วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 19:31  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 48 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2008, 15:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ธ.ค. 2008, 23:00
โพสต์: 48

ที่อยู่: บางแค

 ข้อมูลส่วนตัว


อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะครับ ถ้าผมกล่าวผิดพลาดอย่างไรก็กรุณาชี้แนะด้วย
ที่บอกว่าตบยุงไม่บาป ส่วนตัวผมคิดว่าถ้าสิ่งที่ คุณพลศักดิ์ วังวิวัฒน์ บอกว่าเป็น สัญชาติญาณของมนุษย์ ผมคิดว่าถูกครับ ไม่น่าจะผิดศีล 5 แต่ ด้าน มโนกรรม แต่กายกรรม ไม่น่าจะไม่รอดนะครับ เพราะศีล5ที่กล่าวมานั้น มีเจตนาเป็นหลัก

แต่ถ้าคนๆนั้นตั้งใจในการฆ่า จริงๆ เช่น เ็ห็นยุงกัดอยู่ ก็เลยตบซะ เพื่อที่ต้องการฆ่าให้หายเจ็บ หายคัน เ พื่อออกจาผมว่านั้นผิดศีล5เต็มๆ ไม่มากก็น้อยต้องผิด จะบอกว่าให้นั่งดูยุงกัดเฉยๆหรือ บร้าเปล่า! ก็ปัดยุงออกสิครับ แค่นี้ก็ไม่ผิดศีลแล้ว แต่ถ้าท่านนั่งดูแล้วรู้สึกเจ็บ จนอาจจะถึงขั้นทนไม่ไหว ขอฆ่าให้ตายเพื่อให้หายเจ็บ นั้นสำหรับผมเรียกว่าความแค้นครับ
(ถ้าท่านมีสติแยกแยะด้วยความเร็วระดับนึงผมว่าทุกคนจะรู้ ครับ)

ส่วนตัวผม ถ้ามีสติพอและผมไม่มีกิจกรรมที่จะอาจจะทำให้ยุงถึงฆาตในกรณีที่ดูดเลือดผมอยู่ ถ้าอยู่ในกรณีนี้นั้น ผมก็จะปิดแต่ถ้าไม่ผมจะปล่อยให้ยุงตัวนั้นดูดเลือดไป และก็จะแผ่เมตตาให้เขาด้วย ตอนนอนผมก็โดนยุงกัดบ่อย แต่ในห้องผมมีไม่กี่ตัวเลยไม่ค่อยเป็นไร ยุงตัวนึงดูดเลือดผมไป ไม่กี่นาที แต่คืนนี้ เขาก็ไม่รบกวนผมแล้ว อิ่มก้องป่องเลย

ส่วนเรื่องที่ว่า ฉีดยาฆ่ายุง ฆ่าแมลง
จริงอยู่ว่าเพื่อต้องการดูแลบุคคลในบ้าน หรือบุคคลอื่นๆก็ตาม แต่ถึงอย่างไรก็น่าจะผิดศีลอยู่ดี ส่วนบุญที่ท่านได้สร้างนั้นก็มีเพราะท่านเจตนาให้บุคคลในบ้านไม่มีทุกข์ แต่ผลบาปก็ต้องรับไปเช่นกันเพราะเจตนาฆ่า น่าจะมีผลกรรมทั้งสองอย่างติดตัวไป

เพราะผมคิดเป็นตัวอย่างว่า
ถ้ามีคนมียศ มีตำแหน่ง มีำอำนาจยิ่งใหญ่(ผมหมายถึงมนุษย์ คน) อยากจะให้ใคร(ยุง)ก็ตามตายได้
ด้วยการกระทำที่เจตนา ผมคิดว่าบุคคลคนนั้นที่จะโดนฆ่าตายก็คงไม่พอใจแน่ หรือ ถ้าคนนั้นตายแล้ว ญาติพี่น้อง หรือบุคคลที่ตนเองรักนั้นไม่ตาย (ซึ่งไม่แน่เหมือนกันว่าถ้าคนนั้นไม่ตาย แล้ว บุคคลที่ตนรักจำเป็นต้องตายด้วย) ผมก็ว่าไม่ยุติธรรมกับบุคคลที่โดนฆ่าตายเพื่อบุคคลอื่นเหมือนกัน(ไม่นับบุคคลที่ยอมเสียสละตนเอง ด้วยความเต็มใจนะครับ)

ตัวผมเองตอนนี้ ถ้าให้จ้างฆ่ายุงตนนึง เพื่อแลกกับเงิน 1 ล้านบาท ผมคิดว่าผมไม่สามารถทำได้นะ
เหมือนกับว่า เราเป็นบุคคลแข็งแรง ไปฆ่า บุคคลอ่อนแอกว่า แล้วรับเงิน นักฆ่ารับจ้างดีๆนี้เอง เพราะสำหรับผม ศีล 5 สูงกว่าทาน ที่ผมจะผิดศีล 5 แล้ว นำเงินที่ได้จากการผิดศีลไป ให้ทาน อาจจะทั้งหมดหรือไม่ก็ตาม แต่ผมไม่ได้หมายความว่าผมรักษา เป๊ะๆนะครับ เรื่องเลี่ยงคำพูด หรือ การกระทำ ที่จะไม่ผิดศีลห้า ผมก็ทำเหมือนกัน

แต่ถ้าฆ่าไปด้วยสัญชาตณาน(ก็ฆ่าไปแล้วอ่ะ ไม่ได้คิดหรือเจตนาว่าจะฆ่า) ก็ว่ากันอีกนึง ผมไม่ถึงขั้นที่จะบอกได้ว่า บังเอิญฆ่ายุงตัวนี้ แล้ว..ทำให้ยุงตัวนั้นตาย..แล้วยังมีหน้ามารับเงินค่าจ้างฆ่ายุงอีก ผมรับเงินตรงนี้ไม่ได้ มันเป็นเงินบาป สำหรับตัวผมเองตอนนี้ ผมคิดว่ายังละกิเลสตรงนั้นไม่ได้ครับ ผมยอมรับแต่โดยดี

ส่วนเรื่องศีลข้อ 2 ที่ คุณพลศักดิ์ วังวิวัฒน์ ไ ด้เคยกล่าวไว้นั้นผมเห็นด้วยครับ

ศีลข้อ3 ผมก็เห็นด้วยครับ น่าจะตรงจะเป็นตามนั้น(เท่าที่ผมได้ฟัง อ่าน พิจารณา)ในศีลข้อ3นี้ ผมขอเพิ่มเติบนิดนึงว่า
แม้แค่แตะเนื้อต้องตัวบุคคลที่มีคนปกครอง(ภาษาของคุณพลศักดิ์)ไ ม่อนุญาตก็ผิดแล้ว แต่คงไม่มากเท่าไหร่
ถ้าถึงขั้น ร่วมประเวณีเลยก็น่าจะเต็มๆ และส่วนตัวผมคิดว่าในกรณีที่บุคคลนั้นไม่ยินยอมด้วย ไม่งั้นกรณีข่มขืน หญิงโสด ที่ พ่อ แม่ พี่ น้อง หรือ ญาติสนิท เสียหมดแล้ว ก็ไม่ผิดศีล เพราะไม่มีคนปกครอง(ในที่นี้ผมขอรวม พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติ ที่ได้ดูแลด้วยนะครับ)

ส่วนเรื่องมีกิ๊ก(กรณีพ่อแม่ พี่น้อง ญาติ ไม่มีคู่ครองจริงๆเช่นแต่งงาน)
หรือบุคคลที่เที่ยวส่ำส่อน ไม่น่าจะผิดศีล 5
แต่มันเป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่สมควรทำ ในกรณีนี้ผมไม่นับคนที่ได้รับอนุญาตจากบุคคลที่ได้ดูแลนะครับเพราะอันนั้นผมเห็นด้วย ส่วนเพราะเหตุใดนั้นผมก็อยากที่จะอธิบายให้เข้าใจเหมือนกันแต่ผมคิดว่าลึกๆ ทุกๆ คนนั้นเข้าใจดีอยู่แล้วว่าทำไมไม่สมควรทำ

ศีลข้อ 4 5 ผมขอผ่านนะครับ เห็นด้วย

ส่วนเรื่องที่คุณพลศักดิ์ วังวิวัฒน์ กล่าวว่า
ธรรมชาติในนิพพาน หรือนอกสามภพ ตัวนี้เป็นอสังขตธาตุ(ธรรม) ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย หรือ ไม่เกิดขึ้น ไม่ตั้งอยู่ ไม่ดับไป นั่นเอง ธรรมชาติในนิพพานตัวนี้ พระพุทธเจ้าเรียกว่า อัตตา(อสังขตธรรม) ธรรมชาติในนิพพานตัวนี้ พระพุทธเจ้าเรียกว่า อัตตา(อสังขตธรรม) บริเวณนี้ผมคิดว่า ยากที่จะตอบได้ครับ สำหรับบุคคลทั่วไปซึ่งไม่ใช่พระอรหันต์จะตอบได้ ซึ่งผมคิดว่า บุคคลที่เล่น internet น่าจะทุกคน ไม่น่าจะมีบุคคลที่เป็นพระอรหันต์มานั่งเล่น หรือ ใช้ internet

ส่วนในท่อนที่คุณพลศักดิ์ วังวิวัฒน์ได้ยกตัวอย่างนั้นดังข้างล่าง

ในท่อนสุดท้ายของอนัตตลักขณะสูตร


ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือจะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวตน(อัตตา)ของเรา?


ป. ข้อนั้นไม่ควรเลย พระพุทธเจ้าข้า


ตอนนี้ ผมจะลองถามใหม่ว่า


ก็สิ่งใดเที่ยง ไม่เป็นทุกข์ ไม่มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือจะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวตน(อัตตา)ของเรา?



คุณจะตอบว่าอะไรครับ



ข้อนั้นควรเลย พระพุทธเจ้าข้า = อัตตา


ผมคิดว่าสิ่งนั้นไม่น่าจะมีครับ หรือถ้ามีก็ไม่มีบุคคลทั่วทราบได้ เพราะไม่ใช่พระอรหันต์ เพราะก่อนจะถึงพระอรหันต์นั้นต้องละตัวตนทุกอย่าง แล้วถ้าละได้แล้วเจอตัวตนใหม่ที่คุณพลศักดิ์ วังวิวัฒน์ ได้กล่าวมานั้น ท่านจะไม่สามารถละได้หรือ หรือมันเป็นธรรมดาที่ละสิ่งนั้นไม่ได้ เรื่องนี้ระดับสติปัญญาอย่างผม หรือบุคคลหลายๆคนก็ยากที่จะมานั่งคิดเอาเองได้ เพราะคุณพลศักดิ์ วังวิวัฒน์ น่าจะเคยอ่าน หรือฟังมาบ้างว่า เรื่องพระนิพพาน เป็นสิ่งที่บุคคลทั่วไปยากที่จะเข้าใจ เพราะสิ่งที่ผมคิด พิจารณานั้น ก็เป็นแค่บุคคลทั่วไป อาจจะปฏิบัติธรรมบ้าง แต่ไม่กล้าเรียกตนเองว่า ตนว่าเองได้อยู่บนเส้นทาง โสดาปัตติมรรค เพราะยังไม่ตั้งใจที่จะปฏิบัติถึงขั้น ตั้งใจจริงๆ

ส่วนเรื่อง

(๑) “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! พวกเธอจงมีตนเป็นที่พึ่งเถิด อย่ามีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งเลย จงมีธรรมเป็นที่พึงเถิด อย่างมีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งเลย


ย้ำ! ! พวกเธอจงมี ตน เป็นที่พึ่งเถิด อย่ามีสิ่งอื่นเป็นที่ถึงเลย จงมี ธรรม เป็นที่พึงเถิด อย่างมีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งเลย


หลักฐานนี้ขัดครับ


อัตตา = ตน ที่พระพุทธเจ้าหมายถึง คือ ธรรม ตน(อัตตา) กับ ธรรม จึงเป็นสิ่งเดียวกัน


เบญจขันธ์ = อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

ธรรมขันธ์ = นิจจัง สุขขัง อัตตา


ข้อนี้ผมคิดว่าเ ป็นเรื่องของทางโลก และ ทางธรรม ถ้าบุคคลนั้นยังไม่สามารถแยกคำที่ว่า พวกเธอจงมี ตน เป็นที่พึ่งเถิด ว่าตน นั้นเป็นภาษาของทางโลก หรือ ทางธรรมได้ ก็ยากที่จะเข้าใจระดับนึง

ส่วนสิ่งที่คุณ พลศักดิ์ วังวิวัฒน์กล่าวว่า อโหสิกรรมให้กับบุคคลที่กล่าววาจาล่วงเกินท่าน แค่คำว่า อโหสิกรรม ผมก็ชื่นชมแล้วครับ ไหนจะเรื่องที่คุณบอกว่า เพราะทำกรรมกับผู้ที่มีจิตบริสุทธิ์มีผลรุนแรงกว่าทำกรรมกับปถุชนมากมายมหาศาล คำกล่าวนั้น ผมเห็นด้วยครับ
แต่ ถ้าบุคคลนั้นพูดกล่าว หรือกระทำด้วยเจตนาดี และคำกล่าวหรือการกระทำนั้นได้ผ่านการคิดพิจารณามาระดับที่สมควรแล้ว โ ดยตามหลักเหตุผล ที่ไม่ใช้ข้ออ้าง หรือ ขัดใจกับตัวตนของตนเอง ผมคิดว่าผลกรรมไม่น่าจะมีเลย ดั่งที่พระพุทธเจ้าเคยกล่าวไว้

เรื่องที่มีคนมาถามว่าพระพุืทธเ จ้า ได้เคยพูดจาให้คนเสียใจ บ้างไหม ซึ่งเตรียมแผนไว้ก่อนว่าถ้า พระพุทธเ้จ้าตอบว่าไม่เคย ก็จะยกพระเทวทัตเป็นตัวอย่างที่พระพุทธเจ้าเคยกระทำไว้ แต่ถ้าบอกว่า เคย ก็จะกล่าวว่าพระพุทธเจ้าก็สร้างกรรมในด้านไม่ดีเช่นกัน พระพุทธเจ้าท่านได้ตอบว่า คำถามข้อนี้ไม่สามารถตอบได้เพียงด้านเดียว ท่านยกตัวอย่างว่า ถ้ามีเด็กคนนึงกลืนของเข้าไป(ผมไม่แน่ใจว่าท่านกล่าวถึงเศษหิน เศษปูนหรือเปล่า) โดยสิ่งนั้นเป็นอันตราย และเด็กคนนั้นไม่ยอมคลายออก ก็ต้องมีการง้างปากเด็กคนนั้นเพื่อนำสิ่งของที่เป็นอันตรายออกไป โดยที่เด็กก็ต้องเสียใจ หรือเจ็บตัว ก็ตาม ท่านก็ทำกับพระเทวทัตเช่นนั้น

เรื่องนี้ผมหมายถึง ถ้าบุคคลนั้นพูดกล่าว หรือกระทำด้วยเจตนาดี และคำกล่าวหรือการกระทำนั้นได้ผ่านการคิดพิจารณามาระดับที่สมควรแล้ว โ ดยตามหลักเหตุผล ที่ไม่ใช้ข้ออ้าง หรือ ขัดใจกับตัวตนของตนเอง

ตัวผมเอง ประโยคหลังๆเหมือนจะเป็นพวกยกตนข่มท่าน ผมก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนความคิดใครได้ เพราะขนาดตัวผมเอง ก็ยังไม่สามารถทำให้จิตใจของผม เป็นดังที่ผมต้องการได้เลย มีคิดอกุศล เรื่องไม่ดีต่างๆ นานา นับภาษาอะไรจะเปลี่ยนความคิดของบุคคลอื่น

สุดท้ายถ้ามีบุคคลท่านใดก็ตามที่จะชี้แนะอย่างไร ผมก็พร้อมที่จะรับฟัง อ่านสิ่งนั้น แต่โดยดี ส่วนเรื่องเปลี่ยนความคิดนั้น ผมขอคิด พิจารณาตามเหตุผลต่างๆ ด้วยสติปัญญา ผมก่อนว่า สิ่งนั้นเป็นอย่างไร สมควรเปลี่ยนความคิดไหม ก็ว่ากันอีกทีนึง

ขอบคุณที่อ่านซะยืดยาวครับ แค่อยากอธิบายในสิ่งที่ผมมีสติปัญญาระดับที่คนอย่างผมมีได้
พูดถึงอีกมุมมองนึงเท่านั้นเองและกรณีที่ผมไม่สามารถกลับมาอ่านแล้วตอบกระทู้ได้ อาจจะเป็นเพราะผมขี้เกียจตอบ ขี้เกียจอ่าน ไม่ว่างอ่าน หรือ ฯลฯ ก็เป็นไปได้นะครับ

.....................................................
คำที่ข้าพเจ้าได้กล่าวอ้างมาทั้งหมดนี้ ส่วนมากเป็นของครูบาอาจารย์ ผู้เขียนหนังสือต่างๆ พ่อแม่ ญาติ ผู้มีคุณและเพื่อนๆของข้าพเจ้า สิ่งที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไปนั้น ถ้าผิดพลาดอย่างไรก็ขอความกรุณาชี้แนะด้วย และบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้แจกจ่ายธรรมทานนั้นขอให้ผลบุญนั้นส่งถึง บุคคลที่ได้กล่าวมา ขอให้ท่านทั้งหลายมีความสุข ข้าพเจ้าขอถวายเป็นพุทธบูชา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2008, 17:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณ deboykung ครับ
ขอปูพื้นกันก่อนนิดหนึ่ง

จิตปรุงแต่ง กล่าวโดยรวบรัดได้ว่า ร่างกายเรามีผัสสะอยู่ 5 อย่าง
ได้ยิน ได้เห้น ได้กลิ่น ได้ฟัง ได้รับสัมผัส
ผู้ที่ได้รับรู้ข้อมูลจากผัสสะ 5 ก้คือ จิต
จิตเหมือนคนนั่งอยู่ในบ้านที่มีประตุ 5 บาน
เวลาได้รับรู้อะไรจากประตูต่างๆ จิตก้จะไปเรียกความทรงจำออกมา
แล้วปรุงความรู้สึกขึ้น

เหมือนเราอ่านตัวหนังสืออยู่นี่ เราอ่านเข้าใจภาษาไทยทันที
เพราะตาเห็นรูป จำได้ว่ารูปนี้คือภาษาไทย คำนี้คำนั้นมีความหมายอย่างนี้อย่างนั้น
แล้วก็เข้าใจทันที
พอเข้าใจแล้วก็จะเกิดความรู้สึกขึ้น
ความรู้สึกนั้นมี 3 ประเภท จิตมี 3 สภาวะ


3 สภาวะได้แก่

1. กุศลจิต หรือ จิตเป้นบุญ จิตที่มีกำลังมีบุญ คือจิตที่มีความสะอาด สดใส ไม่ขุ่นมัว พูดง่ายๆเบื้องต้นว่าความสุขนั่นแหละเป็นบุญ
กุศลจิต หรือบุญ นั้นเกิดจากการที่เราได้รับรู้ผ่านทวาร 6 แล้วปรุงขึ้นมา
(ทวาร 5 คือ ประสาทสัมผัส 5 อย่าง + 1 จิต)

เช่นเวลาได้ยินว่าได้ขึ้นเงินเดือน ก็ดีใจ
แต่ถ้าไม่ได้ยิน ไม่ดีใจ


2. อกุศลจิต หรือ จิตที่กำลังบาป เป้นบาป คือจิตที่ขุ่นมัว โลภะ โทสะ โมหะ
วิธีการเกิดก็เมหือนกับจิตบุญไม่มีผิด คือผ่านอายตนะ 5 + 1 จิต

3. อัพยากฤต - อันนี้คือรู้สึกเฉยๆ เช่น เดิน ยืน นั่ง นอน เราไม่ได้รู้สึกดีหรือร้ายอะไร


ทีนี้ คุณคงจะพอคิดออกแล้วว่า
ที่แท้ คิดบวก ก้คือบุญนั่นเอง / คิดลบ ก้คือบาปนั่นเอง
ซึ่งถูกต้อง
แต่อย่าลืมว่าคนมีโง่ มีฉลาด

บุญแบบโลกียะก็เป็นไปแบบโลกียะ
บุญแบบโลกุตรก้เป็นแบบโลกุตร
พูดง่ายๆว่า บุญแบบมีปัญญา กับบุญแบบขาดปัญญา คนละเรื่องกัน
นอกไปจากนั้น หากเป็นคนไม่มีศีล มันก็เมหือนโจรที่กำลังหัวเราะมีความสุขกับเงินทองที่ปล้นมา
นี่คือบุญของคนโง่ และยังไม่รู้จักศีลอีกด้วย

ดังนั้น บุญ-บาป หรือความรู้สึกดี-ความรู้สึกไม่ดี ... ที่เกิดขึ้นในใจของคน
มันก็จะเป็นไปตามระดับของ ศีล สมาธิ และปัญญา ของคนคนนั้น

ดังนั้น การกระทำอะไรสักอย่างหนึ่งขึ้นมา มันจะเกิดประเด็น 2 อย่างเป้นฝาแฝดกัน
แต่ให้ผลต่างกัน
1. กรรม-วิบากกรรม : การกระทำ หรือ กรรม เมื่อทำไปแล้วมันจะต้องเกิดผลของกรรมขึ้น ผลของกรรมมีชื่อเรียกหนึ่งว่าวิบาก
เช่น เรากินข้าว(ทำกรรม) - มีผลคืออิ่ม (อื่มคือผลของกรรม)
2. บาป-บุญ : ซึ่งผมอธิบายไปแล้ว

โดยสรุปคือ ถ้าเราเชื่อไปโดยสุจริตใจ หรือที่เรียกว่าศรัทะาบริสุทธิ์ ว่าทำอย่างนี้ อย่างนั้น จะเป้นบุญ แล้วเราก้ทำจริงๆ
จะปรากฏว่าเรามีความสุขขึ้นมาทันที เราได้บุญทันที
บุญเกิดที่ใจทันที รับรู้ได้เดี๋ยวนั้นตรงนั้น มากน้อยอย่างไรก้สามารถรับรู้ได้ด้วยตัวเอง
แต่คำถามคือ บุญที่ทำ ทำอย่างไร ทำยังไงไป
เอาแพะแกะมาชำแหละบูชาหรือเปล่า

ซึ่งการกระทำ หรือ กรรมที่ทำลงไป มันก็เป้นไปตามระดับ ศีล-สมาธิ-ปัญญา ของคนคนนั้น

การเอาการกระทำมาวัดว่าบาปหรือบุญนั้น จึงผิดฝาผิดตัว ผิดทาง
เอากายมาวัดว่าจิตเป้นอย่างนั้นอย่างนี้ไม่ได้
แต่ให้ดูที่ใจเป้นหลัก ว่าใจปรุงบาป หรือปรุงบุญขึ้นมา
ส่วนการกระทำนั้น มันมีผลลัพะ์ของมัน

ผลของการกระทำที่ทำแล้วเดือดร้อน พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติให้ปุถุชนทราบว่า
มี 5 อย่าง ที่ห้ามเด็ดขาด สำหรับคนธรรมดา คือศีล 5 นั่นเอง
หากละเมิดแล้ว จะนำความเดือดร้อนมาให้

ส่วนบุญบาปที่ปรุงเพราะละเมิดศีลนั้น มันเป้นของไม่จริง มันแล้วแต่จะปรุงอะไร
บุญบาปเป้น สังขตธรรม หมายความว่ามันถูกจิตปรุงขึ้น ไม่ใช่ปรมัตถ์ธรรม


deboykung เขียน:
อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะครับ ถ้าผมกล่าวผิดพลาดอย่างไรก็กรุณาชี้แนะด้วย
ที่บอกว่าตบยุงไม่บาป ส่วนตัวผมคิดว่าถ้าสิ่งที่ คุณพลศักดิ์ วังวิวัฒน์ บอกว่าเป็น สัญชาติญาณของมนุษย์ ผมคิดว่าถูกครับ ไม่น่าจะผิดศีล 5

- เรื่องผิดศีลหรือเปล่า องค์ประกอบของศีล 5 ในคัมภีร์บอกไว้ชัดเจน ว่ามี 5 อย่าง
โดยศีลจะขาดก้ต่อเมื่อมีองค์ครบทั้ง 5 องค์ ขาดองค์ใดไม่ได้
1. สัตว์นั้นมีชีวิตอยู่
2. รู้ว่าสัตว์มีชีวิต
3. จิตคิดจะฆ่า
4. ลงมือฆ่า
5. สัตว์ตายด้วยความพยามนั้น
ลองถามตัวเองดูเถิดว่า มันผิดศีลหรือยัง
(ต้องแยกประเด็น"บุญหรือบาป"ออกไปนะ ปนกันไม่ได้)

ประเด้นสัญชาตญาน มันก้เป็นนิสัยชนิดหนึ่ง
สัญชาตญานคนนี้มันไม่มีความแน่นอน จะดีจะชั่วแล้วแต่ของใครของมัน
เช่นเหตุการณ์เดียวกัน คนกลุ่มหนึ่งตอบสนองแบบหนึ่ง คนอีกกลุ่มหนึ่งก้ตอบสนองอีกแบบ
กล่าวได้ว่ามันเป้นกิเลสตันหาเหมือนกัน แต่มันลึกมาก จนการสำรวมอดกลั้นธรรมดาๆของเรา เอาชนะมันไม่ได้
สัญชาตญาน เป้นธรรมชาติของจิตใจคน กล่าวคือ ชอบไหลสู่ที่ต่ำ


deboykung เขียน:
แต่ ด้าน มโนกรรม แต่กายกรรม ไม่น่าจะไม่รอดนะครับ เพราะศีล5ที่กล่าวมานั้น มีเจตนาเป็นหลัก

- หากจิตไม่ทราบ ไม่มีเจตนา เช่นเดินเหยียบยุงโดยไม่รู้ตัว
ก็เรียกว่าศีลไม่ขาด บุญบาปก็ไม่ได้ปรุง
ศีลไม่ขาดก็เเพราะ
2. รู้ว่าสัตว์มีชีวิต-เราไม่รู้ว่าสัตวืมีชีวิต (ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังจะเหยียบยุง)
3. จิตคิดจะฆ่า - จิตไม่ได้คิดจะฆ่า เราบังเอิญเดินเหยียบมันเอง
4. พยามฆ่า - เราไม่ได้มีความพยามเลย กล่าวคือไม่มีเจตนา

องค์ปาณาติบาตขาดไป 3 องค์
แถมจิตใจก้มไ่ได้ปรุงอะไรทั้งบุญทั้งบาป เพราะไม่ทราบ


deboykung เขียน:
แต่ถ้าคนๆนั้นตั้งใจในการฆ่า จริงๆ เช่น เ็ห็นยุงกัดอยู่ ก็เลยตบซะ เพื่อที่ต้องการฆ่าให้หายเจ็บ หายคัน เ พื่อออกจาผมว่านั้นผิดศีล5เต็มๆ ไม่มากก็น้อยต้องผิด จะบอกว่าให้นั่งดูยุงกัดเฉยๆหรือ บร้าเปล่า! ก็ปัดยุงออกสิครับ แค่นี้ก็ไม่ผิดศีลแล้ว แต่ถ้าท่านนั่งดูแล้วรู้สึกเจ็บ จนอาจจะถึงขั้นทนไม่ไหว ขอฆ่าให้ตายเพื่อให้หายเจ็บ นั้นสำหรับผมเรียกว่าความแค้นครับ
(ถ้าท่านมีสติแยกแยะด้วยความเร็วระดับนึงผมว่าทุกคนจะรู้ ครับ)
ส่วนตัวผม ถ้ามีสติพอและผมไม่มีกิจกรรมที่จะอาจจะทำให้ยุงถึงฆาตในกรณีที่ดูดเลือดผมอยู่ ถ้าอยู่ในกรณีนี้นั้น ผมก็จะปิดแต่ถ้าไม่ผมจะปล่อยให้ยุงตัวนั้นดูดเลือดไป และก็จะแผ่เมตตาให้เขาด้วย ตอนนอนผมก็โดนยุงกัดบ่อย แต่ในห้องผมมีไม่กี่ตัวเลยไม่ค่อยเป็นไร ยุงตัวนึงดูดเลือดผมไป ไม่กี่นาที แต่คืนนี้ เขาก็ไม่รบกวนผมแล้ว อิ่มก้องป่องเลย
ของผม ผมตบไม่โดนครับ เป็นคนที่ตบยุงไม่ทัน
อุตส่าห์พยามฆ่าแล้ว แต่มันไม่ตาย ผมเลยรอดไปครับ
ส่วนใหญ่ปัดเอา ถ้าเวลานอนก็โมโหยุงเฉยๆ

ส่วนเรื่องที่ว่า ฉีดยาฆ่ายุง ฆ่าแมลง
จริงอยู่ว่าเพื่อต้องการดูแลบุคคลในบ้าน หรือบุคคลอื่นๆก็ตาม แต่ถึงอย่างไรก็น่าจะผิดศีลอยู่ดี ส่วนบุญที่ท่านได้สร้างนั้นก็มีเพราะท่านเจตนาให้บุคคลในบ้านไม่มีทุกข์ แต่ผลบาปก็ต้องรับไปเช่นกันเพราะเจตนาฆ่า น่าจะมีผลกรรมทั้งสองอย่างติดตัวไป

- เห็นด้วยครับ

deboykung เขียน:
เพราะผมคิดเป็นตัวอย่างว่า
ถ้ามีคนมียศ มีตำแหน่ง มีำอำนาจยิ่งใหญ่(ผมหมายถึงมนุษย์ คน) อยากจะให้ใคร(ยุง)ก็ตามตายได้
ด้วยการกระทำที่เจตนา ผมคิดว่าบุคคลคนนั้นที่จะโดนฆ่าตายก็คงไม่พอใจแน่ หรือ ถ้าคนนั้นตายแล้ว ญาติพี่น้อง หรือบุคคลที่ตนเองรักนั้นไม่ตาย (ซึ่งไม่แน่เหมือนกันว่าถ้าคนนั้นไม่ตาย แล้ว บุคคลที่ตนรักจำเป็นต้องตายด้วย) ผมก็ว่าไม่ยุติธรรมกับบุคคลที่โดนฆ่าตายเพื่อบุคคลอื่นเหมือนกัน(ไม่นับบุคคลที่ยอมเสียสละตนเอง ด้วยความเต็มใจนะครับ)

- คนเรา 1 จิต 1 กาย เหมือนกัน
รักสุขเกลียดทุกข์เหมือนกัน รักชีวิตเหมือนกัน
ใจเราอย่างไร ใจเราอย่างนั้น
ใจเขาอย่างไร ใจเราอย่างนั้น

deboykung เขียน:
ตัวผมเองตอนนี้ ถ้าให้จ้างฆ่ายุงตนนึง เพื่อแลกกับเงิน 1 ล้านบาท ผมคิดว่าผมไม่สามารถทำได้นะ
เหมือนกับว่า เราเป็นบุคคลแข็งแรง ไปฆ่า บุคคลอ่อนแอกว่า แล้วรับเงิน นักฆ่ารับจ้างดีๆนี้เอง เพราะสำหรับผม ศีล 5 สูงกว่าทาน ที่ผมจะผิดศีล 5 แล้ว นำเงินที่ได้จากการผิดศีลไป ให้ทาน อาจจะทั้งหมดหรือไม่ก็ตาม แต่ผมไม่ได้หมายความว่าผมรักษา เป๊ะๆนะครับ เรื่องเลี่ยงคำพูด หรือ การกระทำ ที่จะไม่ผิดศีลห้า ผมก็ทำเหมือนกัน

- อุ๊ย... ล้านนึงเหรอ
ต่อมศีลธรรมผมฝ่อชั่วคราว
เอานะ ผมเอา ใครให้เอา แถมอีกตัวก็ได้
พูดจริงๆนะ ไม่ได้ประชด อยากได้ล้านนึงจิงๆ
ผมจะไปบริจาคกองทุนหนังสือธรรมะส่วนหนึ่ง
ดีไม่ได้ จะเอาเล่มที่พูดเรื่องศีลของเจ้าคุณประยุตต์ ปยุตโต. นี่แหละ

.....................................................
อาทิ สีลํ ปติฏฺฐา จ กลฺยาณานญฺจ มาตุกํ
ปมุขํ สพฺพธมฺมานํ ตสฺมา สีลํ วิโสธเย
ศีลเป็นที่พึ่งเบื้องต้น เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย
เป็นประมุขของธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้นควรชำระศีลให้บริสุทธิ์
....................................

"หากเป็นคนฉลาดก็มีแต่จะทำให้คนอื่นรักตนเท่านั้น-วาทะคุณกุหลาบสีชา"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2008, 19:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ธ.ค. 2008, 23:00
โพสต์: 48

ที่อยู่: บางแค

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณครับที่ชี้แนะ ทำให้อะไรหลายๆอย่างลืมไป ผมอาจจะอธิบายอะไรไม่ค่อยละเอียดนะครับ เพราะหลายๆอย่างออกมาจากสมอง ไม่ได้หาแหล่งข้อมูลเพิ่มเติมหรือถ้ามีตัวอย่างก็เป็นสิ่งที่ผมอ่านมานานมากแล้วพักนี้ไม่ค่อยได้ศึกษาพระปริยัติเท่าไหร่ ทำให้การอธิบายของผม หลายๆคนเข้าใจไม่ตรงกัน หรือเข้าใจไม่ละเอียด ซึ่งสิ่งที่คุณ คามินธรรม ได้อธิบายให้ฟัง ผมก็พอจะเข้าใจรายละเอียดมากขึ้นครับ

และผมยอมรับส่วนตัวเลยว่าเพิ่งมาสมัครเว็บนี้ได้ไม่นาน ส่วนใหญ่ก็อ่านอย่างเดียว ไม่ค่อยได้โพสเท่าไหร่ เพราะพออ่านทีมีคนตอบไปแล้วซึ่งมีคำตอบที่ผมคิดว่าอธิบายใกล้เคียงกับในใจผม หรือดีกว่าที่ผมคิดไว้มากหรือละเอียดกว่าผม ก็ไม่ได้โพส อ่านอย่างเดียว^^'

สุดท้ายนี้ขออนุโมทนาบุญกับทุกคนที่ได้กล่าวอธิบายหลักธรรมของพระพุทธเจ้าด้วย สัมมาทิฏฐิ ด้วยครับ

.....................................................
คำที่ข้าพเจ้าได้กล่าวอ้างมาทั้งหมดนี้ ส่วนมากเป็นของครูบาอาจารย์ ผู้เขียนหนังสือต่างๆ พ่อแม่ ญาติ ผู้มีคุณและเพื่อนๆของข้าพเจ้า สิ่งที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไปนั้น ถ้าผิดพลาดอย่างไรก็ขอความกรุณาชี้แนะด้วย และบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้แจกจ่ายธรรมทานนั้นขอให้ผลบุญนั้นส่งถึง บุคคลที่ได้กล่าวมา ขอให้ท่านทั้งหลายมีความสุข ข้าพเจ้าขอถวายเป็นพุทธบูชา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2008, 19:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณdeboykungครับ



1. คุณพลศักดิ์ วังวิวัฒน์ บอกว่าเป็น สัญชาติญาณของมนุษย์ ผมคิดว่าถูกครับ ไม่น่าจะผิดศีล 5 แต่ ด้าน มโนกรรม แต่กายกรรม ไม่น่าจะไม่รอดนะครับ

.....เจตนาเป็นตัวกรรม แต่ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ทุกอย่างสำเร็จด้วยใจ คุณจะเอากายเป็นประธานไม่ได้ครับ พระอรหันต์วักกลิ พระอรหันต์โคธิกะ พระอรหันต์ฉันนะ พวกท่านต่างก็เชือดคอตาย ถ้ากายเป็นประธาน ท่านก็ต้องตกนรกครับ ไม่ใช่ไปนิพพาน

ประเด็นอื่นผมไม่อยากชี้แจง เพราะเป็นสิทธิของคุณที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้ กระทู้นี้ของผมต้องการชี้เพียงว่า ทีมงานเว็บมาสเตอร์ไม่ควรใช้อำนาจเผด็จการ พออ่านแล้วตนเองไม่เชื่อและค้าน ก็ทะลึ่งไปปิดกระทู้ของเขาเลย อย่างนี้มันใช้ไม่ได้ครับ ต้องมีกาลามสูตรเป็นที่ท่าน ท่านจะรู้ได้อย่างไรว่า ท่านมีสัมมาทิฏฐิ แต่ผมมีมิจฉาทิฏฐิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2008, 20:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณคามินธรรมครับ



แม้ว่าการกระทำนั้นจะครบองค์ประกอบของศีล 5 ทุกประการ คือ
1. สัตว์นั้นมีชีวิตอยู่
2. รู้ว่าสัตว์มีชีวิต
3. จิตคิดจะฆ่า
4. ลงมือฆ่า
5. สัตว์ตายด้วยความพยามนั้น

ก็ไม่ได้หมายความว่า ผิดศีลมีองค์ประกอบครบจะเป็นบาปนะครับ คนละเรื่องเลย

ผิดศิลจะเป็นบาปได้ ก็ต่อเมื่อใจมีเจตนาอกุศล และลงมือกระทำลงไป การฆ่าส่วนใหญ่จึงเป็นบาป แต่ไม่ใช่การฆ่าในทุกกรณีเป็นบาปนะครับ

กรุณาใจเย็นๆ แล้วอ่านอีก 2 เที่ยว คุณกำลังเอาองค์ประกอบของศีล 5 ในส่วนที่จิตเจตนาเป็นอกุศลมาพูด แต่กรณีตบยุงตาย จิตเจตนาของเขาเป็นการแก้คัน กรณีฉีดยายุงตาย จิตเจตนาของเขาเป็นการเสียสละยอมทำผิดศีล 5 เพื่อช่วยลูกเมียญาติพี่น้องครับ มันเป็นบาปไม่ได้อยู่แล้ว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ธ.ค. 2008, 11:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


ศีล เป็นกรอบในการปฏิบัติ เหมือนกฎหมายที่เป็นกรอบในการใช้ชีวิตร่วมกันในสังคม การละเมิดศีลก็เหมือนกับการทำผิดกฎหมาย

มีชายคนหนึ่งวิ่งราวสร้อยคอทองคำมาจากหญิงคนหนึ่งแล้ววิ่งหนีมาทางที่ท่านนั่งอยู่ และท่านก็อยู่ในตำแหน่งที่จะหยุดชายคนนั้นได้ด้วยการคว้าท่อนไม้ที่วางอยู่ใกล้ๆ แล้วฟาดชายคนนั้นขณะที่เขาวิ่งสวนเข้ามา คุณจะทำหรือไม่?

ถ้าท่านทำ ชายคนนั้นอาจจะได้รับบาทเจ็บถึงตาย และท่านก็ขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่ทำให้ชายคนนั้นบาทเจ็บถึงตาย

ถ้าท่านไม่ทำ ท่านก็ได้ชื่อว่าเป็นคนที่ไร้น้ำใจ เห็นผู้อื่นเดือนร้อนแล้วไม่ช่วยเหลือ แล้วก็จะมีคนวิจารณ์ท่านต่างๆนาๆ เจ้าทรัพย์ก็อาจจะขุ่นเคืองท่านที่ ท่านช่วยได้แต่ไม่ช่วย

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริงกับตัวกระผมครับ กระผมเลือกที่จะทำวิธีแรก ชายคนนั้นถูกกระผมตีเข้าที่หน้าแข้ง ขาหัก ไม่สามารถวิ่งต่อไปได้ หลังจากนั้นเขาก็ถูกชาวบ้านในตลาดรุมประชาทันต์ จนเกือบถึงแก่ชีวิต(ซี่โครงหัก) เจ้าทรัพย์ได้ทรัพย์คืน โจรก็ถูกดำเนินคดีข้อหาวิ่งราวทรัพย์ ตำรวจแจ้งข้อหากระผมทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยเจตนา

บาป บุญ เป็นเรื่องนึงครับ ศีลก็เป็นอีกเรื่องนึง การทำผิดศีลอาจจะไม่บาป(ขึ้นอยู่ที่เจตนา) แต่ย่อมมีโทษ(อย่างน้อยก็ทำให้จิตขุ่นมัวเพราะศีลไม่บริสุทธิ์) เหมือนกับที่กระผมมีเจตนาที่จะตีโจรเพื่อช่วยเจ้าทรัพย์ (กระผมทำบุญ) แต่สิ่งที่ได้รับคือคำขอบคุณจากเจ้าทรัพย์(ผลจากการทำบุญ)และตกเป็นผู้ต้องหาทำร้ายร่างกาย ก็ทำใจให้สบายๆไม่ได้หรอกครับมันก็ต้องมีขุ่นเคืองบ้างเป็นธรรมดา(ผลจากการละเมิดศีล)

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ธ.ค. 2008, 15:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณnatdanaiครับ



กฎหรือกฎหมายใดๆถ้ามันผิดหรือสังคมไม่ยอมรับ มันก็ยกเลิกได้ทั้งนั้นแหละครับ มโนธรรมในจิตมันจะบอกเองว่าถูกหรือไม่ถูก

ในอดีต คนป่าเถื่อนฆ่าคนบูชายัญ เขาก็บอกว่าถูกต้อง แต่เนื่องจากมันผิดกับมโนธรรมในใจของผู้คน การฆ่าคนบูชายัญจึงถูกยกเลิกไป


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ธ.ค. 2008, 19:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ เขียน:
กฎหรือกฎหมายใดๆถ้ามันผิดหรือสังคมไม่ยอมรับ มันก็ยกเลิกได้ทั้งนั้นแหละครับ มโนธรรมในจิตมันจะบอกเองว่าถูกหรือไม่ถูก

ในอดีต คนป่าเถื่อนฆ่าคนบูชายัญ เขาก็บอกว่าถูกต้อง แต่เนื่องจากมันผิดกับมโนธรรมในใจของผู้คน การฆ่าคนบูชายัญจึงถูกยกเลิกไป


ถูกครับ กฏหมายยกเลิกได้ถ้าสังคมไม่ยอมรับ แต่ผู้ที่จะมีอำนาจยกเลิกแก้ไขกฏหมายก็จะต้องเป็นผู้ที่สังคมยอมรับ(ผู้นำ....ไม่ใช่แกนนำ.. :b12: )นะครับ ต้องเป็นรัฐบาลก่อนจึงมีอำนาจ.... :b14:

ในทางของศีลผู้ที่จะละเมิดข้อศีลแล้วไม่บาปก็ต้องเป็นผู้นำของจิตครับ

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ธ.ค. 2008, 19:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
กฎหรือกฎหมายใดๆถ้ามันผิดหรือสังคมไม่ยอมรับ มันก็ยกเลิกได้ทั้งนั้นแหละครับ มโนธรรมในจิตมันจะบอกเองว่าถูกหรือไม่ถูก

ในอดีต คนป่าเถื่อนฆ่าคนบูชายัญ เขาก็บอกว่าถูกต้อง แต่เนื่องจากมันผิดกับมโนธรรมในใจของผู้คน การฆ่าคนบูชายัญจึงถูกยกเลิกไป


แต่กฎแห่งกรรมนั้นแก้ไขไม่ได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ธ.ค. 2008, 21:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.ค. 2008, 13:47
โพสต์: 288


 ข้อมูลส่วนตัว


ตกลง คุณพลศักดิ์ ได้รับค่าจ้างจากพระพุทธเจ้าเดือนละเท่าไหร่ครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ธ.ค. 2008, 23:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


guest เขียน:
ตกลง คุณพลศักดิ์ ได้รับค่าจ้างจากพระพุทธเจ้าเดือนละเท่าไหร่ครับ



แล้วคุณได้เงินเดือนละเท่าไรล่ะครับ ใครส่งเงินมาให้คุณทุกเดือน ก็มือที่มองไม่เห็นยังไงล่ะครับ

แล้วพระตามวัดต่างๆ ได้เงินเดือนละเท่าไร ใครส่งเงินมาให้พระเหล่านั้นทุกเดือน ก็มือที่มองไม่เห็นยังไงล่ะครับ

แล้วทุกคนในโลกนี้ ได้เงินเดือนละเท่าไร ใครส่งเงินมาให้คนทั้งโลกทุกเดือน ก็มือที่มองไม่เห็นยังไงล่ะครับ

มือที่มองไม่เห็นนั้นคือพระเจ้า เรียกให้ถูกต้องคือ
พระธรรมกายของพระพุทธเจ้า หรือ พระรัตนตรัย



พระธรรมกายของพระพุทธเจ้า หรือ พระรัตนตรัย ให้เงินตามแต่ฐานะที่เขาจะอยู่ได้ในสังคม และตามแต่บาปบุญที่เขาทำมา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ธ.ค. 2008, 21:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ธ.ค. 2008, 20:56
โพสต์: 2


 ข้อมูลส่วนตัว


พระพุทธองค์ทรงตรัสในพระไตรปิฏกดังนี้
ความหลงความไม่รู้หรืออวิชชาทำสัตว์ให้ลำบาก
เป็นธรรมดาของผู้ที่ยังติดในวัฏฏะจักหลงผิดเสมอตกอยู่ในความไม่รู้นี่แหล่ะ
เหล่าสัตว์ทั้งหลายคือเรารวมข้าเจ้าด้วยนั่นแลจึงเกิดมาอีกไง
เราไม่อาจพ้นทุกข์ได้โดยการแพ่งโทษผู้อื่น
เราจักพ้นทุกข์ได้โดยการพิจารณากายในกาย
จิตในจิตนั่นแหล่ะในสักวันหนึ่ง
เอาเหอะคุณพลศักดิ์ขอให้ท่านพบความจริง (อริยสัจจ์) ได้ในที่สุดเถิด
เพราะความหลงหรือความโง่ความเข้าใจผิดนั้นนำสัตว์ให้ลำบากมากที่สุด
หรือบาบมากที่สุดในบรรดากิเลสทั้งปวง จัดเป็นมิจฉาทิฐิ
นั่นอาจแย่กว่าพระเทวทัตที่ล่วงเกินพระพุทธองค์ให้ห้อเลือดและทำสังฆเภทอีก
เพราะพระเทวทัตได้สำนึกแล้วขณะนีได้รับความลำบากในอเวจีอย่างหาที่สุดมิได้
ทว่าอานิสงส์แห่งการประกาศถึงพระรัตนตรัยและถวายกระดูกคางก่อนถูกธรณีสูบนั้น
ยังผลให้พระเทวทัตจักได้เป็นพระปัจเจกพระพุทธเจ้าในอนาคตกาลเบื้องหน้า


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ธ.ค. 2008, 15:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 มี.ค. 2008, 13:53
โพสต์: 223


 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีครับทุกท่าน

หายไปนานครับ

เวปใหม่ แต่ทุกอย่างยังเหมือนเดิม :b12:

:b21: ช่วงนี้งดออกความเห็นครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ม.ค. 2009, 23:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


mes เขียน:
อ้างคำพูด:
กฎหรือกฎหมายใดๆถ้ามันผิดหรือสังคมไม่ยอมรับ มันก็ยกเลิกได้ทั้งนั้นแหละครับ มโนธรรมในจิตมันจะบอกเองว่าถูกหรือไม่ถูก

ในอดีต คนป่าเถื่อนฆ่าคนบูชายัญ เขาก็บอกว่าถูกต้อง แต่เนื่องจากมันผิดกับมโนธรรมในใจของผู้คน การฆ่าคนบูชายัญจึงถูกยกเลิกไป


แต่กฎแห่งกรรมนั้นแก้ไขไม่ได้




กฎแห่งกรรมที่แก้ไขไม่ได้ คือ พรหมลิขิต
กฎแห่งกรรมของพุทธศาสนา แก้ได้ครับ เพราะแบ่งออกเป็น

1. พรหมลิขิต อันนี้เป็นกรรมเก่าที่ให้ผมในปัจจุบัน และอนาคต

2. กรรมใหม่ ที่ให้ผลแก้กรรมเก่า และส่งผลให้ปัจจุบัน และอนาคตดีขึ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ม.ค. 2009, 23:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณ"payu" ครับ



น่าสงสารคุณจริงๆ โดนมารครอบงำ จนมีแต่มิจฉาทิฏฐิ พอฟังข้อความที่มีสัมมาทิฏฐิ ตัวเองหักห้างไปได้ ก็ไปใส่ร้ายป้ายสี กล่าวหา ติเตียน ดูถูกดูหมิ่น ผู้ที่มีสัมมาทิฏฐิ

แล้วนี่อวตารมาจากมารตัวไหนล่ะ สมัครเว็บนี้ครั้งที่เท่าไรแล้ว ชื่อเดิมคืออะไร


มาร....มาร....มาร


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 48 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร