วันเวลาปัจจุบัน 23 ก.ค. 2025, 21:25  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 14 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ม.ค. 2009, 20:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ม.ค. 2008, 20:41
โพสต์: 448

ที่อยู่: bangkok, Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว




2x.jpg
2x.jpg [ 104.27 KiB | เปิดดู 8209 ครั้ง ]
สาเหตุไฟไหม้ซานติก้าจริงๆ!!
--------------------------------------------------------------------------------

ถ้าใครอ่านจนจบ
จะรอดตายจากภัยทั้งปวง!!

เคยสังเหตุมั้ยว่า ทําไมเรือล่ม และทําไมไฟไหม้ของสถานที่ต่างๆ หากประมวลย้อนหลังจะพบว่า สถานที่ไฟไหม้ และเรือล่มส่วนมาก มักจะเป็นสถานบันเทิง และ เรือที่โดยสารนักท่องเที่ยวไปยังความบันเทิง เช่น เรือโดยสารไปเกาะพะงันเพื่อไปงานฟูลมูนปาร์ตี้ งานที่ขึ้นชื่อมั่วและมียาเสพติด

ตามศาสนาพุทธเชื่อว่า

สถานที่บางแห่ง งานเลี้ยงบางงาน มีแรงดึงดูดบรรดา 'คนบาป' ให้ไปรวมตัวกันมากๆ และถ้าเมื่อไหร่ที่คนบาปเข้าไปมากเกิน 80 % สถานที่แห่งนั้นก็พร้อมที่จะพรากชีวิตคนบาปไปในคราวเดียว เช่น ไฟไหม้ผับ ไฟไหม้บาร์ หรือ เรือโดยสารฟูลมูนปาร์ตี้ล่ม

ถามว่าทําไม ไฟไม่ไหม้ผับทุกผับล่ะ ในเมื่อมันดึงดูดคนบาปไป คําตอบคือ ไม่ใช่ว่าทุกวัน ทุกคืนจะมีคนบาปไปมากๆ หนึ่งในนั้นยังมีคนที่มีบริสุทธิ์ที่ไปเพราะความจําเป็น หรือ ไปครั้งแรก หรือ ไปเที่ยวบ้างแต่ยังคงทําบุญอยู่ตลอด แต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่สถานที่นั้นเต็มไปด้วยคนบาปอย่างแท้จริง เมื่อนั้นมันก็พร้อมที่จะสําเร็จกรรม!!

แล้วคุณจะรู้ได้อย่างไรว่า คืนที่คุณไปเที่ยว หรือ สถานที่คุณกําลังจะไปนั้นมีคนบาปหรือคนบริสุทธิ์ ตรงนี้ไม่มีใครตอบได้ นอกจากให้คุณหลีกเลี่ยงไปสถานที่แห่งบาป

วิธีสังเกตุง่ายๆ ว่ามันคือลางสังหรณ์ได้แก่

1. เมื่อไหร่็ตามที่คุณถูกเพื่อนชวนให้รู้ไว้เถอะว่านั่น 'คนบาป' ได้ชวนคุณไปสําเร็จกรรมร่วมกัน

2. เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณเป็นฝ่ายชวนเพื่อน...นั่นแปลว่าคุณกําลังก่อกรรมทําบาปหนัก!!!

3. เมื่อไหร่็ตามที่คุณรู้สึก 'อยาก' ไปเที่ยว อยากไปปาร์ตี้ อยากอัพยา อยากไปยังสถานที่ราตรี นั่นแปลว่า 'กรรม' และเจ้ากรรมนายเวร เรียกหาคุณให้ไป!!

สถานที่บางแห่งมีอำนาจดึงดูดคนบาปให้เข้าไปอยู่รวมกัน
เมื่อนั้นกรรมที่คนพวกนี้เคยทำมาจึงส่งผลให้ได้รับกรรมเช่นนี้
ใครเปิดร้านขายเหล้าจะหาความสุขสงบกายสงบใจไม่ได้
เป็นอาชีพอย่างหนึ่งที่เรียกว่ามิจฉาอาชีวะ
เป็นอาชีพที่ห่างไกลจากความสุขความเจริญ
เพราะว่าการเปิดร้านขายเหล้าเป็นการสร้างปัญหาให้สังคม
ซึ่งเจ้าของกิจการคิดแต่จะหารายได้จากความฉิบหายของคนอื่น

ในอริยมรรคมีองค์ 8 คือทางสายเอกสู่มรรคผลนิพพานนั้น
มีอยู่ข้อหนึ่งซี่งพระพุทธองค์ตรัสไว้ชัดเจน เรียกว่า 'สัมมาอาชีวะ'
สัมมาอาชีวะ..คือการประกอบอาชีพให้บริสุทธิ์ดีงาม *ไม่สร้างปัญหาให้แก่สังคม*
อาชีพที่ตรงกันข้ามกับสัมมาอาชีวะ เรียกว่า *มิจฉาอาชีวะ*
มิจฉาอาชีวะอาจจะแบ่งได้เป็นข้อต่างๆ ดังนี้คือ

1. ขายสุรา ขายเหล้าเบียร์ ขายยาเสพติด รวมทั้งบุหรี่ด้วย ฯลฯ
2. ขายอาวุธเพื่อสำหรับใช้ทำการประหัตประหารกัน เช่นขายปืนเป็นต้น
3. ขายยาพิษ ในที่นี้น่าจะรวมไปถึงยาฉีดฆ่ายุงด้วย
4. ขายสื่อลามก ยั่วยุทางกามารมณ์ต่างๆ
5. ขายมนุษย์ เช่น..แรงงานทาส..การค้าประเวณี..เปิดซ่อง..
6. ขายสัตว์เพื่อนำไปฆ่า..เช่นการทำฟาร์มกุ้ง..ฟาร์มไก่เนื้อ
หรือเลี้ยงปลาเพื่อขายเอาไปฆ่ากินเป็นต้น

*ผมจำได้มาเพียงเท่านี้..ถ้าผิดพลาดขออภัยด้วย*
และที่จัดเข้าได้ในกลุ่มมิจฉาอาชีพอีกอย่างหนึ่งก็คือพวกเล่นการพนัน
เช่นการเปิดโต๊ะบอล..การเป็นเจ้ามือหวย..เป็นต้น..

* อาชีพเหล่านี้สร้างปัญหาและความเดือดร้อนให้กับสังคม*
คือผู้ประกอบการคิดแต่สร้างความร่ำรวยบนความฉิบหายของคนอื่น
เช่นผับซานติก้านี้. .ใครจะเมา..ใครจะเป็นอะไรก็ช่างมัน..
ขอให้ฉันได้เงินเป็นพอ
นี่เป็นความคิดที่ผิดมากๆ..ในทางพุทธศาสนา..และศาสนาอิสลามด้วย



ขอให้คุณส่งอีเมล์ฉบับนี้ต่อไป
หากคุณไม่อยากเป็นคนบาป
รักใครให้ส่งหาคนนั้นเพื่อหยุดบาป!!
ขอกุศลจากการส่งเมล์นี้แผ่ไปถึงผู้เสียชีวิตทุกคนด้วยเทอญ สาธุ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ม.ค. 2009, 21:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


คาดเดาเทียบเคียงกันไปต่างๆ นาๆ
ถึงกับมีตัวเลข 80 % กันเลยทีเดียว

การจะรู้อย่างที่พูดมา เป็นสมรรถนะของพระผู้มีพระภาคเชียวนะครับ

.....................................................
อาทิ สีลํ ปติฏฺฐา จ กลฺยาณานญฺจ มาตุกํ
ปมุขํ สพฺพธมฺมานํ ตสฺมา สีลํ วิโสธเย
ศีลเป็นที่พึ่งเบื้องต้น เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย
เป็นประมุขของธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้นควรชำระศีลให้บริสุทธิ์
....................................

"หากเป็นคนฉลาดก็มีแต่จะทำให้คนอื่นรักตนเท่านั้น-วาทะคุณกุหลาบสีชา"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ม.ค. 2009, 22:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ธ.ค. 2008, 23:00
โพสต์: 48

ที่อยู่: บางแค

 ข้อมูลส่วนตัว


ใน email ก็มีคนส่งมา ฮุๆ

.....................................................
คำที่ข้าพเจ้าได้กล่าวอ้างมาทั้งหมดนี้ ส่วนมากเป็นของครูบาอาจารย์ ผู้เขียนหนังสือต่างๆ พ่อแม่ ญาติ ผู้มีคุณและเพื่อนๆของข้าพเจ้า สิ่งที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไปนั้น ถ้าผิดพลาดอย่างไรก็ขอความกรุณาชี้แนะด้วย และบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้แจกจ่ายธรรมทานนั้นขอให้ผลบุญนั้นส่งถึง บุคคลที่ได้กล่าวมา ขอให้ท่านทั้งหลายมีความสุข ข้าพเจ้าขอถวายเป็นพุทธบูชา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ม.ค. 2009, 23:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ก.ค. 2008, 23:37
โพสต์: 449

ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


คนเราเกิดมาตายทุกคน เขาแค่ไปก่อน เดี๋ยวเราก็ต้องตามไป การตายไม่ใช่เรื่องน่ากลัว เป็นแค่การเปลี่ยนภพเท่านั้น ทำบุญ ทำกุศล พัฒนาจิตใจให้เจริญ ก็จะเลื่อนภพไปสู่ที่สูงขึ้น ทำบาปอกุศล ก็มีทุคติเป็นที่หวังได้

.....................................................
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ม.ค. 2009, 09:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.ค. 2008, 14:47
โพสต์: 1562

อายุ: 0
ที่อยู่: หิมพานต์

 ข้อมูลส่วนตัว www


เห็นแล้วพึงสลดเพราะเหตุนี้ อย่างนี้ จึงเป็นเช่นนี้

อะนิจจา วะตะ สังขารา อุปปาทะวะยะธัมมิโน
อุปปัชฌิตวา นิรุชฌนติ เตสัง วูปะสะโม สุโขฯ


สังขารทั่งหลาย ไม่เที่ยงหนอ มีความเกิดขึ้นและเสื่อมไปเป็นธรรมดา
เกิดขึ้นแล้วย่อมดับไป การเข้าไประงับแห่งสังขารเหล่านั้นเป็นบรมสุข.


รูปภาพ

คราวหนึ่ง พระพุทธเจ้า ขณะที่อยู่กรุงสาวัตถี ได้แสดงถึงการเกิดของสัตว์โลกว่ามีมากมายปานใดแก่ภิกษุทั้งหลาย จึงทรงยกเอาน้ำตาของสัตว์โลกที่ต้องเสียไป เพราะความผิดหวัง หรือพลัดพราก โดยเปรียบเทียบกับน้ำในมหาสมุทรทั้ง ๔ ว่า

สังสารวัฏ ของสัตว์โลกนี้กำหนดเบื้องต้นและเบื้องปลายไม่ได้ ด้วยเหตุที่สรรพสัตว์ต้องเกิดและตาย ชาติแล้วชาติเล่าจนนับไม่ถ้วน พวกเธอเข้าใจอย่างไร น้ำตาของสัตว์โลกที่หลั่งไหล เพราะเหตุแห่งความคร่ำครวญร้องไห้อยู่ ในแต่ละชาติที่เกิดมานั้นกับน้ำในมหาสมุทรทั้ง ๔ อย่างไหนจะมากกว่ากันหนอ

พวกข้าพระองค์ ได้เคยศึกษาตามที่พระองค์เคยทรงแสดงแล้วว่า น้ำตาของสัตว์โลกที่ต้องเสียไป เพราะประสบกับสิ่งที่ไม่เป็นที่รักในแต่ละชาติ แต่ละภพที่ต้องเกิดมานั้น มีมากกว่าน้ำในมหาสมุทรทั้ง ๔

ถูกละ พวกเธอเข้าใจถูกต้อง ความที่สัตว์ทั้งหลายต้องร้องไห้เสียน้ำตาเพราะแม่ตาย
ในแต่ละชาติรวมกันแล้ว ก็มากกว่าน้ำในมหาสมุทรทั้ง ๔ แล้ว

มิใช่แต่แม่ตายเท่านั้น ที่เราจะกล่าวถึงน้ำตาที่สัตว์โลกต้องเสียไป เพราะพ่อตาย ปู่ย่าตายายตาย ลุงป้าน้าอาตาย พี่ชายตาย พี่สาวตาย น้องชายตาย น้องสาวตาย ลูกชายตาย ลูกสาวตาย หลานชายตาย หลานสาวตาย ฯลฯ รวมทั้งผัวตาย เมียตาย เมื่อรวมน้ำตาที่พวกเธอต้องเสียไปแต่ละครั้งในแต่ละชาติ ซึ่งนับจำนวนชาติไม่ได้ จะมากกว่าน้ำในมหาสมุทรทั้ง ๔ เป็นไหน ๆ


นอกจากนี้ ความทุกข์โศกที่สัตว์โลกต้องได้รับและเสียน้ำตา เพราะเหตุแห่งความเสื่อมลาภ โรคภัยเบียดเบียน ผิดหวังจากการค้าขาย ผิดหวังจากการทำไร่ทำนา ผิดหวังจากการทำงานราชการ และความผิดหวังเกิดจากการประกอบอาชีพสารพัดอย่าง เมื่อรวมกันแล้ว ก็มากกว่าน้ำในมหาสมุทรทั้ง ๔ อย่างเทียบกันไม่ได้เลย

ด้วยเหตุนี้ ควรที่สัตว์โลกจะเบื่อหน่ายในสังขารที่ต้องเกิด ๆ ตาย ๆ จนนับชาติไม่ถ้วน ด้วยการบำเพ็ญตนให้พ้นจากทุกข์โศกที่ต้องได้รับ ดังนั้น เธอทั้งหลาย จึงควรเบื่อหน่าย คลายกำหนัด เพื่อหลุดพ้นจากสังขารทั้งปวง

:b8: :b8:

.....................................................
อิมาหัง ภะคะวา อัตตะภาวัง ตุมหากัง ปะริจจะชามิฯ
ข้าแต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระพุทธเจ้าขอมอบกายถวายชีวิต แด่พระพุทธเจ้า แด่พระธรรม แด่พระสงฆ์ นับแต่บัดนี้ตราบจนเข้าสู่พระนิพพาน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ม.ค. 2009, 12:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


มั่วนิ่มจริงๆ ที่สำคัญ คุณไปอ้าง ตามศาสนาพุทธเชื่อว่า
คุณไปอ้างอย่างนี้ได้ยังไง แล้วคุณไปซ้ำเติมคนตายอีก พ่อมแม่ญาติพี่น้องเขามาเห็นเข้า คงเสียใจแย่



ตามศาสนาพุทธเชื่อว่า

สถานที่บางแห่ง งานเลี้ยงบางงาน มีแรงดึงดูดบรรดา 'คนบาป' ให้ไปรวมตัวกันมากๆ และถ้าเมื่อไหร่ที่คนบาปเข้าไปมากเกิน 80 % สถานที่แห่งนั้นก็พร้อมที่จะพรากชีวิตคนบาปไปในคราวเดียว เช่น ไฟไหม้ผับ ไฟไหม้บาร์ หรือ เรือโดยสารฟูลมูนปาร์ตี้ล่ม



คนเขาถูกไฟคลอกตาย เพราะเขาทำกรรมไว้ในอดีตชาติ แล้วให้ผลในชาตินี้ต่างหาก ไม่ใช่ทำกรรมในชาตินี้แล้วให้ผลในชาตินี้เลย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ม.ค. 2009, 17:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


เห็นด้วยกับคุณพลศักดิ์ วังวิวัฒน์

ผมขอเสนออย่างนี้ว่า

เมื่อศึกษาธรรมะแล้วต้องสงบสำรวมเป็น

เมื่อพบพานโศกนาฏกรรมต้องไม่วิพากวิจารณ์ในเดี๋ยวนั้น

เหมือนเป็นการเย้ยหยันในเคราะห์ร้ายของเพื่อนมนุษย์

ว่าเป็นเพระความบาป วิบากต่างๆจึงเกิดเช่นการณ์เช่นนั้น

แล้วก็วิพากวิเคราะห์ด้วยความรู้ลึกหนึ่ง

และความรู้ลึกนั้นเป็นไปได้มากว่าเป็นคนละความรู้ลึกของญาติพี่น้อง

ภัยพิบัติจะเกิดกับใครที่ใหนเมื่องไหร่ก็ได้

เมื่อไม่เกิดกับเราก็ไม่จำเป็นต้องวิพากวิจารณ์

การวิพากวิจารณ์ในกรณีเช่นนี้อาจทำให้เราเกิดอกุศลจิตโดยไม่รู้ตัว

ตกนรกได้ครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ม.ค. 2009, 17:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2007, 19:15
โพสต์: 96


 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ไฟไหม้ซานติก้าอ่า
รุ่นพี่หนูที่โรงเรียนคนนึงก็ไปนะคะ
แต่เขาออกมาก่อนที่ไฟจะไหม้ เพราะเพื่อนเขาบอกว่า
ที่นี่คนเยอะ ไม่สนุก
ก็เลยไปผับอื่นแทน
^^

แต่หนูเห็นด้วยกับคุณ พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ นะคะ

อาจารย์หนูเคยบอกว่า อาชีพ
ประเภทขายหมู แน่นอนละค่ะ ว่าต้องเป็นบาป
แต่เค้าทำ เพื่อความอยู่รอด
แต่เค้าเองก็รู้อยู่ว่าบาป เค้าทำไปเพื่อลูก และครอบครัวของเขา

และอีกอย่างหนึ่ง เป็นอาชีพที่สุจริตค่ะ

ที่ไฟไหม้ซานติก้า อาจจะเป็นอุบัติเหตุก็ได้นะคะ

.....................................................
ความรื่นนมย์ที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต ไม่จำเป็นต้องได้อะไรที่ยิ่งใหญ่มาครอบครอง แต่ควรเป็นชีวิตที่เกิดจากความเข้าใจ อันเป็นภาวะของความรู้สึกตัว ความตื่นจากปัญหาที่เกิดขึ้น อย่างรู้เท่าทันตามความเป็นจริงด้วยปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ม.ค. 2009, 00:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ม.ค. 2009, 02:20
โพสต์: 1387

ที่อยู่: สัพพะโลก

 ข้อมูลส่วนตัว


อดีตชาติ พวกเขาคงเคยไปเผาคนตายทั้งเป็น
ชาตินี้เหตุปัจจัยสุกงอม ก็เลยต้องมาตายแบบนี้
ขอให้ไปสู่สุคติทุกคน :b8:

.....................................................
ผู้มีจิตเมตตาจะไม่มีศัตรู ผู้มีสติปัญญาจะไม่เกิดทุกข์.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ม.ค. 2009, 07:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2004, 08:57
โพสต์: 154


 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

1.คนบางคน เพียงได้ข่าวคนเจ็บ คนตาย ก็เกิดความสลดใจ ตั้งหน้าตั้งตาทำความเพียรเพื่อแทงตลอดสัจจะ

2. คนบางคน ถึงจะได้ข่าว ก็ไม่เกิดความสลดใจ ต่อเมื่อได้เห็นคนเจ็บ คนตาย ด้วยตาตนเองเข้า จึงจะสลดใจ ลงมือทำความเพียรเพื่อแทงตลอดสัจจะ

3. คนบางคน ต้องเห็นเพื่อนฝูง คนรู้จักใกล้ชิด หรือญาติสายโลหิตได้รับบาดเจ็บหรือตาย จึงสลดใจ ลงมือทำความเพียรเพื่อแทงตลอดสัจจะ

4. คนบางคน ต้องรอให้ตนเองประสบความเจ็บปวด หรือ ปางตายก่อนแล้วจึงจะสลดใจคิดขึ้นได้ ตั้งหน้าตั้งตาทำความเพียรเพื่อแทงตลอดสัจจะ

๚ ๛ ๛ ๛


ท่านคิดว่าตัวท่านเป็นคนแบบไหน เลือกดูเองนะครับ ♥


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ม.ค. 2009, 12:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 มิ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1854

แนวปฏิบัติ: อานาปานสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: THAILAND

 ข้อมูลส่วนตัว


" กรรมเป็นตัวกำหนดกรรม "

:b8: ข้าพเจ้า ขอแผ่เมตตาและอุทิศส่วนกุศลให้กับทุกท่านที่ประสพเคราะห์กรรมในครั้งนี้ ด้วย :b8:

.....................................................
[สวดมนต์วันละนิด-นั่งสมาธิวันละหน่อย]
[ปล่อยจิตให้ว่าง-ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ]


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ม.ค. 2013, 11:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ม.ค. 2008, 20:41
โพสต์: 448

ที่อยู่: bangkok, Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


เหตุการณ์เศร้าสลดใจ ที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ ครั้ง แหล่งบันเทิงโลกีย์ ที่แวดล้อมด้วยอบายมุข
ได้ผลาญคร่าชีวิต นักเที่ยว ร่วม 300 คน พิกล พิการอวัยวะที่ต้องสูญเสีย ทั้งใบหน้า ร่างกาย
แขน ขา ถึง ทุกขพลภาพ อีกหลาย ๆ ร้อย ๆ คน

นี่เป็นเครื่องเตือนใจ ชาวพุทธ อย่าได้ประมาท พึงหลีกเลี่ยงแหล่ง โลกีย์ บันเทิง แหล่ง รวมคนบาป

http://bit.ly/VhyKbO

http://www.posttoday.com/เรียนภาษา/เรียนภาษาจากข่าว/201362/fire-at-packed-nightclub-kills-233-in-brazil-police


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ม.ค. 2013, 21:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มิ.ย. 2010, 22:55
โพสต์: 213

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คนเราทั่วไปจิตก็คิดกุศลและอกุศลปะปนกันไป ถ้าจะไม่ให้มีจิตอกุศลก็คือผู้สำเร็จธรรมขั้นสูงๆ แล้ว คนที่ตายในผับไม่ใช่ตายเพราะความเป็นคนปาบ แต่ตายด้วยผลของอกุศลกรรมที่เคยได้ร่วมก่อกันมา ซึ่งคนทั่วไปไม่สามารถรู้ได้เลยว่ามาจากอดีตชาติหรือปัจจุบันชาติ หากแบ่งขาวแบ่งดำไม่ดูความจริงไม่ดูเหตุ สิ่งนั้นก็ไม่ได้เรียกว่าธรรม

ลองคิดถึงกลุ่มคนที่เขาถูกสังหารหมู่ดูสิ คิดว่าพวกเขาจะเป็นคนปาบไปหมดหรือไม่ กลุ่มคนดีๆ ที่ถูกสังหารหมู่มีหรือไม่ ถ้าอย่างนั้นแล้วความเป็นคนบาปพรากชีวิตพวกเขาหรือ

กรรมวิสัยคนทั่วไปทำนายไม่ได้ อย่างมากก็รู้แต่เพียงว่าคนที่เสียชีวิตเจอวิบากกรรมมาตัดรอน ไม่สามารถทำนายถึงเหตุของกรรมได้เลย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ม.ค. 2013, 22:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ความจริงแล้ว....ไม่มีกรรมประเภทไหนที่เรา ๆ ไม่เคยทำ

แม้พระอริยะเจ้า....ก็สามารถตายได้แบบนี้เช่นกัน

ดังเช่น...พระมเหสีของพระเจ้าปเสนธิโกศลและบริวาร500..ทั้งหมดเป็นพระโสดาบัน...ยังตายเพราะถูกไฟคลอกเพราะมีคนมาจุดไฟเผา..เลย

พระอริยะเจ้า...เป็นคนบาปหรอ?

ตราบใดเรายังมีรูปนามอยู่....กรรมเก่าสามารถให้ผลได้เสมอ...ไม่ว่าปัจจุบันเราจะดีขนาดไหน..แม้เป็นพระอริยะเจ้า...รูปนามนี้ยังต้องรับกรรมอยู่หากยามเมื่อมันมาถีง

แล้วในกรณีอย่างนี้....เราควรคิดอย่างไร?

เราไม่ควรประมาท....ความตายสามารถมาถึงเราได้ทุกที่ทุกเวลา...อย่าประมาทว่าเราเป็นคนดี..เราเป็นคนมีบุญมาก....ความตายที่อะเน็จอนาถจะไม่เกิดแก่เรานั้น...เป็นความประมาทโดยแท้....เรา ๆ ก็ตายแบบนี้ได้....ควรเร่งรีบให้เข้าถึงความไม่ตายโดยเร็วเถิด

การไปสรุปว่า....คนตายแบบนี้เป็นคนบาป....จึงไม่ใช่การมองอย่างพุทธ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 14 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร