่อยู่: หิมพานต์

 ข้อมูลส่วนตัว www


อะอ๊า...หน้าตาเทวปุตตมารอย่างนี้หรือเปล่าหนอ :b9: :b9: :b9:


รูปภาพ


เทวปุตตมาร


มารเป็นกิเลส เทวปุตตมารก็คือเทวดาที่ยังมีกิเลสและเที่ยวแกล้งคนอื่น ทั้งที่เป็นเทวดาด้วยกัน หรือมนุษย์ หรือผู้ที่อยู่ในภพภูมิต่ำกว่า ถ้าจะเทียบกับโลก พวกมารก็คือพวกอันธพาลนั่นเอง ทั้งอันธพาลทางความคิด อันธพาลทางสังคม อันธพาลผู้ละเมิดทรัพย์ อันธพาลผู้ละเมิดสิทธิ์ นี่ก็คือมารในโลกนี้

ประเภทของเทวปุตตมาร


เทวปุตตมารพวกแรก ทำตนเป็นมารเพราะความหลงผิด คิดว่ามนุษย์เป็นสมบัติของตน ดังนั้นหากมนุษย์ใดไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจของตนก็จะกลั่นแกล้ง ก็เหมือนมนุษย์โลกนี้ในสมัยทาส คิดว่ามนุษย์อื่นเป็นสมบัติของตน ทั้งๆที่เขามีชีวิตของเขาเองเหมือนตน เลยไปข่มขี่เขา สร้างเวรสร้างกรรมกันมากมาย นี่ความหลงผิดพาเป็นมาร

เทวปุตตมารพวกที่สอง ทำตัวเป็นมารเพราะความริษยา พวกนี้อยากได้อะไรอย่างหนึ่งแต่ยังไม่ได้ คนอื่นได้ไปก่อนเลยริษยา ในชาติก่อนๆพระโมคคัลลานะยังบำเพ็ญอยู่ หวังสำเร็จเป็นพระอัครสาวกผู้เป็นเลิศทางฤทธิ์ สมัยนั้นพระกัสสปะสัมมาสัมพุทธเจ้ามาตรัสรู้ มีพระอภิภูเป็นอัครสาวกผู้เป็นเลิศทางฤทธิ์ขนาบข้าง พระโมคคัลลานะเป็นเทวดาอยู่นึกริษยา นี่มันตำแหน่งของฉันมาแย่งตำแหน่งของฉันไปได้อย่างไร ลืมไปว่าตำแหน่งนี้มีไม่จำกัด เลยเข้าสิงเด็กคนหนึ่งในโลก เอาก้อนหินขว้างพระอภิภูหัวแตก พระโมคคัลลานะเลยตกสวรรค์ในทันใด ลงนรกไปเสียหลายกัป นี่ริษยาพาเป็นมาร ในที่สุดก็ได้ไปเจอกันที่พระนิพพานอยู่ดี

เทวปุตตมารพวกที่สาม ทำตนเป็นมารเพราะความอาฆาต พวกเจ้ากรรมคือคนที่ท่านไปทำมิดีมิชอบกับเขาไว้ ทำให้เขาเสียหาย พวกนี้เวลาอาฆาตแล้วก็รอจังหวะเอาคืน เมื่อเขาอยู่บนสวรรค์และเห็นท่านกำลังจะประสบความสำเร็จอะไรก็จะหาทางขัด ขวางทุกทางเพื่อไม่ให้ท่านสำเร็จในสิ่งที่ประสงค์ นี่ความอาฆาตพาเป็นมาร

เทวปุตตมารพวกที่สี่ ทำตนเป็นมารเพราะความคึกคะนอง เช่น พวกที่มีกำลัง หรือมีพวก หรือมีฤทธิ์ พอเข้าพวกแล้วก็จะคึกคะนองมากกว่าตอนอยู่คนเดียว พอคะนองแล้วก็จะแกล้งคนโน้นคนนี้เล่นเป็นของสนุกกัน แต่แกล้งใครก็ต้องรับกรรมหมดทั้งนั้น นี่คะนองพาเป็นมาร

รูปภาพ


เทวปุตตมารพวกที่ห้า ทำตนเป็นมารเพราะความหมั่นไส้ เช่น พวกเทวดาที่ลอยมา เห็นนักปฏิบัตินั่งสมาธิอยู่ แสงจิตสว่างไสว ก็ดำริว่าใครหนอบังอาจมาแผ่รัศมีเจิดจ้าในถิ่นที่อยู่ของข้าโดยไม่ได้ขอ อนุญาต จะข้ามหน้าข้ามตากันไปหน่อยแล้ว เลยแกล้งเข้าให้ พระสารีบุตรโดนยักษ์ทุบหัวก็ด้วยเหตุนี้ นี่ความหมั่นไส้พาเป็นมาร พระพุทธเจ้าจึงตรัสสั่งพระที่อยู่ป่าว่าให้แผ่เมตตาให้เทวดาก่อน

เทวปุตตมารพวกที่หก ทำตนเป็นมารเพราะความหวังดีที่โง่เขลา เช่น พวกเทวดาที่อยู่ชั้นสูงๆ และพรหมที่อยู่ชั้นสูงๆ พออยู่ไปนานๆเห็นว่าโลกนี้ดี สวรรค์นี้ดี พรหมนี้ดี ทำไมจะต้องไปไหน พอมีใครอยากหลุดพ้นก็จะมายุว่าไร้สาระ ท่านจะทิ้งสมบัติของโลกและสมบัติอันวิเศษเหล่านี้ไปได้อย่างไร ก็ญาติที่ไม่ยอมให้กุลบุตรบวชนั่นแหละ ด้วยความหวังดีอยากให้เสพสุข แต่เป็นสุขแห่งทุกข์จึงกลายเป็นมารเพราะความหวังดีที่โง่เขลา นี่อวิชชาพาเป็นมาร

แต่ไม่ว่าจะเป็นมารด้วยเหตุใด เมื่อแกล้งเขาแล้วก็ต้องรับกรรมทั้งสิ้นไม่มียกเว้น

:b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41:

"คนโง่มักทำมิตรให้กลายเป็นศัตรู
คนฉลาดย่อมทำศัตรูให้กลายเป็นมิตร
คนเจ้าปัญญาพาทั้งคู่เข้าสู่ความบริสุทธิ์ หมดมิตร หมดศัตรู อยู่กันโดยธรรมล้วนๆ"


:b28:

.....................................................
อิมาหัง ภะคะวา อัตตะภาวัง ตุมหากัง ปะริจจะชามิฯ
ข้าแต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระพุทธเจ้าขอมอบกายถวายชีวิต แด่พระพุทธเจ้า แด่พระธรรม แด่พระสงฆ์ นับแต่บัดนี้ตราบจนเข้าสู่พระนิพพาน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 19:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 เม.ย. 2008, 07:43
โพสต์: 567

ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b5: :b5: หน้าตาหน้ากลัว นะเจ้าคะ คุณ ณาณ

.....................................................
!!@ ธรรมะไม่กลับมา โลกาจะวินาศ มวลมนุยษ์จะลำบาก คนบาปจะครองเมื่อง @!! คำของท่านพุทธทาส


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 61 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร